WS บทที่ 167 ทลายปราการ
“เจ้าถามถึง ‘โรงเชือด’ อย่างงั้นเหรอ?” พ่อมดฮิลล์พึมพำเบาๆ ณ จุดนี้ ไม่เพียงแต่เมอร์ลินเท่านั้นที่เพ่งสายตาไปที่ชายชราแต่รวมถึงขุนนางคนอื่นๆ และเคานต์เซลินด้วย
ตอนนี้พวกเขาเพิ่งรู้ว่าพ่อมดฮิลล์มีประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับ ‘โรงเชือด’ ที่ว่ากันว่าเป็นสงสครามที่โหดร้ายที่สุดเท่าที่พวกเขาเคยได้ยินมา
ชายชรามองดูกลุ่มทหารที่อยู่ด้านล่างเมือง และเขาพูดช้าๆ ว่า
“‘โรงเชือด’ นั้นเป็นสงครามอันป่าเถื่อน แม้แต่นักเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่ที่สามารถทำลายป้อมปราการทหารเพียงลำพังก็เสียชีวิตไปนับไม่ถ้วน นี่คือสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในช่วงหลังของ 'โรงเชือด' ในตอนนั้นแทบจะไม่มีทหารเหลืออยู่เลย เหลือเพียงนักเวทย์ที่น่าเกรงขามเท่านั้น”
ในช่วงหลังของสงครามที่ชายชราพูดถึง บุคคลนั้นจะต้องมีพลังมหาศาลที่สามารถฆ่าสามีญชนได้หลายพันตัวด้วยคาถาเพียงบทเดียว ในการต่อสู้ที่ดุเดือดเช่นนั้นใครจะรู้ว่ามีคนถูกฆ่าไปกี่คน?
"แล้วช่วงต้นของสงครามล่ะ? เหล่านักเวทย์ระดับเริ่มต้นทำอะไรบ้าง?" เมอร์ลินถามต่อ
"ในช่วงแรก ๆ ก่อนที่จอมเวทย์อันทรงพลังเหล่านี้จะเข้ามาแทรกแซง นักเวทย์ระดับเริ่มต้นบางคนตามทหารและเล็ดลอดเข้ามาท่ามกลางกองทหารขนาดใหญ่เพื่อรอโอกาสที่จะสังหารผู้บัญชาการกองทหารของศัตรู อย่างไรก็ตาม แม้ว่าพวกเขาจะสามารถจัดการกับทหารได้หลายแสนนาย คาถาของนักเวทย์ระดับเริ่มต้นไม่ค่อยทรงพลังนัก ดังนั้นเมื่อพวกเขาพบกับห่าฝนของลูกธนูที่ยิงโดยทหารกว่าหมื่นนาย เหล่านักเวทย์เริ่มต้นจำนวนมากก็เสียชีวิต”
ชายชราชุดดำส่ายหัวเล็กน้อยด้วยใบหน้าแสดงความเสียใจ ในฐานะที่เป็นนักเวทย์ พ่อมดฮิลล์ก็เหมือนกับนักเวทย์ส่วนใหญ่ที่คิดว่าตัวเองโดดเด่นและสูงส่งกว่าคนทั่วไป
สำหรับชายชรา การที่นักเวทย์ตายด้วยน้ำมือของคนธรรมดาเป็นสิ่งเลวร้ายที่สุดของนักเวทย์!
อย่างไรก็ตามนี่คือความจริงที่พวกนักเวทย์ต้องตระหนักไว้ หากนักเวทย์ระดับเริ่มต้นไม่รู้จักคาถาป้องกันใด ๆ เมื่อเผชิญหน้ากับคนธรรมดาที่มีอาวุธหนัก พวกเขาเหล่านั้นจะถูกฆ่าได้ง่าย
แต่ในทางกลับกัน พวกเขาจะแข็งแกร่งขึ้นมากเมื่อพวกเขาได้รับคาถาป้องกันแต่ก็ยังคงเป็นอันตรายสำหรับพวกเขาที่จะเผชิญหน้ากองทหารที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีหลายพันนายเพียงลำพัง แม้แต่นักเวทย์รับสามบางคนก็ยังพลาดท่าได้
“เคานต์เซลิน เปิดประตูเมือง ฉันจะไปคนเดียว” เมอร์ลินก็พูดขึ้นทันทีเมื่อเขามองดูกองทหารที่หนาแน่นด้านล่าง
“ห๊ะ? บารอนเมอร์ลิน ท่านบอกว่าท่านจะออกไปคนเดียวเหรอ ข้างล่านั่นมีทหารหลายหมื่นคนอยู่!”
