ตอนที่แล้วตอนที่ 476 ความแข็งแกร่งของผู้อาวุโสลู่
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 478 พลังอวตารของผู้อาวุโสลู่

ตอนที่ 477 พลังอวตารอีกครั้ง


ตอนที่ 477 พลังอวตารอีกครั้ง

ติดตามแฟนเพจอัพเดทข่าวสารอ่านนิยายก่อนใครได้ที่ FB: ND Translate นิยายแปลไทย 

เพื่อที่จะรักษาไว้ซึ่งสมาธิ พลังที่เป็นเหมือนดั่งแสงและเงา พลังที่แฝงไปทุกหนแห่ง พลังที่จะทำให้ทุกอย่างมีสมาธิ

นี่คือพลังที่จะทำให้ทุกอย่างเงียบสงบ!

ลู่โจวจดจ่อไปกับการใช้พลังวิเศษของเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์ที่ตรงเบื้องหน้า การใช้พลังของเขาไม่มีพลังส่วนไหนต้องสูญเปล่าไปแม้แต่น้อย

หัวใจของหนิงฮั่นเริ่มจมลงสู่ความสิ้นหวัง ตัวเขาเริ่มรู้สึกเสียใจอยู่ภายในใจลึกๆ การที่หนิงฮั่นเห็นสีหน้าที่ไม่แยแสอะไรของลู่โจวยิ่งทำให้ตัวเขาเป็นกังวล

“นานมาแล้วที่ข้าไม่ได้สัมผัสกับหมัดแบบนี้” หลังจากพูดจบลู่โจวก็ได้ใช้มืออันเหี่ยวย่นชกกลับไปที่หนิงฮั่น

ตู๊ม!

หนิงฮั่นหรือแม่ทัพหนิงรู้สึกราวกับว่าแขนของตัวเองถูกชกด้วยเรี่ยวแรงที่มีน้ำหนักมากถึง 10,000 ปอนด์

‘ไม่มีพลังลมปราณ? เขาทำแบบนั้นได้ยังไงกัน?’

มันจะเป็นไปได้ยังไงกันกับการที่ผู้ฝึกยุทธปลดปล่อยสุดยอดเคล็ดวิชาออกมาด้วยพลังกายเพียงอย่างเดียว มันเป็นพลังการโจมตีที่ไร้ซึ่งพลังลมปราณ ยิ่งไปกว่านั้นลู่โจวยังเป็นเพียงแค่ชายชรา

ทุกๆ คนที่เห็นลู่โจวโจมตีต่างก็คิดว่าการต่อสู้ได้จบลงแล้ว แต่ลู่โจวปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้ง ตัวเขาปรากฏตัวต่อหน้าหนิงฮั่นด้วยความเร็วสูง ลู่โจวได้จู่โจมหนิงฮั่นต่อโดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็นพลังสีฟ้าที่อยู่ในระหว่างนิ้วของตัวเขา

ตู๊ม!

ลู่โจวได้ต่อยออกไปอีกครั้ง คราวนี้หมัดของลู่โจวได้ชกเข้าใส่หน้าอกของหนิงฮั่น

“ท่านแม่ทัพ!”

ทุกๆ คนที่เห็นแบบนั้นรวมไปถึงฮั๊วจงหยางต่างตกตะลึง

หนิงฮั่นยอดฝีมือผู้ฝึกฝนบ่มเพาะร่างกายมาเป็นอย่างดี ผู้ฝึกยุทธอย่างเขาไม่มีความสามารถในการใช้พลังลมปราณหรือการควบแน่นพลังลมปราณ แต่ถึงแบบนั้นเขาก็เลือกที่จะฝึกฝนความแข็งแกร่งจากทางร่างกายแทน หนิงฮั่นเลือกที่จะห่อหุ้มผิวหนังของตัวเองด้วยพลังงานในขณะเดียวกันตัวเขาก็จะเสริมความแข็งแกร่งให้กับร่างกายของตัวเองอีกด้วย หนิงฮั่นถือเป็นยอดฝีมือผู้น่าเกรงขามในการต่อสู้ระยะประชิด หนิงฮั่นเป็นผู้เชี่ยวชาญในการใช้เพลงหมัด ตัวเขาแข็งแกร่งไม่ต่างจากหินผา

หนิงฮั่นที่ถูกต่อยไม่อาจที่จะต้านทานการโจมตีได้เลย ตัวเขากระเด็นกลับไปอย่างรุนแรง

ลู่โจวที่โจมตีสำเร็จได้เคลื่อนไหวอีกครั้ง ตัวเขาเคลื่อนที่ด้วยความเร็วที่เหนือไปกว่าความเร็วที่หนิงฮั่นกระเด็ก ลู่โจวที่ตามเป้าหมายได้ทันเลือกที่จะชกหนิงฮั่นอีกครั้ง!

ตู๊ม!

หมัดของลู่โจวได้กระแทกลงบนหน้าของหนิงฮั่น ลู่โจวได้ปล่อยหมัดทั้งสามภายในอึดใจเดียว สิ้นสุดการโจมตีต่อเนื่องหนิงฮั่นที่ถูกโจมตีกระเด็นถอยจนกระแทกเข้ากับพื้นหิน

ลู่โจวมองลงไปบนพื้นที่อยู่เบื้องล่าง จากการต่อสู้ในครั้งนี้ทำให้ลู่โจวสามารถควบคุมพลังวิเศษของเขาให้ดีขึ้นได้ ลู่โจวไม่จำเป็นที่จะต้องกำจัดเป้าหมายด้วยการโจมตีภายในครั้งเดียวอีกต่อไป ตอนนี้ลู่โจวสามารถแบ่งพลังวิเศษเพื่อจัดการกับคู่ต่อสู้ได้โดยใช้พลังที่น้อยกว่าเก่า หมัดทั้งสามที่ลู่โจวได้ใช้ออกไปใช้พลังเพียง 1 ใน 3 ส่วนของพลังวิเศษที่มี ลู่โจวในตอนนี้ใช้พลังวิเศษไป 2 ใน 3 ส่วนเพื่อที่จะจัดการหนิงฮั่นด้วยเพลงหมัดและจัดการกับจางซง และเจียงเหรินยี่ด้วยคลื่นดาบพลังงาน

สิ้นสุดการโจมตีแท่นบูชาสวรรค์ก็กลับมาเงียบสงบอีกครั้ง

สาวกของสำนักเฮ้งชูและสถานศึกษาไท่ชูต่างก็ยืนนิ่งอยู่ในความเงียบงัน สาวกทั้งหมดต่างก็ต้องกลืนน้ำลายเมื่อมองเห็นการต่อสู้ ในตอนนี้ไม่มีใครสนใจการตายของเจียงเหรินยี่และจางซงอีกต่อไป ทั้งสองคนถูกคลื่นพลังแห่งดาบบดขยี้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยจนหายไปนานแล้ว

ฮั๊วจงหยางที่เห็นแบบนั้นหัวใจเต้นแรง ที่หลังของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อที่ไหลเย็น ‘ช่างเป็นชายชราที่ป่าเถื่อนอะไรเช่นนี้!’

ไม่มีใครคิดว่าผู้บ่มเพาะร่างกายจะพ่ายแพ้โดยการถูกชกต่อยซะเอง และที่สำคัญไปกว่านั้นหนิงฮั่นกลับพ่ายแพ้ให้กับชายชราเพียงเท่านั้น! แล้วใครกันที่จะสามารถปกป้องเกียรติของหนิงฮั่นได้อีก? ฮั๊วจงหยางไม่กล้าที่จะขยับไปไหน ตัวเขากลัวว่า ‘ผู้อาวุโสลู่’ จะเป็นคนที่ตัวเขาแอบนึกถึงอยู่ภายในใจ ฮั๊วจงหยางไม่อยากจะคิดเช่นนั้น สถานการณ์แบบนี้ไม่ใช่สถานการณ์ที่พบเจอได้บ่อยในโลกของยุทธภพ การที่จะได้เห็นชายชราต่อสู้ด้วยร่างกายอย่างดุเดือดเช่นนี้ไม่ใช่สิ่งที่พบเห็นได้บ่อยๆ

“เจ้ากำลังมองไปที่ไหนกัน?”

เสียงได้ดังมาจากเศษซากปรักหักพัง

แคร๊ก!

หนิงฮั่นปัดเศษซากพื้นบนตัวออก ตัวเขาเหลือบมองไปหาลู่โจวที่กำลังลอยอยู่ ใบหน้าของหนิงฮั่นเต็มไปด้วยฝุ่น หน้าอกของหนิงฮั่นดูยุบไปอย่างเห็นได้ชัด ทุกคนที่เห็นหนิงฮั่นต่างก็รู้ดีว่าแม่คนนี้ได้รับบาดเจ็บสาหัสไปแล้ว

‘เขายังมีชีวิตอยู่หลังจากที่ถูกชกถึงสามครั้งอย่างงั้นเหรอ?’

