ตอนที่แล้ว[Rewrite,อ่านฟรี] Special District 9 ตอนที่ 143 โครงสร้างใหม่ภายในกองกำกับการตำรวจ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป[Rewrite,อ่านฟรี] Special District 9 ตอนที่ 145 เงาย้อนแสงด้านหลังหนุ่มน้อย

[Rewrite,อ่านฟรี] Special District 9 ตอนที่ 144 ร้านค้าเล็กกับหลายแง่มุมของชีวิต


ตอนที่ 144 ร้านค้าเล็กกับหลายแง่มุมของชีวิต

ในช่วงเวลาที่ฉินหยู่จากไป มันเกือบจะเหมือนกับว่าฟันเหยินเติบโตขึ้นที่นี่กับพี่ฮัว ยกเว้นการกลับบ้านเพื่อนอนตอนกลางคืนเขาอยู่ที่นี่เกือบทั้งวัน พี่ฮัวก็รู้สึกประทับใจกับเด็กฟันเหยินเช่นกัน แม้ว่าเขาจะพูดไม่มากแต่เขาก็ค่อนข้างขยันและสามารถช่วยพี่ฮัวทำความสะอาดร้านได้ พี่ฮัวจึงยอมให้เขามานั่งเล่นที่นี่ได้ และเลี้ยงอาหารเขาทุกวันเหมือนเป็นค่าจ้างทำงานครึ่งวันนั้น

มันอาจเป็นเพียงแค่เหตุผลผิวเผินข้างต้น จริงๆ แล้วพี่ฮัวยังมีแรงจูงใจที่เห็นแก่ตัวอยู่เป็นนัย เป็นเพราะเธอรู้ว่าฉินหยู่เป็นตำรวจทำงานที่กองกำกับการตำรวจ เพราะฉะนั้นถ้าเธอสามารถดูแลเด็กคนนี้ได้ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นในร้าน บางทีฉินหยู่อาจสามารถดูแลเธอได้เช่นกัน เพราะในท้ายที่สุด มันเป็นการตอนแทนที่เท่าเทียมกัน

ในช่วงเวลาที่ฟันเหยินอยู่ในร้าน เขาเคยเห็นชายนิสัยดุร้ายคนนี้ทุบตีพี่ฮัวนับครั้งไม่ถ้วน แต่เขาแทบจะไม่ได้พูดคุยเรื่องนี้กับเซียงเซียงเป็นการส่วนตัวเลย

ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น?

เพราะถึงแม้ฟันเหยินจะยังเด็ก แต่เขาก็เข้าใจสิ่งต่างๆ ได้รวดเร็ว

ชายนิสัยดุร้ายคนนี้มีนามว่า จาง เขาเป็นนักเลงประเภทกลุ่มฟ้าคำรามจากถนนรอบเมือง เขามักจะอยู่รายล้อมในกลุ่มพวกอันธพาลจำนวนหนึ่ง เขาทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อเงิน ไม่มีอาชีพที่แน่นอน แต่เพราะเขาค่อนข้างดุร้ายและมีสไตล์การทำสิ่งต่างๆ ที่ดุดัน ผู้คนส่วนใหญ่จึงเลี่ยงที่จะยั่วยุเขา

พี่ฮัวเป็นนางบำเรอของเฒ่าจาง พวกเขามักจะคุยกันเรื่องชีวิตรักในห้องเล็กชั้นพร้อมเสียงรบกวนดังมาก แต่ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาทั้งสองนั้นไม่บริสุทธิ์นัก เพราะเฒ่าจางไม่มีงานทำแต่เขายังใช้บริการเพื่อนผู้หญิงคนอื่นๆ ในร้านด้วย และไม่มีใครได้รับค่าตอบแทน เท่ากับเป็นการค้าประเวณีแบบไม่ได้เงิน

หลายคนสงสัยว่าทำไมพี่ฮัวปล่อยให้เรื่องเป็นแบบนี้ แล้วถ้าลูกค้าไม่จ่ายก็ขาดทุนไม่ใช่เหรอ? ยิ่งไปกว่านั้น ไม่สำคัญว่าเธอจะไม่คิดเงิน แต่เมื่อพี่สาวข้างล่างทำเงินไม่ได้ แล้วพวกเธอจะมาทำงานที่นี่เพื่ออะไรกัน?

ในความเป็นจริงมีเหตุผลที่ลึกซึ้งกว่านั้น นั่นคือร้านของพี่ฮัวไม่ได้รับการดูแลจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือคนภาคพื้นดิน โดยปกติแล้ว เมื่อมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น พี่ฮัวก็จะไปที่เฒ่าจาง นอกจากนั้นแม้ว่าโดยปกติแล้วพี่ฮัวจะหมกมุ่นอยู่กับเงินอยู่บ้าง แต่เธอก็ภักดีต่อพี่สาวน้องสาวข้างล่างเป็นอย่างมาก และทุกคนก็รู้สึกว่าในธุรกิจนี้ เราต้องการ ‘เพื่อน’ แบบเฒ่าจางจริงๆ ท้ายที่สุดแล้ว ในยุคที่มั่นคง ยังมีคนจำพวกหนึ่งที่ดื่มไวน์เพียงเล็กน้อยแล้ววิ่งออกไปพร้อมกับหอกในมือ ไอ้โง่ที่ปฏิเสธการยอมรับการควบคุมของสวรรค์มีอยู่มากมายกว่าเดิมในสมัยนี้

ดังนั้น หลังจากที่ฟันเหยินเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลที่ซับซ้อนเหล่านี้ เขาก็ระมัดระวังอย่างมากที่จะหลีกเลี่ยงการพูดคุยเรื่องนี้ต่อหน้าเซียงเซียง เพราะเขารู้ดีกว่าเด็กส่วนใหญ่ว่าความรู้สึกนับถือตนเองนั้นคืออะไร

ระยะหลังนี้เฒ่าจางดื่มและอาละวาดบ่อยขึ้นเรื่อยๆ เขาเสียพนันแทบทุกครั้ง จากนั้นก็มาที่ร้านเพื่อขอเงินพี่ฮัว เขาไม่เพียงแต่ต้องการคู่นอนฟรีเท่านั้น แต่เขายังต้องการรีดไถเงินอีกด้วย เพราะสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นเป็นประจำให้เห็น เซียงเซียงจึงมีความรู้สึกว่าชีวิตของเธอด้อยค่าอยู่เสมอ เธอจึงมักหลบจะซ่อนตัวอยู่ในสนามหญ้าและร้องไห้บ่อยๆ

ในห้องนั่งเล่นเล็กๆ ของร้าน เฒ่าจางตะโกนหลายครั้งก่อนที่พี่ฮัวจะเดินลงมาโดยสวมเสื้อผ้า “นายจะไปทำอะไรอีก?”

“เอามาสองร้อยหยวน” เฒ่าจางเช็ดน้ำค้างแข็งและหิมะออกจากเคราของเขาแล้วตอบด้วยฟันสีเหลืองขนาดใหญ่ในปากของเขา

พี่ฮัวกัดฟันอดทนเก็บกดความโกรธในใจ เดินลงไปชั้นล่างแล้วตอบว่า “วันนี้ฉันไม่มีใครเลย ฉันจะมีสองร้อยหยวนได้ยังไง”

“หยุดจู้จี้จุกจิก ข้าจะจ่ายคืนถ้าชนะเกมวันนี้”

“ฉันไม่ได้จู้จี้” พี่ฮัวนั่งลงบนเก้าอี้ด้วยความโกรธ

“ไม่ ถ้าข้าเอ่ยปากเมื่อไหร่ แกต้องตอบสนอง เข้าใจไหม?!” เฒ่าจางโยนเสื้อคลุมของเขาบนโซฟาแล้วก้าวไปด้านหน้าเคาน์เตอร์พลางขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วพูดขึ้น “รีบไปเอาเงินมาเร็วๆ พวกเขากำลังรอให้ข้ากลับไปเล่นต่อ”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น พี่ฮัวก็เปิดลิ้นชักเสียงดังปัง ชี้ไปที่เงินหลายสิบเหรียญที่อยู่ข้างในแล้วพูดว่า “ดูซะสิ ฉันมีเงินสองร้อยเหรียญไหม?”

เฒ่าจางตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็เอื้อมมือเข้าไปในลิ้นชักหลังเคาน์เตอร์ คว้าเงินทั้งหมดที่อยู่ข้างใน “เร็ว เอาที่อื่นมารวมเพิ่มอีก”

“ไม่มีที่อื่นอีกแล้ว” พี่ฮัวโบกมือแล้วพูดว่า “นายเอาเงินนั่นแล้วออกไปให้พ้นเร็วๆ”

“แกคิดว่าข้าเป็นขอทานเหรอ?!” เฒ่าจางตบโต๊ะ จ้องมองและตะโกน “หากไม่มีข้าดูแลร้านของแก พวกแกจะอยู่กันได้ไหม? ต่อให้แกอยากขายมันก็เถอะ ข้าจะสนใจอะไรกะอีแค่เงินสองสามเหรียญกันล่ะ? นี่มันคือสิ่งที่แกควรจ่าย”

“เฒ่าจาง คุณยืนสูงแปดฟุตทำไมพูดจาสกปรกต่ำช้านักล่ะ?” เด็กผู้หญิงในร้านคนหนึ่งทนไม่ไหว เธอยืนขึ้นต่อว่าด้วยความโมโห “คุณคิดว่ามันง่ายสำหรับเราไหมล่ะ ที่หาเงินวันละสองดอลลาร์น่ะ? ถ้าใครมีหนทางเขาจะยอมมาทำแบบนี้ไหม? พวกเราทำเพื่อให้รอดตาย คุณมันเกินไปแล้ว!”

“แล้วแกเป็นอะไร? ไปให้พ้น อีนี่!” เฒ่าจางหันหลังกลับและผลักผู้หญิงคนนั้นเซไป

“เฒ่าจาง หากนายยังทำอย่างนี้ มันก็เท่ากับว่านายไม่ต้องการให้ฉันอยู่ได้อีกต่อไป” พี่ฮัวโบกมือส่งสัญญาณให้ผู้หญิงที่อยู่ข้างๆ เธอเงียบ เธอแค่มองเฒ่าจางนิ่งๆ แล้วพูดว่า “ฉันปล่อยให้นายดูแลฉันเพื่อที่ฉันจะได้ช่วยให้ทุกคนมีรายได้และมีข้าวกิน พี่น้องก็สามารถเลี้ยงดูลูกๆ ของพวกเธอด้วย แต่ถ้านายต้องการมันมากเกิน ฉันไม่ก็สามารถจ่ายได้!”

“เอางั้นก็ได้ ข้าจะไม่เถียงกับแกอีกต่อไป” เฒ่าจางลูบจมูกแล้วตอบเหมือนคนบ้า “วันนี้แกเอาให้ข้าสองร้อย และข้าจะไม่ดูแลความปลอดภัยให้แกอีกต่อไป ต่อไปนี้เราจบกัน!”

“ครั้งที่แล้วนายก็พูดแบบนี้”

“แล้วมันเหี้ยอะไรวะ อีปากหมา ทำไมแกพูดพล่อยๆ อย่างนี้วะ!” เฒ่าจางโมโหร้ายบ้าคลั่ง เขาเอื้อมมือไปจิกผมของพี่ฮัวและสาปแช่ง “แกจะให้หรือไม่ให้ ถ้าไม่ให้ วันนี้ข้าจะปิดร้านแกวันนี้แหละ!”

“เฒ่าจาง แกมีความเป็นคนบ้างไหม ปล่อยฉันนะ!”

“อีปากดี!” เฒ่าจางขยุ้มผมของพี่ฮัวด้วยมือขวา แขนซ้ายเหนี่ยวเคาน์เตอร์ แล้วเหวี่ยงพี่ฮัวไปในทิศทางตรงกันข้าม

“โครม!”

พี่ฮัวเซถลาตามแรงเหวี่ยงไปชนกำแพงห้องอย่างแรง เฒ่าจางอาละวาดกวาดของบนเคาน์เตอร์ซึ่งมีทั้งแก้ว ขวด จานอาหาร และอื่นๆ หล่นแตกกระจายระเนระนาดกับพื้นในทันที เฒ่าจางยกขาถีบเก้าอี้กระเด็นไป “เหี้ยเอ้ย! เชื่อไหมล่ะ ว่าข้าทำลายร้านแกเพราะเงินแค่นั้นก็ได้?”

“แกมันโง่เกินไป”

พี่ฮัวโกรธมากจนกัดฟันและเริ่มต่อสู้กับเฒ่าจาง แต่ความแข็งแกร่งของผู้หญิงจะเทียบกับผู้ชายในวัยฉกรรจ์ได้อย่างไร?

เฒ่าจางบีบคอพี่ฮัวด้วยมือซ้ายและมือขวาตบหน้าเธอไปมาหลายครั้ง “แกกล้าดียังไงถึงจะสู้กับข้า แกจะยอมแพ้หรือเปล่า? ลองถามคนในย่านนี้ซิ มีใครจะกล้าต่อสู้กับฉัน!”

“เฒ่าจาง พอได้แล้ว”

“ปล่อยพี่ฮัวนะ!”

-

พี่สาวห้าหกคนทนไม่ไหว ปรี่เข้ามาช่วยดึงพี่ฮัวออกไป

เฒ่าจางหันกลับมาต่อยและเตะพวกพี่สาวทุกคนล้มลงกับพื้นราวกับใบไม้ร่วง เสร็จแล้วเฒ่าจางก็หลี่ตาแหกปากตะโกนขึ้น “วันนี้ข้าไม่ต้องการสองร้อยแล้ว เอามาให้ข้าสองพัน ถ้าไม่ ข้าจะเรียกพวกมาพังร้านพวกแกทันที!”

ข้างกำแพงห้อง ฟันเหยินมองไปที่เฒ่าจางอย่างเย็นชา หลังจากเงียบไปสักพักเขาก็หันหลังกลับวิ่งออกไปที่ประตูทางออกอีกด้านอย่างรวดเร็ว

แม้ว่าเขาจะยังเด็ก แต่เขามีประสบการณ์ชีวิตที่ไม่เหมือนใคร ทำให้เขารู้ดีว่าถ้าเป็นคนนอก วิธีที่ดีที่สุดคือไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องที่คลุมเครือเช่นนั้น

เมื่อไปถึงที่ประตูหน้า ขณะที่ฟันเหยินดันประตูให้เปิด เขาตั้งใจนะเรียกเซียงเซียงให้ออกไปด้วยกัน ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงที่ชัดเจนดังมาจากด้านหลังเขา

“ฉันจะฆ่าคุณ!”

เซียงเซียงถือขวดแก้วเดินเข้าไปฟาดที่หัวเฒ่าจางอย่างเต็มแรง ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยน้ำตาและเธอก็ตะโกนด้วยความเกลียดชัง “ฉันบอกคุณแล้วถ้าคุณตีแม่ของฉันอีก ฉันจะฆ่าคุณ”

เฒ่าจางหันกลับมาพร้อมกับเลือดไหลลงมาเต็มหน้าผากและมองเซียงเซียงอย่างมึนงง

ทุกคนในห้องก็ตกตะลึง

เซียงเซียงหยิบขวดไวน์แตกครึ่งเสี้ยว แล้วหลับตาวิ่งไปหา แทงเข้าที่หน้าอกเฒ่าจาง

……………………………………………………………

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด