ตอนที่ 483 ถ้าหากใครหน้าไหนต้องการจะตาย ก็เชิญอยู่ต่อได้เลย
ตอนที่ 483 ถ้าหากใครหน้าไหนต้องการจะตาย ก็เชิญอยู่ต่อได้เลย
ติดตามแฟนเพจอัพเดทข่าวสารอ่านนิยายก่อนใครได้ที่ FB: ND Translate นิยายแปลไทย
ยู่เฉิงไห่คว้ากระบี่นิลโลหิตไว้แน่น ฝ่ามือของเขาเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ
หวางซื่อเจียที่เห็นแบบนั้นตกตะลึง ตัวเขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะได้เห็นเหตุการณ์แบบนี้ แน่นอนว่าตัวเขาอยากที่จะร่วมมือกับสำนักอเวจีเพื่อการใหญ่ ตัวเขาไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่าผู้อาวุโสลู่ ผู้ที่มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบจะกล้าเป็นศัตรูกับศาลาปีศาจลอยฟ้าเช่นนี้ ‘นี่...ข้าควรจะทำยังไงดี?’
ยู่เฉิงไห่ไม่ชอบคนที่เด็ดขาดไม่มากพอ “พี่ซื่อเจีย เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับท่าน ถ้าหากท่านกลัว ท่านก็ออกไปซะเถอะ”
หวางซื่อเจียถอนหายใจก่อนจะตอบกลับมา “...ในเมื่อข้าเลือกแล้ว ข้าคงจะยอมถอยไม่ได้ เกาะเผิงไหลของข้ายินดีที่จะต่อสู้เคียงข้างสำนักอเวจี!”
“ดี! สิ่งที่ท่านพูดมีความหมายกับข้าจริงๆ” กระบี่นิลโลหิตในมือยู่เฉิงไห่ส่องประกายแสงสีทองออกมา
สีวู่หยาขมวดคิ้ว การต่อสู้ของทั้งสองฝ่ายอาจจะเริ่มต้นเมื่อไหร่ก็ได้ ตัวเขาตัดสินใจที่จะพูดออกมาอีกครั้ง “อาจารย์ของข้าจีเทียนเด๋ากำลังจะมาที่นี่!” นี่เป็นวิธีการที่พอจะตอบโต้ผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบได้ดีที่สุด
แต่น่าเสียดายที่ลู่โจวไม่ได้สนใจอะไรเลย “เจ้าหนุ่ม...เจ้าน่ะยังเป็นเด็กจนเกินไป”
ทันทีที่ลู่โจวพูดจบ ตัวเขาก็ขยับมือ การขยับมือของเขาไม่ต่างอะไรจากการเลือกต่อสู้ กระบี่นิลโลหิตได้ส่องแสงสีทองก่อนจะพุ่งเข้าหาลู่โจวอย่างรวดเร็ว
เมื่อกระบี่นิลโลหิตเข้าใกล้ลู่โจว ในตอนนั้นเองระหว่างนิ้วชี้และนิ้วกลางของลู่โจวก็เปล่งแสงสีฟ้าออกมา ลู่โจวได้ใช้สองนิ้วหยุดกระบี่นิลโลหิตเอาไว้
ตู๊ม!
พลังลมปราณที่เคลือบกระบี่ถูกทำลาย กระบี่นิลโลหิตตกอยู่ในมือของลู่โจวอย่างง่ายดาย
ในตอนนั้นเองทั่วทั้งห้องโถงก็เงียบไปชั่วขณะ
ผู้ฝึกยุทธผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบ...มีพลังมหาศาลเช่นนี้ มันคือสิ่งที่ทุกคนรู้สึกเมื่อได้เห็นการเคลื่อนไหวของลู่โจว เขาสามารถหยุดการโจมตีของอาวุธระดับสรวงสวรรค์ด้วยมือเปล่าได้ เมื่อได้เห็นแบบนั้นก็ไม่มีใครกล้าเคลื่อนไหวอย่างประมาท ถ้าหากยอดฝีมือผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบอาละวาด ใครในที่แห่งนี้จะไปหนีรอดได้กัน? ทุกคนที่คิดแบบนั้นไม่กล้าที่จะขยับไปไหน
ยู่เฉิงไห่เป็นผู้ที่ฝึกฝนตัวเองจนมีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบสมบูรณ์ เขาฝึกฝนตัวเองจนมาถึงระดับสูงสุดของผู้ที่มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบแล้วนั่นเอง แม้ว่าการโจมตีเมื่อครู่จะไม่ใช่การโจมตีที่ทรงพลังสูงสุดของเขา แต่มันก็ไม่ใช่การโจมตีธรรมดาที่จะสามารถป้องกันไว้ด้วยมือเปล่า ยู่เฉิงไห่ที่เห็นแบบนั้นก็ได้แต่กลืนน้ำลาย
“ข้าจะฆ่าผู้ที่กล้าเคลื่อนไหวทันที และข้าก็จะตามไปฆ่าครอบครัวของคนที่กล้าขยับด้วย!”
เสียงของลู่โจวที่เยือกเย็นดังก้องไปทั่วห้องโถง คำพูดของลู่โจวส่งไปถึงหวางซื่อเจและสาวกของสำนักอเวจีทั้งหมด
ด้วยเสียงที่เยือกเย็นของลู่โจวทำให้บรรยากาศในห้องโถงตึงเครียดมากขึ้น ความกลัวได้ผุดขึ้นมาในใจของทุกคน แม้แต่ผู้ที่กล้าหาญที่สุดก็ยังไม่อาจพูดอะไรออกมา
ลู่โจวได้พูดต่อด้วยน้ำเสียงอันลึกล้ำ “นอกจากยู่เฉิงไห่แล้ว ทุกคนไสหัวไปซะ!”
“...”
บรรยากาศตึงเครียดมากกว่าเก่า
หวางซื่อเจียไม่เคยรู้สึกกดดันเช่นนี้ แม้ว่าเขาจะเป็นผู้ที่มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบและมีสถานะอันสูงส่งก็ตาม ตัวเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกซะจากก้มศีรษะยอมรับแต่โดยดี
ทุกคนในห้องโถงต่างตกตะลึง
เมื่อลู่โจวเห็นทุกคนไม่กล้าขยับไปไหนตัวเขาก็ได้พูดต่อ “ถ้าหากใครหน้าไหนต้องการจะตาย ก็เชิญอยู่ต่อได้เลย”
ดวงตาของยู่เฉิงไห่เบิกกว้าง ดวงตาของเขาแดงก่ำ ยู่เฉิงไห่จับจ้องไปที่กระบี่นิลโลหินในมือของลู่โจว สำนักอเวจีได้ล่มสลายแน่ถ้าหากผู้อาวุโสคนนี้เคลื่อนไหว
“ออกไปซะ!” ยู่เฉิงไห่พูดออกมา
ทุกๆ คน ต่างก็หันไปหายู่เฉิงไห่ “ท่านเจ้าสำนัก!”
“ศิษย์พี่ใหญ่”
ยู่เฉิงไหล่ชำเลืองมองทุกคนก่อนจะพูดออกมา “ข้าเป็นเจ้าสำนักรึเปล่า? แม้ว่าฟ้าจะถล่ม โลกจะล่มสลาย แต่ข้าก็จะแบกรับทุกอย่างเอาไว้ ออกไปได้แล้ว!” เสียงของยู่เฉิงไห่ส่งไปถึงทุกคน ตอนนี้ยู่เฉิงไห่เข้าใจแล้ว ผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบอย่างผู้อาวุโสลู่คนนี้ไม่ใช่คนที่ล้อเล่นด้วยได้
“ศิษย์พี่ใหญ่!” สีวู่หยาต้องการจะพูดต่อ
ในตอนนั้นเองยู่เฉิงไห่ก็ได้โบกแขนของตน พลังลมปราณที่ระเบิดออกมาจากการโบกมือได้ผลักสีวู่หยาให้ออกไปจากห้องโถง
หวางซื่อเจียที่เห็นแบบนั้นรู้สึกหมดหนทาง ตัวเขาคารวะยู่เฉิงไห่ก่อนที่จะออกจากห้องโถงใหญ่
คนที่เหลือไม่มีทางเลือกอื่นนอกซะจากออกจากห้องโถงไป
การเสียสละเกินความจำเป็นเป็นสิ่งที่ไร้ความหมาย ยู่เฉิงไห่เข้าใจเรื่องนี้ดี
ลู่โจวหันไปมองธิดาหอยสังข์ ตัวเขาสังเกตเห็นว่านางไม่ได้รับผลกระทบอะไรจากพลังคลื่นเสียง
เมื่อทุกคนได้ออกจากห้องโถงไป ยู่เฉิงไห่ก็เคลื่อนที่ไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว พลังฝ่ามือนับไม่ถ้วนได้พุ่งเข้าหาลู่โจว
“ต่อให้ท่านเป็นผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบแต่ข้าก็จะสู้!”
ตู๊ม! ตู๊ม! ตู๊ม!
ในขณะที่ยู่เฉิงไห่โจมตี พลังทำลายล้างก็แผ่ซ่านไปรอบตัวของลู่โจว ลู่โจวได้ยกมือขึ้นมาก่อนที่จะซัดพลังฝ่ามือกลับไป พลังฝ่ามือมีอักษร ‘คำสั่งราชันย์’ อยู่ พลังฝ่ามือที่ได้เห็นมีแสงสีฟ้าจางๆ ส่องประกายออกมา
ตู๊ม!
พลังฝ่ามือจำนวนมากของยู่เฉิงไห่ถูกทำลายไปในทันที ตัวของเขาที่รับพลังการโจมตีกระเด็นกลับไป จิตใจของยู่เฉิงไห่ว่างเปล่า ‘นี่ก็แค่กระบวนท่าเดียว! นี่คือพลังของผู้ที่มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบอย่างงั้นเหรอ?’ มีอยู่หลายครั้งที่ยู่เฉิงไห่คิดว่าตัวเองสามารถก้าวเข้าสู่โลกของผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบได้ ในตอนที่ยู่เฉิงไห่เป็นเด็ก ตัวเขาที่มีพลังอวตารดอกบัวสามกลีบเคยเอาชนะผู้ฝึกยุทธผู้มีพลังอวตารดอกบัวห้ากลีบได้มาก่อน
แต่หลังจากที่มีพลังอวตารดอกบัวเจ็ดกลีบเป็นต้นไป แทบที่จะไม่มีผู้ฝึกยุทธคนไหนเอาชนะผู้ที่มีพลังมากกว่าตนได้ความแตกต่างของอวตารเพียงกลีบเดียวมันยิ่งใหญ่พอๆ กับระยะห่างระหว่างผืนดินและท้องฟ้า แม้ว่ายู่เฉิงไห่จะรู้ดีว่าการเป็นผู้ฝึกยุทธผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ตัวเขาก็แทบจะยอมรับความจริงไม่ได้ที่พ่ายแพ้ให้กับกระบวนท่าเพียงแค่กระบวนท่าเดียว ความมั่นใจและความถือตนที่ยู่เฉิงไห่มีถูกทำลายลงจนไม่เหลือชิ้นดี
ตู๊ม!
ยู่เฉิงไห่กระเด็นชนเข้ากับกำแพง กำแพงที่ถูกชนมีรูขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นในทันที
ยู่เฉิงไห่ที่ถูกโจมตีได้ใช้เวลาพักใหญ่กว่าที่จะหยุดตัวเองได้
สาวกสำนักอเวจีนอกห้องโถงใหญ่, หวางซื่อเจีย และสีวู่หยา...ต่างก็ยืนตกตะลึงอยู่ในความเงียบงัน
ผู้ฝึกยุทธผู้มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบไม่อาจต้านทานกระบวนท่าการโจมตีแม้แต่ครั้งเดียวได้
ลู่โจวเดินออกจากห้องโถงใหญ่ผ่านรูบนกำแพง ตอนนี้ตัวเขาอยู่ที่ด้านหลังของห้องโถงใหญ่เรียบร้อย
ค่ำคืนนี้ช่างสวยงาม แสงจากดวงดาวทั้งหลายกระจายไปทั่วทั้งฟ้าในยามมืดมิด
“ลุกขึ้น” ลู่โจวพูดออกมา
ยู่เฉิงไห่ได้แต่เก็บความเจ็บปวดเอาไว้ก่อนจะลุกขึ้นยืน
พรึ๊บ!
ยู่เฉิงไห่ที่เพิ่งจะลุกขึ้นได้เพียงครึ่งฟุตล้มลงอีกครั้ง ‘พลังวรยุทธที่ข้ามีอยู่ไหนกัน?’ ยู่เฉิงไห่พยายามที่จะโคจรพลังลมปราณจากจุดตันเถียน แต่ถึงแบบนั้นมันกลับว่างเปล่า
ลู่โจวขยับเข้าไปใกล้ รอบตัวของลู่โจวยังคงเต็มไปด้วยสง่าราศีอันน่าเกรงขาม
ยู่เฉิงไห่แทบหายใจไม่ออกจากแรงกดดันที่ได้รับ
ตู๊ม!
ยู่เฉิงไห่กระทืบเท้าของตัวเองก่อนจะพุ่งเข้าหาลู่โจวราวกับสัตว์ป่า ตัวเขาได้ใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีปล่อยหมัดใส่ลู่โจวอย่างเหี้ยมโหด
พรึ๊บ! พรึ๊บ! พรึ๊บ!
ลู่โจวปัดหมัดทั้งหมดด้วยฝ่ามือ หมัดที่ไม่มีพลังวรยุทธอยู่มันก็เหมือนกับก้อนหิน หมัดที่ไร้พลังจะไปสู้กับลู่โจวได้ยังไง?
พรึ๊บ! พรึ๊บ! พรึ๊บ!
ยู่เฉิงไห่โจมตีอย่างดุเดือด
เมื่อลู่โจวเบื่อที่จะปัดป้อง ตัวเขาก็ผลักฝ่ามือไปที่ด้านหน้า
ตู๊ม!
ยู่เฉิงไห่กระเด็นถอยกลับไปอีกครั้ง ตัวเขากลิ้งไปบนพื้นโดยที่ไม่ได้รับบาดเจ็บรุนแรงอะไร
ลู่โนวตกใจมาก นี่เป็นลักษณะพิเศษของชาววู่เฉียนอย่างงั้นเหรอ? ลู่โจวมองไปที่ยู่เฉิงไห่ก่อนจะถามออกมา “เจ้ามีดีแค่นี้อย่างงั้นสินะ?”
“...” ยู่เฉิงไห่กัดฟัน ตัวเขาพยายามดิ้นรนผลักตัวเองให้ลุกออกจากพื้น
“ข้าจะสอนบทเรียนแทนอาจารย์เจ้าเอง”
พลังฝ่ามือขนาดใหญ่ได้ลอยเข้าหายู่เฉิงไห่
ในเวลาเดียวกันแสงสีทองจากปีกคู่หนึ่งก็พุ่งเข้าหาลู่โจวจากทางด้านหลัง มันเป็นแสงที่มาจากปีกที่ยาวกว่าหลายสิบฟุต ปีกที่เห็นได้ปล่อยเข็มพลังงานจำนวนมากจู่โจมใส่ลู่โจว
ลู่โจวพลิกฝ่ามือ อาวุธนิรนามที่ลู่โจวมีได้เปลี่ยนรูปแบบให้กลายเป็นโล่
ตู๊ม!
โล่นิรนามสามารถเบี่ยงเข็มพลังงานทั้งหมดให้ออกจากตัวลู่โจวได้
สีวู่หยาที่เห็นแบบนั้นยอมแพ้ที่จะโจมตีต่อ ตัวเขาเลือกที่จะบินไปด้านหน้าแทน
“พยายามจะช่วยอย่างงั้นสินะ?” ลู่โจวใช้สะบัดฝ่ามืออีกครั้ง
การ์ดกรงผนึกกักขังโฉมใหม่ถูกใช้งาน มันไม่เหมือนกับพลังผนึก พลังผนึกคำสั่งราชันย์ในก่อนหน้านี้
พลังที่ลู่โจวใช้พุ่งเข้าหาสีวู่หยาด้วยความเร็วดุจดั่งสายฟ้า สีวู่หยาที่ถูกพลังล้มลงในทันที พลังวรยุทธที่ตัวเขามีถูกผนึกอีกครั้ง สีวู่หยาที่ถูกจู่โจมยังไม่ยอมแพ้ “ศิษย์พี่ใหญ่หนีไปซะ ข้าจะรั้งเขาไว้เอง!”
ยู่เฉิงไห่ถอนหายใจ “ศิษย์น้องผู้หลักแหลมของข้า เจ้ามันโง่เง่า! ในเมื่อมีชีวิตก็ย่อมมีหวัง!”
“สำนักอเวจีจะเดินหน้าต่อไปไม่ได้ถ้าหากไม่มีท่าน”
ลู่โจวมองดูทั้งสองคนก่อนที่จะส่ายหัวและพูดออกมา “พวกเจ้ายังจะคิดหนีหลังจากที่ถูกพลังผนึกของข้างั้นสินะ?” ลู่โจวเดินมาใกล้มากยิ่งขึ้น
ในที่สุดสีวู่หยาก็รู้ตัวแล้วว่าตัวเขาสูญเสียพลังลมปราณทั้งหมดไป
“ติ้ง! จับกลุมยู่เฉิงไห่สำเร็จ ได้รับรางวัลแต้มบุญ: 1,000”
ติดตามแฟนเพจอัพเดทข่าวสารอ่านนิยายก่อนใครได้ที่ FB: ND Translate นิยายแปลไทย