ตอนที่ 1643 ท้อแท้ใจ
ตอนที่ 1643 ท้อแท้ใจ
หากว่ากันโดยทั่วไป สิ่งที่เป็นดั่งความเป็นปรปักษ์เป็นเพียงความไม่พอใจเหล่านี้ ย่อมต้องเป็นคนที่มีความโหดเหี้ยมเท่านั้นจึงจะมีได้ คนของหุบเขาหฤทัยเยือกเย็นล้วนแต่บ่มเพาะเคล็ดวิชาสายน้ำแข็ง มุ่งเน้นอยู่ที่ความมุ่งมั่นของจิตใจ มีหรือที่จะมีคนเช่นนี้ได้ ?
ไม่แต่เพียงแค่นี้ ศิษย์สตรีหลายคนนี้ที่ดูแล้วมีสีหน้าเย็นเยียบดุจน้ำแข็ง ทั้งไม่ยิ้มไม่แย้ม แผ่ซ่านพลังสภาวะที่ทำให้คนแปลกหน้ามิอาจหาญเข้ามาใกล้
พวกนางเดินตรงไปที่ยอดเขาน้ำแข็ง ไม่นานก็ได้มาถึงยังด้านหน้าถ้ำแห่งหนึ่ง
ศิษย์สตรีที่เป็นผู้นำผู้นั้นก็ได้มองสำรวจรอบบริเวณ ดูเหมือนจะถามผู้ใดอยู่:“เป็นที่นี่อย่างงั้นหรือ ?”
ระหว่างนั้นก็ได้มีคนตอบมาว่า : “เป็นที่นี่ไม่ปิดแน่นอน”
ทันใดนั้นก็ได้มีคนตอบมาว่า : “เป็นที่นี่ไม่ผิดแล้ว”
ศิษย์สตรีที่เป็นผู้นำทางก็ได้พยักหน้า ทันใดนั้นก็ได้เปล่งเสียงดังเจือแจว:“ศิษย์นอกเกาะชิงหย่าอยู่หรือไม่!”
น้ำเสียงกลับหาได้ดังมากนัก แต่ก็นับว่าสามารถถ่ายทอดไปยังตำแหน่งที่ห่างไกลออกไปได้เป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งยังมีแรงดึงดูดเป็นอย่างยิ่ง
หยางไคเมื่อได้ฟัง ก็ได้คลายคิ้วที่ขมวดแสดงความยินดีออกมา นี่แทบจะไม่ต่างอะไรไปจากเมื่อง่วงก็มีคนยื่นหมอนมาให้1กันแล้ว ตนเองที่ประจวบยังไม่อาจเสาะหาถ้ำของชิงหย่าได้ ทันใดนั้นก็ได้มีคนกลุ่มหนึ่งคิดที่จะพบชิงหย่ากันแล้ว
ทว่า……ศิษย์สตรีกลุ่มนี้ราวกับไม่ได้มาเยือนด้วยเจตนาดีกันแล้ว!หยางไคจึงได้ลอบขมวดคิ้ว แต่กลับหาได้รีบปรากฏกายออกมา เพียงแต่ยังคงซ่อนตัวอยู่ในจุดเดิม กำลังจำตามองในที่ลับ
ศิษย์สตรีผู้นั้นไม่ทันจะกล่าวจนจบ หลังผ่านไปได้ไม่ทันสามช่วงลมหายใจ กำแพงหนาที่อยู่นอกถ้ำชั้นอีกชั้นหนึ่งทันใดนั้นก็ได้ขยับเปิดออกด้วยตัวมันเองไปทั้งสองข้างทาง ดุจดั่งฟองสบู่แตก ภายในถ้ำที่พัก ก็ได้มีร่างที่สวมไว้ด้วยชุดกระโปรงขาวบริสุทธิ์เดินออกมา เป็นศิษย์สตรีที่สง่างามนางหนึ่ง
ชิงหย่า ! หยางไคเลิกขนคิ้วขึ้นโดยพลัน พริบตานั้นก็ได้พบว่าผิดปกติแล้ว
สภาวะที่เลื่อนลอยของชิงหย่า ใบหน้าที่ขาวซีด ราวกับได้รับบาดเจ็บสาหัสมาแล้ว !
เมื่อหลายวันก่อนในเวลาที่นางได้กลับมาถึงยังเกาะสุดขั่วเยือกเย็นยังอยู่กันดีดี เหตุใดถึงได้รับบาดเจ็บกันได้ล่ะ ? อีกทั้งหากดูจากท่าทีของนาง กลับยังดูไม่เหมือนกับว่าได้รับบาดเจ็บมาจากการเกิดข้อผิดพลาดจากการบ่มเพาะไม่ แต่คล้ายกับว่า……ได้ถูกผู้คนเล่นงานมาก่อน !
จิตใจหยางไคพลันเกิดเป็นระแวงนับหมื่นส่วน
ทางด้านนั้น ชิงหย่าที่เดินออกมาจากภายในถ้ำ เมื่อได้เห็นใบหน้าและเครื่องแต่งกายของผู้มาเยือน ก็อดไม่ได้ที่จะมีสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย
นางราวกับจดจำได้ว่าศิษย์สตรีที่เป็นผู้นำเป็นผู้ใด
“ที่แท้ก็เป็นศิษย์พี่ปิงเตี๋ย ศิษย์พี่หญิงมาหาข้ามีเรื่องอันใด ?”ชิงหย่าที่พยายามที่แสดงสีหน้ามั่นคง แต่วาจาที่เอ่ยออกมากลับสั่นเครือจนกลับกลายเป็นการแสดงความร้อนรนที่เกิดขึ้นภายในใจนาง
ในเวลานี้ ทั่วทั้งยอดเขาน้ำแข็งก็ได้มีศิษย์ของหุบเขาหฤทัยเยือกเย็นไม่น้อยได้ถูกการเรียกขานของปิงเตี๋ยก่อนหน้านี้ตกใจกันออกมา จนแยกย้ายกันออกมา เพื่อดูว่าเกิดอะไรกันขึ้น
หลังจากที่ได้พบเห็นฉากเบื้องหน้าสายตา ต่างก็อดไม่ได้ที่จะทอสีหน้าแตกตื่นออกมา
“ถึงกับเป็นศิษย์พี่ปิงเตี๋ยจากหอผู้คุมกฎ!เหตุใดนางถึงได้มายังที่แห่งนี้กัน อีกทั้งยังได้มาเสาะหาศิษย์น้องชิงเหย่าอีก ?”
ข้าจะกระซิบให้เจ้าฟังถึงความลับของหยางไค มาที่ mynovel.co หรือ www.thai-novel.com สิ
“ย่ำแย่แล้ว ศิษย์น้องชิงเหย่าคงจะไม่ได้ไปทำอะไรผิดมาหรอกนะ ? มิเช่นนั้นมีหรือที่จะชักนำเทพแห่งความโชคร้ายมาได้ ?”
“ไม่แค่เพียงแค่นี้เท่านั้น ในหลายปีมานี้ที่ชิงหย่านางได้เข้าสู่หุบเขาก็ยังคอยรักษาผลงานได้เป็นอย่างดีมาโดยตลอด ช่วงเวลาก่อนหน้านี้ราวกับได้สร้างผลงานอีกไม่น้อย จะไปมีความผิดได้อย่างไรกัน ?”
“หรืออาจเป็นไปได้ว่า ข้าเองก็เคยได้ยินศิษย์พี่หญิงท่านหนึ่งนามหรานอวิ่นถิ่งกล่าวเอาไว้ว่า เมื่อหลายวันก่อนศิษย์น้องชิงหย่าที่ไม่ทราบเหมือนกันว่าไปทำความผิดอะไรมา จึงได้ทำให้ผู้อาวุโสสูงสุดเดือดดาลขึ้นมา จนถูกท่านผู้อาวุโสสูงสุดระบายโทสะออกมาอยู่ไม่น้อย”
“เรื่องเช่นนี้ข้าเองก็ได้ยินมาบ้างแล้ว คล้ายกับว่าได้มีศิษย์พี่หญิงนามโจวอวิ่นเสวียนอีกคนที่ยังได้ลงมือทำร้ายนางงจนบาดเจ็บไปแล้ว”
“คงไม่หรอก ความสัมพันธ์ระหว่างศิษย์น้องชิงหย่าและซูเหยียนยังนับว่าดีเป็นอย่างยิ่งเลยล่ะ มีซูเหยียนอยู่ ยังมีผู้ใดกล้ามาจัดการกับนางอีกกัน ?”
……
กระนั้นเพียงแค่ชั่วครู่เดียว ศิษย์ที่มาจากทั่วทั้งหุบเขาน้ำแข็งเองก็ราวกับได้ถูกทำให้แตกตื่นกันขึ้นแล้ว ต่างก็แยกย้ายกันออกมาจากภายในถ้ำที่พำนัก มีทั้งยืนอยู่ในที่ใกล้ไกลหันมามองยังที่แห่งนี้
พร้อมกับเสียงซุบซิบนินทาดังมาจากรอบบริเวณ ศิษย์สตรีที่เป็นผู้นำนามว่าปิงเตี๋ยเองก็หาได้เคลื่อนไหวอะไรไม่ เพียงแต่หันไปมองชิงหย่าด้วยสีหน้าเย็นชา จากนั้นก็ได้กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า:“ชิงหย่า เจ้าที่มีสถานภาพเป็นถึงศิษย์หุบเขาหฤทัยเยือกเย็น อีกทั้งยังได้รับการชุบเลี้ยงจากสำนัก ไม่เพียงแต่จะไม่สำนึกบุญคุณ ในทางกลับกันยังไปสมรู้ร่วมคิดกับคนนอก มาทำให้รากฐานของหุบเขาหฤทัยเยือกเย็นเราต้องสั่นคลอน ถ่ายทอดคำสั่งของผู้อาวุโส นับแต่นี้เป็นต้นไป ให้ทำลายการบ่มเพาะของชิงหย่า ขับไล่ออกไปจากหุบเขาหฤทัยเยือกเย็น มิให้เหยียบย่างเข้าสู่เกาะสุดขั่วเยือกเย็นชั่วนิจนิรันดร์ !”
วาจาเพียงหนึ่งประดั่งคลื่นสูงซ้อนทับกันนับพัน ปิงเตี๋ยที่เอ่ยปากก็ได้ทำให้ศิษย์ที่อยู่บนยอดเขาน้ำแข็งล้วนแต่เกิดความวุ่นวายกันขึ้นมาแล้ว พร้อมกับส่งเสียงร้องแตกตื่นกันออกมา ยังได้มีศิษย์สตรีอีกไม่น้อยที่ถึงกับใช้มือป้องปาก แตกตื่นตกใจระคนหันไปมองชิงหย่าด้วยความเห็นใจ จนถึงขั้นที่หางตายังสั่นระริก
ขับไล่ออกไปจากหุบเขาหฤทัยเยือกเย็น ทำลายการบ่มเพาะ นี่ย่อมถือเป็นบทลงโทษที่โหดเหี้ยมที่สุดสำหรับหุบเขาหฤทัยเยือกเย็นแล้ว ด้วยวิธีการเยี่ยงนี้หากเทียบกับการฆ่าใครสักคนยังถือว่าน่าหวาดกลัวเสียยิ่งกว่า
ความตายที่เป็นเพียงแค่เรื่องชั่ววูบ แต่การถูกทำลายการบ่มเพาะจนพิการแล้วยังต้องถูกขับไล่ออกตากหุบเขาหฤทัยเยือกเย็น เช่นนั้นคนผู้นี้ก็ยากที่จะมีชีวิตรอดต่อไปได้แล้ว นี่ก็คือข้อด้อยของการถูกเคี่ยวกรำไปชั่วนิจนิรันดร์
ชิงหย่าสั่นสะท้านไปทั้งร่าง ภายในแววตายังได้เอ่อล้นสีหน้าแตกตื่นตกใจ เดิมก็มีสีหน้าซีดเผือดเสียยิ่งกว่าเดิมแล้ว จึงค่อยได้กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ : “ศิษย์พี่ปิงเตี๋ย นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน ?”
การสมรู้ร่วมคิดกับคนนอก สั่นคลอนรากฐานหุบเขาหฤทัยเยือกเย็น โทษทีทำให้เกิดความเสื่อมเสียเช่นนี้ย่อมไม่สามารถกล่าวส่งเดชออกมาได้อยู่แล้ว นับตั้งแต่ที่ชิงหย่าได้เข้าสู่หุบเขาหฤทัยเยือกเย็นมานี้ แทบจะหาได้เคยทำให้สำนักตกอยู่ในภยันตรายอะไรไม่ เนื่องจากเป็นเพราะช่วงเวลาก่อนหน้านี้ต้องเสาะหาหยางไคจนพบ ยังได้รับคำชมจากท่านจ้าวหุบเขาอยู่เลย เหตุไฉนทันใดนั้นก็กลับต้องมาตกอยู่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้อีกกัน ?
การแวะเวียนมาเยือนอย่างกะทันหันของปิงเตี๋ย อีกทั้งยังได้ป่าวประกาศเรียกที่น่าแตกตื่นเช่นนี้ออกมา นี่เรียกได้ว่าแทบจะเป็นสิ่งที่นางไม่อาจทนทานรับไว้ได้เลย
“เรื่องที่ว่าเกิดอะไรขึ้นนั้นเจ้าย่อมทราบดีอยู่แก่ใจ !”ปิงเตี๋ยก็ได้หันไปเหม่อมองชิงหย่าอย่างเย็นเยียบ แต่กลับหาได้มีความตั้งใจที่จะกล่าวอธิบายอะไรออกมา : “เจ้าจะลงมือทำลายการบ่มเพาะเอง หรือจะให้ศิษย์พี่เป็นผู้ลงมือ ? ลองบอกออกมาก่อนเถอะ หากเจ้าลงมือทำด้วยตัวเองก็ยังไม่แน่ว่าอาจจะสามารถกลายเป็นเบาได้บ้าง แต่หากให้ศิษย์พี่ข้าลงมือจะไม่มีคำว่าหนักเบา จนอาจสามารถทำให้เจ้าบาดเจ็บเอาก็เป็นได้ !”
“ศิษย์พี่ปิงเตี๋ย!”ชิงหย่ากัดฟันเปล่งเสียง หางตาที่บังเกิดความหวาดกลัวก็พลันปรากฏขึ้นมาจนรุนแรงอยู่พอสมควร : “ข้าหาได้เคยประพฤติที่ทำให้สำนักต้องตกอยู่ในวิกฤติมาก่อน อีกทั้งยังหาได้สมรู้ร่วมคิดกับคนนอก จนสั่นคลอนรากฐานหุบเขาหฤทัยเยือกเย็น ข้าไม่ขอยอมรับ ข้าต้องการพบท่านผู้อาวุโส ข้าต้องการขอพบท่านจ้าวหุบเขา !”
การที่ต้องมาถูกใส่ร้ายป้ายสีเช่นนี้ ไม่ว่าอย่างไรชิงหย่าก็ไม่มีทางยอมรับอย่างแน่นอน ทว่าภายในจิตใจของนางเองก็พอที่จะคาดเดาได้อยู่หลายส่วน
ส่วนการสมรู้ร่วมคิดกับคนนอกที่ว่านี้ ไม่แน่ว่าอาจจะเกี่ยวข้องกับหยางไคกันแล้ว
เนื่องจากเป็นเพราะหยางไคเห็นแก่หน้านาง จึงค่อยได้มาเยือนเกาะสุดขั่วเยือกเย็น
และการสั่นคลอนรากฐานหุบเขาหฤทัยเยือกเย็น นี่แทบจะเป็นการกล่าวอ้างกันเพียงฝ่ายเดียวเท่านั้น น่าจะเกี่ยวพันกับเรื่องการไปรบกวนการบ่มเพาะของซูเหยียน ซูเหยียนที่ตลอดมานี้ได้ถูกหรานอวิ่นถิ่งมองว่าเป็นอนาคตของหุบเขาหฤทัยเยือกเย็น การเข้ารบกวนการบ่มเพาะของนาง นั่นก็ไม่ต่างอะไรไปจากการสั่นคลอนรากฐานของหุบเขาหฤทัยเยือกเย็นกันแล้ว
เพียงแต่ว่า……เรื่องที่เหมือนกันก็คือ หากเปลี่ยนจนกลายเป็นการบอกในแบบอื่น ความหมายที่ได้ก็จะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงแล้ว
หอผู้คุมกฎน่าจะได้รับคำสั่งมาจากหรานอวิ่นถิ่งจึงค่อยได้ดำเนินการเช่นนี้
“ยังไงเจ้าก็ไม่อาจพบผู้อาวุโสได้แล้ว อีกทั้งยังไม่อาจที่จะพบท่านจ้าวหุบเขาได้ นับตั้งแต่วันนี้ในที่แห่งนี้ ล้วนแต่เป็นข้าที่จะเป็นผู้ตัดสินใจ ! ข้าจะให้เวลาเจ้าไตร่ตรองให้กระจ่างเป็นเวลาสิบช่วงลมหายใจ !”ปิงเตี๋ยเองก็หาได้เก็บมาใส่ใจ เพียงแต่หันไปมองชิงหย่าด้วยแววตาที่เย็นเยียบ
ทันใดนั้นบนใบหน้าของชิงหย่าก็ได้ไร้ซึ่งสีเลือดขึ้นมา จิตใจอ่อนแรงดั่งตายทั้งเป็น
นางที่ยังเป็นเพียงแค่ผู้ที่อยู่ในขอบเขตราชันเซียนขั้นที่สองตัวน้อยๆ หากคิดที่จะแข็งขืนต่อต้านแล้วละก็ วันนี้ ในที่แห่งนี้ ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นที่กลบฝังของนางแล้วก็เป็นได้ การลงมือและการกระทำของศิษย์พี่น้องจากหอผู้คุมกฎเหล่านี้ ชิงหย่าก็เคยได้ยินได้ฟังมาก่อนเช่นเดียวกัน
ชิงหย่ายิ้มอย่างเศร้าสร้อย ดุจดั่งกำลังรับลมหนาวที่พัดผ่านเข้ามา หัวใจของนางหนาวเหน็บเสียยิ่งกว่าที่ได้รับจากทางร่างกาย
ครั้งหนึ่งที่เคยเข้าสู่หุบเขาหฤทัยเยือกเย็น นางยังนับว่ามีความสุขจนเบิกบานใจ อีกทั้งยังลอบสรรเสริญขอบคุณสวรรค์ในทางลับ แต่ในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดกลับต้องมาพบพานกับผู้สูงศักดิ์อย่างหรานอวิ่นถิ่งผู้นี้ หลังจากที่ได้เข้าสู่สำนัก นางก็ปฏิบัติตามตามกฎอย่างเคร่งครัด รับผิดชอบหน้าที่ของการเป็นศิษย์ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ทันทีที่สำนักได้ถ่ายทอดคำสั่งเข้ามา หาได้เคยคิดที่จะบ่ายเบี่ยงแต่อย่างไรไม่
ยิ่งไปกว่านั้นนางยังหาได้เคยคิดที่จะแสวงหาประโยชน์จากสถานะของซูเหยียนมาก่อนไม่ พยายามรับผิดชอบทุกอย่างเท่าที่จะสามารถทำได้ ซึ่งถือได้ว่าเหมาะสมเป็นอย่างยิ่งแล้ว
นางที่เพียงคิดที่จะใช้แต่เพียงกำลังของตัวเองเพื่อแข็งแกร่งขึ้น แล้วก้าวเข้าสู่ความแข็งแกร่งขึ้นทีละขั้น หาได้วิงวอนที่จะเทียบเคียงซูเหยียน แต่อย่างน้อยก็ไม่ขอทำให้นางต้องขายหน้า หรือจะกล่าวได้ว่า ทั้งสองต่างก็มีบ้านเกิดจากที่เดียวกัน อีกทั้งยังได้กราบเข้าสำนักหุบเขาหฤทัยเยือกเย็นในเวลาเดียวกัน การบ่มเพาะของซูเหยียนย่อมมีแต่จะยิ่งสูงส่งมากยิ่งขึ้น หากว่าตัวเองย่ำแย่จนเกินไปแล้วละก็ คนข้างเคียงอาจจะถูกว่ากล่าวไปด้วยก็ได้
เมื่อหลายวันก่อนที่ถูกหรานอวิ่นถิ่งตำหนิอย่างไม่ไว้ไมตรี ยิ่งต้องมาถูกศิษย์พี่หญิงนามโจวอวิ่นเสวียนผู้นั้นทำร้ายจนบาดเจ็บ ชิงหย่าก็แทบจะหาได้มีโทสะแม้แต่น้อย ได้แต่เพียงกลับสู่นอกเกาะอย่างเงียบงัน เก็บตัวรักษาอาการบาดเจ็บ
นางทราบว่า ถึงความคิดของตัวเองเมื่อในเวลานั้นอาจจะดูบ้าบิ่นไปบ้าง จึงไม่อาจที่จะไปโทษคนนอกได้
แต่ว่าข่าวสารที่ปิงเตี๋ยนำกลับมาวันนี้กลับเปรียบเสมือนดั่งฟ้าผ่าตอนกลางแสกๆ2
แต่ข่าวลือที่พัดเข้ามาดั่งสายฟ้าผ่าลงในกลางวันแสกๆ ย่อมต้องทำให้นางบังเกิดความท้อแท้ใจกันอยู่แล้ว
นี่ก็ย่อมต้องเกิดจากการที่ผู้อาวุโสสูงสุดไม่คิดที่จะปล่อยนางไปนั้นเอง !
ตนเองที่ทว่าเป็นเพียงแค่ศิษย์นอกเกาะ ย่อมต้องมีสถานภาพที่สลักสำคัญ นอกเสียจากรู้จักกับหยางไคแล้ว อาจจะเป็นเพราะสาเหตุนี้ ผู้อาวุโสสูงสุดจึงไม่คิดที่จะปล่อยตัวเองไปอย่างงั้นหรือ ? อีกทั้งยังคิดที่จะกล่าวหาใส่ความกันถึงเพียงนี้เชียว
สมรู้ร่วมคิดกับคนภายนอก ทำลายรากฐานของหุบเขาหฤทัยเยือกเย็น……
หางตาของชิงหย่าเองก็ได้ค่อยๆที่จะเย็นเยียบขึ้นมา ในทางกลับกันภายในแววตาก็ได้ค่อยๆมีสีหน้าเปลี่ยนไป
“เจ้ายังมีเวลาให้ใคร่ครวญอีกสามลมหายใจ!”ปิงเตี๋ยกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ชิงหย่าที่ช้อนเรือนผมขึ้นไปเกี่ยวกับใบหู จากนั้นก็หันไปแสดงการคารวะต่อปิงเตี๋ย แล้วกล่าวขึ้นอย่างแผ่วเบาว่า:“ศิษย์พี่ปิงเตี๋ย ศิษย์น้องมีเรื่องจะรบกวนท่านเรื่องหนึ่ง”
ปิงเตี๋ยขมวดคิ้วมองไปที่นาง แล้วเอ่ยขึ้นอย่างเย็นชา : “พูด”
“เรื่องในวันนี้อย่าได้ให้ซูเหยียนได้ล่วงรู้เป็นอันขาด วันข้างหน้าหากว่านางถามหาถึงข้าแล้วละก็ ก็บอกต่อนางไปว่า ชิงหย่าได้ออกไปทำการแสวงหาประสบการณ์ที่ภายนอกแล้ว”
“ยังคงอย่าทำให้เจ้าเปลืองแรงคิดแล้ว ทางด้านของซูเหยียนนั้น กลับเป็นผู้อาวุโสสูงสุดที่มอบหมายให้มากระทำเอง”ปิงเตี๋ยแสยะยิ้มหัวเราะ : “เจ้าคิดว่ายกอ้างนามของซูเหยียนออกมา แล้วจะสามารถรอดพ้นไปจากเภทภัยได้อย่างงั้นหรือ ?
แค่จะมีชีวิตรอดไปได้ก็เป็นเรื่องยากแล้วมิใช่หรอกหรือ ? การดำเนินการของหอผู้คุมกฎล้วนแต่หาได้พิรี้พิไรมาก่อนไม่ ต่อให้เป็นซูเหยียนที่แม้จะทราบดี ก็ยังไม่อาจที่จะหยุดเรื่องที่จะเกิดขึ้นในวันนี้ได้”
เห็นได้ชัดว่าชิงหย่าเองก็คาดคิดไม่ถึง ถึงแม้จะยกอ้างนามของซูเหยียนออกมาก็ยังไม่สามารถที่จะทำให้นางหวาดกลัวได้
“ศิษย์น้องกลับหาได้ต้องการสื่อออกมาเช่นนี้ไม่”ชิงหย่าทำได้แต่เพียงยิ้มออกมาอย่างขมขื่น
“ได้เวลาแล้ว เจ้าก็ตัดสินใจเถอะ!”ปิงเตี๋ยก็ได้ประกาศออกมาเป็นคำรบสุดท้าย
“ขอเชิญให้ศิษย์พี่หญิงลงมือเถอะ!”ชิงหย่าจึงได้ค่อยๆที่จะหลับตาลง
ตลอดระยะเวลาของการบ่มเบาะ ย่อมไม่ง่ายเลยที่จะสามารถมีการบ่มเพาะจนมาถึงวันนี้ได้ ไม่ว่าอย่างไรชิงหย่าเองก็ไม่มีความต้องการที่จะทำลายการบ่มเพาะของตัวเอง
“จะสนองตามที่เจ้าต้องการเอง !”ภายในแววตาของปิงเตี๋ยพลันสาดเป็นประกายเย็นเยียบ ยกมือฟาดออกไปหนึ่งฝ่ามือ ฟาดประทับดเข้าใส่ชิงหย่าไป
ฝ่ามือนั้นยังได้รายล้อมเอาไว้ด้วยสภาวะไอเย็น แฝงเอาไว้ด้วยพลังทำลายล้างอย่างถึงที่สุด
บริเวณโดยรอบล้วนแต่เกิดเป็นเสียงจากสายลมพัดผ่านเข้ามาเป็นสาย ศิษย์ของหุบเขาหฤทัยเยือกเย็นนับไม่ถ้วนก็ทำได้แต่กะพริบตาด้วยความหวั่นไหว
ถึงกับมีผู้คนไม่น้อยที่ถึงกับต้องขมวดคิ้วขึ้นมา ที่ด้านบนยังได้เผยสีหน้าทนดูไม่ได้กันขึ้นมา
ความสามารถของพวกนางยังนับว่าไม่เลว ย่อมต้องสามารถที่จะมองออกว่า ฝ่ามือนี้ของปิงเตี๋ยหากไม่ทำลายการบ่มเพาะของชิงหย่าจนพิการ ยิ่งอาจจะฟาดจนนางสิ้นชีวาวายในฝ่ามือเดียว !
ต่อให้ชิงหย่าโชคดีรอดมาได้ แต่การได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นนั้น วันหน้าเกรงว่าแม้แต่คนธรรมดาสามัญก็ยังไม่อาจเทียบได้ จนนำไปสู่สาเหตุที่ไม่สามารถมีชีวิตต่อไปได้
ในขณะที่ผ่อนลมหายใจออกมา พวกเขาก็ได้สะบัดหน้าหนีกัน ถึงกับอดไม่ได้ที่จะมองดูภาพที่เจ็บปวดนั้นได้
ปิงเตี๋ยได้สาดทอแววตาดุจดั่งน้ำแข็ง ราวกับว่าหาได้มีความรู้สึกดุจดั่งมนุษย์ปุถุชนทั่วไปไม่ เพียงแต่เกิดความรู้สึกเยือกเย็นเท่านั้น
“อือ ?”ทันใดนั้น ปิงเตี๋ยก็ได้ส่งเสียงแตกตื่นตกใจออกมา
ในเวลาที่ฝ่ามือของนางอยู่เข้ามาใกล้ชิงหย่าเพียงหนึ่งฉื่อ3 ทันใดนั้นเบื้องหน้าสายตาเกิดการอาการตาลายขึ้นมา เบื้องหน้าชิงหย่าเองก็ได้มีเงาร่างอีกสายโผล่ขึ้น
เงาร่างนั้นแทบจะไม่เห็นฝ่ามือที่ฟาดเข้ามาเลยด้วยซ้ำ เพียงแต่ใช้ฝ่ามือของตนบรรจบเข้ากับของตัวเองพอดิบพอดี
ในช่วงเวลาต่อมา ปิงเตี๋ยก็ได้ทอใบหน้าไร้สีเลือด พร้อมกับพลังอำนาจที่น่าสะพรึงกลัวโถมเข้ามายังเบื้องหน้า ไม่เพียงแต่จะสลายสภาวะการโจมตีของนาง ในทางกลับกันยังทำให้ลมปราณศักดิ์สิทธิ์ภายในกายของนางสั่นสะเทือนจนแตกซ่านไปในทันที
ร่างของปิงเตี๋ยได้ลอยกระเด็นออกไปดั่งว่าวสายป่านขาดก็มิปาน ลอยกระเด็นออกไป ร่างกายที่ลอยคว้างอยู่กลางเวหา เลือดขุมหนึ่งที่ไม่สามารถควบคุมได้ ก็ได้พุ่งพรวดออกมาจากปาก
เสียงดังเปรี้ยงเมื่อดังขึ้น ปิงเตี๋ยก็ถึงกับต้องล้มลงไปกองอยู่บนพื้นหิมะไปอย่างแรง อีกทั้งยังลื่นไหลถอยไปทางด้านหลังไปกว่าสิบกว่าจั้ง4 แล้วจึงค่อยได้หยุดลง
.
.
.