268 - ร่องรอยของศัตรู
268 - ร่องรอยของศัตรู
บนยอดเขามีป่าต้นกระบองเพชร ป่าต้นกระบองเพชรหนาแน่นเต็มไปด้วยพุ่มไม้เตี้ยๆ รวมไปถึงกอหญ้าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
เอี้ยนลี่เฉียงสะพายคันธนูไว้บนหลัง เขาชักมีดออกมาแล้วค่อยๆย่องขึ้นไปอย่างระมัดระวัง
สถานที่แห่งนี้กว้างใหญ่เต็มไปด้วยเนินเขาและหุบเหว แม้ว่าเขาจะเห็นนกฮูกบินลงมาที่นี่ แต่เขาก็ไม่รู้ว่าคนพวกนั้นอยู่ส่วนไหนของภูเขา
ภายใต้แสงเดือนสลัวและแสงดาวจากฟากฟ้า คนธรรมดาจะมองไม่เห็นอะไรนอกจากความมืดบนภูมิประเทศดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม เอี้ยนลี่เฉียงยังสามารถเห็นสภาพแวดล้อมของเขาได้อย่างชัดเจนด้วยปริมาณแสงที่น้อยนิดจากท้องฟ้า
เอี้ยนลี่เฉียงเดินไปรอบๆเนินเขาเหล่านี้นานกว่าหนึ่งชั่วยาม ขาที่เดินกะเผลกของค่อยๆฟื้นพลังกลับมารวมทั้งปอดที่แสบร้อนของเขาก็ค่อยๆเย็นลงแล้ว
อย่างไรก็ตามเอี้ยนลี่เฉียงยังคงรู้สึกแย่กับพลังลมปราณเล็กน้อย เพราะว่าเขายังไม่มีเวลากู้คืนมันกลับมา เขาวิ่งมาเป็นระยะเวลานานจึงรู้สึกเหน็ดเหนื่อยพอสมควร
ดูเหมือนว่าเขายังขาดประสบการณ์ เขาควรจะนำอาหารเล็กน้อยที่สามารถเติมแคลอรีติดตัวมาด้วยในครั้งนี้
เอี้ยนลี่เฉียงเดินไปรอบๆป่าขณะพึมพำกับตัวเอง เมื่อเขารีบออกจากโรงเตี๊ยมพร้อมกับเหลียงอี้เจี๋ยและทหารยามคนอื่นๆ เขาไม่ได้คาดหวังว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นมากมายขนาดนี้
และในที่สุดเขาก็เผชิญหน้ากับศัตรูตามลำพังในขณะนี้
หลังจากผ่านความยากลำบากในการฆ่าอลิกุจิน เสื้อผ้าของเอี้ยนลี่เฉียงได้รับความเสียหายค่อนข้างมาก เมื่อเขาเดินไปรอบๆป่าเสื้อผ้าของเขาก็เกี่ยวหนามจนขาดเหมือนเป็นผ้าขี้ริ้ว
ในตอนที่เขาเดินผ่านลำธารเล็กๆในป่าและเห็นว่าน้ำใสอยู่พอสมควร เขาจึงเอนตัวไปข้างหน้าไปยังลำธารที่อยู่ด้านข้างทันที และเริ่มกลืนน้ำลงไปจนพอใจ
กระแสน้ำที่เย็นยะเยือกชะล้างความเหนื่อยล้าของเอี้ยนลี่เฉียงออกไปทันที
จากประสบการณ์การเอาชีวิตรอดที่ผ่านมา ความเหนื่อยล้าและความหิวของคนเราจะลดลงได้อย่างมากเพียงแค่ดื่มน้ำให้เพียงพอ
นี่เป็นวิธีหนึ่งที่สามารถใช้เป็นทางเลือกสุดท้ายในการฟื้นฟูความแข็งแกร่ง โดยการกลืนน้ำเข้าไปเต็มปาก ท้องที่บวมและอิ่มของเอี้ยนลี่เฉียงก็หลอกร่างกายของเขาว่ามีอาหาร
แร่ธาตุบางชนิดในธารน้ำตามธรรมชาติก็ถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายของเขาโดยระบบย่อยอาหาร ทำให้เขาสามารถได้รับสารอาหารแม้จะเพียงเล็กน้อยก็ตาม
น้ำยังทำให้ร่างกายของเอี้ยนลี่เฉียงคืนตัวอย่างรวดเร็ว เติมเต็มน้ำที่ออกมาจากเหงื่อก่อนหน้านี้...
เมื่อเอี้ยนลี่เฉียงกำลังจะลุกขึ้นจากลำธารหลังจากที่รู้สึกว่าเขาฟื้นกำลังแล้ว หูของเขาก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างก่อนที่เขาจะแสดงสีหน้าแปลกใจ
เสียงที่เขาได้ยินในเวลานี้เหมือนกับเป็นเสียงร้องของโกลดี้…!
เอี้ยนลี่เฉียงลุกขึ้นยืนและฟังอย่างระมัดระวัง จากนั้นเขาก็เริ่มวิ่งลงเนินข้างลำธาร
หลังจากวิ่งไปสองร้อยวา ด้านล่างเนินเขามีทุ่งหญ้ากว้างใหญ่เต็มไปด้วยหญ้าชนิดหนึ่งที่ถูกกองสุมไว้ ตอนนี้เสียงของโกลดี้ก็ชัดเจนขึ้น
เอี้ยนลี่เฉียงชักกริชออกมา เขาก้มลงและย่องไปตามพุ่มไม้เพื่อตามหาเสียงของโกลดี้
ไม่กี่นาทีต่อมา กระโจมแห่งหนึ่งก็ปรากฏขึ้นข้างหน้าเอี้ยนลี่เฉียงมันอยู่ห่างจากเขาประมาณห้าสิบวา...
บริเวณนั้นมีม้าแรดประมาณสิบตัวและรถม้าขนาดใหญ่สามคันจอดอยู่ด้านนอกของกระโจม หนึ่งในสามรถม้าที่มีหลังคาค่อนข้างหรูหราและดูเหมือนว่าจะใช้สำหรับบรรทุกผู้โดยสาร
ในอีกทางหนึ่ง อีกสองคันที่ไม่มีหลังคาอาจใช้สำหรับขนส่งสินค้า พวกมันเต็มไปด้วยสิ่งของมากมายเช่นสัมภาระเดินทาง
เมื่อมองแวบแรก ดูเหมือนจะเป็นคาราวานชาวชาตู
ชาวชาตูกลุ่มหนึ่งกำลังขนของขึ้นรถม้า
ในบรรดาสิ่งของต่างๆที่ชาวชาตูกำลังขนขึ้นรถมานั้น มีกรงโลหะหลายอันที่มีสัตว์อยู่ในนั้น มีนกอินทรีสามตัวและนกแร้งหนึ่งตัว
นกฮูกที่เอี้ยนลี่เฉียงเพิ่งเห็นก็ถูกขังอยู่ในกรงเหล็กเช่นกัน โกลดี้ก็อยู่ในกรงเหล็กเหมือนกัน มันหันไปรอบๆอย่างใจจดใจจ่อในขณะที่คร่ำครวญออกมาไม่หยุด
ทันทีที่ชายชาตูวางมือบนกรงเหล็กที่มีโกลดี้อยู่ข้างใน และกำลังจะบรรทุกมันลงบนเกวียน โกลดี้ก็กัดมือเขาโดยไม่คาดคิด
เลือดพุ่งออกมาอย่างกะทันหัน ชายชาตูตะโกนอย่างเจ็บปวดและรีบดึงมือของเขาออกมาทันทีด้วยความโกรธ
ชายชาตูคนนั้นชักมีดสั้นออกมาและเตรียมจะเปิดกรงเข้าไปสังหารโกลดี แต่สหายของเขาก็รีบใช้ฝ่ามือตบใบหน้าของเขาพร้อมกับด่าออกมาเป็นภาษาชาตู
แม้ว่าเอี้ยนลี่เฉียงจะไม่เข้าใจภาษาชาตูจริงๆ แต่เขาก็ยังจับใจความสำคัญได้เล็กน้อย
'นักบวช… พบ… สุนัขแปลกๆ… ความพยายามอย่างมาก… จับ… ต้องการนำกลับมา…'
ชายชาตูที่โดนดุไม่กล้าส่งเสียงใดๆ เขาเพียงพยักหน้าด้วยความกลัวแล้วสอดมีดของเขากลับเข้าไปในฝัก
ในท้ายที่สุด เขาพบแท่งไม้และสอดมันเข้าไปในกรงเหล็กของโกลดี้ ด้วยความช่วยเหลือของชายชาตูอีกคนหนึ่ง ทั้งคู่จึงยกกรงเหล็กขึ้นรถม้า...
นักบวช? นี่มันเรื่องอะไรกันแน่…?
หัวใจของเอี้ยนลี่เฉียงเต้นแรง สัญชาตญาณบอกเขาว่าดูเหมือนเขาจะจับปลาตัวใหญ่ได้ อย่างไรก็ตาม ปลาตัวนี้มีขนาดใหญ่เกินไปจนอาจกลืนเขาทั้งตัว
เอี้ยนลี่เฉียงไม่แน่ใจว่าเขาจะรับมือได้หรือไม่ เพราะคนที่สามารถค้นพบและจับโกลดี้ในถิ่นทุรกันดารนี้ไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน
เอี้ยนลี่เฉียงมีความรู้สึกว่าชาวชาตูเหล่านี้ไม่ธรรมดาเช่นกัน แม้แต่รัศมีของผู้ที่ยืนเฝ้าอยู่นอกกระโจมก็ยังดูมีพลังมากกว่ากลุ่มโจรวายุทมิฬที่เขาพบในวันนี้
เอี้ยนลี่เฉียงเลียริมฝีปากของเขาขณะที่ความคิดต่างๆแล่นเข้ามาในหัวอย่างรวดเร็ว
ขณะที่ความคิดแล่นผ่านหัวของเอี้ยนลี่เฉียง ชายชาตูอ้วนและคนที่มีรูปร่างเพรียวบางสวมชุดสีแดงเข้มถักผมเปียเล็กๆทั้งสองคนก็ออกมาจากกระโจม
พวกเขาสำรวจบริเวณโดยรอบครู่หนึ่ง เมื่อแน่ใจว่าไม่มีอะไรผิดปกติ แต่ละคนก็เอื้อมมือไปเปิดประตูกระโจมอีกครั้ง
ชายสูงอายุที่เปล่งรัศมีอันเยือกเย็นและลึกลับก็ออกมาจากภายในกระโจม เขาสวมชุดคลุมสีดำทั้งตัว ผมสีขาวของเขาพันเกลียวด้วยลูกปัดกระดูกสีขาวที่น่าสะพรึงกลัว
ผิวหน้าของเขาแห้งราวกับเปลือกไม้ และหน้าผากของเขามีรอยสักที่ดูเหมือนเปลวไฟ
ชายชราที่ออกมาจากกระโจมเป็นคนสุดท้ายพูดภาษาชาตูสองประโยค ชายชาวชาตูคนอื่นๆรอบตัวเขาก็เริ่มเก็บของทันที ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังจะออกจากที่นี่...
ระยะห่างระหว่างพวกเขาใกล้เกินไป มีเพียงห้าสิบวาเท่านั้น หากเอี้ยนลี่เฉียงจะยิงสังหารชายชราจากที่นี่ ชาวชาตูก็จะตอบโต้ด้วยการพุ่งเข้าหาเขา
และในระหว่างนี้เขาคงสามารถยิงธนูออกไปได้เพียงแค่สองสามดอกเท่านั้นก่อนจะถูกศัตรูบุกเข้ามาถึงตัว
เอี้ยนลี่เฉียงไม่แน่ใจว่าชายชราคนนั้นแข็งแกร่งแค่ไหน แต่เขาต้องอยู่ในระดับนักรบที่แท้จริงอย่างแน่นอน
ชายชาตูอีกสองคนที่อยู่ข้างชายชราก็ดูเหมือนจะเป็นยอดฝีมือระดับนักรบต่อสู้เช่นกัน หากสุดท้ายแล้วเกิดการต่อสู้ระยะประชิดขึ้นเอี้ยนลี่เฉียงรู้ดีว่าเขาอยากที่จะหลบหนีได้..