เล่ม 1 ตอนที่ 54: ทีมสายฟ้า (3)
เล่ม 1 ตอนที่ 54: ทีมสายฟ้า (3)
ขณะที่อยู่บนหอคอยเพื่อที่จะสังเกตการณ์ด้านในของหุบเขาผีสิงอยู่นั้น เขาไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าการอยู่ข้างบนนี้มันน่าตื่นตาตื่นใจเพียงใด เมื่อมองไปยังการต่อสู้ข้างในหุบเขา เขาสามารถมองเห็นผู้เล่นและพวกผู้เล่นรับจ้างจากกลุ่มพันธมิตรเจียจู๋ได้อย่างชัดเจน แต่กลับกัน พวกผู้เล่นข้างล่างมองสถานการณ์ข้างในแทบไม่เห็นเลย
มู่หรงเสี่ยวเทียนในตอนนี้กำลังมองเข้าไปในหุบเขาอย่างตื่นเต้น ความรุนแรงนั้นได้ขยายตัวใหญ่ขึ้นเกินกว่าที่เขาจินตนาการเอาไว้เป็นอย่างมาก
เพราะทางเข้าของหุบเขาผีสิงนั้นก็แคบและลาดชัน มันสามารถผ่านไปได้มากสุดเพียงแค่ห้าถึงหกคนต่อครั้งเท่านั้น ด้านในก็มีนักรบตั้งแถวอยู่ 4 แถว ยืนเรียงกันแถวละ 8 คน รวมแล้วมีนักรบ 32 คนที่รอจัดการพวกที่พยายามเข้าไปอยู่ ข้างหลังนักรบเหล่านั้นก็มีนักเวทย์จำนวนมากไม่ต่ำกว่า 50 คนที่ผลัดกันปล่อยลูกไฟ ลูกศรน้ำแข็ง และก้อนหินเวทย์มนต์อื่น ๆ อีกมากมาย ในหุบเขาผีสิงแห่งนี้ พวกคนเหล่านี้แต่ละคนจะมีผ้าสีแดงที่แขนซ้ายซึ่งเขียนเอาไว้ว่า “พันธมิตรเจียจู๋” อย่างชัดเจน
มู่หรงเสี่ยวเทียนค่อนข้างที่จะเข้าใจดีในเรื่องนี้ เพราะมันยังไม่มีใครมีเลเวลถึง 20 ฟังก์ชั่นกลุ่มทหารรับจ้างนั้นจึงไม่เปิดใช้งานในขณะนี้ ดังนั้นกองกำลังขนาดใหญ่บางแห่งจึงทำเครื่องหมายสำหรับสมาชิกของพวกเขาเพื่อสะดวกในการจำแนกออกจากผู้เล่นคนอื่น ๆ
การต่อสู้ตรงทางเข้าของหุบเขาผีสิงนี้ทั้งสองพยายามโจมตีใส่กันอย่างสุดกำลัง ทั้งลูกไฟ ลูกศรน้ำแข็ง หิน มีด และประกายไฟที่เกิดจากการที่ดาบกระทบกัน จึงทำให้ในหุบเขาผีสิงแห่งนี้มีแสงสว่างจ้าขึ้นมาไม่หยุด และผู้เล่นที่เข้าไปในบริเวณแสงนั้นก็จะถูกบดขยี้อย่างเหี้ยมโหด
เมื่อมองลงไปที่หุบเขาผีสิงจากหอสังเกตการณ์ มู่หรงเสี่ยวเทียนก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่าพันธมิตรเจียจู๋มีความได้เปรียบเป็นอย่างมากในการเผชิญหน้ากัน เนื่องจากความแคบของทางเข้า ผู้เล่นที่อยู่ด้านนอกจึงสามารถบุกได้ครั้งละ 4 – 5 คนเท่านั้น และเมื่อพวกเขารีบร้อนเข้าไป พวกเขาก็จะถูกนักรบและนักเวทย์ที่อยู่ด่านหน้าของพันธมิตรเจียจู๋ต้านเอาไว้ มันจึงทำให้พวกเขานั้นไม่สามารถเข้าไปได้ ขณะที่วิ่งเข้าไป อย่างแรกที่เข้ามาต้อนรับพวกเขาก็คือลูกไฟ ลูกศรน้ำแข็งและก้อนหินจากทั่วทุกมุมท้องฟ้า มันจะพุ่งถล่มลงมาราวกับว่าเป็นพายุ
“มันเป็นการเข้าไปตายทีละคนอย่างไม่รู้จบ” มู่หรงเสี่ยวเทียนส่ายหัวและพูด “มันเป็นไปไม่ได้ที่จะฝ่าเข้าไปทั้งแบบนั้น มีแต่ความตายเท่านั้นที่รอพวกเขาอยู่”
“ผู้เล่นด้านล่างไม่รู้ถึงสถานการณ์ข้างในของหุบเขาผีสิง พวกเขารู้แค่ว่าพวกเขาจะต้องฝ่าเข้าไปเท่านั้น” เทียนหยามองไปที่มู่หรงเสี่ยวเทียนและยิ้มอย่างขมขื่น “ถ้าไม่ใช่เพราะพี่สร้างหอสังเกตการณ์ พวกเราก็อาจจะวิ่งเข้าไปตายแบบนั้นแล้ว”
“ที่จริงยังมีทางเข้าทางอื่นอยู่อีก ถ้าอยากเข้าไปโดยไม่ต้องฝ่าพวกกลุ่มพันธมิตรนี้ล่ะก็ มีทางเดียวที่จะเข้าไปได้ ก็คือรังมดที่อยู่ห่างออกไปอีก 800 ไมล์ในเมืองเฉินฮัว นอกเหนือจากทางนี้ ฉันคิดว่าไม่น่าจะมีทางอื่นอีกแล้ว” ผู้เล่นอีกคนบนหอสังเกตการณ์เปิดประเด็นขึ้นมา
ในเวลานี้ หลายคนเงียบสนิท ใครก็ตามที่ไปศึกษาข้อมูลบนเว็บไซต์หลักมา จะรู้ว่ารังมดของเกมเดสตินี่นั้นอยู่ห่างไกลจากที่แห่งนี้เป็นอย่างมาก มันจะต้องใช้เวลาหลายวันเพื่อวิ่งไปที่นั่น เว้นเสียแต่ว่าจะเป็นอัศวินหรือซัมมอนเนอร์ที่สามารถขี่สัตว์เลี้ยงของพวกเขาไป คนอื่น ๆ เองก็ไม่ม่ใครคิดที่จะใช้เส้นทางนี้เลย อีกอย่างก็คือภูมิประเทศของรังมดนั้นซับซ้อนกว่าบ้านผีสิงเป็นอย่างมาก ระดับของมอนเตอร์นั้นก็สูงกว่าด้วย
จู่ ๆ ท้องฟ้าก็เริ่มมืดครึ้มไปทั่วทั้งหอสังเกตการณ์ หลายคนมองเห็นการต่อสู้ข้างในหุบเขาผีสิงที่มีแสงวาบออกมาเป็นระยะราวกับว่าเป็นดอกไม้ไฟ ผู้เล่นที่พยายามเข้าไปนั้นกำลังถูกฆ่าตายไปอย่างไร้ประโยชน์
“ฮ่าฮ่า ดูนั่นสิ ทีมสายฟ้ามาถึงแล้ว บางทีพวกเขาอาจจะฝ่าเข้าไปได้” เทียนหยากระพริบตาด้วยความตื่นเต้น เขาจ้องมองไปที่กลุ่มกลุ่มหนึ่ง ซึ่งมีผู้ชาย 3 คน ผู้หญิง 2 คน ที่กำลังมุ่งตรงไปยังทางเข้าของหุบเขาผีสิง
เมื่อมู่หรงเสี่ยวเทียนได้ยินเช่นนั้น เขาก็จ้องมองไปยังทิศทางที่เขาว่านั้นทันที เขาเห็นว่าเป็นหญิงชายสี่ห้าคนกำลังเดินไปที่แห่งนั้นอย่างดุดันและเคร่งขรึม ร่างกายของพวกเขาไม่ได้โดดเด่นมากนักเท่าไหร่ แต่เป็นเพราะอาวุธที่พวกเขามีนั้น โดดเด่นตรงข้ามกับพวกเขาเป็นอย่างมาก พวกเขาทั้งหมดสวมเครื่องแบบธรรมดาซึ่งไม่มีค่าสเตตัสใด ๆ จนดูคล้าย ๆ กับของมู่หรงเสี่ยวเทียน
พวกเขาโดดเด่นเพราะ ไม่ว่าพวกเขาจะเดินไปยังที่ใด ผู้เล่นที่อยู่แถวนั้นก็ต่างหลีกทางให้แก่พวกเขา จนทำให้ผู้เล่นหลายคนหันมาสนใจพวกเขา
คนที่กำลังเดินอยู่แถวหน้านั้นเป็นหญิงสาวอายุประมาณ 16-17 ปี ใบหน้าของเธอดูอ่อนโยนและงดงาม เธอมีผมหางม้าที่มัดไว้อย่างสวยงาม แต่สิ่งที่ดูแปลกตานั่นก็คือดาบขนาดใหญ่ที่เธอแบกเอาไว้บนหลัง มันค่อนข้างที่ใหญ่กว่าร่างกายของเธอเสียด้วยซ้ำ ดาบเล่มนั้นดูเหมือนจะหนักมาก แต่เธอก็ยังสามารถแบกมันไว้ได้อย่างสบาย ๆ และบนหัวของเธอก็ปรากฏชื่อที่ดูขัดแย้งกับเธออยู่เล็กน้อย แต่มันก็เข้ากับดาบยักษ์ใหญ่ของเธอเป็นอย่างมาก เธอมีชื่อว่าสายฟ้าปาฉี
คนที่เดินถัดมานั้นเป็นชายร่างผอมสูง อายุประมาณ 25 ปี ใบหน้าของเขาไร้ซึ่งรอยยิ้ม ดวงตานั้นคมกริบราวกับว่าเป็นนกอินทรี และชายที่กำลังเดินเคียงข้างเขานั้นดูเหมือนจะมีอายุพอ ๆ กันกับเขา ทั้งหล่อเหลา ดูกล้าหาญ ยิ้มแย้มและสงบนิ่ง ผู้เล่นที่หน้าตาเคร่งขรึมมีชื่อว่า สายฟ้าซวน ส่วนผู้เล่นชายหนุ่มรูปงามที่เดินข้าง ๆ เขามีชื่อว่า สายฟ้าโพ
ข้างหลังสายฟ้าซวนและสายฟ้าโพเป็นเด็กผู้หนุ่มที่ดูสะดุดตา ที่เขาถูกเรียกว่าเด็กหนุ่มนั่นเป็นเพราะเขามีใบหน้าที่เด็กและดูสง่างาม เขายิ้มออกมาเป็นครั้งเป็นคราว ดวงตาอันกลมโตนั้นมองไปรอบ ๆ เด็กหนุ่มหล่อสะดุดตาคนนี้มีความสูงอยู่ที่ 1.9 เมตร ไม่ว่าจะยืนตรงไหน เขาก็ดูโดดเด่น สะดุดตากว่าคนอื่นเป็นพิเศษ ชื่อของเขานั้นก็ทรงพลังเป็นอย่างมาก เขาชื่อว่าสายฟ้ากวงจ้าน
บอกได้เลยว่าทุกคนนั้นมีลักษณะเด่นเป็นของตัวเอง แต่คนสุดท้ายคงจะทำให้ทุกคนสะดุดตาที่สุด เขาสูง 1.8 เมตรเทียบเท่ากับมู่หรงเสี่ยวเทียน แต่ความอ้วนของเขานั้นเป็นสองเท่าของมู่หรงเสี่ยวเทียนเลยก็ว่าได้ ใบหน้าอ้วนท้วนเกือบจะบีบตาของเขาให้กลายเป็นริ้วรอยบาง ๆ ร่างกายที่อ้วนกลมของเขานั้นมันช่างเหมาะสมกับชื่อคือ สายฟ้าไป่เหอ
“ดูเหมือนว่าคนเหล่านี้จะมีความสามารถ !” มู่หรงเสี่ยวเทียนพยักหน้าลับ ๆ ขณะที่เขานั้นกำลังมองผู้เล่นต่าง ๆ หลีกทางให้แก่ผู้เล่นกลุ่มนั้น
“แน่นอน สมาชิกทีมสายฟ้าแต่ละคนล้วนเป็นผู้เล่นมืออาชีพ” เทียนหยากล่าวอย่างตื่นเต้น
“เทียนหยา นายรู้จักคนพวกนั้นหรือ ?” มู่หรงเสี่ยวเทียนอดไม่ได้ที่จะสงสัยขณะที่มองไปยังเทียนหยาซึ่งกำลังมีท่าทางตื่นเต้น
“ฮ่าฮ่า นับได้ว่าเป็นเพื่อน !” เทียนหยาพยักหน้า สายตาของเขาจ้องไปยังใบหน้าของสายฟ้าปาฉีจนแทบจะไม่กระพริบ
มู่หรงเสี่ยวเทียนเห็นพฤติกรรมของเทียนหยา ใจของเขาก็รู้สึกขำ เขามองดูเทียนหยาด้วยแววตาอันชั่วร้ายและพูดว่า “ฉันคิดว่าคนบางคนคงจะรู้จักพวกเขาอย่างผิวเผินเท่านั้น และถ้าหากว่าจะให้เจาะจงล่ะก็ คงจะเป็นเด็กสาวที่ถือดาบใหญ่นั่นนะสินะ !”
“พี่มั่วแล้ว !” เทียนหยาหน้าแดง แต่ท่าทางของเขานั้นทรยศต่อคำพูดอย่างชัดเจน
To be continued…