สีหน้าของเคานต์เซลิน เปลี่ยนไปเล็กน้อย แม้ว่าเขาต้องการแก้ไขสถานการณ์วิกฤติในปัจจุบันแต่การปล่อยให้เมอร์ลินออกไปคนเดียวนั้นก็ไม่ต่างจากส่งเขาไปตาย การกระทำที่ไร้ความหมายเช่นนี้ไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นเลย
“ท่านเคานต์พูด พ่อมดเมอร์ลินพิจารณาเรื่องนี้ให้ดี แม้ว่าพวกเราจะเป็นนักเวทย์ที่ทรงพลังแต่ก็ยังพ่ายแพ้ต่อจำนวนที่มหาศาลของพวกเขา!”
ชายชราแนะนำเมอร์ลินเช่นกัน สิ่งที่เมรอ์ลินคิดจะทำไม่ใช่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ในช่วงสงคราม 'โรงเชือด' นักเวทย์ระดับสามอันทรงพลังก็ถูกกองทัพมหึมาโจมตีจนตาย
ทางด้านเมอร์ลิน เขาดูไม่ใส่ใจและพูดอย่างใจเย็นว่า "ฉันเคยบอกว่าจะสู้กับทหารหลายหมื่นนายเหรอ? ฉันจะคาถาลมพายุซึ่งทำให้ฉันเคลื่อนที่ได้เร็ว ตราบใดที่ฉันยังทนการถูกยิงจากลูกธนูพวกนั้นได้ ฉันก็จะมีโอกาสไปถึงตำแหน่งของลองการ์ดีและฆ่าเขาในครั้งเดียว!
เมื่อได้ยินคำพูดของเมอร์ลิน หัวใจของเคานต์เซลินก็เต้นแรง แม้ว่าแผนการของเมอร์ลินจะบ้าบออย่างสิ้นเชิงและยากที่จะสำเร็จ ถ้าเขาทำสำเร็จจริงๆ และลองการ์ดีตาย กองทหารของเลบิสก็จะแตกรังและสลายไปเอง
ไม่ว่าความหวังนี้จะเล็กน้อยถึงเพียงใด สุดท้ายก็ยังเป็นความหวัง หากเทียบกับการเป็นฝ่ายตั้งรับและปกป้องประตูเมืองแล้ว วิธีนี้อาจเป้นวิธีที่ดีกว่าด้วยซ้ำ
“ถึงมันจะเป็นไปได้แต่…”
พ่อมดฮิลล์กำลังจะพูดอะไรบางอย่างแต่เมอร์ลินโบกมือขัด เมอร์ลินตัดสินใจอย่างแน่วแน่และไม่มีวันเปลี่ยน เขาพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า
“เคาท์เซลิน เปิดประตู ไม่ต้องกังวล ฉันจะระวังตัวให้ดี ถ้าฉันไม่มีโอกาสในการสังหารลองการ์ดี ฉันจะกลับมาแล้วจะคิดแผนอื่น”
เคานต์เซลินพยักหน้าขณะที่มองเมอร์ลินด้วยท่าทางที่ซับซ้อน ก่อนจะพูดเบาๆ ว่า “ถ้าบารอนเมอร์ลิน ถ้าท่านทำสำเร็จในครั้งนี้ ข้าจะตัดสินใจเลื่อนตำแหน่งบารอนของท่านเป็นไวเคานต์ นอกจากนี้ ท่านพ่อของบารอนจะดำรงตำแหน่งเป็นบารอนด้วย!”
แม้ว่าตำแหน่งในเมืองปรากาชจะมอบให้โดยเคานต์เซลินเพียงเท่านั้นแต่ไวเคานต์ก็ยังพบเห็นได้ไม่บ่อยนัก ยิ่งไปกว่านั้น นอกจากเมอร์ลินจะได้เลือนบรรดาศักดิ์ขุนนาง เลห์แมนก็ยังได้รับตำแหน่งบารอนด้วยเช่นกันซึ่งหมายความว่าจะมีขุนนางสองคนในตระกูลเดียวกันซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่หายากมาก
เห็นได้ชัดว่าเคานต์เซลินให้ความสำคัญกับเมอร์ลินมาก!
เมอร์ลินยิ้มแต่ไม่พูดอะไร แม้ว่าเขาจะไม่ได้สนใจตำแหน่งมากนักแต่ถ้าสิ่งนี้จะช่วยให้สถานะของตระกูลวิลสันเพิ่มขึ้นมา แล้วยังมีตำแหน่งยารอนเพิ่มขึ้นอีก มันก็ยิ่งทำให้ตระกูลได้รับเกียรติที่เพิ่มสูงขึ้น
และอีกอย่างตำแหน่งเหล่านี้สามารถส่งต่อให้ลูกหลานได้ หากพวกเขามีสองตำแหน่ง สถานะของตระกูลวิลสันในเมืองปรากาซจะถูกทำลายไม่ได้อย่างแท้จริง!
“เปิดประตูเมือง!”
ภายใต้คำสั่งของเคานต์เซลิน ประตูเมืองขนาดมหึมาก็ค่อยๆ เปิดออกและในชั่วพริบตา เมอร์ลินก็พุ่งออกจากเมืองปรากาช
...
เคานต์ลองการ์ดีรู้สึกพอใจในตอนนี้ การโจมตีของพวกเขาเพิ่งเอาชนะกองกำลังของเมืองปรากาซได้และทำให้ขวัญกำลังใจพุ่งสูงขึ้น ตอนนี้ทางฝั่งเขากำลังได้เปรียบมาก
“ท่านเคานต์ พวกเขาเปิดประตูเมืองอีกรอบ”
จู่ๆ อัศวินผู้มีดวงตาแหลมคมคนหนึ่งก็พูดขึ้น เขาสังเกตเห็นประตูเมืองของปรากาซเปิดออกอย่างช้าๆ
เคานต์ลองการ์ดีตกใจ ต่อให้ดูเหมือนว่าเขาจะได้เปรียบแต่เขาต้องไม่ละสายตาจากการต่อสู้ ตราบใดที่การต่อสู้ยังไม่จบ
เมื่อเห็นว่าประตูถูกเปิดอีกครั้ง ลองการ์ดีเต็มไปด้วยความสงสัย เขาพึมพำเบา ๆ ว่า
"ประตูเมืองถูกเปิดอีกครั้ง พวกเขากำลังคิดที่จะโจมตีอีกครั้งงั้นหรือ?"
ในชั่วขณะ ทุกคนในสนามรบเห็นชัดเจนว่ามีเพียงร่างเดียวที่เดินออกจากประตูเมือง
“แค่คนเดียว?” เคานต์ลองการ์ดีหรี่ตาลงเล็กน้อยราวกับว่าเขาไม่เชื่อสายตา
“หืม? มีความผันผวนของธาตุรอบตัวคนนี้ เขาน่าจะเป้นนักเวทย์ บางทีเขาอาจจะเป็นเมอร์ลิน?”
พ่อมดเฮฏฮาร์ซึ่งยืนอยู่ข้างเคานต์ลองการ์ดี เขาได้นึกถึงเมอร์ลินทันที เขาคิดว่าเมอร์ลินบ้าบิ่นมา ขนาดตัวเขาเป็นนักเวทย์ระดับหนึ่งยังไม่คิดจะเผชิญหน้ากับกองทหารที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีนับหมื่นคนด้วยตัวคนเดียวเลย
“ฮ่าฮ่า เขาคิดว่าการจัดการกับกองทัพขนาดใหญ่ของข้าเพียงลำพังหรือ ช่างโง่จริงๆ แม้ว่าเขาจะเป็นเมอร์ลินจริงๆ และได้เข้าสู่ดินแดนมนต์ดำแล้วก็ตาม คิดเหรอว่าพลังแค่นี้จะทำอะไรกับกองทัพของข้าได้”
“บางทีเขาอาจจะไม่ได้เผชิญหน้ากับกองทัพและเป้าหมายของเขาน่าจะเป้นท่านเคานต์มากกว่า!”
พ่อมดเฮกฮาร์สังเกตเห็นถึงพลังธาตุลมที่แข็งแกร่งซึ่งปรากฏอยู่รอบ ๆ ตัวเมอร์ลินและคาดเดาสิ่งที่เมอร์ลินตั้งใจทำได้ในทันที
"หืม? จัดการข้า? ฮึ่ม! เรื่องนั้นมันถึงจะไม่ง่ายขนาดนั้นเพราะฝั่งข้าก็มีพ่อมดเฮกฮาร์ด้วยเช่นกัน
จริงสิ เมอร์ลินมาถึงที่เช่นนี้ท่านก็คงไม่ต้องเสียเวลาตามหาเขาในเมืองด้วยใช่มั้ย"
เคานต์ลองกร์ดีมั่นใจในความสามารถของพ่อมดเฮกฮาร์มาก ดังนั้นเขาจึงไม่กังวลแม้ว่าจะตกเป็นเป้าหมายของเมอร์ลิน แล้วอีกอย่างเขาก็อยากจะรู้ว่า เมอร์ลินจะฝ่ากองทหารนับหมื่นของเขาได้อย่างไร?
…
*หวู่ม*
ทันทีที่ที่เมอร์ลินเดินออกจากประตูเมือง ความผันผวนของธาตุลมก็เกิดขึ้นรอบๆ ตัวเขาทันที นอกจากนี้ เขาสังเกตเห็นว่ากระแสพลังจิตกำลังสแกนหาเขาอยู่ตลอดเวลา นั่นจะต้องเป้นนักเวทย์ที่อยู่กับลองการ์ดี
"ลมพายุ!"
เมอร์ลินร่ายคาถาลมพายุออกมาทันที ความเร็วของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและพุ่งไปตำแหน่งของลองการ์ดี
"โจมตี!"
เมื่อเห็นเมอร์ลินพุ่งมาอย่างบ้าคลั่ง กองทหารหลายหมื่นนายก็ลงมือเช่นกัน หลังจากแม่ทัพได้สั่งการ เหล่าพธนูได้ง้างธนูจะยิงขึ้นฟ้าไปในทิศที่เมอร์ลินอยู่
ลูกศรจำนวนนับไม่ถ้วนของพวกเขาพุ่งเข้าหาเมอร์ลิน
สีหน้าของเมอร์ลินเปลี่ยนไปเล็กน้อย แม้พวกเขาจะเป็นเพียงคนธรรมดาแต่ด้วยจำนวนและอาวุธที่มีมันสามารถฆ่าเมอร์ลินได้ง่ายดาย
“โลกปฐพี!”
เมอร์ลินร่ายคาถาโล่ปฐพีออกมาหลายครั้งติดต่อกัน ทำให้มีกำแพงดินหนาหลายชั้นปรากฏขึ้นซึ่งบางอันก็เป็นแบบที่เสริมพลังเมื่อเผชิญหน้ากับทหารนับหมื่น เมอร์ลินร่ายมันออกมาโดยไม่เสียดายพลังเวทย์
*ฉึก ฉึก*
จากนั้นลูกศรลูกจำนวนก็ตกลงมาใส่โล่ปฐพี กำแพงดินค่อย ๆ พังทลายไปทีละอัน อันที่เสริมพลังก็ทนได้ไม่นานนัก
เมอร์ลินตัดสินร่ายคาถาธาตุลมและใช้ลมพายุแบบเสริมพลัง ทำให้เขาพุ่งออกไปความเร็วที่น่าสะพรึงกลัว
ด้วยความเร็วเช่นนี้ ทำให้เขาสามารถหลบศรธนูได้อย่างง่ายดาย
ด้วยความรุนแรงและต่อเนื่องของลูกธนูคาถาโล่ปฐพีไม่สามารถต้านทานได้มีเพียงคาถารูปปั้นผู้พิทักษ์เท่านั้นก็จะรับไหว
อย่างไรก็ตาม เมอร์ลินไม่ต้องการเปิดเผยความสามารถของเขาตอนนี้ เขาต้องใจไว้ใช้กับพวกนักเวทย์ที่ลองการ์จ้างมา
"เขาเร็วมาก!"
หลังจากที่เมอร์ลินลมพายุแบบเสริมพลัง ทำให้เขาเร็วขึ้นเกือบสองเท่า แม้แต่พวกทหารก็ตกตะลึง หากเป็นความเร็วก่อนหน้าของเมอร์ลิน พวกเขายังสามารถเล็งยิงได้
อย่างไรก็ตาม ด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้น พวกเขาไม่สามารถเล็งได้เลย นอกจากนี้ เส้นทางที่เมอร์ลินพุ่งไปไม่ใช่เส้นตรงแต่เป็นเส้นทางซิกแซกที่ไม่สามารถคาดเดาได้
พวกเขาทำได้เพียงเฝ้าดูอย่างช่วยไม่ได้ในขณะที่เมอร์ลินทะลวงแนวป้องกันของทหารหลายหมื่นนายและค่อยๆ เข้าใกล้เคานต์ลองการ์ดี
"เขาทำมันได้!"
บนกำแพงเมืองปรากาช เคานต์เซลินอดไม่ได้ที่จะร้องออกมาด้วยความตื่นเต้นในขณะที่เขาเฝ้าดูเมอร์ลินทนต่อการโจมตีระลอกแรกจากกองทหารและจากนั้นก็เพิ่มความเร็วของเขาอย่างมากเพื่อฝ่าแนวป้องกันของทหารหลายหมื่นนาย
“การฝ่าแนวป้องเป็นเพียงก้าวแรกเท่านั้น! ท้ายที่สุด พ่อมดเมอร์ลินมีความเร็วที่เหลือเชื่อดังนั้นการฝ่าแนงป้องกันจึงค่อนข้างง่าย อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ เขาจะต้องเผชิญกับนักวเทย์จำนวนมากที่ลองการ์ดีคัดเลือกมาและนั่นเป็นก้าวที่สำคัญ!”
ขณะที่ชายชราชุดดำพูดด้วยเสียงต่ำ สายตาของเขาไม่เคยละทิ้งร่างของเมอร์ลิน การฝ่าอุปสรรคเป็นเพียงก้าวแรก สิ่งสำคัญที่สุดก็คือการเอาชนะนักเวทย์ที่อยู่รอบตัวลองการ์ดี
ชายชราไม่ได้กังวลเรื่องของนักเวทย์คนอื่น ๆ เขากังวลเพียงนักเวทยระดับหนึ่งที่ลองการ์ดีได้คัดเลือกมา เขารู้เพียงว่าเมอร์ลินเป็นเพียงนักเวทย์ระดับเริ่มต้นเท่านั้น แม้ว่าเมอร์ลินจะเข้าสู่ดินแดนมนต์ดำ มันก็เป็นเวลาเพียงปีเดียว เขาไม่รู้ว่าเมอร์ลินจะต่อสู้กับนักเวทย์ระดับหนึ่งได้หรือไม่
“ไม่ว่าจะสำเร็จหรือไม่ เจ้าต้องกลับมาอย่างปลอดภัย!”
บนเชิงเขาที่อยู่ในมุมอับสายตา ที่ตรงนั้นมีเลห์แมนยืนอย่างเงียบ ๆ เขาจ้องมองร่างของเมอร์ลินที่พุ่งไปข้างหน้าอย่างบ้าคลั่ง ใบหน้าของเขาแสดงความกังวลออกมา