เล่ม 1 ตอนที่ 52: ทีมสายฟ้า (1)
เล่ม 1 ตอนที่ 52: ทีมสายฟ้า (1)
มู่หรงเสี่ยวเทียนไม่ได้กินอาหารมื้อนี้เยอะสักเท่าไหร่ พูดตามตรงหญิงสาวคนนี้ รสชาติอาหารของเธอช่างแตกต่างจากรูปร่างหน้าตาของเธออย่างสิ้นเชิง ลองคิดดู เธอไม่ใช่หญิงสาวที่จะทำอาหารทุกวัน ดังนั้นมันจึงมีช่องว่างระหว่างหญิงสาวจากตระกูลที่ร่ำรวยและหญิงสาวธรรมดาในเรื่องของการทำอาหาร จึงทำให้มู่หรงเสี่ยวเทียวคิดถึงจิงยี่อย่างไม่ได้ตั้งใจ
จากการที่ได้นั่งคุยกันสักพักตอนกินข้าว มู่หรงเสี่ยวเทียนก็ได้รู้ว่าหญิงสาวคนนี้ชื่อว่าไป่หยู แต่ว่าไป่หยูมาจากไหนนั้น มู่หรงเสี่ยวเทียนไม่ได้ถาม เพราะเขาไม่ได้สนใจเรื่องนี้เลย
หลังจากที่กินอาหารเสร็จ ไป่หยูก็บอกราตรีสวัสดิ์กับมู่หรงเสี่ยวเทียนตั้งแต่หัวค่ำ มู่หรงเสี่ยวเทียนกลับมาที่ห้องก็นอนเล่นไปอีกสักพักแล้วหลับไป
หกโมงเช้าของอีกวัน มู่หรงเสี่ยวเทียนก็เข้าไปในแคปซูลออนไลน์ บ้านของเขานั้นช่างเงียบเหงาและเปล่าเปลี่ยว เขาเองก็ไม่รู้ว่าอู๋ต้าไปอยู่ที่ไหน แน่นอนถ้าหากว่าเขาต้องการจะรู้จริง ๆ เขาก็สามารถระบุตำแหน่งของอู๋ต้าได้ในทันที โดยการดึงแถบข้อมูลของอู๋ต้าออกมา แต่ว่ามู่หรงเสี่ยวเทียนก็ไม่ได้ทำแบบนั้น เป้าหมายของเขาในตอนนี้ไม่ใช่อู๋ต้า แต่เป็นการเดินทางไปยังบ้านผีสิงในหุบเขาผีสิง ซึ่งมันอยู่ห่างจากเมืองถงหมิงไปทางตะวันตก 30 ไมล์
มู่หรงเสี่ยวเทียนเดินออกมาจากประตูมิติของเมืองไบรท์ จากนั้นก็ตรงไปยังประตูทิศตะวันตกของเมือง และมุ่งหน้าไปยังหุบเขาผีสิงโดยใช้เส้นทางที่ผู้เล่นมากมายต่างก็ใช้งานเป็นประจำ รอยเท้าพวกนั้นยังปรากฏอยู่บนถนนอย่างเห็นได้ชัด ระหว่างทางเขาได้พบเจอกับผู้เล่นมากมาย และนอกจากนี้เขาก็ยังได้สูดอากาศบริสุทธิ์และเย็นสบายเป็นอย่างมาก เขาสัมผัสได้ถึงแสงแดดยามเช้าและสายลมอ่อน ๆ ที่พัดผ่านเข้ามา
สำหรับมู่หรงเสี่ยวเทียนแล้ว การเดินทางมากกว่า 30 ไมล์ใช้เวลาไม่ถึง 10 นาทีด้วยซ้ำ ก่อนที่เขาจะมาถึงยังหุบเขาผีสิง มีเมฆสีดำมากมายลอยอยู่บนท้องฟ้าปกคลุมหุบเขานี้ไว้อย่างน่ากลัว แต่ยิ่งเขาเดินเข้าไปใกล้มากขึ้นเท่าไหร่ ผู้เล่นที่อยู่ตามทางก็มีมากขึ้นเท่านั้น ท้ายที่สุดเขาก็ได้มาถึงหุบเขาผีสิง พื้นที่กว้างใหญ่ตรงทางเข้าอัดแน่นไปด้วยผู้คนจำนวนมาก มีผู้เล่นมากมายหลายร้อยคนกำลังส่งเสียงดังออกมา
“พี่ชาย มันเกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ ทำไมทุกคนถึงไม่เข้าไปในหุบเขากันล่ะ ?” มู่หรงเสี่ยวเทียนรู้สึกแปลก ๆ เขาอดใจไม่ได้ที่จะถามผู้เล่นที่อยู่ตรงหน้า ตามข้อมูลของเดสตินี่แล้ว มีบ้านผีสิงหลายพันหลังอยู่ในหุบเขาผีสิงนี้ ซึ่งมันสามารถรองรับผู้เล่นหลายหมื่นคนได้ในแต่ละครั้งสำหรับการเก็บเลเวลและรับเหรียญตรา ดังนั้นตรงทางเข้าจึงไม่น่าจะแออัดไปด้วยผู้คนเหมือนกับตอนนี้
“ผู้เล่นที่มาจากกลุ่มพันธมิตรเจียจู๋น่ะสิ พวกมันพยายามปกป้องทางเข้าหุบเขา ทำให้พวกเราไม่สามารถเข้าไปได้ !” ผู้เล่นคนหนึ่งพูดขึ้นมา
มู่หรงเสี่ยวเทียนเข้าใจดี เขาพอจะรู้เกี่ยวกับกลุ่มพันธมิตรเจียจู๋พวกนี้อยู่บ้าง กลุ่มพันธมิตรนี้ ถือได้ว่าเป็นขุมกำลังที่ใหญ่ที่สุดในเมืองถงหมิง และพูดง่าย ๆ ก็คล้ายกันกับกลุ่มหนานเทียน กลุ่มนี้ตั้งขึ้นจากลูกหลานของครอบครัวที่มั่งคั่งเพียงไม่กี่ครอบครัวจ้างผู้เล่นมืออาชีพเพื่อมาทำงานให้แลกกับการจ่ายเงินเดือนสูง ๆ
“ใช่แล้ว ไอ้พวกสารเลวนั่นยึดครองหุบเขาผีสิงและขายมันให้กับอีกกลุ่มหนึ่งในราคาสูงเป็นอย่างมากพร้อมกับเหรียญตราสัญลักษณ์พวกนั้น” ผู้เล่นอีกคนพูดด้วยความโกรธ
มู่หรงเสี่ยวเทียนพยักหน้าอย่างเข้าใจดี เขาเงยหน้าขึ้นมาและมองเข้าไปในหุบเขา เขาเห็นว่าเกิดสะเก็ดไฟเป็นครั้งคราว แสงสีขาวกระพริบเช่นนั้นมันน่าจะเป็นการต่อสู้กันระหว่างคนที่อยากจะเข้าไปกับคนของกลุ่มพันธมิตรเจียจู๋ เนื่องจากว่ามันอยู่ในระยะไกล ดังนั้นมันจึงไม่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน จะมีก็แต่เสียงกรีดร้องและสาปแช่งเท่านั้นที่ดังออกมา
มู่หรงเสี่ยวเทียนเดินไปข้างหน้า และเมื่อเขาไปถึงทางเข้าหุบเขาผีสิงนั้น เขาก็ได้ยินเสียงภายในอย่างชัดเจน เสียงอาวุธปะทะกัน การลุกไหม้ของพลังจากลูกไฟ และการกระโจนเข้าหากันไปมาของลูกศรน้ำแข็ง การถล่มลงมาของหิน เสียงตะโกนสาปแช่งของฝูงชนเผยให้เห็นถึงการสังหารและความโหดเหี้ยมในสนามรบ
แม้ว่าเขาจะไม่ได้เห็นการต่อสู้ในหุบเขาผีสิงก่อนหน้านี้ ทั้งเจตนาฆ่าและเสียงต่อสู้กันที่ชัดเจนนี้ก็ทำให้คนที่เห็นนั้นตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
มู่หรงเสี่ยวเทียนมองดูภูมิประเทศของหุบเขาผีสิงแห่งนี้ จู่ ๆ เขาก็คิดอะไรดี ๆ ออก “ถ้าหากว่าเราสร้างหอสังเกตการณ์สูง 10 เมตรที่นี่ ไม่ใช่ว่าเราจะสามารถมองเห็นสถานการณ์ภายในอย่างชัดเจนหรือ ?”
มู่หรงเสี่ยวเทียนมองไปรอบ ๆ จากนั้นเขาก็เห็นว่ามีป่าอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ เขาอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ ตอนนี้เขารู้วิธีการสร้างสิ่งต่าง ๆ แล้ว ตราบใดที่เขามีวัสดุ มันก็ไม่ยากที่จะสร้างหอสังเกตการณ์ขึ้นมา และคงจะใช้เวลาไม่มากเท่าไหร่
มู่หรงเสี่ยวเทียนหันกลับมาและมองไปยังผู้ที่เล่นอยู่รอบตัวเขา
“ทุก ๆ คน ใครอยากจะเห็นการต่อสู้ที่ดุเดือดภายในหุบเขาผีสิงบ้าง ?” มู่หรงเสี่ยวเทียนถามผู้เล่นที่อยู่รอบ ๆ ตัวของเขา
“จะถามทำไม ? ใครบ้างที่ไม่ต้องการจะเห็นมัน นายมีวิธีที่จะทำให้เห็นการต่อสู้ข้างในอย่างงั้นหรือ ?” ผู้เล่นตอบกลับมาทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น
“ใช่ ๆ ฉันเพิ่งเข้าไปเมื่อวานนี้และถูกฆ่าตายที่นั่นก่อนที่จะได้เห็นมันซะอีก” คนอื่น ๆ ก็เริ่มตอบกลับมาเช่นกัน
“ดี” มู่หรงเสี่ยวเทียนพยักหน้าและพูดต่อ “ถ้าต้องการที่จะเห็นที่นั่น ไปที่ป่าข้าง ๆ และตัดต้นไม้เอาไว้แถวนั้น ฉันสัญญาว่าทุกคนจะต้องได้เห็นฉากดี ๆ ภายใน 20 นาทีนี้อย่างแน่นอน”
“ไอ้หนู เอาตีนฉันไปเถอะ !”
“ไอ้น้อง นายไม่ได้โม้ใช่ไหม ?”
ผู้เล่นส่วนใหญ่ไม่ได้เชื่อเขามากนัก เพราะมองจากเสื้อผ้าเก่า ๆ และเลเวลเพียงแค่ 10 ที่แสดงบนหัวของเขาอย่างชัดเจน มันก็ทำให้ดูไม่เหมือนคนที่ยอดเยี่ยมและน่าเชื่อถือสักเท่าไหร่
“พี่ชาย ฉันเชื่อพี่ พี่คือผู้เล่นที่ชื่อโจร ผู้สร้างปาฏิหาริย์ในหมู่บ้านโนวิซ 110 พี่ช่างสุดยอดจริง ๆ” ผู้เล่นที่ชื่อผู้พเนจรเทียนหยาพูดขึ้น “พี่ชาย พี่เป็นคนให้ลูกราชาหมาป่าโลหิตกลายพันธุ์แก่หยางซ่ง ฉันเห็นมันกับตาเลยก็ว่าได้”
“นายรู้จักหยางซ่งด้วยหรือ ?” มู่หรงเสี่ยวเทียนมองไปที่ผู้พเนจรเทียนหยาคนนี้ด้วยความสนใจ คนคนนี้ยังหนุ่ม แต่ดูผอมเป็นอย่างมาก และจากประสบการณ์การพบเจอผู้คนของมู่หรงเสี่ยวเทียน เขาสามารถรู้ได้เลยว่าคนคนนี้จะต้องมีประสบการณ์มากกว่าหยางซ่งแน่นอน
“ก็นะ เราสองคนเป็นเพื่อนกัน” เทียนหยาพยักหน้า
“นายก็เป็นซัมมอนเนอร์ แต่ทำไมนายไม่เอาสัตว์เลี้ยงมาด้วยล่ะ ? ไม่ใช่ว่าตอนนี้ระบบมีร้านค้าที่ขายสัตว์เลี้ยงแล้วหรอกหรือ ?”
“ไม่ใช่แค่ฉันที่เป็นซัมมอนเนอร์แล้วไม่มีสัตว์เลี้ยงหรอก แต่ว่าพี่ใหญ่ พี่คิดว่าทุกคนนั้นจะต้องมีสัตว์เลี้ยงด้วยยังงั้นหรือ ?” เทียนหยามองไปที่ผู้เล่นนับร้อยตรงหน้าของเขา จากนั้นก็พูดออกมาอย่างสงบ “ซัมมอนเนอร์ที่มีเลเวลน้อยกว่า 40 สามารถเลี้ยงสัตว์ได้ 2 ตัว ใครจะอยากให้ช่องว่างอันแสนมีค่าของพวกเขานำสัตว์เลี้ยงระดับต่ำมาไว้กันล่ะ” เขาจ้องมองไปที่มู่หรงเสี่ยวเทียนด้วยสายตาอันล้ำลึก จากนั้นก็พูดต่อ “พี่คิดว่าทุกคนจะเหมือนพี่รึไง ? พี่สามารถทำอะไรก็ตามตามที่พี่ต้องการ การมอบสัตว์ระดับที่ 6 ได้นั้นไม่ใช่เรื่องที่คนปกติเขาทำกัน !”
มู่หรงเสี่ยวเทียนตกตะลึงสักพักก็หลุดหัวเราะออกมา นั่นเป็นเพราะเขาขาดการไตร่ตรองที่ดี เขาไม่เคยศึกษาเรื่องพวกนี้เลย แม้แต่การผ่านไปในธรณีประตูของร้านขายของสัตว์เลี้ยง เขาก็ไม่เคยเลย
“พี่ชาย ฉันจะไปตัดไม้รอนะ” ผู้พเนจรเทียนหยาพูดกับมู่หรงก่อนที่จะเดินไปในป่าด้านข้างของเขา
“มีใครจะไปตัดไม้อีกไหม ? ถ้าหากไม่มีใครแล้ว ก็อย่ามาร้องไห้ขอดูทีหลังก็แล้วกัน” มู่หรงเสี่ยวเทียนตะโกนขึ้นอีกครั้ง จากนั้นผู้เล่นอีกสองคนก็เริ่มลังเล แต่เมื่อพวกเขาเห็นผู้พเนจรเทียนหยาคนนั้นวิ่งออกไป พวกเขาก็รีบตามไป
To be continued…