บทที่ 344 ขอโทษ(ตอนฟรี)
บทที่ 344 ขอโทษ
“เฮ้! น้องสาม ฉันว่านายกำลังจะเจอปัญหาแล้วล่ะ!” จี้ช่าวเหลยพูดด้วยรอยยิ้มเมื่อเห็นสีหน้าของเสี่ยวอิง “อ๊ะ! ฉันเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามีธุระด่วน ขอตัวก่อนนะ!”
“พี่...” จี้เฟิงยื่นมือออกไปเพื่อจะคว้าตัวจี้ช่าวเหลยไว้ให้อยู่เป็นเพื่อน แต่ใครจะรู้ว่าเมื่อจี้เฟิงหันกลับมาจี้ช่าวเหลยก็วิ่งไปไกลแล้ว
จี้เฟิงทำได้แค่เพียงส่ายหัวและยิ้มอย่างขมขื่น การรู้จักรักษาตัวรอดเป็นยอดดีของจี้ช่าวเหลยก็ดีอยู่หรอก แต่มันทำให้จี้เฟิงรู้สึกจนใจจริงๆ
เมื่อเห็นว่าจี้ช่าวเหลยจากไปแล้ว เสี่ยวอิงก็เดินเข้ามาหาจี้เฟิงทันที
จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะเกาหัว ผู้หญิงคนนี้จะมาหาฉันทำไม?
ต้องยอมรับตามตรงว่าตั้งแต่ที่แม่เรียกเขาไปคุยในห้องนอนเรื่องของเสี่ยวอิง จี้เฟิงก็รู้สึกผิดต่อเธออยู่บ้างเขาอยากจะขอโทษเธออย่างจริงจัง แต่ก่อนที่เขาจะทันได้อ้าปากก็ถูกสายตาเกลียดชังของเธอ จ้องเขม็งใส่จนทำให้เขาพูดไม่ออก
พอเห็นเสี่ยวอิงเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว จี้เฟิงก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ในใจก็แอบเตือนตัวเองว่า เป็นลูกผู้ชายถ้าผิดก็ควรขอโทษไม่ใช่เรื่องน่าอาย ถ้าหากทำผิดแล้วไม่กล้ายอมรับผิดแบบนั้นต่างหากถึงจะน่าขายหน้า!
พอคิดได้แบบนี้จี้เฟิงก็นั่งตัวตรงทันที สายตาจับจ้องไปที่เสี่ยวอิงอีกครั้ง
ความจริงแล้วจี้เฟิงก็ต้องขอยอมรับว่าเสี่ยวอิงเป็นผู้หญิงที่รูปร่างหน้าตาดีคนหนึ่งเลยทีเดียว
เสี่ยวอิงมีรูปร่างสูงโปร่งจากการกะด้วยสายตาของจี้เฟิง อย่างน้อยเสี่ยวอิงก็น่าจะสูงประมาณ 173 เซนติเมตร เมื่อเทียบกับส่วนสูงของผู้หญิงคนอื่นทั่วๆไป อย่างเสี่ยวอิงก็เรียกได้ว่าเป็นผู้หญิงที่ตัวสูง
เธอสวมชุดลำลองธรรมดาๆดูสบายตัวไม่รัดรูปจนเกินไป คาดว่าการแต่งตัวแบบนี้น่าจะสะดวกกว่าเมื่อต้องรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉิน เพราะถ้าเลือกใส่เสื้อผ้าที่รัดรูปแต่ไม่ยืดหยุ่นอย่างเช่นกางเกงยีน จะทำให้ความสามารถในการเคลื่อนไหวลดลงอย่างมาก
แต่แปลกที่ชุดลำลองหลวมๆบนตัวเธอ กลับไม่ทำให้เธอดูท้วมเลยสักนิด กลับกันกลับให้ความรู้สึกที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพละกำลัง ในหัวของจี้เฟิงปรากฏภาพอันดุดันของทหารหญิงในประเทศสหรัฐอเมริกาในภาพยนตร์ เงาร่างเล็กๆที่อยู่ตรงหน้าทำให้จี้เฟิงรู้สึกถึงความแข็งแกร่งและความน่าเกรงขาม
โดยเฉพาะเสี่ยวอิงเธอตัดผมสั้นคล้ายผู้ชาย ผมทั้งสองข้างของเธอสั้นจนไม่สามารถปิดหูของเธอได้ด้วยซ้ำ ถ้าเอาเชือกสีแดงมาคาดหน้าผากของเธอไว้ หรือไม่ก็สวมหมวกทหาร คงยิ่งทำให้เธอดูเหมือนทหารอเมริกันที่แข็งแกร่งดุดันเข้าไปใหญ่
อันที่จริงจี้เฟิงรู้ดีว่าการใช้คำว่า “แข็งแกร่งดุดัน” เพื่ออธิบายถึงเสี่ยวอิงนั้นค่อนข้างไม่เหมาะสมเท่าไหร่ พูดให้ถูกคือควรจะเรียกว่ากล้าหาญและองอาจ
แต่พอเห็นสีหน้าที่ไม่เป็นมิตรของเสี่ยวอิง จี้เฟิงก็รีบโยนคำว่ากล้าหาญและองอาจออกไปจากหัวทันทีเหลือไว้เพียงคำว่าดุดัน!
เสี่ยวอิงเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าจี้เฟิง เธอจ้องเขาเขม็งแต่ไม่พูดอะไร
“เอ่อ คุณ... เสี่ยวอิงใช่มั้ย? คุณตามหาผมอยู่เหรอ?” เมื่อเห็นว่าเสี่ยวอิงไม่พูดอะไรจี้เฟิงก็อดไม่ได้ที่จะกระแอมไอและเป็นฝ่ายเอ่ยปากก่อน เขาถามเธอด้วยรอยยิ้ม
“อย่ามายิ้มต่อหน้าฉัน!”
เสี่ยวอิงแค่นเสียงอย่างเย็นชา “จี้เฟิง! ฉันรู้ว่าคุณเป็นใครคุณคือนายน้อยจี้! และฉันจะดำเนินการตามคำสั่งของคุณ หลังจากที่ฉันคุ้มกันนายหญิงเสร็จในวันนี้ ฉันจะไปรายงานกับเจ้านายเพื่อขอรับโทษด้วยตัวเอง แต่ก่อนหน้านั้นฉันอยากให้คุณรู้ว่า ฉันมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเป็นบอดี้การ์ดของนายหญิง!”
ฮะฮะ...
จี้เฟิงได้แต่หัวเราะแห้งๆอยู่ในใจ เขายิ้มอย่างขมขื่นและพูดว่า “เสี่ยวอิงแม่ผมได้อธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้ผมฟังแล้ว ผมต้องขอโทษคุณด้วยจริงๆและหวังว่าคุณจะยกโทษให้”
ความตรงไปตรงมาของจี้เฟิงทำให้เสี่ยวอิงอึ้งไปทันที
ตั้งแต่เด็กจนโตเท่าที่เธอจำได้ ไม่เคยมีคุณชายคนไหนที่กล่าวขอโทษเธออย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้ เว้นเสียแต่ว่าจะมีเจตนาแอบแฝง
อย่างไรก็ตามเสี่ยวอิงเห็นความจริงใจในสายตาของจี้เฟิง เขาขอโทษด้วยใจจริงไม่ใช่แค่การเสแสร้ง
เสี่ยวอิงได้แต่นิ่งอึ้งไปครู่ใหญ่และไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี
“อะแฮ่ม...” จี้เฟิงใช้กำปั้นปิดปากเขากระแอมไอเบาๆแล้วพูดว่า “เสี่ยวอิงวันนี้ผมพูดกับคุณแรงเกินไปหน่อย หวังว่าคุณจะไม่เก็บเอาไปคิดมากถ้าเป็นไปได้ก็ลืมมันไปซะเถอะนะ ผมต้องขอโทษจริงๆ”
พอเห็นว่าเสี่ยวอิงไม่พูดอะไร จี้เฟิงก็นึกว่าในใจของเธอยังคงไม่หายโกรธ และยังมีความคับข้องใจอยู่ เขาจึงกล่าวขอโทษอีกครั้ง
สีหน้าของเสี่ยวอิงผ่อนคลายลงเล็กน้อย เธอลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “ฉันยอมรับคำขอโทษจากคุณ!”
“งั้นก็ดีเลย!” จี้เฟิงยิ้มกว้างทันทีที่ได้ยินว่าเสี่ยวอิงยอมรับคำขอโทษ ไม่ว่ายังไงสุดท้ายแล้วเสี่ยวอิงก็เป็นคนที่จะคอยอยู่เคียงข้างแม่ของเขา ต่อจากนี้ไปถ้าเขามาหาแม่บ่อยๆ ก็เท่ากับว่าเขาต้องเจอเธอบ่อยๆด้วยเช่นกัน แล้วถ้าเขากับเสี่ยวอิงมีความอึดอัดใจต่อกันก็คงจะทำให้แม่ไม่สบายใจไปด้วย!
ในขณะที่จี้เฟิงกำลังถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขาก็ได้ยินเสี่ยวอิงพูดขึ้นมาว่า “ถึงแม้ว่าฉันจะยอมรับคำขอโทษของคุณ แต่เพื่อพิสูจน์ให้คุณเห็นว่าฉันมีความสามารถพอที่จะปกป้องนายหญิงของฉัน ฉันเลยอยากจะขอประลองฝีมือกับคุณ!”
“หะ! ห๊า?” จี้เฟิงเกือบจะกัดลิ้นตัวเอง เขามองเสี่ยวอิงด้วยความประหลาดใจ “แล้วอะไรดลใจให้เธออยากมาประลองฝีมือกับฉันล่ะ? ฉันเป็นแค่คนธรรมดา!”
อะไรของผู้หญิงคนนี้กันล่ะนิ? จู่ๆก็เกิดบ้าอะไรขึ้นมา?!
จี้เฟิงมองเธอด้วยความประหลาดใจ ทำไมจู่ๆถึงคิดที่อยากจะมาสู้กับตัวเขาได้? หรือเธอไปได้ยินใครบอกว่าฉันมีทักษะการต่อสู้? หรือ... ต้องการที่จะใช้โอกาสนี้สั่งสอนฉันให้หลาบจำ? แก้แค้นสินะ!
ไม่ผิดจากที่คาดเสี่ยวอิงพูดขึ้นว่า “จี้ช่าวเหลยได้บอกกับฉันว่าฝีมือของคุณไม่เลว และนายหญิงก็กลัวว่าคุณจะกินมื้อเที่ยงเยอะเกินไป เลยให้ฉันมาช่วยคุณย่อยมื้อเที่ยงสักหน่อย!”
“ไม่จริงใช่มั้ย?!” จี้เฟิงเกือบจะกระโดดขึ้นมา เขามองเสี่ยวอิงอย่างกับเห็นผี “พี่รองกับแม่ฉันพูดแบบนี้จริงๆน่ะเหรอ?!”
จี้เฟิงรู้สึกเหมือนตัวเองถูกแม่กับพี่รองขาย เหมือนสองคนนั้นต้องการให้เสี่ยวอิงมาสั่งสอนเขาชัดๆ!
“โปรดเตรียมตัว!”
เสี่ยวอิงเลิกพูดไร้สาระกับเขา เธอเดินไปยังลานกว้างที่อยู่ใกล้ๆทันที “ถ้าคุณไม่ต่อสู้กับฉัน ฉันจะเป็นฝ่ายลาออกเอง!”
จี้เฟิงตกใจเขาได้แต่ยืนอึ้ง “นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันวะเนี่ย!”
………………
“คุณป้าใหญ่มันจะไม่เป็นไรเหรอครับ? ถ้าเกิดจี้เฟิงได้รับบาดเจ็บขึ้นมา...”
ที่ชั้นบนจี้ช่าวเหลยอดไม่ได้ที่จะถามขึ้น
ตอนนี้เซียวซูเหม่ยและอีกสองคนกำลังยืนอยู่บนระเบียง พวกเขากำลังแอบมองลงไปอย่างเงียบๆ จุดที่พวกเขาอยู่สามารถมองเห็นสวนสาธารณะที่อยู่ใจกลางชุมชนได้อย่างชัดเจน เสี่ยวอิงที่ยืนอยู่กลางลานกว้าง และจี้เฟิงที่กำลังเดินเข้าไปหาเธออย่างจนใจ พวกเขาทุกคนต่างสีหน้าท่าทางและพฤติกรรมของทั้งสองคนนั้นได้อย่างชัดเจน
เซียวซูเหม่ยแค่นเสียง “ฉันมองเสี่ยวอิงไม่ต่างจากลูกสาวแท้ๆ แต่เจ้าเด็กบ๊องนั่นกลับต่อว่าเสี่ยวอิง ทำให้เสี่ยวอิงรู้สึกผิดจนอยากจะลาออกไป!”
“งั้นนี่ก็คือสาเหตุที่คุณป้าใหญ่อยากให้น้องสามโดนสั่งสอนงั้นสินะครับ?” จี้ช่าวเหลยหัวเราะทันที “ป้าใหญ่ไม่กลัวน้องสามจะได้รับบาดเจ็บเหรอครับ?”
“ฮึ่ม!”
เซียวซูเหม่ยถลึงตาใส่จี้ช่าวเหลยแล้วพูดว่า “ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก เจ้าเด็กนั่นหนังหนามาตั้งแต่เด็กๆแล้ว ถูกทุบตีนิดๆหน่อยๆไม่กระเทือนผิวหนังของเขาหรอก นอกจากนี้ก็ถือว่าให้เสี่ยวอิงเธอได้ระบายความโกรธสักหน่อย เพราะถ้าปล่อยไว้แบบนี้... เสี่ยวอิงคงจะรู้สึกกระอักกระอ่วนเวลาเจอกับจี้เฟิง แล้วก็คงจะรู้สึกโกรธทุกครั้งที่นึกถึงเรื่องนี้”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ก็ทำให้เซียวซูเหม่ยนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ เสี่ยวอิงลงไม้ลงมือกับคนที่มาก่อกวนเธอเพื่อปกป้องเธอ แต่เซียวซูเหม่ยกลัวว่าจะเป็นการสร้างปัญหาให้กับสามี เธอจึงสั่งห้ามไม่ให้เสี่ยวอิงลงมืออีกจนกว่าจะมีคำสั่งจากเธอ แต่กลับมาถูกเจ้าเด็กตัวเหม็นคนนั้นดุด่าว่ากล่าวจนเสี่ยวอิงต้องมีน้ำตา
และอีกอย่างเซียวซูเหม่ยก็รู้ดีว่าเสี่ยวอิงจะไม่ลงมือหนักเกินไปอย่างแน่นอน ตราบใดที่ไม่ถึงกับหน้าตาบวมปูดจนจำหน้าตาไม่ได้ก็พอแล้ว นี่คือสิ่งที่เซียวซูเหม่ยและจี้ช่าวเหลยร่วมมือกัน
“พี่สะใภ้ใหญ่ถ้าเสี่ยวเฟิงมารู้ทีหลัง เขาจะไม่โกรธแย่เลยหรอ” เหลียงหงตันถาม
เซียวซูเหม่ยส่ายหัวเล็กน้อยและพูดว่า “ไม่หรอกฉันรู้จักนิสัยของเสี่ยวเฟิงดี”
………………
“อ่า... เอาเป็นว่าเอาแค่เบาะๆพอดีมั้ย อย่าถึงกับคิดว่าผมเป็นศัตรูเลย!” จี้เฟิงมองเสียวอิงอย่างจนปัญญา แล้วเดินไปหยุดตรงจุดที่ห่างจากเสี่ยวอิงประมาณสามสี่ก้าวแล้วยิ้มอย่างขมขื่น
“เมื่อต้องลงมือต่อสู้จะมีเพียงต่อสู้กับศัตรู และมีคนที่ต้องปกป้องเท่านั้น!” เสี่ยวอิงตอบอย่างเย็นชา
จี้เฟิงยิ้มอย่างขมขื่นและพยักหน้าเล็กน้อย ตอนนี้เขาพอจะคาดเดาจุดประสงค์ของแม่เขาได้บ้างแล้ว ดูเหมือนว่าการที่จะต้องเจ็บตัวนิดๆหน่อยๆ คงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพียงแต่ว่าการเลือกที่จะถูกทุบตีอย่างไร ก็ยังต้องใช้ฝีมืออย่างมาก
การที่ต้องเลือกว่าจะถูกทุบตีตรงไหนยังไงก็ถือว่าเป็นความสามารถอย่างหนึ่ง
“ระวัง!” เสียงหวานๆของเสี่ยวอิงตะโกนดังลั่นก่อนจะโค้งคำนับ แล้วพุ่งเข้าไปหาจี้เฟิงอย่างรวดเร็วราวกับลูกธนู
พริบตาเดียวเสี่ยวอิงก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าจี้เฟิง เธอก้าวเท้าไปข้างหน้าและใช้หมัดขวาชกออกไปเป็นหมัดตรง
เปรี้ยง—! ตูม—!
จี้เฟิงกระเด็นออกไปทันทีและล้มลงกับพื้นอย่างแรง
เสี่ยงอิงยืนอึ้งอยู่กับที่แล้วพูดออกมาโดยไม่รู้ตัว “เป็นไปได้ยังไง ไม่ใช่ว่าเขามีวิชากังฟูหรอกเหรอ?!”
“ทำไมเป็นแบบนี้ มันเป็นแบบนี้ได้ยังไง?!” ที่บนระเบียงเซียวซูเหม่ยก็ตกใจเช่นกัน สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน “ช่าวเหลย ไหนเธอบอกว่าจี้เฟิงนั้นเก่งกังฟูมาก แล้วทำไม...”
แม้ว่าเธอต้องการให้เสี่ยวอิงระบายความโกรธ แต่เธอก็ไม่ได้ต้องการให้ลูกชายของเธอได้รับบาดเจ็บอย่างแน่นอน แต่ตอนนี้....
จี้ช่าวเหลยยิ้มและพูดว่า “คุณป้าใหญ่ไม่ต้องกังวล ดูไปก่อนเถอะครับ อย่าไปหลงกลน้องสาม”
เซียวซูเหม่ยพยักหน้าเธอครุ่นคิดเล็กน้อยและไม่ได้พูดอะไรอีก เธอแค่จ้องไปที่จี้เฟิงที่ล้มลงกับพื้น ความวิตกกังวลในแววตาไม่อาจปกปิดความรู้สึกเป็นห่วงได้เลย
“คุณ! คุณเป็นยังไงบ้าง! โอเครึเปล่า?!” เสี่ยวอิงรีบเข้าไปหาจี้เฟิง และอดไม่ได้ที่จะถามด้วยความเป็นห่วง
จี้เฟิงนอนอยู่บนพื้นและยิ้มอย่างขมขื่น “ผมถูกคุณต่อยจนกระเด็นมาขนาดนี้ คุณคิดว่าผมยังจะโอเคอีกเหรอ”
เสียวอิงรู้สึกผิดขึ้นมาทันทีเธอรีบพูดว่า “จี้เฟิง นายน้อยจี้ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายคุณ... ขนาดนี้ คุณได้รับบาดเจ็บตรงไหนบ้าง?!”
จี้เฟิงยิ้มและกล่าวว่า “ถ้าคุณยอมรับคำขอโทษของผมและไม่คิดที่จะลาออกอีกผมก็ไม่เป็นไร”
“โอเคฉันยอมรับคำขอโทษ ฉัน... คุณไม่ได้รับบาดเจ็บเหรอ?” เสี่ยวอิงรีบพยักหน้าด้วยความกังวล แต่ในเสี้ยววินาทีเธอก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้ เธอชี้ไปที่จี้เฟิงอย่างโกรธเคือง “คุณ.. คุณโกหกฉันเหรอ? คุณ.. คุณ!”
จี้เฟิงหัวเราะอย่างโง่เขลาและลุกขึ้นจากพื้นด้วยการกระโดดเบาๆ “ในเมื่อคุณตกลงรับปากแล้ว ผมก็ไม่เป็นไร! แล้วแบบนี้จะหาว่าผมโกหกคุณได้ยังไง?”
“นาย... นาย!” เสี่ยวอิงจ้องเขาเขม็งเธอรู้สึกโกรธจนพูดไม่ออก
จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวและยิ้ม เห็นได้ชัดว่าเสี่ยวอิงเป็นผู้หญิงที่พูดไม่เก่ง ดังนั้นแม้ว่าเธอจะรู้สึกโกรธจนใบหน้าแดงก่ำ แต่เธอก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร
ไม่แปลกใจเลยที่แม่จะชอบเธอ ผู้หญิงแบบนี้แม่คงจะรักและเอ็นดูเธอมากอย่างแน่นอน
“คุณ... คุณบล็อกหมัดของฉันได้ยังไง?” เสี่ยวอิงอดไม่ได้ที่จะถามในสิ่งที่เธอสงสัย แม้ว่าเธอจะใช้พลังไปเพียง 30% แต่สำหรับคนธรรมดาแล้วก็เพียงพอที่จะสร้างความเสียหายได้มาก แต่ที่เธอกล้าใช้พลังมากขนาดนี้เป็นเพราะได้ยินมาว่ากังฟูของจี้เฟิงไม่เลวเลย
แต่เธอก็คิดไม่ถึงว่าจี้เฟิงจะลุกขึ้นมาราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย สิ่งนี้ทำให้เธอรู้สึกประหลาดใจมาก
“อ้อ.. ผมไม่ได้มีข้อดีอะไรนอกจากเรื่องหนังหนาและทนทาน!” จี้เฟิงยิ้มน้อยๆแล้วพูดว่า “เอาล่ะอย่าเพิ่งคุยเรื่องอื่นในเมื่อตอนนี้คุณยอมรับคำขอโทษของผมแล้ว ก็ไม่ต้องลาออกหรือย้ายไปไหนแล้วนะ ต่อจากนี้ไปความปลอดภัยของแม่ผมยังคงต้องรบกวนคุณอีกมาก ฝากด้วยนะครับ!”
จี้เฟิงโค้งคำนับให้เธอ
“ไม่! อย่าทำแบบนี้! คุณไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้! ความปลอดภัยของนายหญิงเป็นหน้าที่ของฉันอยู่แล้ว!” เสี่ยวอิงรีบหลบทันที
จี้เฟิงยิ้มน้อยๆ “คืนนี้พวกเราจะไปทานมื้อค่ำที่บ้านผู้อาวุโสเฒ่า ถ้ามีคนพูดจาหยาบคายกับแม่ของผมอีก ให้คุณมองมาที่ผมและขยิบตาทันทีโอเคมั้ย?”
“โอเค โอเค!” เสี่ยวอิงรีบพยักหน้าทันที
“เจ้าเด็กตัวแสบ!”
หลังจากที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด เซียวซูเหม่ยที่ยืนอยู่บนระเบียงก็ไม่ได้ที่จะบ่นพลางหัวเราะ แต่คำบ่นของเธอกลับเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ!
…จบบทที่ 344~❤️
เปิดตอนฟรี เป็นของขวัญวันแม่สำหรับผู้อ่านทุกๆท่าน และเป็นการขอบคุณที่ช่วยสนับสนุนกันด้วยดีเสมอมา ขอบพระคุณมากๆค่ะ (◡‿◡ ♡)
สวัสดีวันแม่นะคะ ขอให้พ่อแม่ ปู่ ย่า ตา ยาย ครอบครัวหรือคนที่รักของผู้อ่านทุกๆท่าน สุขภาพแข็งแรง ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ ร่ำรวยเงินทองกันทุกๆคนเลยนะคะ ♡ (¯▽¯) / ♡
และย่าลืมมาอ่านนิยายของเนตรนารีสีชมพู ด้วยนะคะ
ด้วยรักและห่วงใย
เนตรนารีสีชมพู