ตอนที่ 478 พลังอวตารของผู้อาวุโสลู่
ตอนที่ 478 พลังอวตารของผู้อาวุโสลู่
ติดตามแฟนเพจอัพเดทข่าวสารอ่านนิยายก่อนใครได้ที่ FB: ND Translate นิยายแปลไทย
ในโลกของยุทภพจากดินแดนหยานอันยิ่งใหญ่ นอกเหนือจากผู้ซึ่งกลายเป็นตำนานแล้วยังมีผู้ที่ฝึกตนอย่างสันโดษอยู่ ยอดฝีมือเหล่านี้มักจะมีพลังวรยุทธที่สูงส่งและกลายเป็นยอดฝีมือผู้ที่มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบ เดิมทีผู้ที่ฝึกฝนตัวเองจนมีพลังอวตารดอกบัวห้ากลีบได้ก็จะถูกนับว่าให้กลายเป็นผู้ฝึกยุทธผู้ยิ่งใหญ่แล้ว
นับตั้งแต่ที่ยุคแห่งการแยกดอกบัวทองคำเกิดขึ้น โลกของการฝึกยุทธก็เริ่มที่จะพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว เกือบทุกคนตัดสินใจที่จะตัดดอกบัวทองคำเพื่อที่จะไม่ให้ตัวเองถูกทิ้งไว้ที่เบื้องหลัง
เหตุการณ์ที่เจ็ดสำนักใหญ่บุกโจมตีศาลาปีศาจได้ทำให้คนทั่วทั้งโลกตกตะลึง ในที่สุดการปรากฏตัวของผู้ฝึกยุทธผู้ที่มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบก็ได้ปรากฏตัวขึ้น ใครกันที่จะยืนหยัดต่อสู้กับผู้ที่มีพลังเช่นนั้นได้?
ไม่มีใครรู้ว่าจีเทียนเด๋าแห่งศาลาปีศาจลอยฟ้าสามารถฝึกฝนไปถึงขั้นนั้นได้ยังไง ท้ายที่สุดแล้วเรื่องของวิธีการยังคงถูกเก็บเป็นความลับต่อไป แต่ไม่ว่าจะยังไงเรื่องของพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบก็ไม่ใช่เรื่องที่จะโกหกกันได้
ยอดฝีมือแห่งสำนักเผิงไหลตั้งใจที่จะข่มขู่ลู่โจวด้วยการแสดงพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบ แต่ถึงแบบนั้นตัวเขากับต้องเจอกับสิ่งที่ไม่คาดฝัน ยอดฝีมือแห่งสำนักเผิงไหลไม่คิดมาก่อนเลยว่าจะได้พบกับยอดฝีมือผู้ที่มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบข่มขู่กลับมาแบบนี้ อันที่จริงแล้วผู้มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบเป็นผู้ที่ทรงพลัง แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับผู้ที่มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบ ผู้ที่มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบก็คงจะไร้ค่าไม่ต่างอะไรกับเศษหญ้า
ฮั๊วจงหยางกดมือไปที่หน้าอกของตัวเอง ในตอนนี้ตัวเขาหายใจติดๆ ขัด ฮั๊วจงหยางนึกไปถึงตอนที่ได้แลกหมัดกับผู้อาวุโสลู่ เมื่อคิดแบบนั้นเหงื่อที่ไหลเย็นก็ได้ไหลอาบไปทั่วหลังของฮั๊วจงหยาง จะเกิดอะไรขึ้นกันถ้าหากผู้อาวุโสคนนี้ลงมือตอบโต้กลับมา?
เวลาสิบวินาทีผ่านไปอย่างรวดเร็ว มันเป็นเวลาไม่นานแต่มันก็มากพอแล้วที่จะใช้ข่มขู่ทุกคน
หลังจากที่ผ่านไปสิบวินาทีร่างอวตารของลู่โจวก็ได้หายจางไปต่อหน้าทุกคน
แท่นบูชาสวรรค์ทั้งหมดเงียบสงัด
ยอดฝีมือบนรถม้าลอยฟ้ารู้ตัวทันทีว่าตัวเองได้ทำผิดพลาดไปมากแค่ไหน ผู้อาวุโสที่อยู่ตรงหน้าเลือกที่จะเลิกใช้พลังอวตารแล้ว แต่ทว่าตัวเองกลับยังคงร่างอวตารดอกบัวแปดกลีบเอาไว้ มันเป็นการกระทำที่ไร้ยางอายโดยแท้จริง ท้ายที่สุดแล้วยอดฝีมือคนนั้นก็เลิกใช้พลังอวตาร
ชายชราคนนี้เป็นใครกันแน่? ทุกคนต่างก็คิดในแบบเดียวกัน บางคนอดคิดไม่ได้ว่าชายคนนี้คือจีเทียนเด๋าแห่งศาลาปีศาจลอยฟ้า ชายคนนี้จะต้องเป็นปรมาจารย์แห่งภูเขาทองแน่
“จอดรถม้าซะ” เสียงใครคนหนึ่งดังออกมาจากรถม้าลอยฟ้า
ในที่สุดเหล่าสาวกก็เริ่มลดระดับรถม้าลง
ในตอนที่รถม้ากำลังลดระดับ ตอนนั้นเองก็มีเสียงที่ลึกล้ำดังขึ้น “เฉินเหลียงชู...”
“ฮะ?”
“ผู้อาวุโสท่านนี้คือปรมาจารย์แห่งศาลาปีศาจลอยฟ้าอย่างงั้นเหรอ?”
เฉินเหลียงชูตกตะลึง ดวงตาของเขาเบิกกว้าง ตัวเขามองไปที่ชายชราคนเดิมอีกครั้ง เมื่อเทียบชายคนนี้กับจีเทียนเด๋า ดูเหมือนชายคนนี้จะผอมและยังดูมีชีวิตชีวามากกว่า ผมของเขาดูดกดำมากกว่าเช่นกัน นอกเหนือจากทั้งสองคนจะแก่ชราเหมือนกัน ทั้งสองคนไม่มีอะไรเหมือนกันเลย ดังนั้นเฉินเหลียงชูจึงตอบกลับมาอย่างไม่ลังเล “เขาไม่ใช่ปรมาจารย์แห่งศาลาปีศาจลอยฟ้าแน่”
“เจ้าแน่ใจอย่างงั้นเหรอ?”
“ข้าแน่ใจ! ข้าเคยพบกับปรมาจารย์แห่งศาลาปีศาจลอยฟ้าอย่างใกล้ชิดในการต่อสู้ที่เมืองมณฑลเหลียงมาก่อน ข้าจำคำพูด, ท่าทาง, น้ำเสียง และรูปลักษณ์ของเขาได้ดี ทุกอย่างของเขาตราตรึงอยู่ในใจข้า เป็นไปไม่ได้เลยที่ข้าจะจดจำเขาไม่ได้” เฉินเหลียงชูตอบกลับมาอย่างมั่นใจ
ตู๊ม!
รถม้าลอยฟ้าร่อนลงสู่พื้น
เหล่าสาวกลงจากรถม้าก่อนที่จะกล่าวคำทักทาย “เชิญท่านเจ้าสำนัก”
ชายชราคนหนึ่งปรากฏตัวออกมาจากรถม้าลอยฟ้า สิ่งที่ทำให้สะดุดตาผู้คนก็คือเสื้อผ้าที่ดูหรูหราของชายคนนั้น เสื้อคลุมของชายคนนั้นมีลวดลายนกสีเขียวและร่มประดับประดา ทันทีที่ชายคนนั้นลงมาจากรถม้า สาวกทั้งสองคนก็รีบเข้าหาจากทางด้านข้างในทันที ชายชราคนนั้นหยุดเดินต่อหน้าลู่โจว “สวัสดีผู้อาวุโส ข้ามีชื่อหวางซื่อเจียแห่งสำนักเผิงไหล”
“หวางซื่อเจีย?” ลู่โจวพยักหน้า “สำนักเผิงไหลไม่ค่อยที่จะยุ่งเกี่ยวกับเรื่องทางโลก แล้วทำไมพวกเจ้าถึงได้เดินทางมายังเมืองแห่งนี้กันล่ะ?”
ชายคนนี้คือเจ้าเกาะเผิงไหล และยังเป็นเจ้าสำนักเผิงไหลอีกด้วย
หวางซื่อเจียตอบกลับมา “พวกเราที่ได้ผ่านทางมาได้เห็นพลังลมปราณผันผวนก็เท่านั้น เพราะแบบนั้นพวกเราจึงหยุดดู...ข้าไม่คาดคิดเลยว่าจะได้พบยอดฝีมือแบบท่านได้”
ลู่โจวยังคงไม่เคลื่อนไหว ตัวเขาชินชากับคำเยินยอมามากแล้ว
ในขณะที่เฉินเหลียงชูวิ่งออกมา ตัวเขาก็พยายามที่จะเข้ามาใกล้ให้มากที่สุด เฉินเหลียงชูได้พูดออกมาพร้อมรอยยิ้ม “ผู้อาวุโส...จะให้พวกเราเรียกท่านว่าอะไรดี?”
“หืม?” ลู่โจวเหลือบไปมองที่เฉินเหลียงชูแทน
เฉินเหลียงชูสัมผัสได้ถึงแรงกดดันจากตัวลู่โจว “ข้าต้องขออภัยด้วยท่านผู้อาวุโส!” ไม่มีทางเลยที่ผู้ฝึกยุทธขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์ตัวเล็กตัวน้อยจะกล้าต่อกรกับยอดฝีมือผู้ที่มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบได้ เพียงแค่รูปลักษณ์ของลู่โจวเพียงอย่างเดียวก็ได้ทำลายความกล้าหาญทั้งหมดของเฉินเหลียงชูไปหมดสิ้น
หวางซื่อเจียพูดขึ้น “ผู้อาวุโส พวกเราสำนักเผิงไหลไม่ได้มีเจตนาที่เป็นศัตรูกับท่าน เรื่องในก่อนหน้านี้...”
“เจ้าต้องการให้ข้าอธิบายอย่างงั้นเหรอ?” ลู่โจวถามออกมา
“พวกเราไม่กล้า!” หวางซื่อเจียมองไปที่ด้านข้างของตัวเอง ตัวเขาเหลือบมองไปที่สาวกจากสำนักเฮ้งชูและสาวกจากสถานศึกษาไท่ชูที่เหลืออยู่ หวางซื่อเจียรีบส่งสัญญาณให้กับสาวกของสำนักเผิงไหล “ประหารเจ้าพวกนั้นซะ”
คำสั่งนี้ทำให้ทุกคนตื่นตกใจ
สาวกของสถานศึกษาไท่ชูและสาวกจากสำนักเฮ้งชูต่างก็ถอยกลับด้วยความตกใจ
หวางซื่อเจียรู้ว่านี่ไม่ใช่เวลาจะมาแสดงความเมตตา ตัวเขาลดเสียงก่อนจะพูดต่อ “อะไรกัน? คำสั่งของข้าไม่ได้สำคัญแล้วงั้นเหรอ?”
“ครับ ท่านเจ้าสำนัก!” ศิษย์คนแรกของสำนักเผิงไหลผู้ที่ถือร่มสีดำเอาไว้หันไปมองรอบตัว ในแววตาของเขาเต็มไปด้วยจิตสังหาร
สาวกอีกสองคนก็หันมาเช่นกัน
สาวกจากสำนักเผิงไหลทั้งห้าคนรีบกระโดดขึ้นไปบนอากาศก่อนที่จะพุ่งเข้าหาฝูงชน
เพียงแค่ชั่วเวลาเดียวเท่านั้นฝนเลือดก็เริ่มหยาดลงสู่พื้น
ทั่วทุกแท่นบูชาเต็มไปด้วยเสียงกรีดร้อง
ลู่โจวไม่ได้มองดูพวกเขา ทุกคนสมควรแล้วที่จะได้รับผลลัพธ์เช่นนี้ ไม่ว่าสาวกที่เหลือจะอยู่หรือจะตายมันก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับลู่โจว
หวางซื่อเจียคารวะให้กับลู่โจว “ท่านผู้อาวุโส ท่านพอใจแล้วรึยัง?”
“ทำได้ดี” ลู่โจวตอบกลับมา
“หวางซื่อเจียจะทำตามคำชี้แนะของผู้อาวุโสทุกอย่าง” หวางซื่อเจียโค้งคำนับให้
ศิษย์สาวกแห่งสำนักเผิงไหลเองก็โค้งคำนับเช่นกัน
ลู่โจวเลือกที่จะหันไปทางธิดาหอยสังข์แทน ตัวเขาสังเกตเห็นว่านางไม่ได้รู้สึกกลัวเลยแม้แต่นิดเดียว อันที่จริงนางดูอยากรู้อยากเห็นซะมากกว่า
“เจ้าเคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนอย่างงั้นเหรอ?”
“เก้า...เก้ากลีบ” ธิดาหอยสังข์พยายามทำมือเป็นรูปดอกบัว
เมื่อลู่โจวได้ฟังแบบนั้นตัวเขาก็ตกใจ จากสัญชาตญาณที่ลู่โจวมีตัวเขารู้สึกได้ว่าธิดาหอยสังข์คนนี้ไม่ได้โกหก ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความใสซื่อบริสุทธิ์ ลู่โจวไม่ได้ตั้งใจจะกดดันถามนาง ตัวเขาพบว่าคำพูดของนางดูน่ากลัวขึ้นมาเล็กน้อย เป็นเรื่องจริงที่ตัวเขาไม่ใช่ยอดฝีมือผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบเพียงคนเดียวอย่างงั้นสินะ? ในที่สุดลู่โจวก็ได้ยื่นมือเข้าไปหานาง “ไปกันเถอะ”
ธิดาหอยสังข์เหลือบมองไปที่เขา
จนถึงตอนนี้แสงจากดวงตะวันได้สาดส่องลงบนแท่นบูชาสวรรค์
บัดนี้สัตว์ป่าทั้งหมดได้แยกย้ายจนหายไปหมดแล้ว ฝูงนกที่เคยบินมาก็ได้บินผ่านไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ พวกมันกำลังไล่ตามแสงแดดไปอย่างมีความหวัง
ลู่โจวที่คว้ามือธิดาหอยสังข์ได้หันไปทางฮั๊วจงหยางต่อ “ฮั๊วจงหยาง”
ฮั๊วจงหยางตัวสั่น ยอดฝีมือผู้มีพลังอวตารดอกบัวเจ็ดกลีบอย่างฮั๊วจงหยางเป็นเหมือนกับปลาเล็กปลาน้อยในเมืองมณฑลจิงแห่งนี้ ตัวเขาเลือกที่จะเดินผ่านสาวกของสำนักเผิงไหลไปอย่างรวดเร็ว เมื่อเดินผ่านหวางซื่อเจียได้ ฮั๊วจงหยางก็รีบที่เดินไปหาลู่โจว “ผะ...ผู้อาวุโสลู่”
เมื่อเหล่าสาวกจากสำนักเผิงไหลได้ยินเช่นนั้น ทุกคนก็รู้แซ่ของผู้อาวุโสผู้ที่มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบได้ในทันที
ในที่สุดก็มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นบนโลกยุทธภพอีกครั้ง ชื่อของลู่โจวผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบต้องทำให้โลกยุทธภพตกตะลึงอย่างแน่นอน
“ข้า...ข้า...ข้าไม่ได้ตั้งใจที่จะปิดบังตัวตนของข้าไว้” ฮั๊วจงหยางพูดตะกุกตะกัก
ลู่โจวไม่ได้สนใจอะไร ตัวเขารีบเดินตรงไปยังเมืองมณฑลจิงแทน
เมื่อลู่โจวเดินจากหวางซื่อเจียและคนอื่นๆ ไป ทุกคนก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ‘เกือบไปแล้ว’
เป็นเพราะหวางซื่อเจียเป็นถึงผู้เป็นเจ้าสำนักเผิงไหล มันจึงเป็นธรรมดาที่ตัวเขาไม่อาจแสดงความกลัวออกมาได้ หวางซื่อเจียพยายามสงบสติอารมณ์ในขณะที่มองดูลู่โจวเดินจากไป เมื่อลู่โจวเดินหายไปจากสายตาหวางซื่อเจียก็ได้เหลือบมองสาวกจากสำนักเฮ้งชูและสถานศึกษาไท่ชูที่เหลือ “ถอนรากถอนโคนให้หมด อย่าให้ใครมีชีวิตรอดได้”
“ครับ ท่านเจ้าสำนัก”
ติดตามแฟนเพจอัพเดทข่าวสารอ่านนิยายก่อนใครได้ที่ FB: ND Translate นิยายแปลไทย