ตอนที่แล้วตอนที่ 1635 เจ้าจะทำอะไร
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 1637 ความพลุ่งพล่านในจิตใจ

ตอนที่ 1636 - ฆ่า


ตอนที่ 1636 - ฆ่า

“ราวกับว่าจะเป็นอำนาจได้ในระดับมหามรรคผลแล้ว”หยางไคขมวดคิ้ว สัมผัสได้ถึงสาเหตุที่หญิงวัยกลางคนจากหุบเขาหฤทัยเยือกเย็นผู้นั้นหวาดกลัวเจียงซี ด้วยการครอบครองพลังที่ใกล้เคียงกับอำนาจของมหามรรคผล แน่นอนน่าเจียงซีย่อมถือได้ว่ามีคุณสมบัติที่จะสามารถสำเร็จเป็นหนึ่งในขอบเขตกำเนิดราชันอย่างแน่นอน

ด้วยความแข็งแกร่งอย่างถึงขีดสุดของพลังสภาวะ ไม่นานนักก็ได้แผ่กระจายมาจนถึงเบื้องหน้าหยางไค

ชั่วขณะที่เข้าปิดล้อมเขาเอาไว้

พร้อมกับเข้าปิดล้อมทางด้านหน้าเขาในชั่วพริบตา โดยที่เป็นสนามพลังสภาวะที่แฝงเอาไว้ด้วยพลังอันเร้นลับที่ไม่ได้ด้อยไปจากเจียงซี สภาวะพลังขุมหนึ่งไม่ได้ด้อยกว่าเจียงซีแม้แต่น้อยอันเปี่ยมล้นไปด้วยพลังอันมหาศาลสุดเร้นลับภายในร่างของหยางไคก็ได้พลันปะทุขึ้นมา เกิดเป็นคลื่นพลังโต้กลับไป

ภายใต้การปะทะกันอย่างไร้ซึ่งวี่แวว จนไม่อาจที่จะใช้เพียงตาเปล่ามองเห็นได้

แต่เจียงซีกลับสามารถได้ยินเสียงที่สะเทือนอยู่ภายในดวงจิตของตนเองแล้ว อีกทั้งยังได้ยินเสียงดังกร๊อบแกร๊บขึ้น

ความลำพองที่มีอยู่ภายในตัวของเขา ราวกับพลังสภาวะมหามรรคผลบัดนี้ได้เป็นเหมือนดั่งไข่ไก่ฟองหนึ่ง ชนเข้ากับศิลาขนาดใหญ่ก้อนหนึ่ง เรียกได้ว่าแตกละเอียดเป็นชิ้นๆ เพียงชั่วพริบตาเดียว เจียงซีก็ได้ถูกพลังอันหนาแน่นชนิดนี้ปกคลุมไว้เอาด้วยพลังสภาวะของอีกฝ่าย!

เจียงซีแตกตื่นจนเสียขวัญ ทอใบหน้าซีดเผือดทันที นี่จึงค่อยสำนึกได้ว่าเดิมทีหยางไคก็ไม่ได้ง่ายดายเหมือนอย่างที่เห็นกันเปลือกนอกแล้ว การบ่มเพาะของเขาย่อมอยู่ในขอบเขตหวนคืนขั้นที่สองอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ความเข้าใจในหลักพลังสภาวะที่เขามียังถือว่าห่างไกลจากตัวเองอยู่มาก

ลมปราณศักดิ์สิทธิ์ได้ถูกกระตุ้นขึ้นอย่างบ้าคลั่ง ต้านทานพลังสภาวะที่ส่งผลกระทบต่อตนเอง หมอกพิษหลากสีสันก็ได้ต้านทานพลังสภาวะนั้นจนกระจายตัวออกไป จนกลายเป็นเมฆพิษแต่ละก้อนปรากฏขึ้นอยู่ทางด้านข้าง อีกทั้งด้วยสีสันที่เปล่งเป็นประกายระยิบระยับก็ยังสามารถแบ่งแยกกันพุ่งถาโถมเข้าใส่หยางไคไป จนเกิดเป็นอาการบาดเจ็บที่น่าหวาดกลัว

ถึงแม้จะตกอยู่ภายใต้การใช้พลังสภาวะเข้าปะทะเจียงซีจะเป็นผู้ถูกกดดัน แต่เขาแท้จริงแล้วก็นับว่ามีลูกไม้อยู่พอตัว แทบจะไม่ยินยอมนั่งรอความตายอยู่แล้ว

เขาที่จัดเจนในด้านการใช้พิษ หมอกพิษนั้นที่ถือได้ว่าส่งผลถึงแก่ชีวิตต่อสิ่งที่มีเลือดเนื้ออย่างถึงที่สุด

หยางไคขมวดคิ้วชนกัน จนไม่กล้าที่จะใช้ร่างกายเข้าเสี่ยง แต่เมื่อคิดไปคิดมา ก็ได้ยื่นมือออก กระตุ้นอาวุธวิญญาณวิหคเพลิงออกมา ก่อเกิดเป็นเสียงนกวิหคส่งเสียงแหลมเล็กดังขึ้นมาพร้อมกัน วิหคประหลาดสีแดงเพลิงที่มีลำตัวยาวกว่าสิบจั้งก็ได้ปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน กางจะงอยปากออก พร้อมกับพ่นลูกไฟร้อนฉานแต่ละลูกออกมา ครอบคลุมทั้งฟ้าดินโถมเข้าใส่เจียงซี

เจียงซีตกอยู่ในสภาพจนตรอกอย่างถึงที่สุด หมอกพิษของเขาแทบจะไม่อาจทำอะไรต่อวิหคเพลิงได้เลย ในทางกลับกันยังถึงกับถูกลูกเพลิงของวิหคเพลิงจนตกอยู่ในสภาพย่ำแย่ เกิดการระเหยขึ้นนับครั้งไม่ถ้วน ร่างกายที่อยู่ท่ามกลางหมอกพิษพลันถูกเปิดเผยออกมา พร้อมกับสีหน้าที่อับจนหนทางอย่างสุดแสน

วิหคเพลิงพ่นลูกเพลิงออกมาทั้งรวดเร็วและถี่ยิบ ถึงแม้จะเป็นเจียงซีก็ยังไร้ซึ่งหนทางที่จะจัดการได้ จึงทำได้แต่เพียงปัดป้องด้วยสภาพทุลักทุเล อีกทั้งยังได้กระตุ้นลมปราณศักดิ์สิทธิ์จนเกิดเป็นหมอกพิษอยู่รอบกายไม่หยุด แต่หมอกพิษเหล่านั้นแทบจะไม่สามารถต้านทานเอาไว้ได้เลย เพียงกระทบถูกก็พลันสลายหายไปโดยพลัน

หยางไคยืนหยัดเป็นตระหงาดมิเคลื่อนไหว ตระหง่านอยู่ตรงจุดเดิมมิเคลื่อนไหว หันไปมองเจียงซีด้วยสายตาเลือดเย็น ยิ้มอย่างโหดเหี้ยมแล้วกล่าว : “ตาแก่ เจ้าก็ไม่ไหวเลยนะ”

เหล่าสตรีจากหุบเขาหฤทัยเยือกเย็นล้วนแต่แสดงอากัปกิริยางุ่มง่าม สาดทอแววตาไร้อารมณ์เหม่อมองไปยังฉากที่อยู่ทางด้านหน้า

ด้วยพลังประหลาดเพียงหนึ่งได้ปรากฏออกมาผนวกเข้ากับพลังสภาวะของหยางไคก็เพียงพอที่จะสามารถจัดการเจียงซีให้ทั้งเป็นได้แล้ว หากว่ารอจนหยางไคสบโอกาสที่เหมาะเจาะได้แล้วละก็ เจียงซีเองก็มีโอกาสสูงที่จะสิ้นลมหายใจลงในที่แห่งนี้ได้

พวกนางแทบจะไม่สามารถอธิบายสาเหตุที่สมเหตุสมผลที่ปรากฏขึ้นอยู่ตรงหน้าได้

เดิมทีแล้วพวกนางเองก็ได้มีการเตรียมตัวเตรียมใจที่จะได้รับบาดเจ็บสาหัสจนถึงขั้นสิ้นชีวาวายกันอยู่แล้ว เดิมยังคิดว่าตัวเองหากสามารถรอดพ้นจากภัยอันตรายในครั้งนี้ได้ คราวต่อไปจะต้องมีการเตรียมการต่อสถานการณ์ที่ย่ำแย่เอาไว้กันแล้ว

มีอย่างที่ไหนที่จะไปทราบว่าหยางไคที่ไม่ลงมือก็ยังแล้วไป แต่เมื่อลงมือดูเกินจริงได้ถึงเพียงนี้ สีหน้าที่ประหลาดพิกลนั้นถึงกับทำให้พวกนางต้องเงียบไปตามๆกัน

เพียงแค่วิหคเพลิงก็สามารถสลายร่างเสมือนของเจียงซีลงได้ อีกทั้งยังแทบจะไม่ได้อยู่ในสภาพที่คิดจะระบายโทสะเลยด้วยซ้ำ แต่กลับทางกันถึงกลับจนตรอกจนถึงขีดสุด จนแทบจะไม่ได้มีสมาธิมากพอที่จะไปต่อกรกับพวกนางได้เลย

ในครั้งนี้ อาจจะไม่ต้องตายกันแล้ว……จิตใจของทุกคนล้วนแต่ลิงโลดกันขึ้นมา สายตาที่หันไปมองหยางไคก็ได้ค่อยๆเปลี่ยนไป เต็มเปี่ยมไปด้วยความแตกตื่นและตื่นเต้น

วิหคเพลิงปลดปล่อยพลังออกมาอย่างห้าวหาญ พ่นแสงเพลิงแต่ละรูปแบบจนเป็นที่แสบนัยน์ตา พร้อมกับใช้ส่วนของปีกปลดปล่อยพลังเข้าใส่ ไม่เพียงแต่จะทำให้หมอกพิษของเจียงซีก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างได้ ยิ่งไปกว่านั้นยังได้ทิ้งบาดแผลน้อยใหญ่แต่ละสายไว้บนร่างของเจียงซี

กลิ่นเหม็นไหม้ค่อยๆกระจายตัวออกมา

เจียงซีแสดงสีหน้าโหดร้าย ทันใดนั้นก็ได้กระตุ้นใช้กล่องลึกลับซึ่งมีพลังมากมายมหาศาลอย่างถึงขีดสุดชิ้นหนึ่งออกมา แล้วพ่นควันพิษห้าสีออกมาจากภายในปาก ไหลผ่านเข้าสู่ภายในกล่องลึกลับ

กล่องลึกลับดูดซับหมอกพิษห้าสีสันเข้าไป จนเกิดความเปลี่ยนแปลงสั่นไหวขึ้นอย่างรุนแรง ทันใดนั้นก็ได้กลายเป็นงูเหลือบยักษ์ที่มีลวดลายหลากสีตัวหนึ่ง

งูเหลือบขยับร่างคดเคี้ยว พร้อมกับพุ่งขึ้นกลางเวหา เข้าเปิดศึกกับวิหคเพลิงอย่างรุนแรง

ภายใต้โอกาสเช่นนี้ เจียงซียังได้กระตุ้นใช้ลมปราณศักดิ์สิทธิ์ขึ้นอีกครั้ง ค่อยๆสลัดพลังสภาวะของหยางไคที่สะกดเขาเอาไว้ จนเกิดเป็นพลังทำลายแห่งอสนีบาตพุ่งเข้าใส่หยางไค

เห็นได้ชัดว่าเขาเองก็คิดที่จะฉวยโอกาสสลัดหลุดจากการควบคุมของหยางไค ! ขอเพียงแค่หยางไคตายลง เขาก็จะสามารถเป็นอิสระโดยสมบูรณ์

ในส่วนเหยียนฉื่อเหร่ยแห่งนิกายแสงอัคคีที่เคยกล่าวกำชับไว้……บัดนี้แม้แต่เขาเองก็ยากที่จะเอาตัวรอดได้ มีอย่างที่ไหนที่จะไปใส่ใจต่อคำกำชับของอีกฝ่ายได้อีกกัน ?

เพียงชั่วพริบตาเดียว เขาก็ทะลวงผ่านจะเข้าใกล้ตำแหน่งของหยางไคในระยะทางเพียงสิบจั้ง ภายนอกร่างกายของเขาที่ยังมีหมอกพิษวนเวียนอยู่นับไม่ถ้วนขณะนี้ก็ได้ขยับเคลื่อนไหวคล้ายกับมีชีวิตขึ้นมา แยกตัวออกมาจากภายในกายหยาบ แปรผันจนเกิดเป็นการโจมตีที่น่าสะพรึงกลัวขึ้นแต่ละสาย พุ่งเข้าโจมตีใส่หยางไค

ในยามที่เหล่าหญิงสาวหุบเขาหฤทัยเยือกเย็นได้มาถึงยังที่แห่งนี้ ก็นับได้ว่ามีสติกลับคืนมาได้แล้ว หญิงวัยกลางคนที่เป็นผู้นำจึงได้กล่าวขึ้นด้วยเสียงเจือแจวว่า : “รีบไปช่วยเร็ว !”

ในระหว่างที่กล่าวอยู่ พลังอันมหาศาลสายน้ำแข็งก็ได้ถูกกระตุ้นไหลเวียนขึ้นลงอยู่ภายในร่างออกมา พลังทำลายแต่ละขุมรูปทรงหอกน้ำแข็งได้ก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างขึ้น จากนั้นก็ลอบจู่โจมเข้าใส่ทางด้านหลังเจียงซี

ส่วนหญิงสาวคนอื่นเองก็มีปฏิกิริยากลับคืนมา ต่างฝ่ายต่างกระตุ้นใช้เคล็ดวิชาลับและกระบวนท่าสังหาร โจมตีเข้าใส่เจียงซีไป

แสงสีทองได้ปรากฏขึ้นอีกครั้ง เลือดสีทองได้ปรากฏขึ้นอยู่เบื้องหน้าหยางไคเป็นแนวเส้นตรง เพียงเกิดการสั่นไหวแค่เล็กน้อย ทันใดนั้นก็ได้หายลับไปจากจุดเดิม

เจียงซีขวัญหนีดีฝ่อ ชั่วขณะหนึ่ง เขาก็บังเกิดความรู้สึกที่ว่าตนคงยากจะหลบหนีไปจากความตายได้ก่อตัวขึ้นมากภายในจิตใจ ในระหว่างที่ตกอยู่ในอาการลนลาน ร่างกายพลันหยุดนิ่งลง เขาขบฟันจนแน่น ขยับกระโดดหลบไปทางด้านข้างอยู่ครู่หนึ่ง

ทันทีที่เลือดสีทองปรากฏ ก็ได้ดีดตัวพุ่งเข้าใส่เพียงเงาเลือนรางของเขาที่ทิ้งไว้ในจุดเดิม

เจียงซีบังเกิดความหนาวเหน็บขึ้นจับใจ ยังไม่ทันรั้งรอให้เขามีสติกลับคืนมา บรรดาหญิงสาวหลายสิบนางจากหุบเขาหฤทัยเยือกเย็นนั้นก็ได้โจมตีเข้าใส่จนแทบจะเรียกได้ว่าครอบฟ้าคลุมดำ

ตรงจุดที่เขาอยู่นั้น พริบตานั้นก็ได้มีหอกน้ำแข็งมากมายปกคลุมเข้ามา

ก่อเกิดเป็นพลังที่ยุ่งเหยิงไปทั้งฟ้าดิน ราวกับว่ายังได้มีเสียงสบถของเจียงซีดังออกมา เห็นได้ชัดว่าคงจะได้รับบาดเจ็บเข้าแล้ว

เหล่าศิษย์ของหุบเขาหฤทัยเยือกเย็นที่มีการบ่มเพาะมิอาจเทียบกับเจียงซีได้ การสู้กันตัวต่อตัวอาจจะมีแต่เพียงตัดสินการฆ่าฟันได้ภายในเสี้ยววินาที แต่หากเป็นพลังทำลายที่เกิดจากทั้งสิบกว่าคนร่วมมือกันย่อมไม่อาจดูแคลนได้อย่างแน่นอน

ฝุ่นควันพลันลอยคลุ้ง เกิดเป็นความวุ่นวายขึ้นบนสนาม

หัวใจของหญิงวัยกลางคนที่เป็นผู้นำจากหุบเขาหฤทัยเยือกเย็นคล้ายกับแทบหยุดเต้น รีบละสายตาหันไปมองยังพื้นที่แห่งนั้นไปโดยพลัน

“ตายแล้วหรือยัง ?”ระหว่างนั้นก็ได้มีคนถามขึ้น

กล่าวจบ เสียงของเจียงซีก็ได้ดังมาจากในจุดที่ห่างไกลออกไป:“เจ้าพวกทาสจากหุบเขาหฤทัยเยือกเย็น พวกเจ้ารอข้าผู้ชราไว้ก่อนเถอะ ช้าเร็วต้องมีสักวันที่ข้าผู้ชราบุกเข้าสู่เกาะสุดขั่วเยือกเย็นเอง จะทำให้พวกเจ้าทรมานเสียยิ่งกว่าตายกันทีละคน!”

เขาถึงกับไม่ทราบว่าสามารถหนีออกมาได้ตั้งแต่เมื่อไหร่

หญิงวัยกลางคนทอใบหน้าซีดเผือด สะบัดหน้าหันไปมองยังต้นเสียง เพียงแต่พบเห็นประกายอันคมกล้าที่มีลวดลายห้าสีสายหนึ่งทางด้านนั้นพุ่งออกไปด้วยความเร็วสูง และผู้ที่ถูกประกายแสงอันคมกล้าห้าสีโอบล้อมเอาไว้หากมิใช่เจียงซีแล้วยังเป็นผู้ใดได้อีกกัน ?

นางจึงได้รีบหันไปมองหยางไคในทันที ในใจพลันบังเกิดความคาดหวังว่าเขาจะสามารถลงมือเข้าสกัดกั้นได้

เพียงแค่มองเท่านั้น ก็ถึงกับตกต้องตะลึง เดิมทีในตำแหน่งของหยางไคก็หาได้มีใครแม้สักคนเดียวกันอยู่แล้ว อีกทั้งแม้แต่ตัวของเขาก็ไม่ทราบว่าหายไปยังที่ใดแล้ว

จากสัมผัสการรับรู้ที่เกิดขึ้นภายในจิตใจ ในครั้งนี้นางที่กำลังมุ่งหน้าเหม่อมองไปยังทางด้านที่เจียงซีหลบหนีไป รอจนกระทั่งหลังจากที่พบเห็นเงาสายหนึ่งพุ่งไปขวางอยู่ทางด้านหน้าของเจียงซี ทันใดนั้นก็จึงเข้าใจขึ้นมาได้

การต่อสู้ในครั้งนี้ถือได้ว่ามิได้จัดอยู่ในระดับที่พวกนางจะเข้าถึงได้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเจียงซีหรือจะเป็นหยางไค ก็ล้วนแต่มีความลึกล้ำที่เหนือกว่าพวกนางจะต้านทานได้อีกแล้ว

เดิมทีพวกนางแทบจะไม่ทราบลยว่าหยางไคกับเจียงซีแท้จริงแล้วหลบหนีออกไปได้ตั้งแต่เมื่อใด

“เหตุใดเจ้าถึง……”เจียงซีที่กำลังมองหยางไคที่ขวางอยู่ทางด้านหน้า ถึงกับหน้าซีดดั่งอาการพบเห็นผีสาง

เมื่อครู่นี้เขาได้ฉวยโอกาสในขณะที่เกิดความวุ่นวาย หลบเลี่ยงไปจากระยะสายตาของศัตรูไปได้ในพริบตา พร้อมกับกระตุ้นเคล็ดวิชาลับเพื่อหลบหนี เดิมยังคิดว่าในขณะที่แม้แต่เทพมิล่วงรู้ผีสางไม่ทันรู้สึก ก็ถึงกับมีบุรุษหนุ่มพบเห็นช่องโหว่ ขวางเอาไว้อยู่บริเวณทางด้านหน้าแล้ว

ถึงแม้จะบังเกิดความตื่นตระหนกขึ้นในใจ แต่เจียงซีเองก็เป็นคนที่โหดเหี้ยมเป็นทุนเดิม ทราบว่าหากไม่ทำลายการผนึกของหยางไคก็แทบจะไม่อาจหนีรอดไปได้ จึงได้กัดฟันไว้จนแน่น พ่นโลหิตบริสุทธิ์ออกมา พลังสภาวะทั่วร่างราวกับเพิ่มขึ้นอีกสามส่วนได้โดยไม่ทราบสาเหตุ ทั่วทั้งร่างแผ่กระจายออกมาด้วยประกายแสงสีเลือดอันเย็นเยียบขึ้นชั้นหนึ่ง หาได้หวาดกลัวต่อหยางไคที่กำลังโถมเข้าใส่แม้แต่น้อย

หยางไคทอสีหน้าเย็นเยียบ ส่งเสียงดังเหอะออกมา พร้อมกับกล่าวขึ้นด้วยความเกรี้ยวกราดว่า : “รนหาที่ตาย !”

โดยที่ไม่ได้มีการหลีกเลี่ยง โดยที่ยกหมัดกำปั้นขึ้น ด้านบนของกำปั้นนั้นยังปกคลุมเอาไว้ด้วยประกายแสงเอาไว้อยู่หนึ่งชั้น โดยที่ยังมีเสียงดังวูบวาบขึ้น จนเกิดเป็นบรรยากาศอันคมกล้าแผ่ซ่านออกมาแล้ว

ไม่แต่เพียงจะเป็นรังสีกระบี่ห้าสายมิดับสูญ อีกทั้งยังเป็นรังสีที่คมกล้าดุจทอง

ท่ามกลางรังสีกระบี่ห้าสาย โดยที่สีทองมีความแหลมคมมากที่สุด

เมื่อได้ใช้รังสีกระบี่ทองออกมาแล้ว เบื้องหน้ากำปั้นของหยางไคยังได้ครอบคลุมพลังเอาไว้อยู่นับไม่ถ้วน แม้แต่คมกระบี่ก็ยังไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า

ทันทีที่สัมผัสได้ถึงกำปั้นนั้นที่เปี่ยมล้นด้วยพลังอันน่าสะพรึงกลัวอยู่ เจียงซีก็ย่อมไม่ยินยอมนั่งรอคอยความตายกันต่อไป ผนึกหมอกพิษห้าสีขึ้นมาอีกครั้ง ปกคลุมเอาไว้ทั่วร่าง

กำปั้นได้กระแทกเข้าใส่ร่างของเจียงซี หมอกพิษห้าสีพลันแตกกระจายไปในพริบตา ประกายสีเลือดร่างของเจียงซีเอาไว้พลันบุบสลายแตกซ่านลง ลมปราณศักดิ์สิทธิ์ที่คอยปกปักร่างของเจียงซีก็ยิ่งไม่สามารถใช้การป้องกันอันใดได้อีก ยิ่งมีแต่ถูกคมกระบี่ที่เล็กละเอียดนับไม่ถ้วนนั้นฉีกร่างเป็นชิ้นๆ

เสียงของกระดูกแตกดังขึ้นโดยมิขาดสาย ร่างของเจียงซีกระเด็นลอยออกไป ในระหว่างที่อยู่กลางเวหา ยังได้กระอักเลือดออกมาคำโต

สีหน้าที่ดุร้ายของเขาพลันแปรเปลี่ยนจนกลายเป็นความหวาดกลัว พยายามคุมร่างไว้อย่างไม่คิดชีวิต แต่กระนั้นก็ยังคงมีประกายสีทองที่ละเอียดยิบสาดเข้ามาอีกสาย จนทำให้เขาหมดสิ้นซึ่งหนทางไปอย่างสิ้นเชิง

รอจนกระทั่งประกายสีทองเลือนหาย ทันใดนั้นร่างของเจียงซีก็แหลกเป็นชิ้นลงในที่สุด แตกสลายหายไปกับมวลอากาศ

ขึ้นชื่อว่าเป็นดาววารีสีชาด ผู้ทรงพลังซึ่งมีโอกาสเลื่อนพลังขอบเขตเข้าสู่กำเนิดราชันอย่างเจียงซี ได้สิ้นชีพลงแล้ว!

กลุ่มสตรีจากหุบเขาหฤทัยเยือกเย็นถึงกับมีใบหน้าร้อนผ่าว พร้อมทั้งเปล่งเสียงร้องด้วยความยินดี ตื้นตันจนไม่อาจควบคุมตัวเองเอาไว้ได้

และยวู่เสว่ยฉิงที่กำลังเปิดศึกอยู่กับเหยียนฉื่อเหร่ยก็ถึงกับต้องแสดงสีหน้าเปลี่ยนไป หันไปมองหยางไคด้วยสีหน้าแตกตื่นตกใจวูบ แต่ฝ่ามือที่เคลื่อนไหวกลับหาได้เชื่องช้าลงแม้เพียงเศษเสี้ยว

ยวู่เสว่ยฉิงถึงอย่างไรก็ยังเป็นถึงผู้อาวุโสสิบสามของหุบเขาหฤทัยเยือกเย็น ถึงแม้จะอยู่ในอันดับรั้งท้าย แต่ก็นับว่ามีความสามารถที่ยากประเมินได้ มีอย่างที่จะที่จะยอมปล่อยโอกาสเช่นนี้ไปได้ เมื่อได้กลายเป็นฝ่ายที่กุมชัยชนะจากสถานการณ์ ก็ได้เข้ากดดันเหยียนฉื่อเหร่ยอย่างคลุ้มคลั่ง

ขอกำลังใจสักนิด ช่วยสนับสนุนกันหน่อย ที่ mynovel.co หรือ www.thai-novel.com เลยครับ

ความจริงแล้วนางเองก็แตกตื่นอยู่พอสมควร แทบจะไม่ได้นึกถึงเลยว่าหยางไคจะถึงกับฆ่าเจียงซีลงแล้ว

ถึงอย่างไรเคล็ดวิชาการบ่มเพาะของคนผู้นั้นก็ถือว่าเร้นลับสุดยั้งคาด อีกทั้งยังเหนือกว่าตัวเองไปเสียแล้ว แน่นอนว่าย่อมไม่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างแน่นอน หากไม่ระวังก็อาจจะต้องตายอยู่ภายใต้เงื้อมมือของอีกฝ่ายเอาได้

แต่หยางไคกลับฆ่าเจียงซีไปแล้ว โดยใช้เวลาไปประมาณไม่ถึงยี่สิบสามสิบช่วงลมหายใจ

ภายในหุบเขาหฤทัยเยือกเย็น ที่พอจะทำเช่นนี้ได้ เกรงว่าก็คงจะมีแต่เพียงผู้อาวุโสสูงสุดแล้ว

เด็กหนุ่มผู้นี้ถึงกับสามารถเป็นบุคคลที่เคียงบ่าเคียงไหล่ได้ในระดับผู้อาวุโสสูงสุดเลยอย่างงั้นหรือ ? ยวู่เสว่ยฉิงจิตใจเต้นระรัว รู้สึกว่าคงจะมองหยางไคใหม่แล้ว

“ศิษย์พี่ท่านนี้ ยังคงขอให้ท่านลงมือเป็นกำลังสนับสนุนให้กับผู้อาวุโสสิบสามด้วย!”หญิงวัยกลางคนจากหุบเขาหฤทัยเยือกเย็นก็ได้ตะโกนกล่าวต่อหยางไค

“มิมีปัญหา”หยางไคพยักหน้าอย่างเฉยชา ชี้ไปยังทางด้านของเหยียนฉื่อเหร่ย พร้อมกับกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า : “ฆ่าเขา!”

วิหคเพลิงพุ่งเข้าใส่เหยียนฉื่อเหร่ยไปในทันที

ความสามารถของเหยียนฉื่อเหร่ยและยวู่เสว่ยฉิงเดิมก็สูสีก่ำกึ่งกัน ผู้ใดก็ไม่สามารถตัดสินผู้ใดได้ แต่เมื่อเสริมด้วยอาวุธวิญญาณวิหคเพลิง เหยียนฉื่อเหร่ยเดิมก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้อยู่แล้ว มีแต่จะต้องถูกจู่โจมจนต้องล่าถอยเป็นไปเรื่อยๆ แทบจะไม่ได้มีกำลังมากพอที่จะโต้ตอบได้แม้แต่น้อย

“เจ้าหนู ข้าเป็นถึงผู้อาวุโสนิกายแสงอัคคี เจ้ายังอาจหาญที่จะลงมือต่อข้า เจ้าจะต้องตายอย่างแน่นอนแล้ว ตอนนี้หากหยุดมือยังนับว่าทันท่วงทีอยู่ มิเช่นนั้นต่อให้เจ้าจะหลบหนีไปจนสุดหล้าฟ้าเขียว นิกายแสงอัคคีก็ไม่มีวันปล่อยเจ้าไว้อย่างแน่นอน”เหยียนฉื่อเหร่ยกู่ร้องออกมาด้วยความลนลาน คาดว่าหยางไคจะตกอยู่ภายใต้กลยุทธ์ขวางมุสิกกระทบของมีค่า1 โดยที่จะไม่ไปร่วมมือกับยวู่เสว่ยฉิงอย่างแน่นอน

.

.

.

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด