ตอนที่แล้วตอนที่ 1646 ผันไปแปรมา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 1648 สิ่งที่เบี่ยงเบนความสนใจ

ตอนที่ 1647 ก็เพียงเท่านี้


ตอนที่ 1647 ก็เพียงเท่านี้

หยางไคทอสีหน้าเปลี่ยนไป หาได้อาจหาญลำพองจนรามือเก็บงำเขตพรมแดนกองกำลังของตัวเองกลับไปไม่

เขตพรมแดนกองกำลังหากว่าถูกแข็งขืนทำลายลงแล้วละก็ ย่อมต้องส่งผลร้ายต่อตัวเองได้อย่างมหาศาล การจะฟื้นฟูกลับมาย่อมถือเป็นเรื่องที่ยุ่งยากเป็นอย่างยิ่ง

“พลังวิชาค่ายกล?” ไม่นานนักหยางไคก็จึงค่อยเข้าใจได้ว่าแท้จริงแล้วเกิดความเปลี่ยนแปลงอะไรขึ้นกับหรานอวิ่นถิ่งกันแล้ว

เห็นได้ชัดว่านางคิดที่จะยืมพลังจากวิชาค่ายกลที่อยู่เกาะสุดขั่วเยือกเย็นมาใช้แล้ว ดังนั้นจึงค่อยได้ทำเรื่องเช่นนี้ขึ้น

คิดไปคิดมาก็ไม่ถือว่าเป็นเรื่องแปลก หรานอวิ่นถิ่งเองก็มีสถานภาพในหุบเขาหฤทัยเยือกเย็นที่ไม่ต่ำต้อย อีกทั้งยังจัดอยู่ในลำดับรองเพียงผู้นำผู้อาวุโสและจ้าวหุบเขาเท่านั้น การที่จะมีอำนาจในการกระตุ้นใช้ค่ายกลย่อมต้องเป็นเรื่องที่ชอบด้วยเหตุผลอย่างแน่นอนอยู่แล้ว

“ฮาฮาฮา ค่ายกลสุดยอดผลึกเหมันต์ของหุบเขาหฤทัยเยือกเย็นข้า ถือได้ว่าจัดอยู่ในอันดับหนึ่งของดาววารีสีชาดเลยก็ว่าได้ เจ้าหนู เจ้าที่สามารถตายอยู่ภายใต้ค่ายกลได้ ก็นับว่าตายตาหลับได้แล้ว!” หรานอวิ่นถิ่งหัวเราะเสียงดังก้อง ขยับโบกพัดป้ายคำสั่งบนมือ ตามติดมาด้วยประกายแสงลอดผ่านขึ้นมาเป็นสาย ทั่วทั้งคนราวกับสามารถที่จะแทรกซึมอยู่ภายใต้น้ำแข็งเหมันต์จากทุกสารทิศ เคลื่อนไหวไปมาได้อย่างไร้ร่องรอย!

แต่รอบบริเวณทันใดนั้นก็ได้ปรากฏคมน้ำแข็งแต่ละสายเข้าโจมตี ดุจดั่งตั๊กแตนข้ามแดน กดดันเข้าใส่หยางไคจนอยู่ในสภาพแทบจะไม่ต่างอะไรไปครอบฟ้าคลุมดิน

นี่ก็คือพลังอำนาจของค่ายกลสุดยอดผลึกเหมันต์ของ!ถึงแม้ว่าจะเป็นผู้ทรงพลังขอบเขตกำเนิดราชันตกอยู่ภายใน ก็ยากที่จะสลัดหลุดพ้นไปได้อย่างปลอดภัย

ในขณะที่พริบตานั้นที่หรานอวิ่นถิ่งกระตุ้นใช้พลังอำนาจจากค่ายกลต่อกรกับหยางไค ผู้ทรงพลังบนเกาะสุดขั่วเยือกเย็นทั้งหมดล้วนแต่ก็สัมผัสกันถึงพลังกันได้แล้ว

ภายในเกาะ ท่ามกลางจ้าวหุบเขาตำหนักน้ำแข็ง ปิงหลงพลันมีสีหน้าเปลี่ยนไป เงยหน้าเหม่อมองไปยังมิติช่องว่าง: “ผู้ใดเป็นผู้ขับเคลื่อนใช้พลังอำนาจค่ายกลกัน? เป็นผู้อาวุโสสูงสุดงั้นหรือ?”

จิตสัมผัสพลันถูกแผ่ซ่านขยับขยายออกมา ไม่นานนัก นางก็ได้พบเห็นสถานการณ์ต่อสู้ที่เกิดขึ้นอยู่บนยอดเขาน้ำแข็งนอกเกาะ ถึงกับอดไม่ได้ที่จะเปล่งหลุดตกใจออกมา พร้อมกับรีบเดินออกมาจากภายในตำหนักน้ำแข็งของตัวเอง เร่งฝีเท้าทะยานมาอย่างรวดเร็ว

ภายในเกาะผู้อาวุโสสิบกว่าท่านต่างก็สัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลง แยกย้ายกันมุ่งหน้ามายังทางด้านนี้

และตำแหน่งภายในเกาะที่หาได้มีคนทราบได้ว่า หญิงสาวที่มีเรือนผมสีเงินนางหนึ่งกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ข้างบ่อน้ำแข็ง นางดูไปกลับหาได้ดูสูงเยาว์มากนัก ราวกับยังอยู่ในช่วงวัยสิบหกปีเท่านั้น แต่พลังสภาวะทั่วร่างยังถือว่าเหนือกว่าปิงหลงและหรานอวิ่นถิ่งกว่าหลายเท่า

ผู้ทรงพลังขอบเขตกำเนิดราชัน!

ผู้นำผู้อาวุโสของหุบเขาหฤทัยเยือกเย็น นามลั่วหลี!

หญิงสาวเรือนผมสีเงินทั้งหัวผู้นั้นก็ได้แสดงสีหน้าถมึงทึงและแข็งกร้าวพลันบังเกิดความประสาทสัมผัสที่แผ่ซ่านออกมา จนทำให้นางที่เดิมอยู่ในสภาพที่สงบต้องบังเกิดความแตกตื่นขึ้นมา

บัดนี้ นางราวกับกำลังหยิบยืมพลังแห่งน้ำแข็งเหมันต์ของบ่อน้ำแข็งเพื่อทำอะไรบางอย่าง ผ่อนลมพลางหายใจอยู่พลาง ในระหว่างที่ทั้งพ่นทั้งสูดลมหายใจอยู่ ก็ได้มีหมอกขาวที่เกิดจากความหนาวเหน็บถูกนางสูดเข้าไป ไหลเข้าสู่ภายในท้องน้อย

สีหน้าของลั่วหลีพลันซีดเผือดขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ นี่ก็คือผลที่เกิดจากการที่นางบ่มเพาะพลังผิดพลาดจากเมื่อครั้งก่อน

พริบตาที่ค่ายกลสุดยอดผลึกเหมันต์ได้ถูกกระตุ้นใช้ขึ้น ลั่วหลีก็สัมผัสได้ถึงทุกอย่าง กระนั้นนางก็ยังเพียงคอยมองอยู่ในที่ลับตาในจุดที่ห่างไกลออกไปเท่านั้น โดยที่หาได้คิดที่จะหาได้ตั้งใจเข้ามายุ่งเกี่ยว

หากเป็นบุคคลชนชั้นเยี่ยงนางเช่นนี้ เรื่องที่เกิดขึ้นที่ภายนอกย่อมไม่จำเป็นต้องเข้ามายุ่งเกี่ยวกันแล้ว ถึงอย่างไรก็ยังเป็นเรื่องระหว่างชนชั้นผู้เยาว์กันเท่านั้น ยังคงให้ปิงหลงไปสะสางจะดีกว่า

กระนั้นเมื่อในเวลาที่ลั่วหลีต้องการรักษาเยียวยาอาการบาดเจ็บอย่างต่อเนื่องอยู่นั้น ทันใดนั้นก็ได้มีสีหน้าเปลี่ยนไปโดยพลัน ราวกับตรวจพบเห็นบางอย่างและหันไปมองยังอีกทางด้านหนึ่งที่ห่างไกลออกไป ใบหน้าที่ดูเหมือนหาได้เคยเคร่งเครียดมาก่อน ก็ได้เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า : “ซื่อฮั่วเจ้าแท้จริงแล้วก็คงทนอยู่ต่อไปไม่ไหวแล้วงั้นหรือ? ถึงกับอาจหาญมุ่งหน้ามายังทางด้านของเกาะสุดขั่วเยือกเย็นข้า……เอ๊ะ นี่มัน……ไม่แปลกใจเลย ไม่แปลกใจเลยที่เหตุใดเจ้าถึงได้มีความกล้าเช่นนี้!”

หลังจากที่ได้ตรวจพบพลังสภาวะของคนอีกผู้หนึ่งได้จากอีกทางด้าน สีหน้าที่เปลี่ยนไปของลั่วหลีกลับยิ่งทวีคูณความตึงเครียดมากยิ่งขึ้นแล้ว ผ่านไปเนิ่นนาน จึงค่อยถอนลมหายใจออกมาหนึ่งคำ: “ไม่รู้ว่าเกาะสุดขั่วเยือกเย็นจะสามารถก้าวข้ามด่านที่ยากลำบากนี้ไปได้หรือเปล่า หวังว่าพวกเจ้าอย่าได้ทำเกินไปแล้ว”

ในระหว่างที่กล่าว นางก็ได้ค่อยๆ ยันกายลุกขึ้น ร่างกายสั่นไหวขึ้นวูบ พร้อมกับหายไปจนจุดเดิมไปอย่างทันควัน เหลือไว้แต่เพียงแค่เศษเงาที่บริสุทธิ์สายหนึ่งเอาไว้เท่านั้น

……

“เจ้าเขลา หากว่าท่านสามารถกระตุ้นใช้พลังอำนาจทั้งหมดของค่ายกลสุดยอดผลึกเหมันต์ได้ ก็ยังไม่แน่ว่าอาจจะสามารถฆ่าข้าลงได้ แต่ว่าด้วยความสามารถที่ต่ำตมของท่าน ยังสามารถหยิบยืมพลังอำนาจของค่ายกลได้สักกี่ส่วนกัน?” หยางไคตวาดเสียงดังก้อง พริบตานั้นบนร่างก็ได้มีแสงทรงพลังห้าสีสันพุ่งขึ้นมา ประกายแสงห้าสีสันนี้ได้ผุดขึ้นมาจากส่วนกลาง จนทำให้ผู้คนไม่กล้าที่จะมองเข้าไปโดยตรง กอปรไปด้วยกระแสพลังที่รุนแรงจนไม่เคยพบเห็นมาก่อนดีดตัวสูงขึ้นมาจากบนร่างของหยางไค

มิติอันว่างเปล่าขุมหนึ่งจากหยางไค ได้สั่นไหวเกิดเป็นอำนาจสีทองขึ้นอย่างกะทันหันจนคล้ายเป็นร่างแยก ผนึกจนอยู่บนฝ่ามือของเขา จนมีรูปลักษณ์คล้ายดั่งกระบี่ที่เปล่งแสงสีทองระยิบระยับ

รังสีกระบี่ห้าวิถีมิดับสูญ รังสีกระบี่สีทอง จ้าวแห่งการสังหาร!

กระบี่ในมือ หยางไคที่เพียงบังเกิดความคิดฆ่าฟันขึ้น แววตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยรังสีฆ่าฟันก็ถึงกับทำให้หรานอวิ่นถิ่งแสดงแววตาสั่นสะท้านด้วยความหวั่นวิตกออกมา แผดเสียงกรีดร้องออกมาเสียงดังก้อง กระตุ้นลมปราณศักดิ์สิทธิ์ขึ้นอย่างบ้าคลั่ง พยายามที่จะใช้อำนาจจากค่ายพล เพื่อฆ่าหยางไค

คมน้ำแข็งหอกน้ำแข็งนับไม่ถ้วนได้ลอยคว้างก่อตัวขึ้นท่ามกลางอากาศ พร้อมกับดีดพุ่งเข้าใส่หยางไคไปอีกครั้ง

“มาได้ดี!” หยางไคตวาดเสียงดังก้อง พลันเกิดเป็นรังสีกระบี่สีทองในมือเริงระบำขึ้นมา

แสงสีสองแสบนัยน์ตา ราวกับสามารถที่จะฟันแม้แต่มิติอากาศจนขาด สาดเข้ามาพร้อมกับแสงสีทองเป็นประกายส่องไปทั่วทั้งเกาะสุดขั่วเยือกเย็นจนมัวหมองลง รังสีกระบี่สุดเปรียบปานอันแหลมคมแต่ละสายได้ถูกแผลงออกไปอย่างรุนแรง

คมน้ำแข็งหอกน้ำแข็งศรน้ำแข็งดุจดั่งเกล็ดหิมะที่ตกอยู่ภายใต้แสงสุริยันสาดส่อง ถูกฉีกออกเป็นเสี่ยงๆ จนสลายหายไปในที่สุด

ภายในอาณาบริเวณโดยรอบกว่าสิบลี้ของหยางไค แทบจะไม่อาจเข้าใกล้เลยก็ว่าได้!

เขาประดั่งได้ปลดปล่อยสภาวะบ้าคลั่งออกมา เส้นผมดำโบกสะบัด ดุจดั่งเทพสงครามในสมัยบรรพกาลลงมาจุติ พัวพันเอาไว้ด้วยกระแสพลังอำนาจอันทรงพลังก่อตัวกันขึ้น

สตรีของหุบเขาหฤทัยเยือกเย็นนับไม่ถ้วนล้วนแต่มองกันเข้ามาด้วยความตะลึงลานแล้ว เพียงแต่รู้สึกหัวใจเต้นระรัว สัมผัสได้ถึงกระแสพลังที่ท่วมท้นจนยากจะยับยั้งเอาไว้ได้ขุมหนึ่ง ความรู้สึกชนิดนี้ได้ทำให้พวกเขารู้สึกสั่นสะท้าน จนทำให้พวกนางหันเหความสนใจไปอยู่ที่หยางไคกันโดยทั้งสิ้น ทั่วทั้งฟ้าดินเหมือนดั่งไร้ซึ่งสิ่งใด เหลือไว้แต่เพียงเงาที่ลอยคว้างตระหง่านสูงอยู่กลางเวหา

บริเวณภายในเกาะ เรือนน้ำแข็งของซูเหยียนพลันเปิดขึ้นอย่างกะทันหัน นางได้พุ่งกายออกมา แวบแรกที่ได้พบเห็นสิ่งที่อยู่ห่างไกลออกไปนับร้อยลี้ ก็คือเงาร่างที่แสนจะคุ้นเคยที่ปกคลุมเอาไว้ด้วยประกายแสงสีทองไว้ทั้งร่าง

“ศิษย์น้อง!” ซูเหยียนพึมพำเชิงเรียกขาน

ถึงแม้ว่าน้ำเสียงจะแผ่วเบา แต่ก็คล้ายกับว่าสามารถก้าวข้ามทุกสิ่งที่ขวางกั้นในระยะทางร้อยลี้ หยางไคที่กำลังสาดรังสีกระบี่สีทองออกมา ถึงกับหันหน้ามองมายังทางด้านนี้ พร้อมกับยิ้มน้อยๆ ขึ้นมา

ซูเหยียนเองก็ได้ยิ้มขึ้นเล็กน้อย จากนั้นพลันออกวิ่งตะบึงไปยังทางด้านนั้นไป

ในขณะนี้ คำสั่งของอาจารย์ กฎระเบียบของสำนักกลับไม่สามารถใช้เป็นข้อผูกมัดนางได้อีกต่อไปแล้ว ในใจของนาง ในแววตาของนางกลับมีแต่เพียงบุรุษที่กำลังก่อความวุ่นวายครั้งใหญ่บนเกาะสุดขั่วเยือกเย็นผู้นั้นแล้วเท่านั้น!

ขอเพียงสามารถพบพานกับเขาได้ในระยะไม่ห่างไกลได้มักสักชั่ววูบเดียว แล้วกลับเข้าสู่อ้อมกอดของเขาได้อีกครั้ง แต่ให้ต้องตายก็ไม่มีวันที่จะเสียใจ!

“จะหนีไปไหน!”

“ซูเหยียน เจ้าหยุดอยู่ตรงนั้นซะ!”

โจวอวิ่นเสวียนและศิษย์สตรีอีกคนที่คอยเฝ้าดูแลซูเหยียนเดิมทีก็คอยจับตาดูการต่อสู้ที่อยู่ห่างไกลออกไปกว่าร้อยลี้อยู่แต่เดิม แต่เมื่อในเวลาที่ได้สติกลับมาทันใดนั้นก็ได้พบว่าซูเหยียนถึงกับวิ่งออกไปแล้ว หญิงสาวสองนางพลันแตกตื่นตกใจขึ้นยกใหญ่ รีบรุดวิ่งไล่ตามออกไป ทางหนึ่งไล่ตามทางหนึ่งตะโกนเสียงดังเพื่อเรียกขาน

“ซูเหยียนเจ้าถึงกับกล้าต่อต้านคำสั่งของผู้อาวุโสสูงสุด เจ้าจะต้องถูกลงโทษอย่างแน่นอน!”

“ยังไม่รีบกลับไปอีก หากว่ากลับไปตอนนี้อย่างน้อยก็ยังถูกโบยตีจนหนังลอกบางส่วน มิเช่นนั้นไม่ว่าผู้ใดก็ไม่อาจปกป้องเจ้าเอาไว้ได้อีกแล้ว!”

ซูเหยียนแสร้งทำเป็นหูทวนลม ราวกับมิได้ยินก็มิปาน ร่างกายได้ค่อยๆ ห่างไกลมากยิ่งขึ้น ไม่นานนักก็หายลับไปจากภายในระยะสายตาของโจวอวิ่นเสวียนและสตรีอีกคน

“แย่แล้ว!” โจวอวิ่นเสวียนทอสีหน้าซีดขาว คราวนี้ไม่ว่าจะอย่างไร พวกนางทั้งสองก็คงไม่อาจแบกรับการลงโทษที่บกพร่องต่อการเฝ้าดูแลได้อีกแล้ว เกรงว่าผู้อาวุโสสูงสุดคงจะต้องลงโทษสถานหนักอย่างแน่นอน

“นังสตรีชั้นต่ำผู้นี้ ช่างน่าโมโหเกินไปแล้ว!” สตรีที่อยู่อีกทางด้านก็ได้แต่กัดฟันก่นด่าสาปแช่ง : “ศิษย์พี่โจว ตอนนี้พวกเราจะทำอย่างไรกันดี?”

“คงได้แต่ต้องตามไปแล้ว” โจวอวิ่นเสวียนสาวเท้าออก ไล่ตามต่อไป

เสียงหัวเราะดังปานอสนีบาตคำรนสนั่นไปทั่วทั้งเกาะสุดขั่วเยือกเย็น หยางไคที่ถูกค่ายกลโอบล้อมเอาไว้จนไม่อาจเคลื่อนไหวได้ตามอำเภอใจ ประกายกระบี่ขนาดยักษ์ดีดตัวลอยออกไป จนสลายสภาวะการโจมตีของหรานอวิ่นถิ่งจนแตกสลายเป็นชิ้นๆ

หรานอวิ่นถิ่งได้ทอสีหน้าดุร้ายออกมา ภายในแววตายังเต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกยากที่จะเชื่อได้ปรากฏออกมา

บุรุษหนุ่มผู้นี้……แท้จริงแล้วเป็นสัตว์ประหลาดในระดับใดกันแน่?

ด้วยพลังในการบ่มเพาะของขอบเขตหวนคืนขั้นที่สอง ถึงอย่างไรก็ตัวนางเองต่อให้ใช้พลังทั้งหมดออกมาก็ยังสามารถควบคุมพลังอำนาจของค่ายกลสุดยอดผลึกเหมันต์ได้แค่บางส่วนเท่านั้น!

นางเดิมทีก็ยังคิดเอาไว้ว่า หากว่าเป็นชนชั้นที่เหนือกว่าขอบเขตหวนกำเนิดนี้ ตัวเองย่อมนับได้ว่าเป็นผู้ที่ดำรงอยู่ในอันดับหนึ่งสองเลยก็ว่าได้ ถึงอย่างไรก็มีผู้อยู่ในขอบเขตหวนกำเนิดหาได้สามารถที่จะต่อกรกับตัวเองได้มากนัก แต่ว่าวันนี้นางจึงค่อยเข้าใจได้อย่างลึกล้ำแล้วว่า เหนือขุนเขายังมีขุนเขา เหนือคนยังมียอดคน!

นี่ก็คือสิ่งที่บุรุษหนุ่มนามว่าหยางไคสามารถทำออกมาได้จนถึงขั้นนี้ หากว่าเขาทะลวงเข้าสู่ขั้นที่สามได้ มิใช่ว่าขอบเขตกำเนิดราชันโดยทั่วไปแทบจะไม่อาจต่อกรได้แล้วอย่างงั้นหรือ?

เมื่อครุ่นคิดได้เช่นนี้ หรานอวิ่นถิ่งก็พลันสะดุ้งขึ้นมา!

พร้อมกับความหวาดกลัวที่กัดกินเข้ามาในเวลาเดียวกัน ยิ่งทวีคูณความเชื่อมั่นว่าจะสามารถสังหารหยางไคมากยิ่งขึ้น

หากเจ้าหนูผู้นี้ยังไม่ตาย วันหน้าหุบเขาหฤทัยเยือกเย็นจะต้องประสบกับความยุ่งยากครั้งใหญ่อย่างแน่นอน!

“ผู้อาวุโสสูงสุดหุบเขาหฤทัยเยือกเย็น ก็มีดีแค่นี้เท่านั้น!” หยางไคเอื้อนเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ แทบจะไม่เห็นหรานอวิ่นถิ่งอยู่ในสายตาเลยด้วยซ้ำ มือซ้ายกุมไว้ด้วยกระบี่ มือขวาไขว่เอาไว้กับอีกมือ ภายใต้การผุดขึ้นมาของรังสีกระบี่สีทอง ก็ได้เอ่ยปากกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ: “ไป!”

หึหึ หากเจ้าแน่จริงก็มาเจอข้าที่ mynovel.co หรือ www.thai-novel.com สิ ข้าจะแสดงให้เจ้าเห็นถึงความลึกล้ำของข้า

ประกายแสงสีทองแลบผ่าน ก่อเกิดเป็นกระบี่อันคมกล้าและรุนแรงพริบตานั้นก็ได้ตีโต้มาจนถึงเบื้องหน้าของหรานอวิ่นถิ่ง พร้อมกับตัดสินใจที่จะแทงนางจนพรุน!

ถึงแม้หรานอวิ่นถิ่งจะกระตุ้นใช้พลังอำนาจของค่ายกลสุดยอดผลึกเหมันต์อย่างไร ก็ยังไม่อาจที่จะต้านทานพลังสังหารจากประกายคมกล้าสีทองนี้ได้

ชั่วพริบตาเดียว หรานอวิ่นถิ่งถึงกับทอใบหน้าซีดเผือด สาดทอแววตาหวั่นไหว

จนกระทั่งมาถึงยามนี้ นางจึงค่อยเข้าใจขึ้นมาว่า ก่อนหน้านี้หยางไคที่โค้งคำนับแก่ตน กลับหาใช่เกิดจากความหวาดกลัวไม่ เพียงแต่เป็นการให้เกียรติสืบเนื่องจากวาสนาระหว่างตนและซูเหยียน

เมื่อสิ้นวาสนากัน เขาก็ไม่จำเป็นต้องเป็นลังเลแม้แต่น้อยในการลงมือฆ่าตัวเอง

เสียใจภายหลังงั้นหรือ?

ไม่เสียใจภายหลัง! แววตาของหรานอวิ่นถิ่งได้ปรากฏความมั่นคงขึ้นอีกครั้ง ถึงแม้ว่าจะตาย นางก็ไม่จะไม่เสียใจภายหลังต่อการตัดสินใจของตัวเอง

ท้ายที่สุดซูเหยียนที่จะเป็นดั่งเสาหลักในอนาคตของหุบเขาหฤทัยเยือกเย็น ส่วนที่ว่าจะสามารถเจิดจรัสเจริญรุ่งเรืองได้หรือไม่นั้น จนมีพลังสู่การสยบนิกายแสงอัคคีได้ สำเร็จสู่การเป็นขุมอำนาจที่ทรงพลังที่สุดบนดาววารีสีชาด เรื่องนี้ล้วนแล้วแต่ขึ้นอยู่กับความสามารถที่ซูเหยียนมีกันแล้ว

ตัวเองอาจจะต้องตาย แต่ว่าการฆ่าสังหารผู้อาวุโสสูงสุดหุบเขาหฤทัยเยือกเย็นกลับหาใช่เรื่องเล็กน้อยไม่ วันใดที่ผู้นำผู้อาวุโสออกคำสั่งกล่าวหาขึ้นมา หยางไคก็อย่าได้หวังว่าจะมีชีวิตรอดต่อไปได้อีกแล้ว

ขอเพียงหยางไคตายลง ซูเหยียนก็จะสามารถฟื้นคืนจิตใจที่แตกสลายไปแล้วได้ จนสามารถทุ่มเทให้กับการบ่มเพาะเท่านั้น!

นางจะต้องเปล่งเป็นประกายที่คมกล้าที่สุดภายใต้หมู่ดวงดารา อนาคตของนาง จะต้องอยู่บนจุดสูงสุดของดวงดาวทั้งมวล!

บุรุษหนุ่มผู้นี้ถือเป็นตัวอะไรกัน ถึงกับสามารถสร้างปรากฏการณ์ที่แสนอัศจรรย์ถึงเพียงนี้ขึ้นมาได้อีก อีกทั้งยังทิ้งห่างจากซูเหยียนไปจนห่างไกล

ความตายได้ย่างกรายมาอย่างกระชั้นชิด หรานอวิ่นถิ่งหาได้ขยับเขยื้อน กำลังเหม่อมองไปที่หยางไค หัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่งดั่งเป็นบ้า

และในเวลานี้เอง ทันใดนั้นพลังอำนาจของค่ายกลสุดยอดผลึกเหมันต์ได้เพิ่มสูงขึ้น เดิมทีอำนาจแห่งค่ายกลที่ไม่อาจต้านทานรังสีกระบี่สีทองได้ก็พลันเกิดพลังที่ยากจะคาดคิดออกมา กระแสพลังแห่งน้ำแข็งเหมันต์อันหนาแน่นได้รวมตัวไว้ด้วยกัน และก่อตัวขึ้นที่เบื้องหน้าหรานอวิ่นถิ่งจนกลายเป็นกำแพงน้ำแข็งที่ไร้ตำหนิขึ้นมา

รังสีกระบี่สีทองเสียดแทงเข้ามา จนถึงกับทำให้ผู้คนต่างก็ขบฟันกรามจนเกิดเสียงฟันเสียดสีขึ้น ขยับเข้าใกล้หรานอวิ่นถิ่งอย่างกระชั้นชิด

กำแพงน้ำแข็งราวกับยังไม่อาจที่จะต้านทานการทะลวงเข้ามาจากรังสีกระบี่สีทองเอาไว้ได้!

แต่หยางไคกลับเพียงแค่ขมวดคิ้ว หันหน้าเหม่อมองไปยังอีกทางด้านหนึ่ง

ทางด้านนั้น หุบเขาหฤทัยเยือกเย็นจ้าวหุบเขาปิงหลงที่ไม่ทราบว่าได้ปรากฏกายขึ้นตั้งแต่เมื่อใด บนมือยังได้ถือไว้ด้วยป้ายคำสั่งอีกชิ้น ผสานตอบรับตามป้ายคำสั่งของหรานอวิ่นถิ่ง เสริมพลังอำนาจของค่ายกลสุดยอดผลึกเหมันต์ได้มากยิ่งขึ้น

นางที่ได้ทอสีหน้าหนักแน่นขึ้นมาตลอด กระนั้นกลับมีเหงื่อหยดออกมาจากบนหน้าผาก กระตุ้นใช้ลมปราณศักดิ์สิทธิ์ภายในกาย ไหลผ่านเข้าสู่ภายในป้ายคำสั่งไป

ยิ่งมาก็ยิ่งมีผู้อาวุโสหุบเขาหฤทัยเยือกเย็นปรากฏกายกันมากขึ้น แต่ละคนล้วนแต่แสดงอาการแตกตื่นกันออกมา แยกย้ายกันแสดงป้ายคำสั่งของตัวเองกันออกมา

รอจนกระทั่งผู้อาวุโสหุบเขาหฤทัยเยือกเย็นเสริมพลังเข้ามา พลังอำนาจของค่ายกลสุดยอดผลึกเหมันต์ก็ยิ่งทวีเพิ่มพูนขึ้นอย่างมาก

จนท้ายที่สุด รังสีกระบี่สีทองที่ทลายแนวป้องกันเข้ามาจากทางด้านหน้า ก็อยู่ห่างจากหรานอวิ่นถิ่งอีกเพียงแค่สามชุนเท่านั้น

สืบเนื่องจากการที่มีความคมกล้าอย่างไร้ที่เปรียบ เปรียบเสมือนดั่งอสรพิษร้ายพ่นแกนพิษที่ร้ายแรงที่เกิดเป็นรังสีกระบี่ทิ่มแทงเข้าไปที่หน้าผากของหรานอวิ่นถิ่ง จนหว่างคิ้วของนางเกิดเป็นรอยแต้มเลือดขึ้นมาหนึ่งหยด อีกทั้งยังเป็นที่แสบนัยน์ตาอย่างไร้ที่เปรียบ

.

.

.

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด