ตอนที่ 48 มาสู่ขออีกครั้ง
ตอนที่ 48 มาสู่ขออีกครั้ง
เมื่ออี้หวางเฟยได้ตรัสรับสั่งออกไปได้มินาน บ่าวรับใช้ของจวนอ๋องอี้ก็เดินนำคนส่งสารเข้ามา
ทันทีที่คนส่งสารผู้นั้นเข้ามาในจวน ก็คำนับอี้หวางเฟย จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า "นายหญิงของข้าน้อยให้ข้าน้อยมาส่งข้อความถึงหวางเฟยเจ้าค่ะ มิทราบว่าหวางเฟยอยากที่จะรับฟังหรือไม่เจ้าคะ"
อี้หวางเฟยนั่งอยู่บนเก้าอี้ เหลือบตามองเล็กน้อยเมื่อได้ยินสิ่งที่บ่าวผู้นั้นกล่าว
นางสวมเสื้อสีชมพูอ่อนลายดอกบัวหลากสีสัน และกระโปรงร้อยจีบผ้าเนื้อนุ่มลายเมฆทะเลปัก ดอกไม้ดิ้นทอง ตอนที่ชายตาขึ้นมองช้า ๆ เห็นมีความสง่าผ่าเผยเผยให้อย่างชัดเจน
"เจ้ามีเรื่องอันใดจักกล่าวก็กล่าวออกมา"
เมื่อได้ฟังอี้หวางเฟยกล่าวอนุญาต คนส่งสารผู้นั้นก็มองไปโดยรอบแล้วเอ่ยออกมาว่า “เรื่องนี้ค่อนข้างเป็นความลับ ข้าน้อยขอให้หวางเฟยให้ผู้อื่นถอยออกไปก่อนได้หรือไม่เจ้าคะ”
ดวงตาหงส์คู่งามของอี้หวางเฟยเหลือบมองไปที่คนส่งสารผู้นั้นครู่หนึ่ง จากนั้นสักพักก็โบกมือให้สาวรับใช้ทั้งหมดถอยห่างออกไป
“ตอนนี้เจ้าจักกล่าวมาได้หรือยัง ?”
อี้หวางเฟยกล่าวถามออกไปเสียงเรียบ พร้อมกับจิบชาอย่างเชื่องช้า แต่กลับมิละสายตาที่คมกริบไปคนส่งสารผู้นั้นแม้แต่น้อย
“เรียนอี้หวางเฟย นายหญิงของข้าน้อยทราบเรื่องของคุณชายลิ่งและคุณหนูสาม จึงใช้ให้ข้าน้อยมาทาบทามกับหวางเฟยเป็นการเฉพาะเจ้าค่ะ”
คนส่งสารผู้นั้นช่างเป็นผู้ที่เจรจาเก่งยิ่งนัก นางสามารถกล่าวได้รวดเร็วและชัดเจน
แค่เพียงมินานก็สามรถส่งต่อข้อความของหวังซื่อถึงอี้หวางเฟยได้อย่างชัดเจนทั้งหมดแล้ว
“ข้อความที่ข้าน้อยได้นำว่าวันนี้ก็มีเพียงเท่านี้เจ้าค่ะ มิทราบว่าหวางเฟยคิดเห็นเป็นเช่นไรเจ้าคะ ถ้าหากหวางเฟยต้องการให้คุณชายลิ่งแต่งงานกับคุณหนูสาม มิสู้ทำตามที่นายหญิงรองของข้าน้อยเสนอแนะมาจักดีกว่านะเจ้าคะ และเมื่อเรื่องราวเป็นดังที่คาดเอาไว้แล้ว เวลานั้นท่านค่อยไปสู่ขออีกครา นายหญิงรองของข้าน้อยก็จะช่วยท่านกล่าวเมื่ออยู่ต่อหน้าฮูหยินผู้เฒ่า รับรองว่าท่านจะสมหวังดังใจปรารถนาเป็นแน่เจ้าค่ะ”
ทำตามที่หวังซื่อบอกเยี่ยงนั้นหรือ ?
อี้หวางเฟยครุ่นคิดตามคำกล่าวของคนส่งสารผู้นั้น พร้อมกับลูบปลอกเล็บทองบนนิ้วไปมา มีความรู้สึกลังเลในแววตาหงส์คู่นั้น หากทำให้หมิงเอ๋อสมปรารถนาได้ นี่ก็เป็นหนทางที่ดีวิธีหนึ่ง คิดได้เยี่ยงนั้น นางก็กล่าวตอบรับออกไปว่า “ตกลง เจ้ากลับไปบอกนายหญิงรองของเจ้า จากนี้อีกสามวันรอฟังข่าวดีจากข้า”
เมื่อได้ฟังเยี่ยงนั้นคนส่งสารผู้นั้นก็คำนับลาอี้หวางเฟย แล้วกลับจวนไปรายงานต่อหวังซื่อด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส
สามวันผ่านไป จู่ ๆ ภายในเมืองหลวงก็มีข่าวลือแพร่สะพัดไปทั่ว ดูเหมือนว่าในชั่วข้ามคืน ทุกคนต่างก็รู้เรื่องที่อันหลิงอีที่ปล่อยงูพิษไปทำร้ายพี่สาวตนเองที่วัดชิงหยุน แม้แต่โรงน้ำชาก็เต็มไปด้วยข่าวลือนี้
อันหลิงเกอที่นั่งข้างหน้าต่างในห้องพักส่วนตัวชั้นสอง ก็ได้ฟังคนที่ชอบนินทาชาวบ้านเล่าเรื่องอยู่ด้านล่าง
“นอกจากนี้ ในคืนนั้นเดือนมืด ลมกระโชกแรง บุตรสาวอนุของจวนโหวได้นำกระสอบใบหนึ่ง เดินย่องลับ ๆ ล่อ ๆ เข้าไปในห้องทางด้านข้างของบุตรสาวภริยาเอก…”
ปี้จูที่ได้รับฟังอยู่เคียงข้างนาง ก็ฉีกยิ้มออกมาอย่างมีความสุข แล้วกล่าวออกมาอย่างอารมณ์ดีว่า “คุณหนูสามทำเรื่องเลวร้ายเยี่ยงนั้นอย่างมิเกรงกลัวได้นั้นเพราะมีฮูหยินรองคอยปกป้อง
จึงมิถูกลงโทษเลยแม้แต่น้อย แต่ในตอนนี้เกิดเรื่องขึ้นจนคนรู้กันไปทั่วบ้านทั่วเมืองเยี่ยงนี้ สมแล้วที่คุณหนูสามได้รับผลกรรมที่นางได้ก่อเอาไว้ ช่างน่าสมเพชจริง ๆ ”
อันหลิงเกอเมื่อได้ฟังปี้จูกล่าวก็ทำปากเบ้ออกมาในเวลาเดียวกัน เมื่อคิดตริตรองเรื่องนี้ดูแล้วในเวลาเห็นได้ชัดว่าอี๋เหนียงพยายามที่จะมิยุ่งเกี่ยวกับตน เช่นนั้นตนจึงร่วมมือกับอาสะใภ้รองในการวางแผนเล่นงานอี๋เหนียงในครานี้
ในเมื่อที่ผ่านมามิสามารถทำอันใดอี๋เหนียงได้เลย เนื่องจากนางนั้นชาญฉลาดและเจ้าเล่ห์ยิ่งนัก
คงมิง่ายที่จะรับมือ แต่ถ้าหากเป็นอันหลิงอีที่หยิ่งผยองทะนงตัวและมุทะลุคงรับมือได้ง่ายกว่ามาก
ตราบใดที่อาสะใภ้รองมุ่งเป้าไปที่อันหลิงอี เป็นไปมิได้ที่อี๋เหนียงจะยอมนั่งดูเฉย ๆ เป็นแน่
เป็นดั่งที่คาดไว้ หลี่ซื่อที่อยู่ในจวนโหว เมื่อได้ยินข่าวลือนอกจวนก็เขวี้ยงแก้วชาในมือทิ้งทันที
“ข่าวลือบ้า ๆ พวกนี้หลุดออกมาได้เยี่ยงไรกัน !”
ใบหน้ารูปไข่ที่ละเอียดอ่อนของนางซีดลงไปทันที แววตาที่ดุร้ายดูเหมือนจะกลืนกินคนทั้งเป็น
บ่าวรับใช้ที่เข้ามารายงานข่าวตัวสั่นเทาพูดด้วยเสียงสั่นเครือว่า “บ่าวได้ยินสาวใช้พวกนั้นพูดคุยกันตอนที่กวาดลานบ้านเจ้าค่ะ ดูเหมือนจะมีคนไปป่าวประกาศเรื่องพวกนี้ในโรงน้ำชาเจ้าค่ะ จึงเป็นเหตุให้คนครึ่งค่อนเมืองหลวง ต่างก็รับรู้เรื่องของคุณหนูสามเจ้าค่ะ”
“แล้วเหตุใดถึงมิมารายงานข้าให้เร็วกว่านี้ !”
หลี่ซื่อโกรธจัดจนตบหน้าสาวใช้ผู้นั้นไปทีหนึ่ง สาวใช้เจ็บปวดมาก ใบหน้าบอบบางแดงบวมขึ้นมาทันที แต่มิกล้าเอื้อมมือไปจับใบหน้าของตัวเอง
พอหลี่ซื่อได้ระบายอารมณ์กับสาวใช้ผู้นั้นแล้ว แต่ก็ยังคงทำหน้าเคร่งเครียด แล้วกล่าวสั่งออกไปว่า "ไปเรียกอันหลิงอีมาหาข้าทีสิ"
เมื่อได้ฟังคำสั่งสาวใช้ก็รีบโค้งคำนับอย่างเร่งรีบ ราวกับได้รับความเมตตากรุณาจากสวรรค์
อันหลิงอีถูกสาวใช้เชิญมา ยังคงมึนงงยังมิรู้เรื่องราวอันใดชัดเจนนัก ว่ามันเกิดอันใดขึ้นกันแน่
เมื่อนางมาถึงก็เห็นสีหน้าที่เคร่งเครียดของผู้เป็นแม่ นางจึงรีบวิ่งเข้าไปหาทันที แล้วเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
“ท่านแม่นี้มันเกิดเรื่องอันใดขึ้นเจ้าคะ ? เหตุใดใบหน้าของท่านถึงดูเคร่งเครียดเยี่ยงนี้ล่ะเจ้าคะ ?”
แม้ว่าจะรู้สึกโมโหอันหลิงอีที่มิได้จัดการเก็บกวาดเรื่องที่ทำให้เรียบร้อย แต่เมื่อหลี่ซื่อเห็นท่าทีที่เป็นห่วงเป็นใยของนางที่มีต่อตนเช่นนี้ ก็มิสามารถทนที่จะเอ่ยตำหนินางได้
“เกอเอ๋อเจ้าบอกแม่มาตามตรง ในตอนที่เจ้าอยู่ที่วัดชิงอวิ๋น เจ้าได้ปล่อยงูพิษมาทำร้ายอันหลิงเกอหรือเปล่า ?”
“ข้ามิได้ทำนะเจ้าคะ”
อันหลิงอีกล่าวปฏิเสธพร้อมกับหลบสายตา เมื่อเห็นท่าทางเยี่ยงนั้นของอันหลิงอี นางผู้เป็นแม่จะมิรู้ได้เยี่ยงไรว่าเวลานี้อันหลิงอีกำลังกล่าวปดอยู่
เมื่อหลี่ซื่อได้ฟังอันหลิงอีกล่าวออกมา ก็รู้สึกมิสบอารมณ์ต่อความมิเอาถ่านของอันหลิงอี พร้อมกับ ตีไปที่หัวของอันหลิงอีอย่างอดมิได้
“นี่เจ้ากล้าที่จะกล่าวปดกับแม่รึ แม้เจ้าจะเกลียดชังนังอันหลิงเกอมากเพียงใด และต้องการแต่งงานกับท่านอ๋องน้อยมู่แทนมากขนาดไหน เรื่องเหล่านี้แม่รู้ดีทั้งหมด แต่เหตุใดเจ้าถึงลงมือทำร้ายอันหลิงเกอโดยมิคิดที่จะปรึกษาแม่เยี่ยงนี้เล่า ?”
“ในวันนั้นเจ้าทำร้ายนางมิสำเร็จ วันนี้มันย้อนกลับมาทำให้เจ้าขายขี้หน้าแล้ว ที่แม่เรียกเจ้ามาก็เพราะเรื่องในวันนี้ที่มีข่าวแพร่สะพัดไปทั่วเมืองหลวงว่าเจ้าปล่อยงูพิษไปทำร้ายอันหลิงเกอที่วัดชิงอวิ๋น ในตอนนี้คนส่วนใหญ่ในเมืองหลวงต่างพากันกล่าวว่าเจ้าคิดจะฆ่าพี่สาวตั้งแต่อายุยังน้อย !”
อันหลิงอีเมื่อได้ฟังก็ตกตะลึงงัน ใบหน้าสวยซีดเผือด แล้วเอ่ยถามแม่ของตนออกไปอีกคราอย่างมิอยากจะเชื่อในสิ่งที่ตนได้ยิน
"ท่านแม่ ท่านหมายความว่าเยี่ยงไรเจ้าคะ อะไรเรียกว่าคนส่วนใหญ่ในเมืองหลวงต่างรู้ว่าข้าทำร้ายอันหลิงเกอนางสารเลวนั้น?"
ท้ายที่สุดแล้วหลี่ซื่อก็ทนมิได้ที่เห็นอันหลิงอีตื่นตระหนก นางจึงได้ตบลงบนหลังมือของอันหลิงอีเบาๆเพื่อปลอบใจ แล้วเอ่ยออกมาว่า "มันต้องเป็นนางสารเลวอันหลิงเกอปล่อยข่าวนี้ออกไปแน่
เจ้ามิต้องเป็นห่วงไป เรื่องนี้แม่จะจัดการให้เจ้าเอง”
หลังจากนั้นนางจึงให้อันหลิงอีเล่าเรื่องนี้ให้ฟังตั้งแต่ต้นจนจบอีกครั้ง เมื่อได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดจบลงนางก็ได้กล่าวสั่งสอนออกมาว่า “อีเอ๋อ เจ้าจำไว้นะ ต่อไปในอนาคตถ้าเจ้าต้องการจัดการกับอันหลิงเกอ เจ้าต้องลงมืออย่างรวดเร็วและเหี้ยมโหด โจมตีเพียงครั้งเดียวก็ต้องฆ่าให้ตาย
เพื่อมิให้อันหลิงเกอมีโอกาสย้อนกลับมาแว้งกัดเจ้าได้อีก หากล้มเหลวก็ต้องเก็บกวาดเรื่องราวให้สะอาด อย่างปล่อยให้ใครมาจับผิดเอาได้”
หลี่ซื่อตั้งใจสั่งสอนอันหลิงอีอย่างตั้งอกตั้งใจและกำลังจะสอนนางเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องภายในบ้าน แต่ทันใดนั้นสาวใช้ก็เข้ามารายงานว่าอี้หวางเฟยมาหา
“นางมาทำอันใดอีก?”
เมื่อได้ฟังเยี่ยงนั้น หลื่ซื่อก็พึมพำออกมาอย่างสงสัย
อันหลิงอีเมื่อได้ยินว่าอี้หวังเฟยมา คิ้วของนางก็ขมวดขึ้น พลันในหัวก็นึกถึงเหตุการที่นางเคยกอดกับอี้หมิงขึ้น ด้วยเหตุนี้นางจึงมิอยากเห็นใครที่เกี่ยวข้องกับจวนอ๋องอี้อีก ยิ่งกว่านั้น เจ้าโง่อี้หมิงนั้นยังคิดที่จะแต่งงานกับตัวเองอีก เมื่อนึกถึงตอนนี้แล้วช่างน่าขยะแขยง จนแทบอยากจะอ้วกออกมา !
"ไป พวกเราไปดูสิ คราวนี้อี้หวางเฟยจะมาทำอันใดกันแน่"
เมื่อหลี่ซื่อกล่าวออกมาเยี่ยงนั้น สาวใช้ก็พาทั้งสองคนไป แต่สาวใช้ผู้นั้นมิได้พาพวกนางไปที่ห้องโถงด้านหน้า กลับพามาที่พักของฮูหยินผู้เฒ่าแทน
หลี่ซื่อเมื่อเห็นเป็นเช่นนี้แล้วก็รู้สึกแปลกใจและรู้สึกถึงลางสังหรณ์ที่มิดี แต่ทว่าเมื่อนางมาถึงที่นี่แล้วก็ย่อมมิสามารถถอยกลับไปได้อีก เมื่อเป็นเยี่ยงนี้แล้ว นางก็ได้แต่เดินตามสาวใช้เข้าไปในเรือนของฮูหยินผู้เฒ่า
แต่เมื่อเดินเข้ามาด้านในก็พบว่าในที่เรือนของฮูหยินผู้เฒ่านั้นมิได้มีเพียงแต่อี้หวางเฟย แต่ยังรวมถึง อันหลิงเกอและหวังซื่ออยู่ด้วย เมื่อเห็นเช่นนั้น หลี่ซื่อก็ยิ่งแน่ใจต่อลางสังหรณ์ในใจขึ้นเรื่อย ๆ
เดิมทีฮูหยินผู้เฒ่าหัวร่อต่อกระซิกกับมุกตลกของหวังซื่ออยู่ แต่เมื่อเห็นพวกนางทั้งสองมาถึง พลันรอยยิ้มบนใบหน้าก็มลายหายไป
ช่างตรงข้ามกับอี้หวางเฟยดูเหมือนจะยินดีที่ทั้งสองคนแม่ลูกมาถึงเป็นอย่างมาก รอยยิ้มเปล่งประกายในดวงตาดั่งนกการเวก และหันไปกล่าวกับฮูหยินผู้เฒ่าว่า "ฮูหยินผู้เฒ่าเจ้าคะ วันนี้ที่ข้ามาข้าอยากจะสู่ขอหลานสาวของท่าน และอยากให้ท่านช่วยสงเคราะห์งานแต่งนี้ให้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีเจ้าคะ"
หลังจากกล่าวจบ อี้หวางเฟยก็ได้เล่าถึงเรื่องราวที่อี้หมิงและอันหลิงอีสนิทสนมกันและได้ถูกเนื้อต้องตัวกันให้ฮูหยินผู้เฒ่าได้ฟัง พร้อมกับทำสีหน้าท่าทีจริงจังแสดงความรับผิดชอบออกมา