เล่ม 1 ตอนที่ 53: ทีมสายฟ้า (2)
เล่ม 1 ตอนที่ 53: ทีมสายฟ้า (2)
ทั้งสามคนกำลังยุ่งอยู่กับการตัดต้นไม้ และมู่หรงเสี่ยวเทียนก็กำลังเตรียมการก่อสร้าง แม้ว่าสกิลเทคนิคในการผลิตนี้จะถูกใช้งานเป็นครั้งแรก แต่ความเร็วในการก่อสร้างของมู่หรงเสี่ยวเทียนก็รวดเร็วเป็นอย่างมาก
เทียนหยาและพรรคพวกก็พยายามตัดต้นไม้อย่างต่อเนื่องไม่หยุดไม่หย่อน แต่พวกเขาก็ไม่สามารถไล่ตามความเร็วในการก่อสร้างของมู่หรงเสี่ยวเทียนได้เลย หลังจากสร้างหอสังเกตการณ์ไปเพียงแค่ไม่นาน มันก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา จากนั้นผู้เล่นคนอื่น ๆ ที่อยู่ข้าง ๆ ก็เริ่มเสียใจกับการปฏิเสธก่อนหน้านี้ จนสุดท้ายหอสังเกตการณ์ก็สร้างขึ้นมาเสร็จเรียบร้อย
ใช้เวลาไปประมาณ 20 นาที หอสังเกตการณ์สี่ขาก็ตั้งเด่นตระหง่านท่ามกลางผู้เล่นหลายร้อยคนอย่างสะดุดตา มันตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับหุบเขาผีสิง และตอนนี้ดูเหมือนว่าหอสังเกตการณ์นั้นจะสูงราว ๆ 10 เมตรและกว้าง 10 เมตร ซึ่งมันเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมมาก และมู่หรงเสี่ยวเทียนได้สร้างเก้าอี้ขึ้นมาอีก 4 ตัวอย่างพอดีไม่ขาดไม่เกินจำนวนคน
“ทุกคน ขึ้นไปกันเถอะ!” มู่หรงเสี่ยวเทียนโบกมือให้สามคนนั้นด้วยรอยยิ้มที่พอใจ
“ว้าว!” เทียนหยาอุทานออกมาด้วยความตื่นเต้น เขาขึ้นบันไดไปคนแรก ส่วนอีกสองคนที่เหลือก็รีบตามขึ้นไปอย่างเร่งรีบ
“พี่ชาย ขอฉันขึ้นไปด้วยได้ไหม ?” มู่หรงเสี่ยวเทียนที่กำลังจะขึ้นไปก็ถูกใครบางคนดึงที่แขนเอาไว้จากด้านหลัง
“ไม่ได้” มู่หรงเสี่ยวเทียนหันกลับมา จากนั้นก็ส่ายหัวและมองชายคนนั้นอย่างเย็นชา “ถ้าหากว่านายอยากจะได้รับ นายก็ต้องจ่ายมาก่อน ถ้าหากว่าไม่ได้ออกแรง นายก็อย่าหวังว่าจะได้เชยชมมัน ไม่มีของฟรีในโลกใบนี้เว้ย !”
“เจ้าเด็กน้อย จะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่ แต่ระวังให้ดี ๆ นะ ฉันอาจจะพังหอสังเกตการณ์ของนายก็ได้” ชายคนนั้นเปลี่ยนไปในชั่วขณะจากนั้นเขาก็จ้องมองไปที่มู่หรงเสี่ยวเทียนอย่างดูถูกด้วยท่าทางที่หยิ่งผยอง
มู่หรงเสี่ยวเทียนมองไปที่ผู้เล่นคนนั้น สิ่งที่ชายคนนั้นนำออกมาก็คืออาวุธชนิดหนึ่ง มันมีแสงสีม่วงเปล่งประกายออกมา บนตัวของเขาตอนนี้อย่างน้อยก็มีอาวุธระดับ 3 หนึ่งชิ้นแล้ว ไม่แน่ว่าอาจมีอาวุธชิ้นอื่นอีก และตัวเลขบนหัวของเขาแสดงเด่นชัดให้เห็นว่าเขานั้นอยู่ถึงเลเวล 16 !
“หืม ไม่แปลกใจเลยที่ชายคนนี้ที่มีเลเวล 16 จะมีอุปกรณ์ระดับ 3 ติดตัวและดูเหมือนว่าเขาจะอัพเกรดอาวุธระดับธรรมดาจนมาถึงระดับนี้ได้” มู่หรงเสี่ยวเทียนสูดหายใจเข้าไปเต็มปอดแล้วตะโกนออกมา “แค่นำอาวุธระดับ 3 ออกมาโชว์ คิดว่าฉันจะกลัวยังงั้นหรือ ฉันจะฆ่านายเล่นทั้งวันก็ยังได้ ถ้าหากว่ากล้าดีมายั่วยุฉันแบบนี้”
นอกจากวู่เฟิงที่ตอนนี้อยู่เลเวล 18 แล้ว ก็มีผู้เล่นเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่อยู่ในเลเวล 17 การที่เขามาถึงเลเวล 16 ได้นั้นน่าจะเป็นผู้เล่นที่อย่างน้อยน่าจะอยู่อันดับ 1 ใน 100 ของประเทศจีน
“ไม่แปลกใจเลยที่หมอนี่กล้าอวดดีขนาดนี้ อาวุธของหมอนี่ถูกติดประกาศออกไปแล้วนี่เอง ไม่งั้นคงไม่กล้าโอ้อวดแบบนี้” มู่หรงเสี่ยวเทียนยิ้มเยาะที่มุมปากพร้อมกับมองผู้เล่นคนนั้นด้วยความรังเกียจ “เพื่อนเอ้ย อย่ามาโอ้อวดแบบนี้เลย อย่ากล้าดีมาทำลายหอสังเกตการณ์ของฉันเลย การอัพเกรดอุปกรณ์นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้นไม่ควรจะมาเสียเวลาอยู่ที่นี่”
“ฮ่าฮ่า” ผู้เล่นคนนั้นหัวเราะอย่างเย่อหยิ่ง “นอกจากเจ้าผู้เล่นวู่เฟิงแล้ว ฉันก็ไม่กลัวใครหน้าไหนทั้งนั้น นายนี่ปากเก่งจริง ๆ ทำไมไม่ลองส่องกระจกแล้วมองเลเวลของตัวเองบ้างล่ะ”
ใบหน้าของมู่หรงเสี่ยวเทียนนิ่งไปชั่วขณะ จากนั้นแสงที่เย็นชาก็วับวาบขึ้นมาในตาของเขาด้วยความโกรธ “ไม่ว่าฉันจะอยู่เลเวลไหนมันก็เป็นเรื่องของฉัน ถ้าหากว่าแกอยากจะลองดี ฉันจะช่วยแกเอง !”
“วันนี้ฉันจะรื้อหอสังเกตการณ์ของแกซะ ดูว่าแกจะทำอะไรฉันได้บ้าง ?” ผู้เล่นคนนั้นพูดด้วยความโกรธขึ้นมาเหมือนกัน พร้อมกับหยิบเอาขวานสองมือขนาดใหญ่ออกมาซึ่งรอบ ๆ ขวานนั้นมีแสงสีม่วงเปล่งประกายปกคลุมอยู่ จากนั้นเขาก็กวัดแกว่งไปทางหอสังเกตการณ์
“รนหาที่ตายซะแล้ว !” มู่หรงเสี่ยวเทียนเปลี่ยนคำพูดเป็นเสียงต่ำ จากนั้นเขาก็ยกมือขึ้นมาและใช้สกิลศิลาใต้พิภพไปที่ร่างของผู้เล่นนั้น จากนั้นเขาก็กระโจนเข้าไปหาผู้เล่นคนนั้นอย่างรวดเร็วและใช้กรงเล็บเหล็กกระชากวิญญาณโจมตีจากด้านหลังของผู้เล่นคนนั้นอย่างรุนแรง เขาไม่พูดพร่ำทำเพลงและชักดาบยาวออกมาฟาดฟันอย่างต่อเนื่อง การกระทำทั้งหมดของเขานั้นดูเคลื่อนไหวได้คล่องแคล่วและรวดเร็ว
ผู้เล่นคนนั้นล้มลงจากการโจมตีต่อเนื่องของมู่หรงเสี่ยวเทียน พลังชีวิตของเขาลดลงไปมากกว่า 2 ใน 3 แล้ว เขาตกใจเป็นอย่างมากและไม่ได้แสดงท่าทางดูถูกมู่หรงได้อีกต่อไป เขาแกว่งขวานขนาดใหญ่ด้วยสองมือพร้อมกับพยายามขว้างขวานไปที่มู่หรงเสี่ยวเทียนอย่างสุดแรง
มู่หรงเสี่ยวเทียนเห็นว่าผู้เล่นคนนั้นโต้กลับอย่างรวดเร็ว เห็นได้ชัดว่าผู้เล่นคนนั้นมีปฏิกิริยาตอบสนองที่เฉียบขาด เขาเชี่ยวชาญในการควบคุมขวานของเขาเป็นอย่างดี มู่หรงเสี่ยวเทียนตอนนี้ไม่กล้าที่จะทำอะไรครึ่ง ๆ กลาง ๆ เขาพลิกตัวหลบและพุ่งออกจากระยะของขวาน แม้ว่าทักษะของผู้เล่นคนนั้นจะยอดเยี่ยม แต่ความเร็วของมู่หรงเสี่ยวเทียนก็ว่องไวเกินกว่าที่ขวานของผู้เล่นคนนั้นจะตามทันได้
มู่หรงเสี่ยวเทียนใช้สกิลศิลาใต้พิภพขณะที่พุ่งไปมารอบ ๆ การโจมตีนี้ทำให้ผู้เล่นคนนั้นไม่มีเวลามากพอที่จะเติมเลือดของเขา และตอนนี้คูลดาวน์ของสกิลกรงเล็บเหล็กกระชากวิญญาณก็ใกล้จะใช้งานได้ สิบ เก้า แปด เจ็ด หก ห้า สี่ สาม สอง หนึ่ง.... เมื่อคูลดาวน์เสร็จ มู่หรงเสี่ยวเทียนก็ตะโกนขึ้นมาว่า “ตายซะ !” ร่างของเขาหายไปเกิดเป็นภาพติดตาและพุ่งไปข้างหน้าอย่างคาดไม่ถึง ผู้เล่นคนนั้นสับขวานมาที่มู่หรงเสี่ยวเทียน แต่มู่หรงเสี่ยวเทียนก็หลบได้อยู่ดี จากนั้นมู่หรงเสี่ยวเทียนก็ใช้สกิลกรงเล็บเหล็กกระชากวิญญาณอีกครั้ง เกิดเป็นลำแสงโค้งจาง ๆ เหมือนกรงเล็บพุ่งตรงเข้าไปที่ร่างของผู้เล่นคนนั้น และยังเป็นการโจมตีที่ติดคริติคอลอย่างรุนแรง
ด้วยการปะทะอย่างรุนแรงกับกรงเล็บเหล็กกระชากวิญญาณของมู่หรงเสี่ยวเทียนแล้วมันก็ทำให้ร่างที่นอนเหยียดตรงบนพื้นค่อย ๆ จางหายไปในที่สุด
มู่หรงเสี่ยวเทียนเอื้อมมือไปหยิบขวานสองมือจากผู้เล่นคนนั้นที่ทำตกเอาไว้ จากนั้นเขาก็ยัดมันลงไปในกระเป๋ามิติของเขาพร้อมกับส่ายหัวและถอนหายใจออกมา “รนหาที่ตายเองนะ อย่ามาว่าฉันทีหลังก็แล้วกัน ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาจริง ๆ เจ้าพวกนี้”
“พี่ชาย มันกลายเป็นว่าพี่นั้นหลอกเป็นหมูเพื่อที่จะกินเสือหรือเนี่ย ? พี่นี่สุดยอดจริง ๆ แม้แต่พลังเวทย์ของพี่ก็รุนแรงเป็นอย่างมาก พี่เปิดหูเปิดตาให้น้องชายคนนี้เป็นอย่างมาก” เทียนหยานั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้บนหอสังเกตการณ์ เขาตะโกนลงมาใส่มู่หรงเสี่ยวเทียนด้วยความตื่นเต้น
ผู้เล่นที่อยู่รอบ ๆ ตัวเขาก็ตกตะลึงเช่นกัน ผู้เล่นที่มีเลเวลเพียงแค่เลเวล 10 เท่านั้นสามารถฆ่าผู้เล่นที่มีเลเวล 16 รวมถึงแย่งของม่วงระดับที่ 3 มาได้อย่างง่ายดายภายใน 3 นาทีเท่านั้น ! สิ่งนี้มันทำให้คนที่ได้พบเห็นต้องตกตะลึงจนกลายเป็นใบ้
วิธีการโจมตีอันงดงามของมู่หรงเสี่ยวเทียนทำให้ทุกคนตกใจ พวกเขาคาดไม่ถึงเลยว่านักเวทย์จะมีความเร็วที่สูงขนาดนี้ เขาสามารถมีทั้งพลังโจมตีและพลังเวทย์ที่น่ากลัวได้อย่างไร ? แน่นอนว่าพวกเขาไม่คาดคิดว่ามู่หรงเสี่ยวเทียนเป็นคนที่สามารถใช้สกิลของทั้งสามอาชีพได้ เพราะถ้าพวกเขารู้ก็คงจะตะลึงกว่านี้เป็นแน่
ขณะที่ทุกคนกำลังชื่นชมความแข็งแกร่งของมู่หรงเสี่ยวเทียนอยู่นั้น ผู้คนมากมายก็ได้เข้าใจถึงความจริงบางอย่าง ความต่างระหว่างเลเวลและอุปกรณ์นั้นไม่สำคัญเท่าความต่างทางพละกำลัง
ในตอนแรกนั้นผู้เล่นสองสามคนมีความคิดที่จะทำเช่นเดียวกับผู้เล่นที่เพิ่งจะกลับจุดเกิดไปเมื่อครู่นี้ พวกเขาต้องการที่จะจับเสือมือเปล่าและใช้ประโยชน์จากมัน แต่ในเวลานี้ เมื่อเห็นความแข็งแกร่งของมู่หรงเสี่ยวเทียน พวกเขาก็ต้องทิ้งความคิดนั้นไปทันทีและแอบปาดเหงื่อเย็นที่ไหลชุ่มบนใบหน้าของพวกเขา
มู่หรงเสี่ยวเทียนเห็นผู้เล่นหลายคนที่กำลังจะเข้ามาหาเรื่อง ดังนั้นเขาจึงทำหน้านิ่งเอาไว้ จากนั้นรีบปีนขึ้นไปบนหอสังเกตการณ์ด้วยท่าทางตื่นเต้นในทันที เพราะตอนนี้สถานการณ์ในหุบเขาผีสิงช่างน่าตื่นเต้นเป็นอย่างมาก !
To be continued…