เล่ม 1 ตอนที่ 49: โจร อันดับหนึ่งในใต้หล้า (3)
เล่ม 1 ตอนที่ 49: โจร อันดับหนึ่งในใต้หล้า (3)
หลังจากที่มู่หรงเสี่ยวเทียนอธิบายสิ่งต่าง ๆ ให้อู๋ต้าฟัง เขาก็ทำการออฟไลน์ออกไปอย่างเร่งรีบ เพราะเขาต้องการพักผ่อนเป็นอย่างมาก นับตั้งแต่ครั้งแรกจนถึงครั้งสุดท้ายของการเปลี่ยนอาชีพ เขาก็ไม่เคยนอนหลับสนิทเลยแม้แต่ครั้งเดียว
เมื่อเขากลับมาออนไลน์อีกครั้ง มู่หรงเสี่ยวเทียนก็เดินไปยังบ้านหลังใหญ่ที่อู๋ต้าซื้อไว้ ซึ่งบ้านหลังนี้ตั้งอยู่ตรงถนนทิศตะวันออก เมื่อมาถึงประตูบ้าน เขาทำได้แค่ยืนนิ่งด้วยความตะลึงและตกใจ ตัวอักษรตัวใหญ่เขียนอยู่บนป้ายสองคำอ่านว่า ‘คฤหาสน์โจร’ พร้อมกับมีรูปมังกรและนกฟินิกซ์
“อู๋ต้า !” มู่หรงเสี่ยวเทียนตะโกนออกไปด้วยความหงุดหงิด เสียงของเขาดังทะลุประตูผ่านไปยังลานของบ้าน
หลังจากเสียงตะโกนของมู่ตรงเสี่ยวเทียน ร่างของอู๋ต้าก็มาปรากฏตรงหน้าของประตูอย่างรวดเร็ว “นายท่าน ท่านกลับมาแล้วหรือ” ใบหน้าของอู๋ต้านั้นเต็มไปด้วยความสุข
มู่หรงเสี่ยวเทียนรู้สึกสับสนอยู่เล็กน้อย เพราะอู๋ต้านั้นสวมใส่ชุดแฟชั่นที่สวยงามและหรูหรา มันน่าจะมีราคาหลายร้อยเหรียญทองเลยก็ว่าได้ “แม่เจ้าโว้ย ! ใครเป็นเจ้านาย ใครเป็นลูกน้องกันแน่วะเนี่ย ! ?” มู่หรงเสี่ยวเทียนคิดอยู่ในใจ เพราะเสื้อผ้าสวมใส่บนร่างกายของเขาเทียบไม่ได้กับของอู๋ต้าเลย ตอนนี้มู่หรงเสี่ยวเทียนสวมชุดดั้งเดิมที่ระบบให้มาเพียงเท่านั้น
“มันเกิดอะไรขึ้น ?” มู่หรงเสี่ยวเทียนชี้ไปที่ป้ายนั้น ท่าทางเขานั้นไม่ค่อยจะพอใจสักเท่าไหร่
“นายท่าน นี่เป็นบ้านของท่าน มันก็ต้องมีชื่อของท่านใช่หรือไม่ ? ลองมองดูสิ มันราวกับเป็นป้ายในนวนิยายช่างดูยิ่งใหญ่เหมาะสมกับท่านยิ่งนัก มองดูแต่ละตัวอักษร ท่านรู้สึกถึงมันรึไม่ ว่ามันมีพลังมากมายเพียงใด นี่เป็นสิ่งที่ข้าใช้เงินตั้งหลายร้อยเหรียญทองในการจ่ายให้จิตรกรชื่อดังสร้างมันขึ้นมาเชียวนะ !”
มู่หรงเสี่ยวเทียนรู้สึกแย่จนแทบจะล้มทั้งยืน อู๋ต้าคนนี้ไม่ต่างอะไรไปจากลูกชายที่มักจะใช้เงินอย่างฟุ่มเฟือย แต่เขาก็ไม่เคยขัดอู๋ต้าและปล่อยให้อู๋ต้าจัดการเรื่องต่าง ๆ ได้อย่างอิสระ แต่เขาก็รู้สึกขัดใจอยู่ไม่น้อยที่เห็นว่าอู๋ต้านั้นใส่เสื้อผ้าที่หรูหรากว่าตัวเขาเองซะอีก
“คฤหาสน์โจร นี่นายเห็นว่าฉันเป็นโจรจริง ๆ ใช่ไหม ? ! ไม่ใช่ว่านายเป็นคนไม่ชอบที่จะทำตัวสะดุดตา และเป็นคนเงียบ ๆ หรอกหรือ ?” น้ำเสียงของมู่หรงเสี่ยวเทียนทำให้อู๋ต้าต้องตกใจอีกครั้ง “เปลี่ยนชื่อของมันเดี๋ยวนี้ !” เขาพูดหลังจากมองไปยังป้ายโลหะ จากนั้นก็เตรียมตัวที่จะออกจากคฤหาสน์ทันที มู่หรงเสี่ยวเทียนคิดว่าเขาจะต้องรีบไปทำธุระและอยู่ที่นี่ได้อีกไม่นาน เขาอดไม่ได้ที่จะแกล้งฉีกเสื้อผ้าของอู๋ต้า เพราะเสื้อผ้าของอู๋ต้านั้นขัดตาเขาเป็นอย่างมาก
มู่หรงเสี่ยวเทียนออกจากคฤหาสน์ไปที่ห้องตรวจสอบระดับของไอเทม เขาต้องการที่จะรู้ว่าสิ่งที่ได้จากเจ้าเสือโคร่งคอขาวนั้นคืออะไร
หลังจากที่มู่หรงเสี่ยวเทียนตรวจสอบระดับเสร็จ เขาก็ออกจากห้องตรวจสอบด้วยอารมณ์หงุดหงิด มันแย่เกินกว่าที่เขาคาดการณ์เอาไว้ซะอีก เขาคิดว่ามันน่าจะเป็นไอเทมสีฟ้าระดับ 4 แต่ผลปรากฏว่ามันเป็นเพียงแค่ของสีขาวหนึ่งอัน สีดำหนึ่งอัน และสีม่วงอีกหนึ่งอันเท่านั้น ทั้งกำไลข้อมือและรองเท้า ระดับเพียงแค่นั้นไม่ได้ทำให้มู่หรงเสี่ยวเทียนพึงพอใจเลยแม้แต่น้อย ส่วนแหวนสีม่วงระดับที่ 3 ก็ค่อนข้างที่จะธรรมดา นอกจากคุณสมบัติที่เพิ่มความว่องไวและมีโบนัสค่าความฉลาดก็เท่านั้น มู่หรงเสี่ยวเทียนจึงตัดสินใจที่จะมอบแหวนนี้ให้ไป่หยุน แต่เมื่อนึกถึงไป่หยุนแล้ว มันก็มีความรู้สึกเสียใจอย่างอธิบายไม่ถูกพรั่งพรูออกมา เขาไม่รู้เลยว่าตอนนี้ไป่หยุนจะเป็นอย่างไร เพราะตอนแรกที่เขาพบกันนั้น พวกเขาต่างก็ไม่ได้เพิ่มเพื่อนกันไว้
“หยุด นี่คือการปล้น ! (มีให้หมดส่งมาเท่าไหร่ แฮ่ ! มีเท่าไหร่ส่งมาให้หมด แฮ่ ! ถูกแล้ว ! )” มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาขัดจังหวะความคิดของเขา จนทำให้เขาต้องหยุดชะงักด้วยความตกใจ
“ฉันเจาะภูเขาลูกนี้ ปลูกต้นไม้ต้นนี้ ถ้าอยากจะผ่านไป นายก็ทิ้งเงินเอาไว้” มีผู้เล่นสี่คนพุ่งออกมาและยืนขวางหน้ามู่หรงเสี่ยวเทียนเอาไว้
“นี่พวกแกบ้าไปแล้วรึเปล่า ? ทำไมพวกแกไม่เลือกสถานที่ ที่ดีกว่านี้ล่ะเนี่ย นี่อยู่ใกล้สำนักงานมากเลยนะ พวกแกเห็น NPC ยามรักษาการ 2 คนนั่นไหม หากว่าพวกแกปล้นฉันที่นี่ละก็ไม่รอดแน่” มู่หรงเสี่ยวเทียนตะโกนดังออกมา ตรงหน้าประตูของสำนักงานบริหารจัดการของเมืองที่อยู่ไม่ไกล มียามรักษาการ 2 คนยืนอยู่ที่นั่น แต่กลับกันยามรักษาการ 2 คนนั้นทำเหมือนกับพวกเขาเป็นลิงที่กำลังเล่นกัน ไม่ได้สนใจพวกเขาเลย
“ฮ่าฮ่าฮ่า ตราบใดที่ฉันพอใจ อย่าว่าแต่ทางเข้าสำนักงานเลย แม้แต่ปากทางเข้าคฤหาสน์ของเจ้าเมือง ฉันก็จะปล้น” หัวหน้ากลุ่มพูดออกมาอย่างภูมิใจ
“เฮ้อ” มู่หรงเสี่ยวเทียนยิ้มและถอนหายใจออกมา
“หากว่าแกยังฉลาดพอก็ส่งเงินมา ไม่งั้นก็อย่าหาว่าพี่น้องของฉันไม่ปราณี” ผู้เล่นอีกคนพูดขึ้น
“พี่ชาย เราไม่ต้องการอะไรมากมายหรอก แค่ส่งเงิน 100 เหรียญทองที่พี่ชายมีอยู่ก็เพียงพอแล้ว ไม่งั้นอย่าโทษที่พี่น้องของพวกเราที่ทำให้พี่ชายต้องเสียเลเวลไป” หัวหน้ากลุ่มพูดขึ้นอีกครั้ง
มู่หรงเสี่ยวเทียนผายมือออกมาอย่างช่วยไม่ได้ และพูดว่า “นี่ทุกคน พวกนายก็คงจะรู้จักฉันดีอยู่แล้ว ไม่ต้องพูดถึง 100 เหรียญทองเลย แม้แต่เหรียญทองแดงเหรียญเดียว ฉันก็ไม่มีให้ ถ้าพวกนายอยากได้ ก็ไปหาคนอื่นที่มีเงินเถอะ !”
“บัดซบ แกกล้าหลอกพวกฉันหรือว่านายไม่มีเงิน ? พี่น้องฆ่ามัน !” เมื่อพูดจบ ชายทั้งสี่พุ่งใส่เขาอย่างดุเดือด
มู่หรงเสี่ยวเทียนถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้ จากนั้นร่างกายของเขาก็บิดเบี้ยวและกลายเป็นภาพติดตา กระโจนเข้าไปทางด้านหลังคนเหล่านั้นและพุ่งเข้าหานักเวทย์ที่กำลังจะปล่อยศรน้ำแข็งออกมา ถ้าสามารถจัดการนักเวทย์ได้แล้วผู้เล่นที่เหลือก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขา
เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายไม่คิดว่ามู่หรงเสี่ยวเทียนจะเร็วขนาดนี้ มู่หรงเสี่ยวเทียนสามารถหลบหลีกการโจมตีจากสามคนนั้นได้ทั้งหมด และพุ่งไปหานักเวทย์ก่อนเป็นคนแรก ขณะที่นักเวทย์กำลังจะปล่อยศรน้ำแข็งออกมา มู่หรงเสี่ยวเทียนก็เข้าไปถึงข้างหลังและฟันไปกลางหลังของนักเวทย์ จากนั้นก็ตามด้วยกรงเล็บเหล็กกระชากวิญญาณ จนทำให้พลังชีวิตของอีกฝ่ายนั้นลดลงไปจนแทบจะหมดหลอด เพียงการโจมตีธรรมดาต่ออีกสองสามครั้ง เขาก็จัดการอีกฝ่ายได้แล้ว เขาส่งอีกฝ่ายกลับไปยังที่จุดเกิดก่อนที่อีกฝ่ายจะได้ตอบโต้ซะอีก
หลังจากตัดปัญหาเรื่องนักเวทย์ไปได้แล้ว มันก็เป็นเรื่องง่ายมากสำหรับมู่หรงเสี่ยวเทียนในการรับมือกับเหล่านักสู้ทั้งสาม มู่หรงเสี่ยวเทียนอดไม่ได้ที่จะสาปแช่งขึ้นมาในใจ “พวกผู้เล่นนักสู้ขยะ 3 คนกับนักเวทย์ขยะอีก 1 คน บ้าจริง พวกมันกล้าดียังไงถึงออกมาไล่ปล้นคนอื่น”
เห็นได้ชัดว่าความสามารถของผู้เล่นเหล่านี้ยังอยู่ในระดับต่ำ รวมถึงไม่เข้าใจในสกิลต่าง ๆ ของพวกเขาเลย ไม่เช่นนั้นสถานการณ์ของพวกเขาคงจะไม่เลวร้ายขนาดนี้ พวกเขาทำได้แค่กวัดแกว่งอาวุธไล่ตามหลังมู่หรงเสี่ยวเทียนเท่านั้น
ด้วยระดับเลเวลและความสามารถเพียงเท่านี้ของพวกเขา ก็ไม่เพียงพอที่จะเป็นคนถือรองเท้าให้เปียวซือและคนอื่น ๆ ด้วยซ้ำ นี่ไม่ต้องพูดถึงวู่เฟิงเลย
มู่หรงเสี่ยวเทียนรู้สึกขบขันเมื่อคิดเช่นนั้น เขาหันมาหานักสู้อีก 3 คนด้วยท่าทีสงบจากนั้นก็ใช้สกิลศิลาใต้พิภพ และตามด้วยกรงเล็บเหล็กกระชากวิญญาณทันทีที่สกิลคูลดาวน์เสร็จ เขาพุ่งเข้าไปฆ่าสองในสามคนนั้นโดยที่อีกฝ่ายไม่มีโอกาสที่จะกินยาเพิ่มเลือดเลยแม้แต่น้อย
เมื่อเหลือนักสู้คนสุดท้าย ผู้เล่นคนนั้นก็พยายามวิ่งหนีเอาชีวิตรอด เขาวิ่งไปตามถนนอย่างสุดชีวิต แต่มู่หรงเสี่ยวเทียนนั้นกลับไล่ตามเขาได้อย่างสบาย เขาขว้างก้อนหินใส่ผู้เล่นคนนั้นทีละก้อน ๆ อย่างใจเย็น
เขารู้สึกดีที่ได้ทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจของผู้อื่น ความรู้สึกของผู้ล่ากับเหยื่อนั้นช่างต่างกันมาก
มู่หรงเสี่ยวเทียนไม่ได้สนใจเขาอีกต่อไป จากนั้นเขาก็เดินกลับไปที่บ้านของตัวเอง ขณะที่เขามาถึงหน้าประตูบ้าน เขาก็พบว่าอู๋ต้ากำลังสั่งให้ช่างสองสามคนเปลี่ยนป้ายอยู่ เห็นได้ชัดว่าคนเหล่านั้นต่างก็เป็นผู้เล่น
“บัดซบจริง ๆ ใช้เงินของคนอื่นอย่างกับกระดาษเลยนะ เจ้าอู๋ต้า !” มู่หรงเสี่ยวเทียนสาปแช่งในใจ เขาไม่ได้ยอมรับและยังไม่เข้าใจความคิดของอู๋ต้าสักเท่าไหร่ และเห็นได้ชัดว่าผู้เล่นเหล่านี้กำลังสับสนว่ามู่หรงเสี่ยวเทียนนั้นพบกับอู๋ต้าอย่างไร
“อู๋ต้า” มู่หรงเสี่ยวเทียนก้าวไปข้างหน้าและตะโกนออกมา
“นายท่าน ท่านกลับมาแล้ว” อู๋ต้ามองออกไปอย่างไม่เต็มใจ เห็นได้ชัดว่าเขายังไม่พอใจเรื่องการเปลี่ยนป้ายเท่าไหร่นัก
ผู้เล่นเหล่านั้นเองก็จ้องมองไปยังมู่หรงเสี่ยวเทียนด้วยสายตาที่อิจฉาริษยา
“อู๋ต้า” มู่หรงเสี่ยวเทียนเพิกเฉยต่อการแสดงออกของอู๋ต้า “ชื่อนั้นคงจะต้องเปลี่ยนเล็กน้อย และเขียนเพิ่มไปว่า ‘อันดับหนึ่งในใต้หล้า’ จากนี้ไปชื่อของร้านค้าต่าง ๆ จะต้องตามด้วยอันดับหนึ่งในใต้หล้า !”
“ยอดเยี่ยมไปเลยนายท่าน !” ดวงตาของอู๋ต้าเปล่งประกาย
สำหรับมนุษย์ การกระทำต้องยิ่งใหญ่และหนักแน่น ชื่อเสียงต้องเกรียงไกร ไม่อย่างงั้น พวกเศษสวะจะมาทำร้ายคุณ !
To be continued…