ตอนที่ 1644 การใส่ความ
ตอนที่ 1644 การใส่ความ
เรื่องที่เกิดขึ้นนั้นกะทันหันจนเกินไป ผู้คนทั้งหมดล้วนแต่หาได้มีปฏิกิริยาอะไรกันไม่
จนกระทั่งปิงเตี๋ยถูกฟาดจนลอยกระเด็นหลังผ่านไปสามลมหายใจ จึงค่อยมีศิษย์จากหอผู้คุ้มกฎมีปฏิกิริยากลับคืนมา พร้อมกับตวาดแล้วกล่าว : “ผู้ใดกัน!”
พร้อมกับหันไปมองหยางไคในเวลาเดียวกัน รอจนกระทั่งผู้ที่ลงมือเผยโฉม ก็อดไม่ได้ที่จะตะลึงลาน
“บุรุษ?”
“เกาะสุดขั่วเยือกเย็นพวกเรามีบุรุษเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”
“เด็กน้อยผู้นี้โผล่ออกมาจากที่ไหนกัน? ถึงกับซัดศิษย์พี่ปิงเตี๋ยจนล่าถอยในการบุกเพียงครั้งเดียว อีกทั้งยังทำให้นางได้รับบาดเจ็บขึ้นมาแล้ว”
“เอ๊ะ นี่มิใช่เป็นคนที่พวกเราได้รับคำสั่งให้ไปตามหากันก่อนหน้านี้หรอกหรือ? ที่แท้ก็หาจนพบแล้ว ไม่แปลกใจเลยที่เหล่าผู้อาวุโสถึงได้โยกย้ายให้พวกเรากลับมา”
……
อยากให้เรื่องนี้อยู่ต่อ สนับสนุนได้ที่ mynovel.co หรือ www.thai-novel.com ค่ะ
ศิษย์สตรีของหุบเขาหฤทัยเยือกเย็นกลุ่มหนึ่งก็ได้พบเห็นคล้ายกับได้พบเห็นสิ่งแปลกใหม่ พร้อมกับหันไปมองหยางไคด้วยแววตาประหลาด
เมื่อได้พบว่าเขาก็คือคนที่ศิษย์พี่น้องตามหากันนานนับหนึ่งปีที่ภายนอก วินาทีนั้นก็ล้วนแต่บังเกิดความยินดีกันขึ้นมา
พวกนางที่ต่างก็ต้องตรากตรำต่อสู้อย่างยากลำบากเป็นเวลาหนึ่งปี ก็เพื่อที่จะส่องหาร่องรอยของหยางไค จนบัดนี้จึงค่อยได้พบตัวแล้ว ย่อมทำให้ทุกคนก็อยากที่จะทราบว่าแท้จริงแล้วหยางไคมีความพิเศษในจุดใด ที่ถึงกับทำให้หุบเขาหฤทัยเยือกเย็นต้องเสียทั้งกำลังคนและพลังเพื่อตามหา
ไม่ว่าจะมองอย่างไร ก็ยังไม่สามารถมองเห็นสิ่งที่พอจะเป็นเบาะแสได้ แต่ทว่าหยางไคในตอนนี้ก็คล้ายกับมีเพลิงโทสะขึ้นมาบ้างแล้ว อีกทั้งยังทอสีหน้าเย็นเยียบขึ้นอย่างถึงขีดสุด ยืนขวางอยู่ที่เบื้องหน้าชิงหย่าด้วยตัวคนเดียว ดุจดั่งขุนเขาที่สูงตระหง่าน เพื่อคอยต้านทานคลื่นลมพายุฝนทั้งหมดเอาไว้แล้ว
ฉากเช่นนี้ที่ทำให้เหล่าลูกศิษย์ของหุบเขาหฤทัยเยือกเย็นต้องขมวดคิ้วคาดเดาต่างๆ นานา คาดเดาว่าระหว่างหยางไคและชิงหย่าแท้จริงแล้วมีความเกี่ยวข้องอะไรอยู่กันแน่
ความเจ็บปวดภายในใจกลับหาได้เป็นเหมือนอย่างที่เคยจินตนาการเอาไว้ แต่กลับกลายเป็นปิงเตี๋ยที่เปล่งเสียงร้องออกมา ชิงหย่าที่ข่มตาปิดเอาไว้จนแน่น ก็ได้พบเห็นเงาหลังของหยางไคปรากฏขึ้นมาแล้ว
“เจ้ามาได้อย่างไรแล้ว?” ชิงหย่าเอ่ยถามขึ้นด้วยความตกใจ
“เดิมทีก็มาเพื่อที่จะคุยกับเจ้าอยู่แล้ว แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะต้องมาพบกับเรื่องเช่นนี้ได้!” หยางไคหันหน้ากลับไป แล้วหันไปมองนางด้วยความเป็นห่วงเป็นใยว่า : “ไม่เป็นไรนะ?”
ชิงหย่าส่ายหน้าไปมา ฝืนยิ้มแล้วกล่าว: “ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร”
“แล้วเป็นผู้ใดที่ทำร้ายเจ้ามาก่อนกัน?”
ชิงหย่าขบริมฝีปาก แต่กลับหาได้ตอบคำไม่
หยางไคถอนหายใจออกมาอย่างแผ่วเบา จากนั้นก็ได้ล้วงขวดหยกออกมาจากภายในวงแหวนมิติอวกาศ แล้วยื่นเข้าไปให้ : “ใช้ยาสมานแผลเถอะ”
ชิงหย่ายื่นมือรับเข้ามา กล่าวคำขอบคุณ แต่กลับหาได้ใช้ยาในทันที เพียงแต่ละสายตาหันไปมองปิงเตี๋ยที่อยู่ไม่ห่างไกลออกไปด้วยแววตาสับสน
จากการรับฝ่ามืออันเกรี้ยวกราดของหยางไคไป ถึงแม้ปิงเตี๋ยจะดูไปแล้วอยู่ในสภาพที่ลำบากอย่างถึงที่สุด แต่ตามอาการบาดเจ็บตามความเป็นจริงแล้วกลับหาได้สาหัสไม่ อาจจะด้วยความสามารถของหยางไคในตอนนี้ อาจจะสามารถดับสิ้นชีวิตของนางลงได้ในทันทีด้วยการโจมตีนั้นไปแล้ว
ที่นี่ถึงอย่างไรก็ยังเป็นหุบเขาหฤทัยเยือกเย็น ถึงอย่างไรก็ยังคงเป็นสำนักของซูเหยียน หยางไคเองก็ไม่ได้ต้องการที่จะก่อเรื่องให้ใหญ่โตเกินไปนัก
จากที่ได้ยินคำสนทนาระหว่างหยางไคและชิงหย่า บนใบหน้าเย็นเยียบของปิงเตี๋ยก็ได้ปรากฏสีหน้าดุร้ายขึ้นเล็กน้อย ยื่นมือปาดเช็ดคราบเลือดที่อยู่ตรงมุมปาก หัวเราะอย่างเย็นชาแล้วกล่าว : “สมานแผล? นางคงจะไม่มีโอกาสเช่นนี้อีกแล้ว! ขัดขืนคำสั่งผู้อาวุโสอย่างเปิดเผย ทำร้ายศิษย์หอผู้คุมกฎ ศิษย์นอกเกาะชิงหย่า วันนี้มีแต่ต้องตายแน่นอน!”
ชิงหย่าที่ร่างกายสั่นระริก กำหมัดไว้จนแน่น ข้อนิ้วข้อมือกลายเป็นสีขาว
หยางไคสะบัดหน้าออกไปในทันที ใช้แววตากวาดมองไปที่ปิงเตี๋ย สาดทอแววตาเย็นเยียบดุจน้ำแข็ง แผ่ซ่านสำนึกแห่งความเย็นเยียบออกมา
“ที่ทำร้ายเจ้านั้นก็คือข้า มีเรื่องอะไรก็ขอให้มุ่งมาที่ข้า ชิงหย่ามีโทษอะไรกัน?”
“เจ้าเองก็หนีไม่รอดอยู่แล้ว ไม่ว่าเจ้าจะมีที่มาที่ไปอะไร แต่หาญกล้ามาเหิมเกริมในเกาะสุดขั่วเยือกเย็น เจ้าก็อย่าได้คิดที่จะรอดพ้นไปได้อย่างปลอดภัย รวมไปจนถึงชิงหย่า……นางจะต้องตายแน่นอน สมรู้ร่วมคิดกับคนนอก อีกทั้งยังเป็นบุรุษผู้หนึ่ง! ทำลายชื่อเสียงหุบเขาหฤทัยเยือกเย็นเรา จนเป็นมลทินของสำนักบรรพจารย์ พวกเจ้าชายโฉดหญิงชั่ว แฝงตัวเข้ามายังหุบเขาหฤทัยเยือกเย็นเราแท้จริงแล้วมีแผนการใดกันแน่?”
ชิงหย่าร่างกายสะท้านไปครู่หนึ่ง อีกทั้งยังได้ทอสีหน้าซีดเผือดหันไปมองปิงเตี๋ย กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ : “ศิษย์พี่ปิงเตี๋ย เหตุใดท่านถึงได้กล่าวออกมาเช่นนี้ ระหว่างข้าและหยางไคกลับหาได้มีอะไรไม่ อีกทั้งยังหาได้กล้าที่จะมาทำลายชื่อเสียงของหุบเขาหฤทัยเยือกเย็นเรา จนทำให้เกิดเป็นมลทินแก่สำนักบรรพจารย์! ที่หยางไคมายังที่แห่งนี้ ทั้งหมดล้วนแต่เป็นเพราะ……”
“หุบปาก! ที่นี่กลับหาได้มีอะไรให้เจ้าต้องพูด!” ปิงเตี๋ยได้หันไปตวาดใส่ชิงหย่า จนแทบจะไม่ให้โอกาสนางได้อธิบาย เพียงหัวเราะอย่างเย็นชาแล้วกล่าว : “เจ้าเรียกเขาได้อย่างใกล้ชิดเช่นนี้ ยังกล้ามาบอกว่าไม่ได้มีอะไรกับเขาอีกงั้นหรือ?”
ชั่วขณะนี้ ก็ได้มีศิษย์ของหุบเขาหฤทัยเยือกเย็นที่ชมดูอยู่โดยรอบกันไม่น้อยที่ต่างก็ได้แสดงสีหน้าประหลาดพิกลกันออกมา
ถึงแม้ว่าระหว่างหยางไคและชิงหย่าจะเพียงสนทนากันเพียงไม่กี่ประโยค แต่ไม่ว่าจะเป็นผู้ใดก็สามารถพอที่จะตัดสินจากอารมณ์และน้ำเสียงระหว่างทั้งสองคนได้ ทั้งสองย่อมต้องมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน อย่างน้อยก็ไม่ได้รู้จักกันแค่เพียงผิวเผิน
ภายในส่วนนี้ แท้จริงแล้วยังมีความลับอะไรซ่อนเอาไว้อยู่กันแน่
ชิงหย่าก็ได้ทอสีหน้าโศกเศร้า: “ศิษย์พี่หญิง ท่านสามารถที่จะจัดการข้า ฆ่าข้า แต่ย่อมไม่สามารถลบหลู่ข้า ชิงหย่านับตั้งแต่เข้ามายังหุบเขา กลับยังหาได้เคยประพฤติเรื่องที่ผิดต่อสำนักมาก่อนไม่”
อีกทั้งเรื่องนี้ยังเกี่ยวพันกับหยางไค หยางไคถึงอย่างไรก็เป็นบุรุษของซูเหยียน ชิงหย่าต่อให้สับสนยิ่งกว่านี้ ก็ไม่สามารถที่จะมีความสัมพันธ์อะไรกับหยางไค
“ไม่เคยทำมาก่อนงั้นหรือ?” ปิงเตี๋ยจับจ้องมองนางด้วยความอาฆาต : “ชักนำให้บุรุษผู้นี้มาลอบทำร้ายข้า นี่ยังนับว่าเป็นเรื่องที่ผิดต่อสำนักอาจารย์หรือไม่?”
“ข้าหาได้!” ชิงหย่ารีบกล่าวขึ้นเพื่อหักล้าง
“ริอาจหาญมาเล่นลิ้นอีก!” ปิงเตี๋ยตะโกนก้อง : “หากมิใช่ว่ามีการชี้นำจากเจ้า เขามีหรือที่จะปรากฏตัวออกมาได้ทันท่วงทีหรือ!”
ชิงหย่าอ้าปากค้าง โดยที่พูดอะไรไม่ออก
“การจะกล่าวโทษใครยังไงก็มีเหตุผลยกอ้างเสมอ!” บนใบหน้าของหยางไคก็ได้ปรากฏสีหน้าของความสิ้นหวังออกมา : “ชิงหย่า ในเมื่อในที่แห่งนี้ไม่อาจรับเจ้าไว้ได้ เช่นนั้นก็อย่าได้ทนอยู่ต่อไปแล้ว”
หลังจากที่กล่าวจบก็ได้ถอนหายใจออกมายาวๆ ราวกับกำลังบ่นพึมพำกับตัวเองอยู่ : “เดิมทีข้ายังคิดว่าซูเหยียนอยู่ในที่แห่งนี้ แล้วจะได้รับการดูแลดีเป็นอย่างยิ่ง แต่จากที่เห็นในตอนนี้ คงจะได้เวลาที่จะพานางไปแล้ว สถานที่สกปรกโสมมเช่นนี้ มีแต่จะทำให้พื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ต้องมีมลทินกันเท่านั้น”
ซูเหยียน?
บุรุษผู้นี้ถึงกับรู้จักซูเหยียนด้วยงั้นหรือ?
อีกทั้งเมื่อครู่เขายังบอกอะไรออกมานะ……เขาถึงกับต้องการที่จะพาตัวซูเหยียนไปด้วยงั้นหรือ?”
เขากำลังเพ้อฝันอยู่หรือไงกัน?
แท้จริงแล้วบุรุษเพศต่างก็หาได้ใช่เป็นผู้มีเหตุผลไม่!
ศิษย์สตรีไม่น้อยก็ได้ใช้แววตาประหลาดหันไปเหม่อมองหยางไคด้วยแววตาที่ประหลาดพิกล ในใจเพียงคิดว่าเด็กน้อยผู้นี้แท้จริงแล้วคงจะถูกภาพลักษณ์ภายนอกของซูเหยียนสะกดเข้าให้แล้ว?
นับตั้งแต่ที่ซูเหยียนมาถึงยังที่แห่งนี้ ถึงแม้จะเคยออกมาเพียงไม่กี่ครั้ง แต่ก็เป็นที่เลื่องลือไปทั่วทั้งดาววารีสีชาด แม้แต่บุตรของเจ้าสำนักนิกายแสงอัคคีนามเว่ยเฟิงผู้นั้นก็ยังนึกถึงซูเหยียนมิเคยขาด ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงผู้อื่นกันแล้ว
หลายปีมานี้ ได้มีผู้ทรงพลังจากขุมอำนาจหลายต่อหลายแห่งนับไม่ถ้วนมุ่งหน้ามายังหุบเขาหฤทัยเยือกเย็น เพื่อหวังว่าจะสามารถให้ผู้เยาว์ที่มีความโดดเด่นของฝ่ายตนตบแต่งซูเหยียนที่มีความงามเลิศล้ำผู้นี้ไปได้ ในส่วนนี้ยังได้มีชนชั้นรุ่นหลังที่มีคุณสมบัติอันโดดเด่นที่มากพออีกด้วย แต่ก็ยังคงหาได้มีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด ล้วนแต่ถูกหุบเขาหฤทัยเยือกเย็นปฏิเสธไปไม่
ซูเหยียนซึ่งถือได้ว่าเป็นอนาคตของหุบเขาหฤทัยเยือกเย็น มีอย่างที่จะที่จะแต่งออกนอกได้กัน?
กระทั่งผู้นำผู้อาวุโสก็ยังเห็นถึงความสามารถของนาง ในยามที่เก็บตัว ในบางครั้งยังได้เรียกนางเข้าพบ เพื่อรับการถ่ายทอดเคล็ดการบ่มเพาะอีกทาง
ด้วยเกียรติยศอันยิ่งใหญ่เช่นนี้ ทั่วทั้งหุบเขาหฤทัยเยือกเย็น ที่พอจะมีคุณสมบัติเข้าพบผู้นำผู้อาวุโสได้ ก็คงจะมีแต่เพียงท่านจ้าวหุบเขาและผู้อาวุโสสูงสุดเพียงสองท่านเท่านั้น ในส่วนของผู้อาวุโสคนอื่นๆ ก็ล้วนแต่ยังไม่ถือว่ามีคุณสมบัติ
ซูเหยียนที่เปรียบเสมือนหงส์ที่ยืนอยู่บนยอดสูงสุดนั้น บุรุษทั่วหล้าในดาววารีสีชาดในสายตาของนาง ล้วนแต่ไม่ต่างอะไรไปจากแมลงตัวน้อยที่คอยปีนป่ายขึ้นมา
แทบจะหาได้มีคนคู่ควรกับนางเลยด้วยซ้ำ!
ทันใดนั้นหยางไคที่ปล่อยวาทศิลป์เช่นนี้ออกมา เหล่าศิษย์สตรีของหุบเขาหฤทัยเยือกเย็นจึงได้บังเกิดความเข้าใจผิดขึ้นมา คิดว่าหยางไคกับเว่ยเฟิงผู้นั้น ล้วนแต่มีใจปฏิพัทธ์ต่อซูเหยียน แต่จะไม่สามารถที่จะครองใจสาวงามมาได้ เป็นเพราะเด็กน้อยที่ทำได้แต่เพียงลอบคิดคะนึงถึง
“อย่างเจ้าก็ยังคิดที่จะพาซูเหยียนไปด้วยงั้นหรือ?” ภายในแววตาปิงเตี๋ยพลันปรากฏความเดือดดาล ตวาดออกมาเสียงดังก้อง : “เจ้ามีชีวิตรอดให้พ้นจากวันนี้ได้ก่อนค่อยว่ากล่าวกันอีกคราเถอะ! ศิษย์ทุกคนรับคำสั่ง จงฆ่าชิงหย่าและบุรุษโฉดชั่วไร้ยางอายผู้นี้ เพื่อเกียรติยศของสำนัก จงอย่าได้ลังเลโดยเด็ดขาด!”
เมื่อสิ้นเสียงจากวาจาของปิงเตี๋ย ศิษย์ที่ติดตามนางมากันอีกหลายคนก็ได้พุ่งเข้าใส่หยางไคโดยที่ไม่มีแม้แต่ความหวาดกลัว
ก่อนหน้านี้พวกนางก็มิใช่ว่าจะได้ไม่เห็นหยางไคลงมือต่อปิงเตี๋ยไม่ แต่คำสั่งของหอผู้คุมกฎย่อมต้องมีอย่างแน่นอนอยู่แล้ว ต่อให้ทราบว่าไม่อาจที่จะสู้ได้ แต่ก็ยังต้องกล้ำกลืนฝืนใจลงมือ
และเหล่าศิษย์นอกเกาะที่ได้พบเห็นความวุ่นวายที่เกิดขึ้น ก็ทำได้แต่ขมวดคิ้วกันขึ้นมา พร้อมทั้งยังได้มีคนอีกไม่น้อยที่เลือกจะเพียงคนดูสถานการณ์เท่านั้น อีกทั้งยังมีคนอีกบางส่วนที่หวาดเกรงต่ออำนาจของหอผู้คุมกฎ จึงได้ลอบกระตุ้นลมปราณศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมา สาดทอแววตาจับจ้องมองไปที่หยางไค
พวกเขาเองก็ไม่คิดที่จะหันไปลงมือต่อชิงหย่าไม่ แต่ว่าการลงมือจัดการกับหยางไคนี้
แม้จะไม่คิดลงมือต่อชิงหย่า แต่การต่อกรกับบุรุษนิรนามอย่างหยางไคย่อมไม่ถือเป็นปัญหาอะไรอยู่แล้ว
ลมปราณศักดิ์สิทธิ์ธาตุน้ำแข็งยังได้ล้นทะลักกระจายไปทุกสารทิศ เดิมก็เกิดเป็นความเย็นยะเยียบดุจดั่งยอดเขาน้ำแข็งเหมันต์ที่หนาวเหน็บ ทั่วทั้งใต้หล้าแห่งนี้ ราวกับว่ายังล้วนแต่คงเหลือเอาไว้แต่เพียงพลังของความหนาวเหน็บเท่านั้น เพียงพอที่จะผนึกผืนธรณีจนกลายเป็นน้ำแข็งไปชั่วนิรันดร์
ศิษย์จากหอผู้คุมกฎที่พุ่งเข้ามาหลายคนนั้นในขณะที่อยู่ห่างจากหยางไคที่ประมาณห้าจั้งทันในนั้นก็ได้กรีดร้อง กระเด็นลอยออกไป กระแทกชนพื้นหิมะไปตามๆ กัน ทอใบหน้าซีดเผือด ปีนป่ายลุกขึ้นยืนโดยที่ไม่กล่าวอะไรออกมา
และศิษย์นอกเกาะที่ลงมือต่อหยางไคเหล่านั้นก็ล้วนแต่เกิดอาการสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว ทอใบหน้าซีดเผือด หันไปมองหยางไคด้วยอาการแตกตื่นตกใจ ไม่กล้าที่จะทำอะไรผลีผลามออกมาอีก
หาได้มีคนที่กระจ่างแจ้งชัดเจนว่าหยางไคจะลงมืออย่างไรต่อไป แต่ผลลัพธ์ที่อยู่เบื้องหน้ากลับยังคงถือเป็นข้อสรุปที่สลักลึกอยู่ภายในจิตใจของพวกนางว่าตัวของพวกนางและหยางไคช่างมีความแตกต่างกันจนมากเกินไป
“หยางไค อย่าได้ทำจนเกินเลยไปนะ!” ชิงหย่าแตกตื่นจนหน้าถอดสี
นางจะอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่า บนเกาะสุดขั่วเยือกเย็น หยางไคจะถึงกับกล้าลงมือต่อศิษย์ของหุบเขาหฤทัยเยือกเย็น
ก่อนหน้านี้ยังคิดว่าเพียงแค่การช่วยตัวเองก็นับเป็นเรื่องที่ลำบากแล้ว แต่ว่าตอนนี้ เขาถึงกับคิดที่จะลงมืออีกครั้ง
ถึงแม้จะไม่ได้ฆ่าคน แต่หากดูจากสภาพของศิษย์จากหอผู้คุมกฎ เห็นได้ชัดว่าไม่ได้บาดเจ็บเล็กน้อยเลยทีเดียว
นางกลับหาได้เป็นห่วงความเป็นความตายของศิษย์ร่วมสำนักทั้งหลายคนนั้นไม่ จากประสบการณ์ที่ได้รับในครั้งนี้ ความรู้สึกที่เคยยอมรับและหวงแหนที่ชิงหย่ามีต่อหุบเขาหฤทัยเยือกเย็นล้วนแต่มลายหายไปจนกลายเป็นเพียงอากาศธาตุแล้วเท่านั้น
นางเพียงคิดที่จะออกไปจากสถานที่แห่งนี้มาตั้งแต่แรก
นางเกรงว่าหยางไคจะมีโทสะจนยากระงับ จนนำไปสู่การชักนำให้ผู้ทรงพลังของหุบเขาหฤทัยเยือกเย็นผู้ทรงพลังลงมือ!
เมื่อถึงเวลานั้นหยางไคที่ต่อให้มีความสามารถล้นฟ้า ก็ไม่อาจที่สลัดความยุ่งยากออกไปอย่างง่ายดายแล้ว
ปิงเตี๋ยที่ยังคงยืนอยู่ในจุดเดิม ก็ได้เหม่อมองไปที่ฉากเบื้องหน้านี้ ทันใดนั้นก็พลันฉีกยิ้มจนกว้าง นั่นกลับเป็นรอยยิ้มที่ราวกับอสรพิษชะเง้อคอมอง บนใบหน้ายังคงแฝงเอาไว้ด้วยความถือดีว่า: “ได้ได้ได้! ในครั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นผู้ใด ก็อย่าได้หวังที่จะช่วยเจ้าได้อีกแล้ว เจ้าจะต้องตายสถานเดียวแล้วเท่านั้น”
หยางไคเหม่อมองไปที่นาง พร้อมกับหรี่ตาลง กล่าวตอบออกไปด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย : “เจ้าคิดว่าข้ามองไม่ออกหรืออย่างไร ว่านี่เป็นแค่การจัดฉากขึ้น?”
รอยยิ้มบนใบหน้าของปิงเตี๋ยทันใดนั้นก็ได้แปรเปลี่ยนจนกลายเป็นแข็งทื่อขึ้นมาบ้าง
“ออกมาซะเถอะ จะมัวแต่หลบหลบซ่อนซ่อนไปทำไม ท่านใต้เท้าก็น่าจะชมดูนานมาพอสมควรแล้วมิใช่หรอกหรือ?” หยางไคที่กำลังเอ่ยปาก ทันใดนั้นก็ได้สะบัดมือฟาดเข้าไปยังทิศทางที่มีแต่ความว่างเปล่า พร้อมกับฝ่ามือประทับขนาดใหญ่ข้างหนึ่งที่กระแทกเข้าไป
ในระหว่างที่เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ฝ่ามือประทับก็ได้ถูกพลังอันมหาศาลไร้รูปลักษณ์สลายสภาวะไป แต่ท่ามกลางห้วงมิติเช่นนั้น แต่กลับมีเงาร่างประหลาดปรากฏขึ้นมาเป็นสาย
ศิษย์นอกเกาะนับไม่ถ้วนก็ได้เงยหน้าขึ้น วินาทีนั้นก็ได้เปล่งเสียงร้องออกมาด้วยความแตกตื่น: “ผู้อาวุโสสูงสุด!”
“ศิษย์ขอคารวะท่านผู้อาวุโสสูงสุด!” เมื่อทุกคนตั้งสติกลับมา ก็รีบแสดงคารวะ แสดงสีหน้าเลื่อมใส
เงาร่างที่ปรากฏอยู่ท่ามกลางความว่างเปล่านั้น เห็นได้ชัดว่าย่อมต้องเป็นผู้อาวุโสสูงสุดแห่งหุบเขาหฤทัยเยือกเย็นแน่นอน!
หรานอวิ่นถิ่งที่สวมเอาไว้ด้วยชุดชาววังสีม่วงเข้ม ดูไปแล้วสง่างามสูงล้ำเป็นอย่างยิ่ง พลังสภาวะจากทั้งร่างลึกล้ำสุดยั้งคาดดั่งท้องมหาสมุทร แต่แววตาที่นางหันไปมองหยางไคในตอนนี้ กลับปรากฏเค้าความตกใจขึ้นมาบ้าง
นางกลับคิดไม่ถึงว่าหยางไคจะถึงกับตรวจพบการดำรงอยู่ของตัวเองมาได้ตั้งแต่แรก
นางที่คิดว่าทุกอย่างแม้แต่เทพก็ยังไม่ล่วงรู้ผีสางก็ยังไม่อาจที่จะรู้สึกได้
.
.
.