ตอนที่แล้วบทที่ 6 ต้องห้าม
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 8 สถานีปลายทาง

บทที่ 7 คำถามจากสังคม


บทที่ 7 คำถามจากสังคม

“เอาลูกชายของฉันคืนมา! คืนลูกชายของฉัน! ใครก็ได้ช่วยลูกชายของฉันด้วย!”

หน้าสถานีตำรวจมีชายหญิงยกป้ายผ้าสีขาว บนป้ายมีอักษรที่เขียนด้วยของเหลวสีแดงว่า “ตำรวจไร้ประโยชน์! คืนลูกชายมาให้ฉัน!”

“หัวหน้าเย่ เป็นพ่อแม่ของเด็กที่หายตัวไป”

ชายหญิงที่มายืนประท้วงอยู่หน้าสถานีตำรวจเป็นพ่อแม่ของเด็กในคดีเด็กหายก่อนหน้านี้ เนื่องจากเวลาได้ผ่านไประยะหนึ่งแล้ว แต่ตำรวจก็ยังไม่พบเบาะแสใดๆที่จะไขคดี ทำให้พ่อแม่ของเด็กที่หายไปเชื่อว่าตำรวจไม่เอาจริงเอาจังกับคดีนี้

แม้ใบหน้าของเย่ปินจะดูสงบนิ่ง แต่คิ้วก็ขมวดเล็กน้อย เผยให้เห็นความลำบากใจ เกือบเดือนแล้วที่เด็กได้หายตัวไป ตลอดเวลาที่ผ่านมา เย่ปินและคนอื่นๆ สืบสวนคดีนี้แทบไม่ได้หลับได้นอน แต่ไม่ว่าจะพยายามอย่างหนักเพียงใด ก็ไม่มีอะไรคืบหน้าเลย

“บัดซบ! เพื่อคดีนี้ หลายวันมานี้เราแทบจะไม่ได้นอนกันเลย แต่ก็ไม่มีใครมาเห็นใจ ตอนนี้กลับมาโทษพวกเราอีก มันจะมากไปหน่อยแล้ว!” จางหลานกัดฟันกรอด และพูดขึ้นด้วยความโกรธสุดขีด เขาทำงานอย่างหนักเพื่อทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่ แต่ตอนนี้กลับมาได้รับการปฏิบัติและการตั้งคำถามแบบนี้

“เฮ้อ ปล่อยวางเถอะ ใครใช้ให้เราเป็นตำรวจกันล่ะ” เฉินฮุ่ยส่ายหน้าและถอนหายใจ ราวกับสิ่งนี้เป็นเรื่องธรรมดา

“ถูกต้อง ผ่านมาเป็นเดือนแล้วคดียังไม่คืบหน้า ถ้าเป็นฉัน ฉันก็ตั้งคำถามและเข้าใจแบบนี้เหมือนกัน” เย่ปินพูดขึ้นเรียบๆ และดูสงบนิ่ง

“นายไม่ควรพูดแบบนั้น! เพื่อคดีนี้เราพยายามสืบสวนอย่างดีที่สุดแล้ว พวกเขามาเอะอะกันแบบนี้ ฉันก็ไม่สนใจมันแล้ว!” ความโกรธเคืองในใจของจางหลานไม่ได้บรรเทาลง

กรณีการหายตัวไปของเด็กหนุ่มมีส่วนเกี่ยวข้องกับรถเมล์ ‘สาย 18’ และสำหรับการสืบสวนเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับรถเมล์ ‘สาย 18’ มีอันตรายมาก จนถึงตอนนี้ก็มีผู้เสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ไปแล้วถึงสามราย

“เฮ้อ…!” เย่ปินถอนหายใจยาว เอนหลังพิงเก้าอี้และหลับตาลง ใบหน้าเต็มไปด้วยความขมขื่น

เนื่องจากความปั่นป่วนที่พ่อแม่เด็กที่หายตัวไปสร้างขึ้น สถานีตำรวจเมือง X จึงถูกสังคมตั้งคำถาม ประกอบกับการประโคมข่าว ทำให้ตำรวจในโรงพักได้รับผลกระทบในขนาดที่แตกต่างกัน โดยเฉพาะเย่ปินที่ถูกกดดันอย่างหนัก เขาถูกขู่ว่าหากอีกหนึ่งสัปดาห์คดียังไม่คืบหน้า เย่ปินจะถูกพักงาน

“พักงาน? ทำงานเต็มที่จนแทบแลกด้วยชีวิตอยู่แล้ว นี่หรือคือผลตอบแทนที่ได้รับ?” หลังจากได้ยินข่าวเรื่อง ‘พักงาน’ ของเย่ปิน จางหลานแทบจะอาละวาดด้วยความโกรธ พยายามสืบสวนคดีกันอย่างสุดความสามารถ แต่สุดท้ายก็ถูกคุกคามด้วยการถูก ‘พักงาน’

“เอาน่า อย่าตื่นเต้นไปหน่อยเลย เรายังเหลือเวลาอีกหนึ่งสัปดาห์” ครั้งแรกที่ได้ยินข่าวว่าเขาจะถูก ‘พักงาน’ เย่ปินรู้สึกโกรธมาก และต้องการเข้าพบผู้บังคับบัญชาเพื่อชี้แจง แต่สุดท้ายเย่ปินก็สงบลงและเลือกที่จะประนีประนอม

“หัวหน้าเย่ คดีนี้เดิมทีก็ไม่ใช่คดีธรรมดาอยู่แล้ว หนึ่งเดือนมาแล้วที่เราทำการสืบสวนกันทั้งวันทั้งคืน แต่ก็ไม่มีเบาะแสอะไรเลย ตอนนี้จะมาให้เราหาเบาะแสให้ได้ภายในหนึ่งอาทิตย์ มันจะเป็นไปได้ยังไง!” จางหลานกล่าวอย่างพยายามระงับความโกรธ

เย่ปินไม่ตอบ เขาเข้าใจในสิ่งที่จางหลานพูด กับสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน นับประสาอะไรกับเวลาหนึ่งอาทิตย์ ต่อให้มีเวลามากกว่านั้นเป็นสิบเท่า ก็อาจไม่สามารถหาเบาะแสใดๆได้เลย ท้ายที่สุดแล้วคดีนี้มันเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่ขัดแย้งกับสามัญสำนึก

“หลานเกอ ฉันอยากไปที่หมู่บ้านเฮยสุ่ย” เย่ปินนึกถึงบางสิ่งและมองจางหลานอย่างจริงจัง

“นายเคยไปที่นั่นมาแล้วไม่ใช่เหรอ?” จางหลานถามด้วยความสงสัย ก่อนหน้านี้พวกเขาเคยไปตรวจสอบที่หมู่บ้านเฮยสุ่ยมาแล้ว แต่หมู่บ้านเฮยสุ่ยได้กลายเป็นซากปรักหักพัง ไม่อาจหาเบาะแสใดๆได้อีก

“ฉันรู้สึกว่าเราอาจพลาดบางอย่างไป”

“โอเค งั้นฉันจะไปตามเจ้าเด็กเฉินฮุ่ย จะเดินทางเมื่อไหร่?”

“ตอนนี้เลย”

“ได้” จางหลานเลิกถาม แล้วออกจากห้องทำงานของเย่ปินไปตามเฉินฮุ่ย หลังจากนั้นทั้งสามคนก็ขับรถไปยัง ‘หมู่บ้านเฮยสุ่ย’

หมู่บ้านเฮยสุ่ยถูกไฟไหม้ไปเมื่อ 5 ปีก่อน คนในหมู่บ้านเล็กๆมากกว่า 100 คน ตายหมดไม่เหลือรอดแม้แต่คนเดียว

หลังจากภัยพิบัติ แม้ว่าจะได้รับการจัดการจากรัฐบาล แต่เนื่องจากการตายแบบล้างเผ่าพันธุ์ของหมู่บ้านเฮยสุ่ย ทำให้หมู่บ้านนี้ได้กลายเป็น ‘สถานที่ต้องห้าม’ ในใจของผู้คน ทุกคนคิดว่า ความแค้นที่มีอยู่ที่นี่หนักหนาเกินไป จึงไม่มีใครอยากมาเหยียบที่นี่อีก ปัจจุบัน สถานที่นี้ได้ถูกทิ้งร้างโดยสมบูรณ์

ซากบ้านที่ถูกไฟเผาทำลายจนดำเป็นตอตะโก วัชพืชหนาแน่นเติบโตอยู่ทุกที่ ตอนนี้ทั้งหมู่บ้านเฮยสุ่ยกลายเป็นสวรรค์ของวัชพืชไปแล้ว ไม่ไกลจากหมู่บ้านเฮยสุ่ยมีสุสาน ว่ากันว่าสุสานที่อยู่ติดกับหมู่บ้านเฮยสุ่ยแห่งนี้ได้ฝังกระดูกที่ถูกค้นพบจากซากหมู่บ้านหลังไฟไหม้

“ฉันขนลุกทุกครั้งที่มาที่นี่!” เฉินฮุ่ยตัวสั่น ในสามคนนี้เฉินฮุ่ยเป็นคนที่มีความกล้าน้อยที่สุด

“ฉันก็รู้สึกหดหู่เหมือนกัน” จางหลานขมวดคิ้ว เขาเคยมาที่หมู่บ้านเฮยสุ่ยแล้วสองครั้ง แต่ทุกครั้งเขาก็ยังคงรู้สึกหดหู่เหมือนเดิม

เมื่อเทียบกับจางหลานและเฉินฮุ่ยแล้ว เย่ปินดูสงบที่สุด ตอนนี้เย่ปินกำลังกวาดสายตามองหมู่บ้านเฮยสุ่ยกับสุสานที่อยู่ใกล้เคียงอย่างต่อเนื่อง

“ปินจื่อ นายไม่กลัวเลยเหรอ?” เฉินฮุ่ยหันไปถามเย่ปินที่อยู่ข้างๆ

“กลัวทำไม! ตอนนี้มันกลางวันแสกๆ!” เย่ปินรู้สึกว่า ‘วิญญาณ’ หรืออะไรทำนองนั้นจะไม่ปรากฏตัวตอนกลางวัน

“ไอ้หนู ใครบอกว่าผีไม่หลอกตอนกลางวัน ฉันเคยเห็นข่าวเหนือธรรมชาติแบบนี้มาก่อน ผีมันออกมาตอนกลางวันได้เหมือนกันนะ” จางหลานปฏิเสธความคิดของเย่ปิน เพราะเขาเคยอ่านข่าวเหนือธรรมชาติเรื่องผีที่ออกมาหลอกหลอนตอนกลางวันแสกๆมาก่อน ตอนนั้นเขาไม่เชื่อว่ามันเป็นความจริง แต่หลังจากได้รับประสบการณ์ ‘วิญญาณ’ เป็นการส่วนตัวแล้ว ตอนนี้เขาเริ่มเชื่อแล้วว่าข่าวที่เคยอ่านมาอาจไม่ใช่ความเท็จ

“เอาล่ะ อย่าคิดมาก ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ เราก็ไม่เคยมีความแค้นกับพวกเขามาก่อน แล้ววันนี้เราก็มาแบบสันติ ไม่มีเหตุผลที่พวกเขาจะมาหลอก สิ่งสำคัญที่สุดตอนนี้ก็คือ ใช้เวลาที่มีค้นหาเบาะแสอย่างรอบคอบ” เย่ปินกล่าว หลังจากนั้นทั้งสามคนก็เริ่มมองหาเบาะแสอย่างระมัดระวัง

ครั้งนี้พวกเขาตรวจสอบละเอียดกว่าครั้งที่แล้ว ทั้งสามคนเข้าไปในหมู่บ้าน ค้นบ้านที่ถูกไฟไหม้แต่ละหลังอย่างรอบคอบ

ตั้งแต่เช้าไปถึงบ่าย นอกจากเวลากินมื้อเที่ยงเล็กน้อยในรถแล้ว เวลาทั้งหมดพวกเขาใช้ไปในการตรวจตราหมู่บ้านเฮยสุ่ยและบริเวณโดยรอบอย่างละเอียด แต่ถึงกระนั้นพวกเขาก็ยังหาเบาะแสใดๆไม่พบ

“ไม่เจออะไรเลย” จางหลานกางมือมองไปยังคนทั้งคู่

เฉินฮุ่ยตอบสนองเช่นเดียวกับจางหลาน เขาเองก็ไม่พบเบาะแสใดๆ

“ดูเหมือนว่าจะไม่มีความเชื่อมโยงระหว่างคดีกับหมู่บ้านเฮยสุ่ย” ในที่สุดจางหลานก็ลงความเห็น

เฉินฮุ่ยพยักหน้า ลงความเห็นเช่นนั้นเหมือนกัน แต่เย่ปินไม่ตอบ เขากวาดสายตามองหมู่บ้านเฮยสุ่ยและสุสานที่อยู่ข้างๆ แล้วจมอยู่ในความคิด ไม่นานหลังจากนั้น เขาก็นึกถึงบางอย่างขึ้นมาได้ และรีบหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาค้นหาข้อมูลบางอย่าง หลังจากได้ข้อมูล เย่ปินก็มองไปยังป่าทึบที่อยู่ห่างหมู่บ้านเฮยสุ่ยออกไป

“ตามมา!” เย่ปินไม่ได้ให้คำอธิบายใดๆ หลังจากบอกพรรคพวก เขาก็รีบวิ่งไปยังป่าทึบแห่งนั้นทันที

จางหลานกับเฉินฮุ่ยไม่มีเวลาแม้แต่จะเอ่ยปากถาม พวกเขารีบวิ่งตามเย่ปินไปทันที

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด