เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1412 นางรำหงหยุน (อ่านฟรี)
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1412 นางรำหงหยุน (อ่านฟรี)
แปลโดย iPAT
เมฆสีแดงกำลังบินอยู่บนท้องฟ้า
“ทะเลทรายผีเขียวอยู่ข้างหน้า” นางรำหงหยุนนอนปิดเปลือกตาอยู่บนก้อนเมฆสีแดงอย่างผ่อนคลาย
นางมีรูปร่างที่ทรงเสน่ห์ นางอยู่ในชุดนางรำสีแดงที่เผยให้เห็นหน้าท้อง
มีกำไลหยกสีทองอยู่ที่ข้อมือและข้อเท้าของนาง
บนนิ้วของนางมีแหวนที่ประดับด้วยเพชรพลอยหลากหลายสีสัน
นางมีดวงตาลึก คิ้วหนาและยาว ใบหน้าครึ่งหนึ่งของนางอยู่ใต้ผ้าคลุมโปรงแสง จมูกและริมฝีปากของนางซ่อนอยู่หลังม่านและทำให้ผู้คนรู้สึกต้องการสำรวจสิ่งที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังม่านนั้น
นางรำหงหยุนเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด
ครั้งหนึ่งนางเคยเป็นปีศาจอมตะที่ท่องเที่ยวไปทั่วทะเลทรายตะวันตก แต่โชคร้ายที่นางล้อเล่นกับผู้อมตะระดับแปดฝ่ายธรรมะและตกอยู่ในสถานการณ์วิกฤต ในเวลานั้นบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงได้ช่วยชีวิตนางไว้
ด้วยวิธีนี้นางรำหงหยุนจึงกลายเป็นหนึ่งในนางสนมของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลง
แต่น่าเสียดายที่นางไม่ใช่หญิงประเภทที่เขาชื่นชอบ แม้นางจะงดงามและเย้ายวนใจ แต่สถานะของนางยังต่ำกว่าเทพธิดาซุ้ยป๋อ
ลมพัดผ่านใบหูของนาง เมฆสีแดงเหมือนปุยนุ่นที่สะดวกสบาย
มันคือท่าไม้ตายอมตะที่เป็นเอกลักษณ์ของนาง เมฆาแดงเริงระบำ
แม้นางจะไม่มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อเทพธิดาซุ้ยป๋อและยังแข่งขันกันอย่างดุเดือด แต่ตอนนี้เทพธิดาซุ้ยป๋อกำลังมีปัญหา นางรำหงหยุนยังต้องออกมาช่วยเทพธิดาซุ้ยป๋ออย่างรวดเร็วที่สุด
แน่นอนว่านางไม่เต็มใจ แต่มันเป็นคำสั่งของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลง
สิ่งสำคัญก็คือเจตจำนงของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงยังเฝ้ามองนางอยู่
ด้วยวิธีนี้นางรำหงหยุนจึงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยเทพธิดาซุ้ยป๋อ
เมฆสีแดงเดินทางไปถึงทะเลทรายผีเขียวขณะที่เมฆสีดำเริ่มปรากฎขึ้น
แสงอาทิตย์แทบไม่สามารถสาดส่องลงมายังทะเลทรายผีเขียว มันดูค่อนข้างมืดครึ้ม
มีต้นไม้มากมายอยู่ในทะเลทรายแห่งนี้
ต้นภูตผีร่ำไห้มีรูปร่างบิดเบี้ยวและเปลือกไม้ที่ดูคล้ายใบหน้ามนุษย์ที่กำลังร้องไห้
ทุกครั้งที่ลมพัดผ่าน ต้นไม้เหล่านี้จะส่งเสียงโหยหวนออกมา
แม้แต่ตอนกลางวัน สถานที่แห่งนี้ก็ยังหนาวเย็นและมืดมิด เมื่อถึงเวลากลางคืน สายลมอันหนาวเหน็บจะพัดมาราวกับภูตผีจำนวนนับไม่ถ้วน
นางรำหงหยุนที่อยู่บนก้อนเมฆสีแดงเคลื่อนผ่านเมฆสีดำด้วยความรู้สึกกดดัน
นางไม่ผ่อนคลายเหมือนก่อนหน้าอีกต่อไป
ทะเลทรายผีเขียวเป็นสถานที่อันตรายของทะเลทรายตะวันตก
มันเกี่ยวข้องกับเทพปีศาจจิตวิญญาณ
ก่อนที่เทพปีศาจจิตวิญญาณจะกลายเป็นผู้อมตะระดับเก้า เขาต่อสู้กับกลุ่มผู้อมตะที่นี่และสามารถสังหารผู้อมตะทั้งหมด
ผลพวงของการต่อสู้ทำให้เกิดเป็นทะเลทรายผีเขียว
สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยความเกลียดชังและความโกรธของผู้แพ้ พวกเขารู้สึกโศกเศร้าต่อชะตากรรมอันน่าสยดสยองของตนเอง
มีอสูรวิญญาณจำนวนมากอาศัยอยู่ที่นี่ กระทั่งอสูรวิญญาณระดับสัตว์อสูรแรกกำเนิดก็ยังหาได้ไม่ยาก
หลังจากหนึ่งแสนปีมีผู้อมตะของทะเลทรายตะวันตกจำนวนมากเสียชีวิตลงที่นี่
นางรำหงหยุนกล้ามาที่นี่ไม่ใช่เพราะการบ่มเพาะระดับเจ็ดของนาง แต่มันเป็นเพราะเจตจำนงของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงและวิญญาณอมตะระดับแปดที่อยู่กับนาง
เมฆสีแดงยังบินไปข้างหน้า
“อะวู้...”
เสียงโหยหวนราวเสียงร้องของหมาป่าดังขึ้น อสูรวิญญาณขนาดเท่าเนินเขาปรากฏต่อหน้านางรำหงหยุน
มันคืออสูรวิญญาณระดับสัตว์อสูรบรรพกาล มันคิดว่านางรำหงหยุนเป็นเหยื่อ
รูม่านตาของนางรำหงหยุนหดเล็กลง นางกัดฟันและกำลังจะเข้าสู่การต่อสู้
แต่ในจังหวะนี้เจตจำนงของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงกลับส่งเสียงออกมา “ให้ข้าจัดการมัน หงหยุนเดินทางต่อไป”
นางรำหงหยุนดีใจมาก นางทำตามอย่างเชื่อฟัง
เมฆสีแดงเคลื่อนที่ไปข้างหน้าโดยไม่เปลี่ยนทิศทาง
วิญญาณอมตะระดับแปดถูกกระตุ้นใช้งานและส่งคลื่นพลังงานลึกลับไปยังอสูรวิญญาณบรรพกาลตัวนั้น
อสูรวิญญาณบรรพกาลอ้าปากอยู่ด้านหน้านางรำหงหยุน แต่ในช่วงเวลาสำคัญการโจมตีของมันกลับหยุดลงอย่างกะทันหัน
ต่อมาศีรษะของมันก็ระเบิดและมีวานรตัวหนึ่งกระโดดออกมา กรงเล็บของมันกลายเป็นเถาวัลย์ ขนของมันกลายเป็นหญ้า และยังมีจระเข้จำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งออกมาจากร่างกายของมัน
ร่างของอสูรวิญญาณถูกแยกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยและร่วงหล่นลงจากท้องฟ้า
‘น่าประทับใจนัก นี่คือพลังอำนาจของวิญญาณอมตะกลายพันธุ์ระดับแปดงั้นหรือ?’ นางรำหงหยุนตกตะลึง
อสูรวิญญาณบรรพกาลถูกฆ่าเหมือนไก่
มันง่ายเกินไป
นางรำหงหยุนรู้ว่าหากนางต่อสู้กับมัน นางต้องใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อบังคับให้อสูรวิญญาณบรรพกาลตนนี้ล่าถอย หากโชคดี นางอาจสามารถสังหารมัน
เมื่ออสูรวิญญาณบรรพกาลตัวนี้ตาย อสูรวิญญาณบรรพกาลที่อยู่รอบๆก็ตื่นขึ้นและปรากฏตัวออกมา
เจตจำนงของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงก่นเสียงเย้ยหยันก่อนจะปลดปล่อยกลิ่นอายของวิญญาณอมตะระดับแปดออกไป
เมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายนี้ อสูรวิญญาณบรรพกาลหลายตัวเร่งหลบหนี
แน่นอนว่าอสูรวิญญาณบรรพกาลบางส่วนยังพุ่งเข้าโจมตีนางรำหงหยุน
หลังจากทั้งหมดมันไม่ใช่กลิ่นอายของผู้อมตะระดับแปดแต่เป็นเพียงกลิ่นอายของวิญญาณอมตะระดับแปด
อสูรวิญญาณมีสติปัญญาไม่สูง ดังนั้นพวกมันจึงถูกสังหารไปในที่สุด
สัตว์ป่ามีสัญชาตญาณการเอาตัวรอด หลังจากตระหนักถึงภัยคุกคามร้ายแรง พวกมันจึงเลือกที่จะล่าถอย
“โฮก...”
อย่างไรก็ตามเพียงเมื่อนางรำหงหยุนผ่อนคลายจิตใจลง เสียงคำรามของสัตว์ร้ายก็ดังเข้าหูของนางอีกครั้ง
สิงโตตัวใหญ่ที่มีปีกสีเทาขาวพุ่งเข้าโจมตีนาง
เห็นสิ่งนี้ หัวใจของนางรำหงหยุนสั่นสะท้านขึ้น นางตะโกน “โอ้ ไม่ นี่คือสัตว์อสูรแรกกำเนิด ภูตราชสีห์!”