33
Ep.33
“ใช่! เขาเป็นผู้วิวัฒนาการเลเวล 1 คุณต้องรีบหนีเดี๋ยวนี้ ก่อนจะสายเกินไป!”
หยางเฉียนไม่รู้ว่าทำไมซูเฉินถึงมั่นอกมั่นใจนัก ในหัวใจของเธอทั้งร้อนรนและวิตกกังวลแทนเขา
ซูเฉินพยักหน้า หยิบเอา [ปืนพกเพาส์] ออกจากถุงเก็บของ เริ่มเติมหินพลังงานลงไป
เขาไม่เพียงเคยสังหารผู้วิวัฒนาการเลเวล 1 มาก่อน แต่ยังเคยสังหารซอมบี้เลเวล 1 มาแล้วมากมาย ดังนั้นไม่เห็นหลิวซีหรงอยู่ในสายตา
แต่ตอนนี้ตัวซูเฉินยังรู้สึกอ่อนล้าอยู่นิดหน่อย ดังนั้นคร้านเกินกว่าจะลงมือด้วยตัวเอง จึงตัดสินใจใช้ [ปืนพกเพาส์] ซึ่งน่าจะช่วยประหยัดเวลาได้มาก
“พี่เฉิน ในมือพี่คืออะไร?” เมื่อพบสิ่งใหม่ที่ดูประหลาดตา หยางฮ่าวก็เอ่ยถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“เป็นอาวุธที่ทรงพลังมาก มากพอที่จะสังหารผู้วิวัฒนาการเลเวล 1” ซูเฉินยิ้ม
“ร้ายกาจถึงขนาดนั้นเชียว!?” ดวงตาของหยางฮ่าวเป็นประกายขึ้นมา
หยางเฉียนก็มีท่าทีสนอกสนใจ มองไปทาง [ปืนพกเพาส์]
แต่เมื่อได้เห็นรูปทรงของ [ปืนพกเพาส์] หญิงสาวก็เผยรอยยิ้มเยาะออกมา กล่าวว่า “อย่าขี้โม้ไปหน่อยเลย คุณยังไม่เคยเห็นพลังของผู้วิวัฒนาการเลเวล 1 ถือว่าฉันเตือนคุณแล้วนะ อย่าเสียใจทีหลังก็แล้วกัน”
ซูเฉินลูบจมูก ไม่คิดอธิบายเพิ่มเติมอีก
“ไอ้สารเลวตัวไหนกล้าตบหน้าลูกชายของหลิวซีหรงผู้นี้? ไสหัวออกมาแล้วยอมตายซะ!” แต่ในขณะนั้นเอง เสียงคำรามกราดเกรี้ยวของชายคนหนึ่งพลันดังเข้ามาจากนอกถ้ำหิน
“หลิวซีหรงมาแล้ว ..” ใบหน้าของหยางเฉียนซีดเผือด
หลิวซีหรงลงมือด้วยตัวเอง ถึงตอนนี้ต่อให้ซูเฉินต้องการหลบหนี มันก็สายเกินไปแล้ว และเมื่อเขาตกอยู่ในเงื้อมมือของหลิวซีหรง ผลที่ตามมาย่อมสามารถจินตนาการได้
“พวกเธออยู่ที่นี่ ห้ามออกไปข้างนอก” ซูเฉินกำชับ ลุกขึ้นและเดินออกไปนอกถ้ำหิน
เมื่อก้าวออกมาจากถ้ำ ซูเฉินหรี่ตาลงและกวาดมอง เขาพบว่ามีคนนับสิบ อาวุธครบมือกำลังยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม หลิวเว่ยก็อยู่ในนั้นด้วย
เนื่องจากหลิวเว่ยยกพวกมาพร้อมคนกลุ่มใหญ่ เสียงของพวกเขาค่อนข้างเอะอะโวยวาย จึงดึงดูดความสนใจของทุกคน
ครอบครัวในถ้ำหินอื่นๆโผล่หัว หันมองมาทางนี้
บางคนก็รวมตัวกันเป็นกลุ่มเล็กๆ กล่าวกระซิบกระซาบ
“เกิดอะไรขึ้น ทำไมหลิวซีหรงถึงมาอยู่ที่นี่?”
“ฉันได้ยินว่ามีชายแปลกหน้าคนหนึ่งตบหลิวเว่ย หลิวซีหรงเลยมาแก้แค้น”
“ผู้ชายคนนั้นดวงตามืดบอดหรือไร? กล้าทำร้ายหลิวเว่ย ชีวิตเขาจบสิ้นแล้ว”
…
“ไอ้หนู อยากจะรู้นัก ว่าคราวนี้แกยังจะกล้าบ้าอีกไหม?” หลิวเว่ยถลึงมองซูเฉินด้วยความโกรธเกรี้ยว พ่นคำขู่ไปประโยคหนึ่ง ก่อนหันมาพูดกับชายหัวล้านที่ดูแข็งแรงข้างกายเขา “พ่อ ไอ้หมอนั่นแหละที่ทำร้ายผม”
ชายหัวล้านอายุประมาณ 50 ปี สูงราวๆ 190 เซนติเมตร กล้ามเนื้อทั้งตัวเป็นมัดๆ ขับหนุนกับใบหน้าเขายิ่งชวนให้ดูดุร้าย เขาเหลือบมองซูเฉิน ตะโกนน้ำเสียงเย็นชาว่า “ไอ้หนู คุกเข่าลง!”
“แกน่ะหรอหลิวซีหรง?” ซูเฉินถามกลับ ประสานตาตรงๆ “คุกเข่าพี่สาวแกสิ คิดว่าตัวเองเป็นใครกัน!”
ทันทีที่คำพูดนี้เปล่งออกมา ราวกับเสียงฟ้าร้อง เกิดความโกลาหลขึ้นโดยรอบ
“เจ้าหมอนี่หยิ่งยโสนัก แม้แต่หลิวซีหรงก็ยังกล้าปากเสียใส่!”
“คนนอกที่ไม่เคยเห็นโลกกว้าง … จุดจบของเขาต้องน่าสังเวชแน่”
ผู้ชมต่างลงมติเป็นเอกฉันท์ คาดเดาว่าซูเฉินคงตายอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ด้วยความโหดเหี้ยมของหลิวซีหรง กว่าเขาจะตายคงถูกทรมานหลายร้อยวิธีการ
“พ่อ รีบฆ่ามันเหอะ!” หลิวเว่ยคำรามด้วยใบหน้าดุร้าย
ทั้งๆที่อยู่ต่อหน้าพ่อเขา แต่ซูเฉินยังกล้าหยิ่งผยองเช่นนี้ เขาทนไม่ได้จริงๆ
ลูกน้องของเขาหลายสิบคนพร้อมใจสาดสายตาเย็นชา รอคำสั่งหลิวซีหรง พร้อมกระโจนใส่ซูเฉินและฉีกอีกฝ่ายเป็นชิ้นๆ
“รอก่อน” หลิวซีหรงโบกมือให้ลูกน้องว่าอย่าเพิ่งลงมือ สายตาจับจ้องไปยังซูเฉินอีกครั้ง
นับแต่ต้นจนจบ สีหน้าของซูเฉินไม่เปลี่ยนแปลงใดๆเลย ทำให้เขาอดพึมพำกับตัวเองไม่ได้ ‘หรือไอ้หมอนี่มันจะซ่อนความแข็งแกร่งเอาไว้?’
จากข่าวที่หลิวเว่ยเล่าตอนกลับมา เขาได้ข้อสรุปว่าซูเฉินไม่ใช่คนอ่อนแอ แต่ก็น่าจะยังไม่ถึงขั้นระดับผู้วิวัฒนาการ
แต่พอมาถึง เมื่อพบว่าซูเฉินยังเด็กมาก แต่กลับมั่นอกมั่นใจขนาดนี้ ทำให้หลิวซีหรงเกิดความสงสัยขึ้นมาอีกครั้ง
ด้วยประสบการณ์ที่สามารถครอบครองเทือกเขาฮวงเจ๋อเป็นระยะเวลานานหลายปี ทำให้นอกจากความแข็งแกร่งที่เขามีแล้ว เจ้าตัวยังได้รับความสามารถในการสังเกตผู้คนมาอีกด้วย
และสัญชาตญาณของเขา มันร้องเตือนว่าหากคิดกำจัดชายหนุ่มตรงหน้า มันไม่ใช่เรื่องง่าย!