278 - ความปวดร้าว
278 - ความปวดร้าว
เอี้ยนลี่เฉียงและโม่จื่อเย่เดินทางกลับตามเส้นทางเดิม
ระหว่างทาง บางครั้งพวกเขาก็เจอศพของพวกโจรวายุทมิฬที่โม่จื่อเย่ฆ่าไป นอกเหนือจากนั้นโจรวายุทมิฬส่วนใหญ่ได้ถอนตัวออกจากที่นี่แล้ว
เอี้ยนลี่เฉียงกลับมาที่ลำธารหลังจากนั้นเขาก็ค้นหาคันธนูของตัวเอง
โม่จื่อเย่ไม่ได้พูดมากระหว่างทาง บรรยากาศระหว่างพวกเขาหนักมาก เอี้ยนลี่เฉียงเดินเงียบๆ แม้ว่าเขาจะรอดชีวิตมาได้ แต่โมจื่อเย่ก็สูญเสียศิษย์พี่ของนางไปแล้ว
เอี้ยนลี่เฉียงไม่รู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างโม่จื่อเย่กับศิษย์พี่คนนั้น พวกเขาอาจเป็นคู่รักหรือพี่น้องที่สนิทสนมกันมาก เขารู้ว่านางอารมณ์ไม่ดีดังนั้นเขาจึงไม่ได้พยายามชักชวนสนทนาอีก
เมื่อทั้งคู่ไปถึงถ้ำบนภูเขาที่เอี้ยนลี่เฉียงได้ซ่อนโม่จื่อเย่และศิษย์พี่ของนางไว้ท้องฟ้าก็สว่างแล้ว
ทันทีที่โม่จื่อเย่ฟื้นความแข็งแกร่งนางก็รีบไปช่วยเหลือเอี้ยนลี่เฉียง ศพของศิษย์พี่ของนางยังคงอยู่บนถ้ำ โดยไม่ต้องรอให้โม่จื่อเย่เปิดปากเอี้ยนลี่เฉียงก็นำร่างของศิษย์พี่คนนั้นออกจากถ้ำและลงเขาไป
ร่างของศิษย์พี่ที่เสียชีวิตคนนั้นกลายเป็นสีดำสนิท สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงความร้ายแรงของพิษตะขาบตัวนั้น เอี้ยนลี่เฉียงรู้สึกขยะแขยงเป็นอย่างมากเมื่อมองดูร่างกายของเขา
“พี่สาวโม่… มันเป็นไปไม่ได้ที่เจ้าจะนำร่างของศิษย์พี่คนนี้กลับไปยังนิกายปราชญ์?” เอี้ยนลี่เฉียงกล่าวด้วยความระมัดระวัง
โม่จื่อเย่เช็ดน้ำตาของเธอและส่ายหัว
“ไม่จำเป็น พวกเราศิษย์นิกายปราชญ์ล้วนเป็นทหารเดนตาย เมื่อพวกเราตายก็แค่กลบฝังเท่านั้น!”
หลังจากที่นางพูดจบนางก็ใช้กระบี่ขุดดิน
เอี้ยนลี่เฉียงวางโกลดี้และคันธนูของเขาลงบนพื้นเพื่อช่วยเหลือนางขุดดินด้วย
ทั้งคู่ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วยามในการขุดหลุมขนาดใหญ่ลึกประมาณครึ่งวา เอี้ยนลี่เฉียงอุ้มศพของศิษย์พี่คนนั้นลงมาในหลุมพร้อมกับกลบฝังอย่างเรียบง่ายโดยไม่มีป้ายหลุมศพ
หลังจากที่พวกเขาทำเสร็จแล้ว ในที่สุดเอี้ยนลี่เฉียงหยิบวัตถุแวววาวซึ่งคล้ายกับกระจกทองแดงออกมามอบให้กับโม่จื่อเย่
“นี่คือสิ่งของประจำตัวของชายชราคนนั้น…”
ในที่สุดโม่จื่อเย่ก็เลื่อนสายตาจากหลุมศพมามองหน้าของเอี้ยนลี่เฉียง ใบหน้าของนางเปลี่ยนไปเล็กน้อย
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าสิ่งนี้คืออะไร”
เอี้ยนลี่เฉียงส่ายหัว
"ไม่ ข้าไม่รู้! ข้าเป็นเพียงคนบ้านนอกที่มาจากเมืองเล็กๆเท่านั้น ตลอดชีวิตของข้าไม่เคยออกจากแคว้นผิงซีด้วยซ้ำ!"
“นี่คือเครื่องรางวิญญาณจำเป็นต้องใช้พลังจากแกนอสูร มันไม่มีประโยชน์อะไรในตอนนี้ แต่เมื่อเจ้าค้นพบแกนอสูรธาตุไฟเจ้าจะสามารถขายของสิ่งนี้ควบคู่กันไปด้วยราคาหมื่นตำลึงทอง?”
การแสดงออกบนใบหน้าของเอี้ยนลี่เฉียงยังคงไม่เปลี่ยนแปลง เขาเพียงส่งยิ้มบางๆแล้วกล่าวว่า
“มันก็แค่สิ่งของ นี่เป็นของที่ศิษย์พี่คนนั้นใช้ชีวิตของตัวเองแลกมาเจ้าเก็บไว้เป็นที่ระลึกเถอะ”
โม่จื่อเย่จ้องเอี้ยนลี่เฉียงเป็นเวลาสองสามวินาที หลังจากแน่ใจว่าคำพูดของเอี้ยนลี่เฉียงเต็มไปด้วยความจริงใจ นางจึงหยิบเอาเครื่องรางชิ้นนั้นมาเก็บไว้พร้อมกับขอบคุณเขา
“ยันต์วิญญาณคืออะไร ทำไมข้าไม่เคยเห็นมาก่อน” เอี้ยนลี่เฉียงถามอย่างไม่ใส่ใจ
“มันเป็นของมีค่าอย่างยิ่ง เครื่องรางทั้งหมดล้วนถูกสร้างขึ้นโดยปรมาจารย์ยันต์ ดังนั้นจึงหายากมาก ปรมาจารย์ยันต์ทั้งโลกนี้มีเพียงหกคนเท่านั้น!”
เอี้ยนลี่เฉียงสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆแล้วกล่าวว่า
“ชายชราชาตูคนนั้นเป็นใคร เขามีสิ่งนี้ได้อย่างไร”
“เจ้าอย่าบอกนะว่าเจ้าฆ่าเขาโดยที่เจ้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาเป็นใคร?”
“อาจจะฟังดูเหลือเชื่อ แต่จริงๆแล้วข้าไล่ตามนกตัวหนึ่งมาจากนั้นก็พบชายชราคนนี้โดยบังเอิญ!”
“บุคคลนั้นไม่ใช่คนธรรมดา เขาเป็นนักบวชเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ นี่เป็นนิกายประจำพันธมิตรชาตู ผู้นำของพันธมิตรชาตูทั้งหมดล้วนศรัทธาในนิกายนี้…”
"แล้วทำไมคนที่มีสถานะสูงส่งอย่างเขาถึงมาปรากฏตัวที่นี่?"
“นั่นเป็นเพราะมีคนไม่ต้องการให้เย่เทียนเฉิงกลับไปยังเมืองหลวงโดยที่ยังมีชีวิต ในฐานะผู้ติดตามของซุนปิงเฉินเจ้าไม่รู้เรื่องนี้ได้อย่างไร” จากนั้นเสียงของโม่จื่อเย่เปลี่ยนไปอย่างจริงจัง
"บุคคลผู้นี้คือผู้ที่ออกคำสั่งให้โจรวายุทมิฬจู่โจมพวกเจ้า เพราะพวกเขาไม่มั่นใจว่าความแข็งแกร่งของโจรวายุทมิฬจะสามารถจัดการพวกเจ้าได้หรือไม่
อย่างไรก็ตามนักบวชเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์สามารถควบคุมสิ่งมีชีวิตได้ ดังนั้นเมื่อเขาติดตามมาในขบวนของโจรเขาก็สามารถแกะรอยของพวกเจ้าได้ตลอดเวลา!"
“ถ้าอย่างนั้นเจ้าและศิษย์พี่ของเจ้ามาที่นี่ก็เพื่อ?…”
“บุคคลนี้ต้องการกำจัดพวกเจ้าให้หมด ส่วนพวกเราได้รับคำสั่งมาให้เพื่อสังหารเขา…”
“จากที่เจ้าว่าแสดงว่าท่านซุนรู้เรื่องนี้ตั้งแต่ต้นแล้ว?” เอี้ยนลี่เฉียงมีสีน่าเหลือเชื่อ
คำถามนี้ทำให้โม่จื่อเย่เงียบไปครู่หนึ่งจากนั้นนางก็พยักหน้าอย่างหนักแน่น
หัวใจของเอี้ยนลี่เฉียงเย็นเฉียบในทันที