ตอนที่ 1634 ถึงกับเป็นเจ้า
ตอนที่ 1634 ถึงกับเป็นเจ้า
ภายในห้องโรงเตี้ยม สาวงามในชุดวังฝ่ายใน1ทอสีหน้าเย็นยะเยือกเหม่อมองไปยังทางด้านของหยางไค ผู้ที่เป็นผู้นำกล่าว:“มิผิด ก็คือเขา ! ครั้งนี้ชิงหย่าเจ้านับว่าตามหาคนได้สำเร็จ ผู้อาวุโสอย่างข้าจะไปเรียนต่อจ้าวหุบเขาและคณะผู้อาวุโส ย่อมต้องประทานรางวัลให้แก่เจ้าแน่นอน!”
หลังจากที่ชิงหย่าได้ส่งการสื่อสารไป ยังไม่ทันพ้นสองชั่วยาม ผู้อาวุโสสิบสามแห่งหุบเขาหฤทัยเยือกเย็นท่านนี้ก็ได้รีบมาถึงยังเมืองแห่งนี้อย่างเร่งรีบ ภายในโรงเตี้ยมยังได้พบเห็นหยางไคเข้าแล้ว
นางที่กำลังพาศิษย์ในหุบเขาหาตัวหยางไคอยู่ที่ด้านนอกมานานถึงหนึ่งปี ย่อมต้องทราบว่าเขามีรูปโฉมเยี่ยงไร บัดนี้กลับสามารถพบตัวได้ง่ายดายเช่นนี้ ในใจย่อมเกิดความเบิกบานเป็นอย่างยิ่ง
“ขอบคุณท่านผู้อาวุโส”ชิงหย่ากลับไม่ได้แสดงอาการมีความสุขมากนัก กลับกันจึงได้เอ่ยถามออกไปด้วยความเป็นห่วง:“ผู้อาวุโส ศิษย์สามารถถามสักคำถามได้หรือไม่ เหตุใดพวกเราถึงต้องตามหาเขากัน ?”
ผู้อาวุโสสิบสามส่ายหน้าแล้วหันไปมองชิงหย่า ดวงตาคู่งามดั่งผลึกน้ำแข็ง มาพร้อมกับเสียงอันเย็นเยียบดังขึ้น:“เจ้าสนใจในตัวเขามากเลยงั้นหรือ ?”
ชิงหย่าหาได้มีสีหน้าเปลี่ยนไป เพียงเอ่ยปากขึ้นว่า:“เขาเป็นผู้ช่วยชีวิตข้ามาจากเงื้อมมือคนของนิกายแสงอัคคี นับว่าเป็นผู้มีพระคุณของข้า ดังนั้น……”
ผู้อาวุโสสิบสามพยักหน้าเล็กน้อย คล้ายกับคลายความสงสัยไป เพียงตอบมาอย่างอ่อนโยน:“การที่พวกเราตามหาเขาย่อมต้องมีเหตุผลอย่างแน่นอน ในส่วนนี้เจ้าก็ไม่จำเป็นต้องถามมากความ ในเมื่อเป็นผู้มีพระคุณของเจ้า ผู้อาวุโสอย่างข้าสามารถบอกต่อเจ้าได้แต่เพียงว่า หุบเขาหฤทัยเยือกเย็นถึงอย่างไรก็ไม่กระทำเรื่องเสียมารยาทต่อเขาอยู่แล้ว ในส่วนนี้เจ้าก็สามารถวางใจได้”
ท่ามกลางความเงียบเชียบ ชิงหย่าจึงค่อยคลายใจ แล้วรีบกล่าวขอบคุณ
ผู้อาวุโสสิบสามผู้นั้นจึงค่อยหันมามองยังทางด้านของหยางไค สำรวจมองอย่างละเอียดอยู่รอบหนึ่ง แล้วจึงพยักหน้าแล้วถาม:“นับว่ามีความสามารถที่ไม่เลว เจ้ามีนามว่าอะไร ?”
“หยางไค”
“เจ้าไม่ใช่คนของดาววารีสีชาดหรอกงั้นหรือ ?”ผู้อาวุโสสิบสามราวกับมีท่าทีที่ระมัดระวังต่อหยางไคอยู่บ้าง
“มิใช่ ข้าเป็นผู้มาจากดาวชุยเว่ย”
“ดาวชุยเว่ย!”ผู้อาวุโสสิบสามถึงกับต้องหรี่ดวงตางามคู่นั้น คล้ายกับพอที่จะคาดเดาได้ แต่ก็ไม่กล้าที่จะยืนยันแน่ชัดได้ จึงแค่ถามไปว่า : “เจ้าในเมื่อทราบว่านิกายแสงอัคคีกับหุบเขาหฤทัยเยือกเย็นล้วนแต่ตามตัวเจ้า เหตุใดถึงได้มาเพื่อขอเป็นฝ่ายพึ่งหุบเขาหฤทัยเยือกเย็นด้วยตัวเองกัน ?”
หยางไคยิ้มน้อยๆ:“ข้าและคนของนิกายแสงอัคคีมีเรื่องบาดหมางกันเล็กน้อย อีกทั้งยังได้ฆ่าคนของนิกายแสงอัคคีไปหลายศพ บัดนี้หากคิดที่จะหาที่พึ่งพิงได้ ก็ย่อมเลือกได้แต่หุบเขาหฤทัยเยือกเย็นแล้ว”
กล่าวจบ หยางไคจึงได้ถามไปตามที่คิดไว้:“ผู้อาวุโสกำลังสงสัยว่าข้ามีแผนการปกปิดเอาไว้อย่างงั้นหรือ ?”
“ระวังไว้ก่อนก็ไม่นับว่าเสียหาย !”ผู้อาวุโสสิบสามกลับหาได้ตอบไม่ : “ทว่าส่งที่เจ้าเลือกก็นับว่าถูกต้อง บัดนี้ก็มีแค่เพียงหุบเขาหฤทัยเยือกเย็นที่จะคอยหนุนหลังเจ้าได้แล้ว อือ เช่นนี้เถอะ เจ้าเองก็พักอยู่ในที่แห่งนี้ก่อนสักวัน รอจนกระทั่งข้าสะสางเรื่องทุกอย่างได้แล้ว หลังจากนี้อีกหนึ่งวัน คณะผู้อาวุโสข้าจะเป็นผู้พาเจ้ากลับไปยังหุบเขาหฤทัยเยือกเย็นเอง !”
“ขอบคุณมากแล้ว!”หยางไคแม้จะเกิดความรู้สึกหดหู่ใจ แต่ก็ยังคงผสานมือคารวะแล้วกล่าวขอบคุณ
ในที่สุด ในที่สุดก็จะได้พบกับซูเหยียนแล้ว!ในใจหยางไคก่อเกิดเป็นความตื่นเต้นจนแทบจะไม่อาจควบคุมตัวเองได้
เขาแทบจะรอช่วงวันเวลาที่จะได้พบกับซูเหยียนได้อีกแล้ว เขาอยากจะไปพบด้วยตาตัวเอง บัดนี้แท้จริงแล้วสาวงามกำลังทำอะไรอยู่กันนะ
หยางไคก็ได้ตกอยู่ภายใต้ความเฝ้ารอคะนึงหาอยู่ภายในโรงเตี้ยม
อีกทั้งผู้อาวุโสสิบสามนั้น ก็ไม่ทราบว่ากำลังเตรียมการอะไรเอาไว้อยู่กันแน่
ในคืนนั้น ในด้านของเจ้าสำนักของหุบเขาหฤทัยเยือกเย็นและผู้ทรงพลังในตระกูลเหล่านั้นก็ได้ยกกำลังพลมุ่งหน้าบุกโจมตีเข้าใส่ศิษย์ของนิกายแสงอัคคีไป ดุจดั่งได้รับการสูบฉีดเลือดไก่2ก็มิปาน จนเกิดเป็นการสู้รบน้อยใหญ่ประปรายขึ้นนับไม่ถ้วน ช่วงระยะเวลาหนึ่ง ราวกับว่าได้กลายเป็นที่สังเกตผู้เหล่าผู้คนไป
ในยามที่ยังไม่ทันถึงรุ่งสาง ผู้อาวุโสสิบสามก็ได้มาถึงโรงเตี้ยมอีกครั้ง พร้อมทั้งเรียกหยางไคเข้าหา นำพาเขาและชิงหย่าเร่งรุดลอบเร้นออกไปจากเมืองไปอย่างรวดเร็ว
ภายใต้ระยะทางสามสิบลี้ห่างจากเมือง ก็ได้มีสตรีจำนวนหนึ่งประมาณสิบกว่านาง กำลังรอคอยอยู่อย่างเงียบเชียบ
หลังจากที่ได้พบว่าผู้อาวุโสสิบสามได้มาถึง ล้วนแต่แยกย้ายกันผสานมือคารวะคำนับ
“ไป!”ผู้อาวุโสสิบสามเองก็หาได้กล่าววาจาไร้สาระมากมาย เพียงโบกมือ วิ่งตะบึงนำหน้าออกไป
สตรีสิบกว่านางก็ได้แยกย้ายกันออกไป พร้อมกับห้อมล้อมหยางไคไว้อยู่ในตำแหน่งตรงกลาง กลิ่นหอมหวนจากสตรีหลายสิบนางที่โชยพัดกระทบจมูก ติดตามอยู่ทางด้านหลังของผู้อาวุโสสิบสามอย่างกระชั้นชิด มุ่งหน้าออกเดินทางไปยังทางด้านของเกาะสุดขั่วเยือกเย็น
กลิ่นหอมอันแตกต่างที่พัดตามสายลม วนเวียนอยู่ตรงส่วนปลายของจมูก หยางไคจึงค่อยได้รับทราบประสบการณ์ว่าอันใดที่เรียกกันว่าสาวงามห้อมล้อมแล้ว
ศิษย์สตรีของหุบเขาหฤทัยเยือกเย็นทั้งสิบกว่านางนี้ที่ไม่ว่าจะมีการบ่มเพาะกันอย่างไร แต่ละนางล้วนแต่มีความงามที่โดดเด่น มีเรือนร่างผอมบาง เกิดเป็นบุคลิกที่ไม่เหมือนกัน ที่ต่างก็มีความโดดเด่น
ในระหว่างที่กำลังเร่งรุดเดินทาง ศิษย์สตรีเหล่านี้ในบางครั้งบางคราวยังได้เหลือไปมองหยางไคกันประปราย พร้อมทั้งทอสีหน้าประหลาดเป็นอย่างยิ่งออกมา
พวกนางที่เตรียมการสู้รบอยู่ที่ภายนอกมารวมหนึ่งปี ก็เพื่อหยางไคผู้นี้ บัดนี้เมื่อได้พบเห็นตัวเป็นๆ จึงย่อมตกเป็นที่สังเกตมากเป็นพิเศษ
พวกนางเองก็รู้สึกประหลาดใจกันพอสมควร ศิษย์ร่วมสำนักที่ต้องตายอย่างอนาถไปมากมาย แล้วยังมีอีกไม่น้อยที่ยังหายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย……
หยางไคเองก็สัมผัสได้ถึงอารมณ์ที่เป็นศัตรูได้อย่างชัดเจน อย่างน้อยก็มีกว่าครึ่งที่ใช้สายตาที่เปี่ยมไปด้วยความแค้นมองมาที่ตน
ในระหว่างที่หยางไคยังไม่ทันตั้งตัว!
หากมิใช่ว่ามีผู้อาวุโสสิบสามเป็นผู้นำในครั้งนี้ คาดว่าหยางไคก็คงมิอาจรอดพ้นต้องถูกสตรีเหล่านี้จัดการสักยกแล้วค่อยว่ากล่าวกัน
“ศิษย์พี่ชิงเหย่า คล้ายกับว่าพวกนางแทบจะทนรอที่จะพบข้าไม่ไหวแล้วสินะ”หยางไคก็ได้ลอบส่งเสียงกล่าวต่อชิงหย่าอย่างแผ่วเบา
ชิงหย่าเพียงยิ้มอย่างหดหู่ ภายในกายของศิษย์หุบเขาหฤทัยเยือกเย็น ที่เข้าร่วมการเคลื่อนไหวในครั้งนี้ นางเองก็ย่อมทราบถึงสาเหตุกลใน แต่ความจริงก็ยังไม่อาจกล่าวได้อย่างชัดเจน จึงทำได้แต่เพียงกล่าวออกไปว่า : “ย่อมถือเป็นเรื่องสามัญ คนของหุบเขาหฤทัยเยือกเย็นพวกเราโดยส่วนใหญ่ก็มักจะเห็นบุรุษเพศเป็นศัตรูกันอยู่แล้ว”
“อ๋อ”หยางไคพยักหน้า คล้ายกับไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมายของเขา
ทั้งคณะยังคงมุ่งหน้าเดินทางกันต่อไป อีกทั้งยังได้ใช้ความเร็วสูงสุด
สามวันให้หลัง กลุ่มคณะทั้งสิบกว่าคนก็ได้ข้ามผ่านหุบเขาสายหนึ่งไป
ในระหว่างที่อยู่ภายใต้ความปลอดโปร่ง หยางไคก็ถึงกับต้องขมวดคิ้ว ละสายตาหันไปมองยังทางด้านล่าง
ในขณะที่ผู้อาวุโสสิบสามซึ่งอยู่ด้านหน้าสุดกำลังพากลุ่มก็คล้ายกับตรวจจับบางอย่างได้ จึงได้ตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงเจื่อแจว : “ศัตรูดักสุ่ม !”
เมื่อสิ้นเสียงของนาง ทางด้านล่างก็พลันเกิดเป็นความเคลื่อนไหวที่รุนแรงดังขึ้น นั่นถือเป็นคลื่นพลังที่ทรงอำนาจอย่างไร้ที่เปรียบ รุนแรงอย่างสุดแสน ก่อเกิดเป็นมังกรเพลิงสะบัดหางโฉบขึ้นจากทางด้านล่างของหุบเขาอย่างกะทันหัน พร้อมกับเสียงแสยะยิ้มรอดผ่านมาจากซอกฟันดังจู่โจมเข้าใส่ยังจุดพื้นที่ซึ่งเหล่าผู้คนของหุบเขาหฤทัยเยือกเย็นอยู่
มังกรเพลิงที่มีกันมากถึงเจ็ดแปดสาย และภายในทุกสายยังแฝงเอาไว้ด้วยรังสีฆ่าฟันที่น่าสะพรึงกลัวอย่างถึงขีดสุด
ในเวลาที่ศัตรูลงมือยังนับว่าเลือกช่วงเวลาที่นับว่ามีความได้เปรียบ ถึงแม้ว่าจะมีผู้อาวุโสสิบสามเตือนสติเอาไว้ก่อน เหล่าสตรีหุบเขาหฤทัยเยือกเย็นเองก็ยังคงมีบางส่วนที่ตอบสนองได้ไม่ทันกาล
บนร่างของพวกนางพลันเกิดเป็นประกายแสงอันคมกล้าจากลมปราณศักดิ์สิทธิ์แลบเป็นประกายคอยคุ้มครองร่าง มังกรเพลิงเจ็ดแปดสายนั้นก็ได้จู่โจมเข้าใส่ภายในกลุ่มคนแล้ว
ภายใต้เสียงกรีดร้องที่ดังขึ้น สตรีสองนางที่มีพลังความสามารถต่ำทรามต้องถูกมังกรเพลิงกลืนไปโดยพลัน จนเกิดเป็นความสูญเสียขึ้นในทันที ส่วนคนอื่นที่เหลือเองก็ตกอยู่ในสภาพที่จนตรอก หลบเลี่ยงกันวุ่นวายจ้าละหวั่น
หยางไคที่กำลังเข้าคุ้มครองชิงหย่า เลี่ยงไปซ่อนยังอีกทาง หรี่ดวงตาหันไปมองยังทางด้านล่าง
อยากให้เรื่องนี้อยู่ต่อ สนับสนุนได้ที่ mynovel.co หรือ www.thai-novel.com ค่ะ
ทางด้านล่างของหุบเขาเองก็ได้ปรากฏเป็นเงาขึ้นมาทีละสาย คนเหล่านี้แม้จะไม่ได้มีจำนวนคนที่มากเท่ากับคนของหุบเขาหฤทัยเยือกเย็น แต่ทุกคนล้วนแต่มีการบ่มเพาะในระดับของหวนกำเนิด
ผู้อาวุโสสิบสามสาดดวงตาคมกล้าดุจหงส์ แสดงสีหน้าปั้นยากจนถึงขีดสุด
นางกลับคิดไม่ถึงว่าตนเองจะถูกดักซุ่มโจมตี นับว่าเป็นข้อผิดพลาดที่เกิดจากความประมาทเลยทีเดียว
ในส่วนแรกนางได้คิดเอาไว้มีความเป็นไปได้ที่จะมีสายลับแฝงตัวอยู่ สตรีหลายสิบนางที่คอยคุ้มกันการส่งตัวหยางไคในคราวนี้ ล้วนแต่ได้รับการคัดเลือกมาอย่างเข้มงวดจากนาง จนสามารถที่จะรับรองได้ว่าทุกคนล้วนแต่มีความจงรักภักดีต่อหุบเขาหฤทัยเยือกเย็นจากใจจริง อีกทั้งทุกคนต่างก็มีหนี้เลือดกับนิกายแสงอัคคีอย่างลึกล้ำ ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดเรื่องการผูกสัมพันธ์เป็นมิตรกับศัตรูคู่แค้นอย่างแน่นอน
ความบังเอิญงั้นหรือ ? ผู้อาวุโสสิบสามบังเกิดความคิดขึ้นปานสายฟ้าแลบ พร้อมกับหันไปมองยังทางด้านของหยางไควูบ เมื่อพบว่าเขาหาได้รับบาดเจ็บใดแม้แต่น้อย จึงค่อยวางใจขึ้นมาได้
“ยวู่เสว่ยฉิง เจ้าคงคิดไม่ถึงสินะ ว่าข้าผู้ชราจะมาดักรอเจ้าอยู่ในที่แห่งนี้ !”ทางด้านล่างก็ได้มีเสียงหัวเราะดังขึ้นมา ผู้ที่กำลังกล่าวออกมากลับเป็นชายวัยกลางคนที่มีผิวพรรณขาวหมดจด มีดวงตาแคบแหลมสาดเป็นประกายระยิบระยับคู่หนึ่ง กำลังจับจ้องมองไปที่เรือนร่างอรชรของผู้อาวุโสสิบสาม
“เหยียนฉื่อเหร่ย!”ยวู่เสว่ยฉิงกัดฟันกู่ร้องออกมา
การลอบโจมตีจากอีกฝ่าย ทำให้หุบเขาหฤทัยเยือกเย็นเกิดความสูญเสียศิษย์ไปถึงสองคน ในใจยวู่เสว่ยฉิงย่อมก่อเกิดเป็นจิตสังหารถาโถมขึ้นแน่นอน
“ข้าเองนี้แหลาะ!”ชายวัยกลางคนกระโดดมาทางด้านหน้าในก้าวเดียว : “ทราบอยู่แล้วว่าเมื่อหลายวันก่อนเจ้าคงจะกำลังลอบเคลื่อนไหวอะไรบางอย่าง โดยกำลังทำอะไรลับลับล่อล่อกันนะ ?
“ผู้อาวุโสเหยียน อย่าได้ไปเสวนาไร้สาระกับนางแล้ว ยังคงรวบรัดเอาไว้สักหน่อย ลงมือในทันทีกันเถอะ”ที่ด้านข้างของเหยียนฉื่อเหร่ยก็ได้มีผู้ชรารูปร่างเตี้ยเล็กกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น
ยวู่เสว่ยฉิงจึงค่อยได้หันไปมองผู้ชรานั้น รูม่านตาอันงดงามพลันหดตัวลงโดยพลัน:“เจียงซี!”
“หึหึ คิดไม่ถึงเลยว่านามแห่งตัวข้าแม้กระทั่งผู้อาวุโสสิบสามแห่งหุบเขาหฤทัยเยือกเย็นก็ยังเคยรับทราบมาบ้าง นับเป็นเกียรติภูมิความภาคภูมิใจของตัวข้ายิ่งนัก!”ชายชรารูปร่างเตี้ยเล็กถึงกับยิ้มออกมาด้วยความถือดี
สีหน้าของยวู่เสว่ยฉิงกลับยังปั้นยากขึ้นกว่าเดิม ทางหนึ่งลอบขยิบตาให้แก่บรรดาสาวๆจากหุบเขาหฤทัยเยือกเย็นอย่างเงียบเชียบ ทางหนึ่งก็ถามออกมาด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ:“เจียงซี หุบเขาหฤทัยเยือกเย็นเราและเจ้าหาได้มีความแค้นต่อกัน เหตุใดเจ้าถึงต้องมาราดน้ำมันใส่กองไฟด้วย !”
“ไม่ได้มีความแค้นต่อกันงั้นหรือ ?”เจียงซีสบถดังเหอะอย่างเย็นชา : “ผู้อาวุโสสิบสามใช่กำลังลืมตาพูดคำบอด3อยู่หรือไรกัน ? ความอัปยศเมื่อยี่สิบปีก่อน ข้าผู้แซ่เจียงหาได้เคยลืมเลือนไม่ หากจะกล่าวว่าเป็นความโกรธแค้น เจ้าก็ควรที่จะลองไปถามไถ่ผู้อาวุโสห้าจากหุบเขาหฤทัยเยือกเย็นดู!”
“เรื่องนั้นเป็นความจริงงั้นหรือ ?”ยวู่เสว่ยฉิงถามด้วยความประหลาดใจ。
นางยังคิดว่าเรื่องนี้จะเป็นเพียงแค่ข่าวลือ แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะถึงกับเป็นจริง
ไม่แปลกใจเลยที่เจียงซีเหยียนฉื่อเหร่ยจะไปสมคบคิดกับคนของนิกายแสงอัคคี ครานี้คงจะยุ่งยากกันขึ้นแล้ว
การเผชิญหน้ากับเหยียนฉื่อเหร่ยตัวต่อตัว นางกลับหาได้หวาดกลัวไม่ แต่เจียงซีผู้นี้กลับยังยากที่จะต่อกรกับเหยียนฉื่อเหร่ยเสียมากกว่า อีกทั้งยังเป็นผู้ที่บ่มเพาะในวิชาพิษทั้งกาย ทำให้ต่อให้ป้องกันก็ยากป้องกันได้ ศิษย์เหล่านี้ที่ติดตามตนมาด้วยย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ด้วยอย่างแน่นอน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงอีกฝ่ายยังไม่ได้มากันแค่สองคนอีกด้วย
“ข่าวลือถึงกับเป็นความจริง”ชิงหย่าจึงค่อยได้มองไปที่รูปร่างอันเตี้ยเล็กนั้นด้วยความประหลาดใจ ชายชราที่มีใบหน้าน่าเกียจ ถึงกับต้องพึมพำขึ้นกับตัวเอง
เห็นได้ชัดว่านางเองก็เคยได้ทราบข่าวลือนี้มาก่อน
“แล้วอะไรคือความจริงกัน?”หยางไคถามขึ้นอย่างประหลาดใจ
“ได้ยินมาว่าเมื่อยี่สิบปีก่อนคนผู้นี้ครั้งหนึ่งได้มีความต้องการให้ผู้อาวุโสห้าหุบเขาหฤทัยเยือกเย็นตบแต่งเป็นภรรยาให้แก่เขา แต่กลับถูกผู้อาวุโสห้าปฏิเสธไป ไม่แต่เพียงเท่านี้ ผู้อาวุโสห้ายังได้จัดการเขาจนบาดเจ็บสาหัส เพียงแต่พวกเรานั้นยังคิดว่าเป็นแค่ข่าวลือกันเท่านั้น คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง”
“เป็นเขา ?”หยางไคยกมุมปากขึ้น
พร้อมกับมองสำรวจเจียงซีผู้นั้นอย่างตั้งใจ ก็ได้พบว่าไม่ว่าจะมองอย่างไร ก็ไม่อาจที่จะหาจุดที่เป็นความสง่าของอีกฝ่ายได้เลย
ร่างกายที่เตี้ยเล็กยังพอทำเนา แต่ยังถึงกับมีรูปโฉมที่อัปลักษณ์น่าเกลียด จมูกเต็มไปด้วยกระ ดวงตาเล็กใหญ่ไม่เสมอ ริมฝีปากหนาเตอะ คล้ายกับพริกหยวกสองก้านที่แขวนไว้ด้านบน ผิวพรรณเหลืองเข้ม ลำคอตีบตันร่างกำยำ แขนขาเล็กสั้น……
ผู้อาวุโสห้าจากหุบเขาหฤทัยเยือกเย็นไม่ทราบว่าหยางไคที่มีหน้าตาเช่นไร แต่หากมองจากในมุมที่คอยปกป้องตนเองจากสตรีเหล่านี้ ผู้อาวุโสห้าย่อมยังไม่ถือว่าเลวร้ายเลยทีเดียว
เจียงซีผู้นี้ถึงกับอาจหาญกล้าดูแคลนชนชั้นอย่างผู้อาวุโสห้า จึงได้ทำให้หยางไคอดนึกถึงวลีประโยคหนึ่งขึ้นมาได้
“เป็นเพียงคางคงริอาจคิดกินเนื้อห่านฟ้า!”
แม้ว่าสถานการณ์จะตึงเครียดอย่างถึงขีดสุด แต่ชิงเหยาก็ยังอดเอาไว้ไม่ได้ จนถึงกับหัวเราะออกมา
เจียงซีเองก็นับว่ามีสัมผัสการรับเสียงที่ไม่ด้อย คำพูดประโยคนั้นที่หยางไคกล่าวมา เขาเองก็ได้ส่ายหน้าไปในทันที แล้วหันไปเหม่อมองยังตำแหน่งที่หยางไคอยู่ ภายในแววตายังแฝงเร้นความเยือกเย็นเอาไว้ ส่งเสียงดังเหอะแล้วกล่าว:“เจ้าหนู เมื่อครู่นี้เจ้าว่าพูดอะไรออกมานะ ?”
เจียงซีที่ดูแล้วเหมือนกับเป็นคนพิการ อีกทั้งยังเป็นดั่งปมด้อยในใจของเขาเป็นที่สุด ย่อมไม่อาจฟังผู้อื่นกล่าวว่าร้ายต่อเขาในจุดนี้ได้เป็นที่สุด
หยางไคคล้ายกับได้สะกิดปมด้อยของเขาเข้าแล้ว
เหยียนฉื่อเหร่ยเองก็ได้มุ่งหน้าไปยังตำแหน่งที่หยางไคอยู่ ทันใดนั้นก็ได้เผยสีหน้าแตกตื่นตกใจออกมา ก้มหน้าลงแล้วกล่าว : “ถึงกับเป็นเจ้า !”
ขณะนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะถึงกับหลุดหัวเราะออกมา
.
.
.