274 - การไล่ล่าอย่างบ้าคลั่ง
274 - การไล่ล่าอย่างบ้าคลั่ง
หลังจากวิ่งไปมากกว่าห้าสิบก้าว เอี้ยนลี่เฉียงเห็นคบเพลิงที่ลุกโชนอยู่ไกลๆกำลังใกล้เข้ามามากขึ้นเรื่อยๆระยะห่างของพวกเขาเหลือไม่กี่สิบวาเท่านั้น
เอี้ยนลี่เฉียงหยุดกะทันหัน เขาหยิบคันธนูที่อยู่บนหลังออกมายิง ทันใดนั้นก็มีเสียงหวีดร้องของชาวชาตู
"สุนัขชาตูหากพวกเจ้าอยากตายก็ตามมา...!" เอี้ยนลี่เฉียงหัวเราะเสียงดัง
ท่ามกลางเสียงตะโกนด้วยความโกรธของนักรบตาตูจำนวนมาก เอี้ยนลี่เฉียงหันกลับและเริ่มออกวิ่งอีกครั้ง นักรบชาตูผู้โกรธแค้นนับไม่ถ้วนไล่ตามเขาดวงตาที่แดงก่ำ...
ขณะที่หนีเอาชีวิตรอดเอี้ยนลี่เฉียงก็วิ่งออกห่างจากถ้ำให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ความตั้งใจของเขาคือการนำกลุ่มโจรวายุทมิฬออกจากที่นั่น
เมื่อใดก็ตามที่โจรวายุทมิฬเข้าใกล้เขามากเกินไป เขาจะหยุดและหันหลังกลับเพื่อยิงโจรพวกนั้นอีกครั้ง
เมื่อเป็นเช่นนี้เอี้ยนลี่เฉียงจึงมีลูกศรเหลืออยู่เพียงยี่สิบลูกในกระบอกธนูของเขา ซึ่งจะคงอยู่ได้เพียงไม่ถึงครึ่งชั่วยามเท่านั้น
ลูกธนูของเขาไม่เคยพลาดเป้า เมื่อยิงธนูครบยี่สิบลูก เขาก็กำจัดพวกที่ไล่ตามไปยี่สิบคน อย่างไรก็ตามโจรวายุทมิฬที่เหลือยังคงไล่ตามเขาอย่างไม่ลดละเหมือนฝูงหมาป่าที่หิวโหย
ขณะไล่ตามเขา โจรวายุทมิฬยังคงตะโกนด้วยความโกรธ จากสิ่งที่เอี้ยนลี่เฉียงได้ยินจากเสียงตะโกนของพวกเขาล้วนเป็นคำว่า 'ฆ่าเขา' หรืออะไรทำนองนั้น...
นักบวชเฒ่าคนนั้นดูเหมือนเป็นคนที่สำคัญมากสำหรับคนชาตูเหล่านี้ มิฉะนั้นพวกเขาคงไม่ไล่ตามเขาอย่างไม่ลดละ
หากไม่มีเสบียงใดๆและลูกศรของเขาหมดลงเอี้ยนลี่เฉียงคงได้แค่นี้เอาชีวิตรอดเท่านั้น
เอี้ยนลี่เฉียงเริ่มคิดว่าเขาจะสามารถสลัดผู้ไล่ตามได้อย่างรวดเร็ว
ด้วยคุณสมบัติทางกายภาพของเขาที่พัฒนาขึ้นจากการฝึกฝนคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นรวมไปถึงวิชาตัวเบาที่ฝึกมาจนถึงระดับสูงสุดมันจึงเป็นเรื่องยากที่ใครจะได้ตามเขาบนภูเขาด้วยม้า
อย่างไรก็ตามเอี้ยนลี่เฉียงสามารถทำสำเร็จเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น
หลังจากที่เอี้ยนลี่เฉียงใช้พละกำลังของเขาอย่างเต็มที่เขาก็สามารถสลัดหลุดโจรกลุ่มใหญ่ไปได้
อย่างไรก็ตาม ยังมีกลุ่มโจรวายุทมิฬอีกสองคนที่โดดเด่นใพวกเขาสังเกตว่าลูกธนูของเอี้ยนลี่เฉียงหมดลงแล้ว ระหว่างที่พวกเขาไล่ตาม ดังนั้นระยะห่างของพวกเขาจึงลดลงเรื่อยๆ
ทั้งคู่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางฝูงชนจำนวนมากและไม่รีบเร่งไปข้างหน้า เห็นได้ชัดว่าทั้งคู่มีไหวพริบมากโดยกานไม่ทำให้ตัวเองมีความโดดเด่นขึ้นมา
แม้แต่เอี้ยนลี่เฉียงก็ไม่คิดว่าจะมีคนที่มีความสามารถดังกล่าวซ่อนตัวอยู่ในฝูงชน พวกเขารอจนกระทั่งเอี้ยนลี่เฉียงหยุดยิงพวกเขาจึงค่อยๆแซงคนอื่นแล้วไล่ตามเอี้ยนลี่เฉียงไป
แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ในป่า แต่กลุ่มโจรวายุทมิฬก็ไม่ช้าไปกว่าเอี้ยนลี่เฉียง และดูเหมือนพวกเขาจะเร็วกว่าเล็กน้อยด้วย
สิ่งที่ทำให้เอี้ยนลี่เฉียงรู้สึกประหม่ามากขึ้นคือเจตนาสังหารอันบ้าคลั่งที่เปล่งออกมาจากกลุ่มโจรวายุทมิฬทั้งสอง มันเป็นความแน่วแน่เหมือนคีมเหล็ก
เอี้ยนลี่เฉียงมั่นใจว่าต่อให้เขาหนีไปสุดขอบโลกคนพวกนี้ก็จะไล่ตามเขามาอย่างบ้าคลั่งและจะเลิกตามก็ต่อเมื่อฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดตายไปเท่านั้น
เป็นไปได้ไหมว่าชายชราชาตูเป็นพ่อของพวกเขาจริงๆ?
ความคิดแวบเข้ามาในจิตใจของเอี้ยนลี่เฉียง
เอี้ยนลี่เฉียงยังคงวิ่งด้วยความเร็วเต็มที่ เขาได้ยินเพียงเสียงเสื้อผ้าที่ปะทะกับต้นไม้รอบๆตัวของเขาเท่านั้น
ความสามารถในการมองเห็นของเอี้ยนลี่เฉียงในความมืดเป็นคุณสมบัติที่เหนือกว่าเพียงอย่างเดียวที่เขามีเหนือกลุ่มโจรวายุทมิฬอีกสองคน
สิ่งนี้ทำให้เอี้ยนลี่เฉียงตอบสนองได้เร็วขึ้นและตัดสินใจได้เร็วกว่าผู้ไล่ตามสองคน นั่นเป็นเหตุผลเดียวที่ทั้งคู่ยังตามเขาไม่ทัน
เอี้ยนลี่เฉียงวิ่งผ่านต้นไม้และพุ่มไม้นับไม่ถ้วน ทิ้งพวกมันไว้เบื้องหลัง ในเวลาเดียวกันนกก็บินหนีจากต้นไม้เพราะพวกมันตกใจกับการเคลื่อนไหวของเขา
เมื่อเอี้ยนลี่เฉียงเดินผ่านลำธารที่มีความลึกหลายเมตร เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องละทิ้งคันศรงูเห่าที่เขาถืออยู่ไว้ในพุ่มไม้ที่นั่น
มันไม่สะดวกอย่างยิ่งที่จะวิ่งเข้าไปในป่าแบบนี้ด้วยธนูของเขา ดังนั้นในสถานการณ์ที่เป็นหรือตายเช่นนี้ แน่นอนว่าคันธนูงูเหลือมเขาย่อมไม่สามารถมีค่าไปกว่าชีวิตของเขาได้
หากเขาสามารถรอดชีวิตเขายังกลับมาเอาคันธนูได้อีกครั้ง แต่ว่าเมื่อเขาตายไปมันจะไม่มีประโยชน์เลยต่อให้เขามีคันธนูดีกว่านี้ก็ตาม
การรู้ว่าโกลดี้กำลังวิ่งไปกับเขาที่ไหนสักแห่งที่ไม่ไกลจากเขา เป็นการปลอบโยนเพียงอย่างเดียวของเอี้ยนลี่เฉียงในเวลาเช่นนี้
การเคลื่อนไหวของโกลดี้เบามากในป่า เอี้ยนลี่เฉียงมองไม่เห็น แต่เขาก็สัมผัสได้อยู่ในใจของตัวเอง
เมื่อเอี้ยนลี่เฉียงมาถึงผมเขา ผู้ไล่ตามทั้งสองก็มาถึงหุบเขาด้วย!
เมื่อเอี้ยนลี่เฉียงเดินข้ามแม่น้ำ ผู้ไล่ตามสองคนของเขาก็ตามมาด้วย!
เมื่อเอี้ยนลี่เฉียงกระโดดจากหน้าผาแล้วร่วงหล่นลงมาที่เนินเขาซึ่งเต็มไปด้วยวัชพืชโจรพวกนั้นก็ยังคงไล่ตามเอี้ยนลี่เฉียงมาอย่างไม่ลดละ
ในการไล่ล่าที่ร้อนแรงเช่นนี้ เอี้ยนลี่เฉียงได้เบี่ยงเบนจากเส้นทางเดิมที่เขาชายเข้ามาที่เขาแห่งนี้ตั้งแต่แรกและผจญภัยไปในดินแดนที่ไม่คุ้นเคยในถิ่นทุรกันดาร
เนื่องจากร่างกายของเขาทรุดโทรมจากการวิ่งระยะไกลก่อนหน้านี้ เขาจึงหมดแรงอีกครั้งและเขาก็เริ่มอ่อนล้า
เอี้ยนลี่เฉียงรู้สึกว่าขาของเขาอ่อนแอลงและปอดของเขาก็รู้สึกอึดอัด การหายใจของเขาก็หนักขึ้นเช่นกัน
เขาเดินผ่านเนินเขาที่ขรุขระข้างหน้าเขา จากนั้นผ่านป่าทึบและเนินเขาอีกแห่งหนึ่ง หัวใจของเขาเต้นแรงและทิวทัศน์ที่อยู่ตรงหน้าของเขานั้นก็เริ่มพร่ามัว
ด้านหน้าของเขาเป็นหน้าผาสูงชันและมีหุบเขาลึกประมาณหนึ่งร้อยวา มันทอดยาวไปมากกว่าหนึ่งลี้เขามาถึงทางตันแล้ว
กำแพงหุบเขาสูงชันและตั้งตรง มันเป็นไปไม่ได้ที่จะปีนลงไปแม้ว่าเขาจะต้องการก็ตาม ถ้าเขากระโดดจากความสูงนี้มีผลลัพธ์เดียวที่รอเขาอยู่คือความตายเท่านั้น
หน้าผาสูงชันที่อยู่ด้านข้างสูงจากพื้นดินหลายเมตรและเรียบราวกับกระจก หากไม่มีเครื่องมือที่เหมาะสมไม่มีทางที่จะเขาจะปีนลงไปได้
เชี่ยเอ้ย!
ข้าต้องเอาชีวิตรอดจริงๆ!
เขาได้ยินเสียงฝีเท้าห่างจากเขาไม่ถึงร้อยวา มันสายเกินไปแล้วที่เขาจะหันหลังกลับและหาเส้นทางอื่นแม้ว่าเขาจะต้องการ...
เอี้ยนลี่เฉียงกัดฟันแน่น เขาสำรวจบริเวณโดยรอบแล้วดำดิ่งลงไปในพุ่มไม้หนาทึบที่ด้านบนสุดของหุบเขาเข้าไปในรอยแยกของหน้าผา
ที่ราบรกร้างเหนือหุบเขานี้ใหญ่กว่าสนามฟุตบอล เต็มไปด้วยหญ้าที่สูงพอๆ กับคน
เมื่อผู้ไล่ตามของเขารีบวิ่งมาที่ตำแหน่งนี้จากเนินเขา เอี้ยนลี่เฉียงก็ซ่อนตัวทันทีท่ามกลางพุ่มไม้หนาทึบและยังคงนิ่งอยู่...
โจรวายุทมิฬสองคนที่ติดตามเอี้ยนลี่เฉียง ศึกษาภูมิประเทศ หลังจากพูดคุยกันเพียงช่วงสั้นๆคนหนึ่งก็หันกลับมาและขึ้นไปบนเนินเขาขณะที่อีกคนก็ชักดาบออกจากฝักแล้วเดินเข้าไปในป่าหญ้า
เมื่อเอี้ยนลี่เฉียงซึ่งซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้เห็นการกระทำของพวกเขา เขาก็เริ่มคำนวณโอกาสในใจอย่างประหม่า