ทุกๆ คนต่างก็ประหลาดใจกับหนิงฮั่นเช่นกัน ดูเหมือนชายคนนี้จะแข็งแกร่งเกินกว่าที่ทุกคนคาดการณ์ไว้!

หนิงฮั่นยกมือข้างหนึ่งก่อนที่จะชี้ไปยังลู่โจวที่อยู่บนอากาศ “ชะ...ช่างเป็นหมัดที่หนักหน่วงจริงๆ” หนิงฮั่นพยายามเก็บอาการเจ็บปวดเอาไว้ก่อนที่จะกัดฟันพูดออกมา “เจ้า...เจ้าทำแบบนั้นได้ยังไงกัน?”

ลู่โจวมองไปที่หนิงฮั่น ตัวเขามองไปที่หนิงฮั่นกว่าสามวิก่อนที่จะตอบกลับไปด้วยเสียงอันทรงพลัง “เพียงแค่ข้ากำหมัดให้แน่น ชะตากรรมของเจ้าก็ตกอยู่ในมือของข้าเรียบร้อยแล้ว...”

หนิงฮั่นกระอักเลือดออกมาครั้งใหญ่ หัวของหนิงฮั่นเอียงไปที่ด้านข้าง ตัวเขาไม่หายใจอีกต่อไป ดวงตาของหนิงฮั่นยังคงเปิดคาอยู่ หนิงฮั่นเป็นผู้เชี่ยวชาญในการใช้ศิลปะในการต่อสู้ ตัวเขาจะจากไปอย่างสงบได้ยังไงกันเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนั้น? สิ่งที่ชายชราเป็นคนพูดมันเป็นเพียงแค่คำโกหกหรือความจริงกันแน่

“ติ้ง! สังหารเป้าหมายสำเร็จ ได้รับรางวัลแต้มบุญ: 1,500”

ฮั๊วจงหยางเอามือวางลงบนหน้าอกของตัวเองก่อนที่จะโค้งคำนับลู่โจว “ข้าได้เปิดหูเปิดตาในการต่อสู้แล้วผู้อาวุโสลู่” แม้ว่าคำพูดของเขาจะสั้นแค่นั้น แต่สิ่งที่ฮั๊วจงหยางเห็นยังคงติดตราตรึงใจของตัวเขาอยู่ ‘ผู้อาวุโสคนนี้จะต้องเป็นยอดฝีมือผู้มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบแน่’

ลู่โจวไม่ได้สนใจอะไรฮั๊วจงหยาง ตัวเขามองไปที่ทหารม้า, สาวกของสำนักเฮ้งชูและสาวกของสถานศึกษาไท่ชูแทน ทั้งสามกองกำลังได้แต่เดินถอยหลัง

ลู่โจวไม่ได้ตั้งใจที่จะฆ่าทุกคน แม้ว่าทั้งสามกองกำลังเพิ่งจะคิดฆ่าตัวเขาเมื่อไม่นานมานี้ แต่ถึงแบบนั้นพลังวรยุทธที่ทั้งสามกองกำลังมีไม่ได้ลึกล้ำอะไร การที่ลู่โจวลงมือสังหารพวกเขาก็คงจะไม่ได้แต้มบุญมากมายอะไร เพราะแบบนั้นลู่โจวจึงไม่เลือกที่จะจัดการทุกคน

เมื่อทั้งสามกองกำลังถอยกลับ รถม้าลอยฟ้าขนาดใหญ่นิรนามจึงได้ปรากฏขึ้นบนฟ้า ภายในรถม้าลอยฟ้ามีผู้ฝึกยุทธกว่าหลายร้อยคนอยู่ภายในนั้น

“มีใครกำลังมา!”

“พวกมันมาจากสำนักไหนกัน?”

ฮั๊วจงหยางเงยหน้าขึ้นมอง ตัวเขาจำธงที่อยู่บนรถม้าลอยฟ้าคันนั้นได้ดี “สำนักเผิงไหลอย่างงั้นเหรอ?”

ที่รถม้าลอยฟ้าคันใหม่มีธงประดับตกแต่งอยู่ ธงที่ได้เห็นมีทั้งขนาดและสีสันที่สดใสแตกต่างกัน

มีกลุ่มชายหญิงรวมตัวกันอยู่ที่ส่วนควบคุมเรือเหาะ

รถม้าลอยฟ้าที่ขนาดใหญ่และสีสันฉูดฉาดเช่นนี้ที่มันจะต้องเป็นรถม้าจากเกาะเผิงไหล รถม้าแห่งสำนักเผิงไหลไม่ผิดแน่

ฮั๊วจงหยางที่เห็นแบบนั้นก็ได้แต่สาปแช่งตัวเอง

ผู้อาวุโสลู่เป็นสมาชิกของสำนักเผิงไหล คนเหล่านี้จะต้องเป็นคนของเขาแน่ แทบที่จะเป็นไปไม่ได้เลยที่ฮั๊วจงหยางจะพาธิดาหอยสังข์ออกมาจากตัวของผู้อาวุโสลู่ได้

ในไม่ช้ารถม้าลอยฟ้าก็บินมาหาทุกคน

เสียงจากบนรถม้าได้ดังขึ้น “พี่จงหยาง...ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่ได้?”

ฮั๊วจงหยางตกใจ ‘ตัวจริงของข้าถูกเปิดเผย? นี่มันอะไรกัน?’

ฮั๊วจงหยางมองไปที่เสียงดังขึ้น “เฉินเหลียงชู?”

“สวัสดี!”

“ข้า...ข้า...ข้า...” ฮั๊วจงหยางรู้สึกอยากจะร้องไห้ ฮั๊วจงหยางไม่ได้กลัวผู้ฝึกยุทธขั้นศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่มารวมตัวกันเลย สาวกเหล่านั้นไม่ได้มีค่าอะไรในสายตาฮั๊วจงหยาง สิ่งที่ทำให้ฮั๊วจงหยางรู้สึกเลวร้ายได้มากที่สุดก็คือการพบกับยอดฝีมืออย่างผู้อาวุโสลู่ซะมากกว่า

“ผู้อาวุโสลู่! ข้า...”

“ผู้อาวุโสท่านนี้คือใครกัน?” เฉินเหลียงชูชี้ไปที่ลู่โจว

ฮั๊วจงหยางที่เห็นแบบนั้นก็ได้แต่สาปแช่งเฉินเหลียงโชวอยู่ภายในใจ ‘เจ้านี่เป็นผู้อาวุโสของสำนักแก่นแท้แห่งหยางภาษาอะไรกัน? แม้ว่าสำนักของเจ้าจะมีความสัมพันธ์อันดีกับสำนักเผิงไหล แต่ถึงแบบนั้นเจ้าก็ไม่ควรจะไปถามเรื่องไร้สาระแบบนั้น?’

ลู่โจวเงยหน้าขึ้นมอง “สำนักเผิงไหลอย่างงั้นเหรอ?”

ในตอนนั้นเองเสียงอันเก่าแก่ก็ได้ดังมาจากรถม้าลอยฟ้า “สำนักเผิงไหลก็แค่ผ่านทางมา พวกเราไม่ได้มีเจตนาไปยุ่งเกี่ยวเรื่องนี้”

“เป็นแบบนั้นแหละดี” ลู่โจวรู้แล้วว่าถึงเวลาต้องไป ตัวเขาหันกลับมาหาธิดาหอยสังข์ก่อนที่จะบินไปหานางแทน

“เจ้ารู้สึกกลัวอย่างงั้นเหรอ?”

“ข้าไม่ได้กลัว”

ในตอนนั้นเองเฉินเหลียงชูก็ได้พูดออกมา “ผู้คนจากสำนักเฮ้งชูและสถานศึกษาไท่ชูอย่างงั้นเหรอ? พวกเจ้าเองก็อยู่ที่นี่ด้วยอย่างงั้นสินะ?”

“ได้โปรดช่วยพวกเราด้วยผู้อาวุโส! เมื่อนางปีศาจคนนั้นเข้าสู่โลกยุทธภพ โลกทั้งใบจะต้องตกอยู่ในความวุ่นวายแน่ พวกเราไม่สามารถปล่อยให้นางมีชีวิตอยู่ต่อไปได้!” ผู้คนจากสำนักเฮ้งชูต่างก็คุกเข่าอย่างพร้อมเพรียงกัน ถ้าหากพวกเขาไม่สามารถพานางกลับไปได้ สิ่งที่ดีที่สุดก็คือการสังหารนางตั้งแต่ตอนนี้

“นางปีศาจนั่นรู้จักภาษาของเหล่าสัตว์ร้าย ชาวเมืองที่นี่เองก็ยืนยันเรื่องนี้ได้! สัตว์ร้ายเริ่มคืบคลานเข้ามารอบๆ แท่นบูชาสวรรค์ หลักฐานสำหรับทุกอย่างอยู่ที่นี่แล้ว! ข้าพูดความจริง ได้โปรดผู้อาวุโส ช่วยพวกเราด้วยเถอะ!”

เสียงของเหล่าผู้ฝึกยุทธส่งไปถึงรถม้าลอยฟ้า

เสียงที่ฟังดูสับสนดังมาจากรถม้าลอยฟ้า “หญิงสาวที่รู้จักภาษาของเหล่าสัตว์ร้ายอย่างงั้นเหรอ?”

ลู่โจวไม่ได้สนใจอะไรพวกเขา ตัวเขากำลังเตรียมจะจากไป

ในตอนนั้นเองเสียงจากรถม้าลอยฟ้าก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง “สหาย เจ้าจะรีบร้อนอะไรกัน?”

ลู่โจวหยุดเคลื่อนไหวก่อนจะตอบโต้กลับมา “แล้วเจ้าต้องการอะไรกัน?”

“เจ้าจะออกจากที่นี่ไปได้ยังไงถ้าหากเรื่องทั้งหมดยังไม่คลี่คลาย”

“เจ้าพยายามจะหยุดข้าอย่างงั้นสินะ?”

“ถ้าใช่ แล้วมันจะทำไมกันล่ะ?”

หวืออ!

พลังแสงสีทองได้ขยายใหญ่โดยมีรถม้าเป็นจุดศูนย์กลาง

ทุกๆ คนต่างก็เหลือบมองพลังแสงสีทองที่ส่องไปบนท้องฟ้า

ไม่นานนักรถม้าลอยฟ้าก็ถูกห่อหุ้มไปด้วยอวตารขนาดใหญ่ มันเป็นอวตารที่สูงกว่า 100 ฟุต

ที่ใต้รถม้ามีดอกบัวทองคำส่องสว่างอยู่ มันมีกลีบดอกบัวแปดกลีบกำลังหมุนรอบดอกบัวทองคำเอาไว้

“ยอดฝีมือผู้มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบ!”

“โอ้ สวรรค์....” ฮั๊วจงหยางที่เห็นแบบนั้นได้แต่สาปแช่งให้กับความโชคร้าย

ในตอนที่ทุกคนจดจ่อกับรถม้าลอยฟ้า...

หวืออ!

เสียงพลังลมปราณที่อัดแน่นก็ได้ดังขึ้นมาอีกครั้ง

มีพลังอวตารปรากฏขึ้นจากตัวของลู่โจว

พลังอวตารค่อยๆ สูงจาก 10 ฟุต, 20 ฟุต...80 ฟุต, 90 ฟุต, 100 ฟุต...

ทุกคนได้หันไปสนใจพลังอวตารอีกร่างแทน

“ผู้ฝึกยุทธผู้ที่มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบอีกคน!”

“ไม่! ไม่! นั่นไม่ใช่แปดกลีบ...”

อวตารยังคงขยายใหญ่ต่อไป

110 ฟุต, 120 ฟุต...150 ฟุต!

ที่ดอกบัวทองคำถูกล้อมรอบไปด้วยกลีบดอกบัวเก้ากลีบ!

“...”

พลังอวตาร 150 ฟุตกำลังเผชิญหน้ากับพลังอวตาร 100 ฟุต

การที่จะบอกว่าฝ่ายไหนเหนือกว่าไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

แท่นบูชาสวรรค์กลับมาเงียบอีกครั้ง

สาวกของสำนักเฮ้งชูและสาวกจากสถานศึกษาไท่ชูเบิกตากกว้าง ทุกคนพยายามที่จะมองหาจุดสูงสุดของอวตาร 150 ฟุต ไม่ว่าจะพยายามมองแค่ไหนก็ไม่มีใครเห็นส่วนหัวของอวตารได้ ทุกคนมองเห็นแต่เพียงกลีบดอกบัวเก้ากลีบที่กำลังหมุนรอบดอกบัวทองคำอย่างช้าๆ กลีบดอกไม้ที่ได้เห็นมันดูคมราวกับใบมีดที่กำลังเฉือนไปที่หัวใจของทุกๆ คนที่ได้เห็น

ติดตามแฟนเพจอัพเดทข่าวสารอ่านนิยายก่อนใครได้ที่ FB: ND Translate นิยายแปลไทย 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด