ตอนที่แล้วตอนที่ 487 มีแต่จะต้องวิ่ง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 489 ตำนานแม่นางหลัว

ตอนที่ 488 ไร้ตัวตน


ตอนที่ 488 ไร้ตัวตน

ติดตามแฟนเพจอัพเดทข่าวสารอ่านนิยายก่อนใครได้ที่ FB: ND Translate นิยายแปลไทย 

ในขณะที่ลู่โจวมองไปที่ยู่เฉิงไห่...

ชื่อ: ยู่เฉิงไห่

เผ่า: วู่เฉียน (มนุษย์)

วรยุทธ: ขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์

ถ้าหากไม่ใช่เพราะการ์ดแปลงกาย แทบที่จะเป็นไปไม่ได้เลยที่ลู่โจวจะได้พบหน้ายู่เฉิงไห่ ความเร็วในการวิ่งยู่เฉิงไห่เร็วเกินกว่าที่คนแก่อย่างเขาจะตามได้ทัน

ทุกคนที่เห็นยู่เฉิงไห่กลับมาต่างก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

เมื่อเทียบกับยอดฝีมือผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบที่ไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้าเหมือนกับในก่อนหน้านี้ สาวกของสำนักเผิงไหลและสาวกจากสำนักอเวจีรู้สึกพอใจกับการเผชิญหน้ากับจีเทียนเด๋ามากกว่า ท้ายที่สุดแล้วเขาคนนี้ก็คืออาจารย์ของเจ้าสำนักอเวจี แต่เมื่อได้มองดูเหตุการณ์ทั้งหมด เหล่าสาวกก็เริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าพวกเขาเป็นพวกเดียวกัน

ลู่โจวได้พาธิดาหอยสังข์กลับมายังห้องโถงใหญ่ผ่านรูบนกำแพง

ทุกๆ คนเดินตามกันมา

ฮั๊วจงหยางตบไหล่เฉินเหลียงชู “เจ้าจะตามมาไหม?”

เฉินเหลียงชูที่เงยหน้าขึ้นได้ตอบกลับไป “ไป...ข้าจะต้องไปแน่...แต่ข้าขอลงโทษตัวเองให้มากกว่านี้เพื่อตอกย้ำความทรงจำ”

“เชิญตามสบาย” ฮั๊วจงหยางรู้สึกเสียใจและทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน ถ้าหากไม่ใช่เพราะฮั๊วจงหยาง ผู้อาวุโสคนนี้จะไม่มีทางอยู่ที่นี่ได้เลย

แต่ในตอนนี้ทุกอย่างได้เกิดไปแล้ว ไม่มีทางอื่นนอกซะจากต้องเดินต่อไป

ฮั๊วจงหยางก้าวไปที่ห้องโถงใหญ่

สี่วู่หยายังคงแบกยู่เฉิงไห่มาด้วย “ท่านอาจารย์ ศิษย์พี่ใหญ่บาดเจ็บ ข้าจะพาเขากลับไป”

ลู่โจวในตอนนั้นกางฝ่ามือ ตัวเขาได้ส่งพลังฝ่ามือเข้าใส่สีวู่หยา

ในตอนแรกสีวู่หยาคิดว่าผู้เป็นอาจารย์ตั้งใจจะโจมตีเขา แต่เมื่อตรวจสอบให้ดี สีวู่หยาก็ได้รู้ว่าผู้เป็นอาจารย์ได้คลายพลังผนึกวรยุทธที่อยู่บนตัวของยู่เฉิงไห่ให้ บัดนี้ยู่เฉิงไห่กลับมาใช้พลังวรยุทธได้แล้ว

“ขอบคุณท่านอาจารย์ที่เมตตา” สีวู่หยาออกจากห้องโถงหลักไป ตัวเขากำลังพายู่เฉิงไห่กลับไปพักผ่อน

...

ภายในห้องพักผ่อน

สีวู่หยาโยนยู่เฉิงไห่ลงบนเตียง ตัวเขาถอนหายใจก่อนจะพูดออกมา “ข้าบอกท่านแล้วว่าท่านอาจารย์ไม่ใช่คนธรรมดา...แต่ถึงแบบนั้นท่านก็ไม่ฟังข้า” สีวู่หยาโคจรพลังก่อนที่จะส่งพลังลมปราณบางส่วนเข้าสู่ร่างกายของยู่เฉิงไห่

สีวู่หยาพูดต่อ “ข้าควรจะขอบคุณที่อาจารย์เป็นผู้ปรากฏตัวในวันนี้ ถ้าหากเป็นผู้ฝึกยุทธผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบคนอื่น ท่านคงไม่คิดว่าเขาคนนั้นจะพอใจกับมณฑลจิงเพียงแค่มณฑลเดียวหรอกนะ ศิษย์พี่?”

หลังจากที่ส่งพลังลมปราณไปยังเส้นพลังลมปราณทั้งแปดของยู่เฉิงไห่ สีวู่หยาก็รู้สึกงุนงง “ไม่ได้บาดเจ็บภายใน? แม้แต่ท่วงทำนองของสาวน้อยท่านก็ยังปล่อยให้มันสามารถเอาชนะท่านได้” สีวู่หยาพูดต่อ “นี่คือเจ้าสำนักผู้ยิ่งใหญ่ เจ้าสำนักอเวจีจริงๆ อย่างงั้นสินะ?”

หลังจากที่สัมผัสได้ว่าอาการของยู่เฉิงไห่เริ่มทรงตัว สีวู่หยาก็ลุกขึ้นยืนก่อนที่จะออกจากห้องไป

ห้องที่ยู่เฉิงไห่กำลังนอนพักผ่อนตกอยู่ในความมืดมิดทันที

ดวงตาของยู่เฉิงไห่ลืมตาเปิดขึ้นในความมืด ตัวเขานั่งตรง ในตอนนี้หัวใจของเขาเต้นแรงอยู่ภายในอก

ยู่เฉิงไห่ลุกขึ้นมาก่อนที่จะเดินไปตรงประตู หลังจากนั้นตัวเขาก็ล้มลงก่อนที่จะพยายามแอบมองลอดผ่านช่องแคบของประตู

ไม่นานนักยู่เฉิงไห่ก็กลับไปที่เตียงก่อนจะนั่งลงช้าๆ “ข้าก็ไม่อยากจะทำแบบนั้นเช่นกัน”

ยู่เฉิงไห่ที่นั่งลงเริ่มโคจรพลังลมปราณที่ตัวเองมี ยู่เฉิงไห่ประหลาดใจที่ตัวเขาสามารถโคจรพลังได้ แต่ถึงแบบนั้นยู่เฉิงไห่ก็ยังคงระวังตัว ตัวเขายังคงโคจรพลังอย่างระมัดระวังตัวต่อไป

พลังของผู้ที่มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบไม่ใช่เรื่องล้อเล่น ยู่เฉิงไห่ที่โคจรพลังเสร็จนอนลงก่อนที่แสร้งทำเป็นหลับตา

...

ภายในห้องโถงใหญ่

ลู่โจวมองไปยังทุกคน

มันเป็นเวลานานแล้วที่ไม่มีใครพูดอะไร

ในขณะนั้นเองสีวู่หยาก็เดินเข้ามาที่ห้องโถงใหญ่ “ท่านอาจารย์” สีวู่หยาที่พูดเสร็จก็ได้โค้งคารวะ “อาการของศิษย์พี่ใหญ่เริ่มทรงตัวแล้ว”

ลู่โจวมองไปที่สีวู่หยา เมื่อรู้ว่าสีวู่หยาตัดสินใจแล้วตัวเขาจึงเลือกที่จะถามอีกครั้ง “เจ้าตั้งใจที่จะโค่นล้มมณฑลจิงอย่างงั้นสินะ?”

สีวู่หยารีบคุกเข่า “ท่านอาจารย์...ปัจจุบันเมืองมณฑลจิงเป็นป้อมปราการอันแกร่งกล้า แม้แต่ศิษย์พี่ใหญ่เองก็ยังคงจนปัญญาเมื่อพบกับป้อมปราการแห่งนี้ ข้าที่เห็นแบบนั้นจึงเสนอให้ล้อมเมืองด้วยสัตว์ร้าย”

ในช่วงเวลาอันสำคัญทุกคนหันไปมองสาวน้อยที่อยู่ข้างๆ ลู่โจวแทน

“เป็นความคิดที่ดี แต่...เจ้ารู้รึเปล่าว่าการจะควบคุมสัตว์ร้ายจำนวนมากต้องใช้พลังลมปราณมากแค่ไหน? และสาวน้อยคนนี้ก็ไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ”

‘สาวน้อยคนนี้?’ แม้ว่าสีวู่หยาจะคาดเดาไว้ว่าสาวน้อยคนนี้เข้าใจภาษาของเหล่าสัตว์ร้าย แต่ตัวเขาไม่รู้เลยว่านางจะไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ การที่นางจะรู้แต่ภาษาของเหล่าสัตว์ร้ายไม่เพียงพอสำหรับการต่อสู้จริง ถ้าหากพวกสัตว์ร้ายต่อสู้จากคำสั่งของสาวน้อย แต่เมื่อสัตว์ร้ายต้องพบกับผู้ฝึกยุทธที่แข็งแกร่งเป็นธรรมดาที่พวกมันจะตกใจกลัว สีวู่หยามองไปที่สาวน้อยด้วยท่าทางตกใจ “นางไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธหรอกเหรอ?” หลังจากนั้นสีวู่หยาก็เริ่มถอนหายใจ “ถ้าหากเป็นแบบนั้น พวกเราก็คงจะได้แต่คิดหาวิธีอื่น”

“การจะจัดการกับเหวินซูไม่ใช่เรื่องง่าย” ลู่โจวพูด

สีวู่หยาก็รู้เรื่องนี้ดี เหวินชูไม่ใช่คนธรรมดาที่จะสามารถเอาชนะได้อย่างง่ายดาย

ในตอนนั้นเองหวางซื่อเจียได้คารวะก่อนที่จะพูดขึ้น “ข้าเห็นอกเห็นใจเจ้าสำนักยู่จริงๆ สำนักเผิงไหลยินดีที่จะช่วยเหลือสำนักอเวจีทุกอย่าง”

ลู่โจวมองไปที่หวางซื่อเจีย “หืม?”

หวางซื่อเจียตกใจ “ข้าไม่ได้ต้องการขออะไรตอบแทน ข้าก็แค่ต้องการช่วยเหลือสหายก็เท่านั้น”

แน่นอนว่าไม่มีใครเชื่อ

แต่ถึงแบบนั้นลู่โจวกับอนุญาต “ดี”

หวางซื่อเจียที่ได้ยินแบบนั้นไม่เข้าใจ

ลู่โจวลุกขึ้นยืนก่อนที่จะมองดูภาพในยามค่ำคืน “สีวู่หยา”

“ครับ ท่านอาจารย์”

ลู่โจวได้ใส่พลังลมปราณที่มีลงไปในเสียงของตัวเขา “ข้าให้เวลาเจ้านั่นหกเดือน เมื่อหกเดือนผ่านไป ไม่ว่ายู่เฉิงไห่จะทำสำเร็จหรือล้มเหลวก็แล้วแต่ ยู่เฉิงไห่จะต้องถูกพาตัวมาหาข้าไม่ว่าจะเป็นหรือตาย”

“ครับ ท่านอาจารย์”

“ติ้ง! สั่งสอนยู่เฉิงไห่ ได้รับรางวัลแต้มบุญ: 200”

เมื่อเห็นการแจ้งเตือนลู่โจวก็รู้ได้ทันทีว่ายู่เฉิงไห่แค่แสร้งทำเป็นหมดสติ

ในความเป็นจริงลู่โจวไม่ได้วางแผนที่จะลากตัวยู่เฉิงไห่กลับไปบนภูเขาทองในวันนี้ สำนักอเวจีมีแผนการที่เตรียมพร้อมไว้แล้ว แผนการพิชิตเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ของยู่เฉิงไห่เดินทางมาไกลมากแล้ว มันไกลเกินกว่าจะหันหลังกลับ ยิ่งไปกว่านั้นสีวู่หยายังได้เลือกทางเดิน...ในฐานะที่ลู่โจวเป็นอาจารย์ ตัวเขาจะต้องมีเหตุผลให้มากพอ เรื่องความฝันของศิษย์ทั้งหลาย ลู่โจวตัดสินใจที่จะให้พวกเขาเดินตามไป

‘ศิษย์ไม่รักดีนี่แกล้งตายก็เพราะโดนฉันต่อยเบาๆ น่ะหรอ?’

ลู่โจวยกมือก่อนที่จะเรียกสาวน้อย “สาวน้อย”

“ค่ะ”

ธิดาหอยสังข์เริ่มลุกขึ้นมาจากเก้าอี้ก่อนที่จะเดินไปยังด้านข้างของลู่โจวอย่างว่องไว

“ข้าจะพาเจ้ากลับไปที่ศาลาปีศาจลอยฟ้า เจ้าจะกลับไปกับข้ารึเปล่า?”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นสีวู่หยาก็ตกตะลึง “ท่านอาจารย์ ท่านจะรับศิษย์คนใหม่อย่างงั้นเหรอ?” นี่เป็นเวลากว่าห้าปีแล้วที่จีเทียนเด๋ายอมรับสาวกคนสุดท้ายมา ตัวเขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าผู้เป็นอาจารย์จะยอมรับศิษย์ในตอนนี้ ถ้าหากศาลาปีศาจลอยฟ้ายอมเปิดประตูรับศิษย์ ผู้คนจำนวนมากจะต้องมารวมตัวกันรอแน่

“ใครจะล่วงรู้ได้?” ลู่โจวตอบกลับมาอย่างคลุมเครือ

เมื่อหวางซื่อเจียและคนอื่นๆ เห็นลู่โจวกำลังจะจากไป พวกเขาก็ลุกขึ้น

“ท่านอาจารย์นี่มันก็ดึกมากแล้ว ทำไมท่านไม่ค้างคืนพักผ่อนที่นี่ก่อนล่ะ” สีวู่หยาถามออกมา

“ติ้ง! สั่งสอนยู่เฉิงไห่ ได้รับรางวัลแต้มบุญ: 200”

‘เจ้าศิษย์ไม่รักดีนั่นก็ยังเป็นศิษย์ที่ไม่รักดีอยู่ดี เขาไม่ต้องการที่จะให้ฉันอยู่ที่นี่สินะ?’

ในตอนนั้นเองธิดาหอยสังข์ก็ได้คว้าแขนของลู่โจวเอาไว้อย่างมีความสุข “ข้าจะไปศาลาปีศาจลอยฟ้า!”

ลู่โจวหันไปมองสาวน้อยก่อนที่จะพูดออกมา “ถ้าหากพวกเราอยู่ที่นี่อีกสักเดือนล่ะ?”

“ติ้ง! สั่งสอนยู่เฉิงไห่ ได้รับรางวัลแต้มบุญ: 200”

คราวนี้สาวน้อยไม่ยอมพยักหน้า นางปฏิเสธความคิดนี้เช่นกัน

“ลืมมันไปซะเถอะ” ลู่โจวคว้ามือของสาวน้อยเอาไว้ก่อนที่จะเตรียมพร้อมจากไป ในตอนนั้นเองตัวเขาก็นึกถึงอะไรบางอย่าง “เครือข่ายข้อมูลที่สำนักแห่งความมืดมีมันครอบคลุมทั่วใต้หล้าอย่างงั้นสินะ? แล้วมันรวมไปถึงดินแดนทางตะวันตกที่ชนเผ่าอื่นอาศัยอยู่รึเปล่า?”

สีวู่หยาตอบกลับมาอย่างมั่นใจ “ข้าไม่กล้าที่จะพูดอวดอ้าง แต่นั่นมันคือความจริง”

“ถ้าหากเป็นแบบนั้นเจ้าจงใช้ทุกอย่างที่มีตามหาแม่นางแซ่หลัว” ลู่โจวพูดต่อ “เมื่อ 300 ปีก่อน แม่นางแซ่หลัวได้ช่วยให้หยุนเทียนลั่วได้กลายเป็นเจ้าสำนักของทั้งสามสำนัก”

“ได้ครับ ท่านอาจารย์!” สีวู่หยาตอบรับก่อนจะโค้งคำนับ

เมื่อหวางซื่อเจียได้ยินเช่นนั้น ตัวเขาก็อุทานออกมาด้วยความตกใจ “แม่นางแซ่หลัวเมื่อ 300 ปีก่อน?”

ลู่โจวมองไปที่หวางซื่อเจีย “เจ้าเคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับนางมาอย่างงั้นเหรอ?”

หวางซื่อเจียพยักหน้า “เรื่องนั้นข้าเคยได้ยินมาบ้าง”

ติดตามแฟนเพจอัพเดทข่าวสารอ่านนิยายก่อนใครได้ที่ FB: ND Translate นิยายแปลไทย 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด