ตอนที่ 484 บทเรียนแบบตัวต่อตัว
ตอนที่ 484 บทเรียนแบบตัวต่อตัว
ติดตามแฟนเพจอัพเดทข่าวสารอ่านนิยายก่อนใครได้ที่ FB: ND Translate นิยายแปลไทย
สิ่งที่ลู่โจวได้เห็นไม่ใช่เรื่องประหลาด ด้วยพลังจากการ์ดกรงผนึกกักขังทั้ง 2 ใบจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่ยู่เฉิงไห่สีวู่หยาจะไม่สามารถหลุดพ้นจากพันธนาการได้
นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่สีวู่หยาถูกการ์ดใบนี้โจมตี ดูเหมือนว่าผลของการ์ดจะแสดงออกเช่นเดิม
เมื่อลู่โจวใช้การ์ดกรงผนึกกังขังโฉมใหม่ใบแรก ลู่โจวได้ผสมผสานมันเข้ากับพลังวิเศษของเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์ไปด้วย มันเป็นวิธีที่จะทำให้ตัวเขาไม่ถูกการโจมตีของยู่เฉิงไห่ทำร้ายร่างกายตัวเอง ลู่โจวรู้สึกโชคดีที่ทุกอย่างยังอยู่ภายในการควบคุม ลู่โจวเก็บการ์ด 2 ใบนี้ไว้เพื่อเหตุการณ์แบบนี้โดยเฉพาะ
สีวู่หยาแหวกเสื้อของตัวเองขึ้นมาก่อนจะก้มหน้าลง ภายใต้แสงจันทร์สลัวมันได้ส่องลงมายังอักษรคำว่า ‘คำสั่งราชันย์’ มันไม่ใช่คำว่า ‘ผนึก’ เหมือนกับที่สีวู่หยาคาดเอาไว้ สีวู่หยาที่เห็นตัวอักษรบนหน้าอกของตัวเองตกใจ ‘นี่มันพลังของสำนักเซียนสวรรค์อย่างงั้นเหรอ?’ แม้ว่าพลังผนึกจะเป็นของสำนักเซียนสวรรค์ แต่สีวู่หยาก็ไม่คิดว่าผู้อาวุโสคนนี้จะอยู่ที่สำนักเซียนสวรรค์ได้ พลังผนึกมนตรากับพลังผนึกที่ผู้อาวุโสคนนี้ใช้ต่างก็คล้ายคลึงกันมาก
ลู่โจวก้าวไปที่ด้านหน้า เมื่อตัวเขาอยู่ห่างจากสีวู่หยาได้สามเมตร ลู่โจวก็ได้เหลือบมองเขา “เจ้าเองก็อยากตายด้วยสินะ?”
ก่อนหน้าสุดยอดฝีมือ แผนการและกลอุบายทั้งหมดต่างก็ไร้ความหมาย สีวู่หยาได้ตอบกลับมา “ข้าคงยืนเฉยในเมื่อศิษย์พี่ใหญ่ของข้าได้รับบาดเจ็บไม่ได้ ข้าจะยอมทอดทิ้งศิษย์พี่ใหญ่และขัดต่อคำสั่งของอาจารย์ข้าได้ยังไง?”
การกระทำของสีวู่หยาทำให้ลู่โจวประหลาดใจ ตัวเขาจำสิ่งที่ซู่ฮ่องกงเคยบอกไว้ได้ สีวู่หยาเคยช่วยเหลือทั้งซู่ฮ่องกง, ยู่ฉางตง และยู่เฉิงไห่...และในตอนนี้สีวู่หยาก็พยายามจะช่วยยู่เฉิงไห่อีกครั้ง
ในขณะที่ยู่เฉิงไห่ลุกขึ้นยืน ตัวเขาก็ได้วางมือบนไหล่ของสีวู่หยา “ข้าบอกเจ้าแล้ว เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้า”
“ทำไมท่านต้องดื้อรั้นเช่นนี้กันศิษย์พี่ใหญ่?” สีวู่หยาถามออกมา
“ฟังข้าก็พอ” สีหน้าของยู่เฉิงไห่ไร้ซึ่งความรู้สึกใด “ไปให้พ้นซะ!”
ยู่เฉิงไห่ได้ผลักสีวู่หยาไปที่ด้านข้างอีกครั้ง ตัวเขาไม่มีทางเลือกอื่น ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่สำนักอเวจีจะขึ้นสู่จุดสูงสุดเหมือนกับในวันนี้ได้ ยู่เฉิงไห่เคยเตรียมการรับมือมาแล้ว สถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดอาจจะเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ เมื่อใดที่ตัวเขาพ่ายแพ้ ตราบใดที่เหล่าสาวกยังรอดไปได้ มันก็ยังมีหวัง
ยู่เฉิงไห่คุ้นเคยกับความตายดี ตัวเขาถูกกลั่นแกล้งมาหลายครั้งแล้ว ยู่เฉิงไห่สบตาลู่โจวอย่างแน่วแน่ “คนเราควรรับผิดชอบของการกระทำตัวเอง”
“ดีมาก” ลู่โจวยื่นมือที่เคยไขว้หลังไปที่ด้านหน้าของตัวเอง “ข้าจะไม่รังแกเจ้า ถ้าหากเจ้าสามารถเอาชนะข้าโดยที่ข้าไม่ได้ใช้พลังลมปราณได้ ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า”
ยู่เฉิงไห่ตกตะลึงเล็กน้อย ตัวเขาไม่รู้ว่าทำไมชายชราคนนี้ถึงได้มุ่งเป้ามายังตัวเขา ตัวเขาไม่เคยมีเรื่องขัดแย้งอะไรกับชายชราคนนี้เลย
พรึ๊บ!
ยู่เฉิงไห่พุ่งไปด้านหน้าด้วยหมัดที่มี
ลู่โจวหลบเลี่ยงหมัดก่อนที่จะใช้ไหล่กระแทกเข้าใส่
ตุ๊บ!
ยู่เฉิงไห่กระเด็นลอยไป
“ติ้ง! ลงโทษยู่เฉิงไห่สำเร็จ ได้รับรางวัลแต้มบุญ: 500”
“เจ้ามีดีแค่นี้อย่างงั้นเหรอ?”
การฝึกฝนร่างกายพื้นฐานของลู่โจวไม่ได้ด้อยไปกว่ายู่เฉิงไห่
ยู่เฉิงไห่ต้องพบกับความพ่ายแพ้และต้องทุกข์ทรมานมาอย่างยาวนานเมื่อถูกผู้เป็นอาจารย์คอยดูแล ตัวเขาที่พบกับเรื่องโหดร้ายได้เปลี่ยนมันทั้งหมดให้เป็นแรงจูงใจ ยู่เฉิงไห่ใช้แรงจูงใจนั้นพยายามอย่างหนัก แต่ท้ายที่สุดแล้วตัวเขาก็ไม่อาจเอาชนะชายชราคนหนึ่งที่ไม่ได้ใช้พลังลมปราณได้ด้วยซ้ำ
ยู่เฉิงไห่ลุกขึ้นมาอีกครั้งก่อนจะพุ่งใส่ ครั้งนี้ยู่เฉิงไห่เลือกที่จะโจมตีจากทางอากาศ หมัดของเขากำลังโปรยปรายใส่ลู่โจวด้วยพลังกายอันแรงกล้า
ตุ๊บ!
ยู่เฉิงไห่ตกตะลึงอีกครั้ง!
“ติ้ง! ลงโทษยู่เฉิงไห่สำเร็จ ได้รับรางวัลแต้มบุญ: 500”
“อีกครั้ง!” ยู่เฉิงไห่กู่ร้องออกมา ตัวเขาพยายามเก็บกลั้นความเจ็บปวดเอาไว้
การต่อสู้ฝ่ายเดียวเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า
หวางซื่อเจียและฮั๊วจงหยางไม่ได้จากไปไหน ในเวลานี้พวกเขาทั้งคู่ได้แต่จ้องมองเหตุการณ์ทั้งหมดจากรูบนผนัง พวกเขาจ้องมองสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยความตกตะลึง
“นะ...นี่คือวิธีที่ผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบจะเอาชนะผู้มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบอย่างงั้นเหรอ?” หวางซื่อเจียไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เห็น ตัวเขารู้สึกว่าตอนนี้กำลังดูผู้ใหญ่ที่กำลังรังแกเด็กอยู่
“ข้าเองก็คงจะไม่เชื่อแน่ถ้าหากไม่ได้เห็นมันด้วยตาตัวเอง”
“แต่...ทำไมผู้อาวุโสลู่ถึงได้เลือกไปลงที่เจ้าสำนักยู่ล่ะ?”
ทั้งสองสบตากัน
ธิดาหอยสังข์แหย่หัวออกมาเพื่อเฝ้ามองการต่อสู้เช่นกัน
หวางซื่อเจียเหลือบมองไปที่นางก่อนที่จะหันไปหาฮั๊วจงหยาง
ฮั๊วจงหยางเข้าใจสิ่งที่หวางซื่อเจียกำลังคิดอยู่ดี ตัวเขาที่รู้แบบนั้นรีบตอบปฏิเสธ “ไม่” ถ้าหากจับธิดาหอยสังข์ไว้เป็นตัวประกัน มันก็ไม่ต่างอะไรกับการดิ่งลงเหว ยิ่งไปกว่านั้นทั้งสำนักเผิงไหลและสำนักอเวจีจะถูกลากเข้าข้องเกี่ยวด้วย ยิ่งไปกว่านั้นแม้แต่ฮั๊วจงหยางและหวางซื่อเจียเองก็อาจจะไม่รอดชีวิตเช่นกัน
ตุ๊บ!
ยู่เฉิงไห่ยังคงลุกขึ้นสู้ ตัวเขาพยายามกัดฟันอดทนต่อความเจ็บปวดที่ได้รับมาก่อนจะพูดออกมา “อีกครั้ง!”
ภาพการต่อสู้ครั้งนี้ทำให้ยู่เฉิงไห่เผลอนึกไปถึงภาพในตอนที่ฝึกฝนตนครั้งแรก มันเป็นการฝึกฝนที่ตัวเขาได้รับมาจากศาลาปีศาจลอยฟ้านั่นเอง มันเป็นภาพความทรงจำที่ยู่เฉิงไห่ไม่อาจจะลบล้างได้ ในตอนนั้นผู้เป็นอาจารย์ของเขาได้ฝึกฝนยู่เฉิงไห่อย่างเข้มงวด มันเข้มงวดกว่าการฝึกฝนของสำนักไหนๆ กว่า 100 เท่า การฝึกฝนของยู่เฉิงไห่ไม่มีวันหยุดพัก ไม่ว่าจะหนาวหรือร้อนจัดมากแค่ไหน จีเทียนเด๋าก็จะขัดเกลาร่างกายของเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ปีแล้วปีเล่า ถูกเฆี่ยนตีครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่ว่าจะต้องอยู่ในถ้ำแห่งเงาสะท้อนในขณะที่เปลือยกาย ไม่ว่าจะต้องถูกแสงแดดแผดเผาเป็นกิจวัตรประจำวันก็ตาม บางทีอาจเป็นเพราะร่างกายที่แข็งแกร่ง ยู่เฉิงไห่จึงสามารถฝึกฝนพัฒนาตัวเองโดยใช้เวลาไม่นาน
ทั้งสองคนต่อสู้กันโดยใช้เวลากว่าหลายชั่วโมง
ยู่เฉิงไห่พ่ายแพ้ทุกครั้งและกระเด็นลอยไป
ตุ๊บ!
ยู่เฉิงไห่กระเด็นอีกครั้ง
“ผู้อาวุโสลู่ ข้าขอร้องท่าน!”
พรึ๊บ!
น่าแปลกที่สีวู่หยาเลือกจะคุกเข่าลง
ฮั๊วจงหยางที่เห็นแบบนั้นวิ่งไปที่ด้านข้างสีวู่หยาก่อนที่จะคุกเข่าลงเช่นกัน
ยู่เฉิงไห่นอนอยู่บนพื้น ตัวเขาหายใจอย่างหอบเหนื่อยขณะเหม่อมองดูท้องฟ้า ยู่เฉิงไห่หมดแรง ตัวเขาไม่ต้องการเคลื่อนไหวอีกต่อไป ยู่เฉิงไห่รู้สึกราวกับว่าอวัยวะภายในทั้งหมดได้รับบาดเจ็บไปหมดแล้ว
ลู่โจวถอนหายใจออกมา ‘ต้องอดทนกว่านี้ ฉันจะไม่ปล่อยให้ศิษย์ไม่รักดีคนนี้หนีรอดการสั่งสอนไปได้ง่ายๆ’ ไม่ว่าจะใช้พลังลมปราณหรือไม่ใช้ ร่างกายแก่ๆ ของเขาก็ไม่อาจทนต่อการต่อสู้ระยะเวลานานได้ ลู่โจวประเมินความดื้อรั้นของศิษย์คนนี้ต่ำจนเกินไป ตัวเขาเหลือบมองสีวู่หยาก่อนจะถามออกมา “เจ้าคุกเข่าให้เขาอย่างงั้นสินะ?”
“โปรดไว้ชีวิตให้ท่านเจ้าสำนักด้วย ผู้อาวุโสลู่” ฮั๊วจงหยางเอาหัวโขกพื้น
เมื่อได้ยินแบบนั้นยู่เฉิงไห่ก็ตะโกนขึ้นมา “ไม่ว่าจะหน้าไหนๆ ก็เหมือนกัน...” ยู่เฉิงไห่พุ่งเข้าหาลู่โจวราวกับวัวกระทิง การโจมตีครั้งนี้มันแข็งแกร่งกว่าครั้งไหนๆ
ลู่โจวที่เห็นแบบนั้นขมวดคิ้วเล็กน้อย ‘ศิษย์ไม่รักดีนี่มีพลังมากแค่ไหนกัน? นี่คือพลังของชาวเผ่าวู่เฉียนอย่างงั้นเหรอ?’
ยู่เฉิงไห่ไม่ได้คิดอะไรให้ซับซ้อน เมื่อคนอย่างเขามีเป้าหมาย ยู่เฉิงไห่จะไม่คิดยอมแพ้จนกว่าจะทำเป้าหมายให้สำเร็จ
พรึ๊บ!
แทนที่ลู่โจวจะถอยกลับ ตัวเขาเลือกที่จะก้าวมาข้างหน้าแทน ลู่โจวเงยหน้าขึ้นก่อนที่จะยกมือขึ้นมาด้วยความเร็วสูง
ยู่เฉิงไห่ที่เห็นแบบนั้นถอยกลับพร้อมกับหัวเราะออกมา “ท่านถูกหลอกแล้วล่ะ!” ยู่เฉิงไห่เปลี่ยนไปใช้ฝ่ามือจู่โจมเข้าใส่แทน
“หืม?” จู่ๆ ลู่โจวก็รู้สึกได้ว่ายู่เฉิงไห่ใช้พลังที่หนักกว่า 10,000 ออนซ์ หรือว่านี่จะเป็นคุณสมบัติพิเศษของเผ่าวู่เฉียนกัน? นิ้วของลู่โจวส่องแสงสีฟ้าขึ้นมาอีกครั้ง “เปล่าประโยชน์” ลู่โจวยกฝ่ามือขึ้นก่อนที่จะคว้ามือของยู่เฉิงไห่ไว้ [ออนซ์ คือหน่วยของการวัดน้ำหนักที่ถูกใช้กันในประเทศอังกฤษโดย 1 ออนซ์= 28.3415 กรัม]
ทุกๆ คนที่เห็นแบบนั้นต่างตกใจ
สีวู่หยาและฮั๊วจงหยางที่มองเห็นภาพการต่อสู้อ้าปากค้าง
ยู่เฉิงไห่รู้ดีว่าพลังฝ่ามือของเขามันหนักแน่นแค่ไหน ตัวเขามั่นใจมากว่าจะไม่มีใครต้านทานการโจมตีของตัวเขาโดยไม่ใช้พลังลมปราณได้ ‘เป็นไปได้ไง...เป็นไปไม่ได้’
ในชั่วพริบตาเดียวลู่โจวก็ได้โยนยู่เฉิงไห่ไปบนอากาศอีกครั้ง
ยู่เฉิงไห่ล้มลงบนพื้นก่อนที่จะกลิ้งไปมา ตัวเขารู้สึกราวกับโลกทั้งใบกำลังหมุนอย่างรวดเร็ว
“พยายามจะหลอกข้าอย่างงั้นเหรอ?”
เมื่อยู่เฉิงไห่หยุดกลิ้ง ตัวเขาก็เหลือบมองลู่โจวอย่างหวาดกลัว ไม่ได้ผล! สุดท้ายแล้วยู่เฉิงไห่ก็พ่ายแพ้อีกครั้ง! ยู่เฉิงไห่พ่ายแพ้ไปอย่างสมบูรณ์ ในตอนนี้ความดื้อรั้นทั้งหมดถูกความหวาดกลัวเข้าครอบนำแทน...ยู่เฉิงไห่คิดมาตลอดว่าพลังกายที่ตัวเขามีคงจะไม่มีใครเทียบเคียงได้ แล้วทำไมผู้อาวุโสคนนี้ถึงได้มีพลังกายอันมหาศาลขนาดนี้ได้? ยู่เฉิงไห่รู้สึกสิ้นหวัง ไม่ว่าจะเก่งกาจแค่ไหนแต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบ คนคนนั้นก็เล็กจ้อยไม่ต่างอะไรจากมดปลวก “ท่านอยากจะทำอะไรกับข้าก็เชิญ จะฆ่าข้าก็ลงมือเลย” ยู่เฉิงไห่ไม่เคยรู้สึกสิ้นหวังแบบนี้มาก่อน
“เจ้าคิดว่าข้าไม่กล้าฆ่าเจ้าอย่างงั้นสินะ?” ลู่โจวเอาเท้าแตะพื้นเบาๆ ในตอนนั้นเองพลังลมปราณรอบตัวลู่โจวก็เพิ่มสู.ขึ้น
เมื่อพลังลมปราณผันผวน ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างก็สิ้นหวัง
นี่คือจุดจบ
ไม่นานนักก็ฝ่ามือของลู่โจวก็ลอยไปบนอากาศ!
ติดตามแฟนเพจอัพเดทข่าวสารอ่านนิยายก่อนใครได้ที่ FB: ND Translate นิยายแปลไทย