255 - สัญญาณแรกของความแข็งแกร่ง
255 - สัญญาณแรกของความแข็งแกร่ง
เนื่องจากทุกคนอยู่บนม้าแรด ทั้งสองฝ่ายจึงเข้าใกล้กันอย่างรวดเร็ว เอี้ยนลี่เฉียงพุ่งไปข้างหน้าอย่างบ้าคลั่งพร้อมกับคนอื่นๆ ในกองทหารของซุนปิงเฉิน
นักรบที่สวมชุดดำปิดหน้าก็พุ่งเข้าหาพวกเขาเช่นกัน ทั้งสองฝ่ายเป็นเหมือนรถที่ขับมาอย่างรวดเร็วพร้อมจะเข้าชนกันได้ทุกเมื่อ ได้ยินเพียงเสียงกีบเท้าเหล็กของม้าแรดที่ดังกึกก้องไปทั่วดินแดนรกร้าง
พูดตามตรง นี่เป็นครั้งแรกของเอี้ยนลี่เฉียงที่เข้าร่วมการต่อสู้เช่นนี้ แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้อยู่ในสนามรบขนาดใหญ่ แต่การเผชิญหน้ากับโจรวายุทมิฬประมาณสองร้อยคนก็ไม่ต่างจากสนามรบจริง
ขณะที่พวกเขากำลังควบม้าด้วยความเร็วสูง เอี้ยนลี่เฉียงมองไปรอบๆตัวเขา เหลียงอี้เจี๋ยมีสีหน้าเคร่งขรึมริมฝีปากของเขาขบกันแน่นและมือทั้งสองข้างของเขาจับคันธนูยาวที่เขาดึงมาจากอานม้า
.. ซุนปิงเฉินหรี่ตาลงและมีประกายเย็นวาบผ่านพวกเขา ขณะที่เขามองดูพวกโจรวายุทมิฬที่กำลังพุ่งตรงมาข้างหน้าพวกเขา ไม่มีร่องรอยของความกลัวแม้แต่น้อยบนใบหน้าของเขาที่เต็มไปด้วยริ้วรอย…
ตรงกันข้ามกับทั้งสองคน การแสดงออกทางสีหน้าของผู้คุ้มกันที่อยู่รอบตัวพวกเขานั้นซับซ้อนกว่ามาก เอี้ยนลี่เฉียงสังเกตเห็นว่าบางคนหน้าซีดไปแล้วในขณะที่บางคนดูประหม่าอย่างมาก พวกเขากำบังบังเหียนอย่างแรงจนนิ้วถูกลวก
ถึงกระนั้นเอี้ยนลี่เฉียงก็ไม่รู้สึกประหม่าเลย อันที่จริงเลือดของเขากำลังสูบฉีดอย่างรุนแรง อะดรีนาลีนพุ่งพล่านถึงจุดสูงสุด
ในขณะนั้น ภาพที่แวบเข้ามาในหัวของเขาไม่ใช่ภาพตรงหน้า แต่เป็นบางฉากจากหนังดังอย่าง 'เดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์' และ 'โรมานซ์ออฟเดอะริงส์'
ทหารม้ากวาดไปทั่วผืนแผ่นดินดุจคลื่นยักษ์...
ดาบงามส่องประกายระยิบระยับเหมือนสายฟ้าฟาดผ่านเมฆหนาทึบ...
ม้าศึกส่งเสียงร้องขณะที่หอกเหล็กแผ่รัศมีของมังกรออกมา...
เสียงกีบเท้าเหล็กดังก้องไปทั่วแผ่นดินและภายในหัวใจของมนุษย์...
เลือดร้อนที่ไหลผ่านเส้นเลือดของชายชาตรีก็ไหลทะลักไปทั่วภูเขา ...
เมื่อมันปรากฏออกมา มันดูเหมือนชีวิตแบบนี้และการปะทะกันแบบนี้คือสิ่งที่เขาปรารถนาจากก้นบึ้งของหัวใจตลอดสองช่วงชีวิตที่เขามีชีวิตอยู่
ทันใดนั้นเอี้ยนลี่เฉียงก็ตระหนักได้ทันใด ก่อนที่เขาจะรู้สึกท่วมท้นไปด้วยอารมณ์ที่อธิบายไม่ได้ ในที่สุดเขาก็เข้าใจเหตุผลที่พระเจ้าประทานโอกาสให้เขามีชีวิตอีกครั้งและอนุญาตให้เขามาที่โลกนี้
นั่นเป็นเพราะชีวิตของเขาเป็นเหมือนหินเหล็กไฟที่เงียบงัน เฉพาะระหว่างการปะทะกันอย่างดุเดือดในสนามรบเช่นนี้เท่านั้นที่เขาจะสามารถสัมผัสกับความอัศจรรย์และความหมายของชีวิตได้อย่างแท้จริง
ความหลงใหลที่ร้อนแรงที่สุดในส่วนลึกที่สุดของจิตวิญญาณของเขาจะเบ่งบานเต็มที่ในโลกนี้เท่านั้น!
ให้ชีวิตสวยงามเหมือนดอกไม้ฤดูร้อน!
ข้างดวงอาทิตย์อัสดง เหล่าโจรวายุทมิฬที่กำลังเผชิญหน้ากับเอี้ยนลี่เฉียงและคนอื่นๆ พวกเขาได้นำดาบยาวส่องแสงแวววาวของพวกเขาออกจากฝักแล้ว และหลายคนก็ถือคันธนูที่พวกเขาแบกไว้บนหลังออกมาถือไว้กับมือ
ในช่วงปลายเดือนจันทรคติแรก อากาศทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือยังคงเต็มไปด้วยความหนาวเย็นจากฤดูหนาว ผู้คนสามารถสัมผัสได้ถึงลมหนาวที่พัดปะทะใบหน้าของพวกเขาขณะขี่ม้าแรดควบไปข้างหน้าอย่างบ้าคลั่ง
อย่างไรก็ตามเอี้ยนลี่เฉียงมองเห็นฤดูร้อนของตัวเองท่ามกลางลมหนาวที่พัดมา
เขาตะโกนใส่ม้าแรดของเขาและดึงคันธนูงูเหลือมเขาของเขาออกมา เขากระตุ้นม้าเมฆพายุที่อยู่ข้างใต้และดูเหมือนว่ามันจะสัมผัสได้ถึงความต้องการของเขา
มันส่งเสียงร้องโหยหวนยาวจากนั้นก็ขับผ่านคนสองสามคน ทันใดนั้นก็ไปถึงหน้าสุดของกองทหารของซุนปิงเฉิน
เขากลายเป็นผู้นำที่อยู่เหนือกว่าคนอื่น!
“ลี่เฉียง ระวัง...!”
เหลียงอี้เจี๋ยตะโกนข้างหลังเขาเพราะเขาคิดว่าเอี้ยนลี่เฉียงไม่ได้ตระหนักถึงอันตรายที่อยู่เบื้องหลังการกระทำของเขา
ขณะที่เสียงของเหลียงอี้เจี๋ยหายไป เอี้ยนลี่เฉียงได้เคาะลูกศรแรกของเขาไปที่สายธนูแล้ว
ในช่วงเวลาเพียงชั่วครู่เอี้ยนลี่เฉียงก็ได้ดึงคันศรห้าต้านเต็มกำลัง เขาประสานกำลังของเขากับคันธนูและม้าของเขา จากนั้นจึงปล่อยลูกศรนัดแรก…!
โดยไม่ต้องสงสัย ธนูห้าต้านเป็นธนูที่ทรงพลังที่สุดในบรรดาธนูที่ทุกคนถืออยู่ในทั้งสองฝ่าย ทางด้านเอี้ยนลี่เฉียง แม้แต่ธนูยาวในมือของเหลียงอี้เจี๋ย ก็มีเพียงสี่ต้านเท่านั้น
ในขณะนี้ความน่าเกรงขามของ 'พลัง' ใน 'คันธนูอันทรงพลัง' ของเขาถูกเปิดเผยในทันที
ทันทีที่เอี้ยนลี่เฉียงปล่อยลูกศรลูกแรก ทั้งสองฝ่ายยังคงห่างกันพันวา ระยะนี้เพียงอย่างเดียวก็เพียงพอแล้วที่จะบดบังคันธนูอันทรงพลังที่ต่ำกว่าห้าต้าน
อย่างไรก็ตาม ลูกศรที่เอี้ยนลี่เฉียงปล่อยก็พุ่งออกไปราวกับสายฟ้า และพุ่งเข้าใส่ม้าแรดของชายที่วิ่งนำหน้าขบวนอย่างรุนแรง
ลูกธนูทั้งลูกปักจมเข้าไปใต้คอของม้าแรดตัวนั้นก่อนจะหายลับเข้าไปในร่างของมัน
ยิงคนยิงม้าก่อน!
ม้าแรดส่งเสียงร้องที่น่าสังเวช ขาอันทรงพลังของมันหมดเรี่ยวแรงร่วงลงกับพื้นทันที ทหารม้าที่ขี่หลังของมันถูกส่งขึ้นฟ้าก่อนจะกระแทกลงกับพื้น
มันเหมือนคนที่ขับมอเตอร์ไซค์มาด้วยความเร็ว 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมงก่อนที่รถจะล้มอย่างกะทันหัน ศีรษะของเขากระแทกใส่พื้นทุกสิ่งทุกอย่างดูบิดเบี้ยวสมองและเลือดของเขากระจายไปทั่ว
ทันทีที่ม้าแรดตัวนั้นล้มลง ม้าแรดอีกสี่ตัวซึ่งพุ่งเข้ามาข้างหลังก็ชนเข้ากับคนขี่ในทันที คนอื่นๆที่อยู่เบื้องยากที่จะหลบเลี่ยงได้จากความเร็วขนาดนี้
ม้าของพวกเขาพลิกคว่ำ เสียงกระดูกหักเสียงกรีดร้องและเสียงร้องของม้า ดังขึ้นพร้อมๆกัน คล้ายกับอุบัติเหตุทางรถยนต์ร้ายแรงบนทางหลวง
โจรวายุทมิฬที่ที่กระเด็นออกมาจากม้าก็ปลิวไปกระแทกกับม้าตัวอื่น พวกเขาถูกเหยียบย่ำโดยกีบเหล็กไม่มีใครรอดชีวิตได้
เพียงลูกธนูแรกที่เอี้ยนลี่เฉียงยิ่งออกไปเพียงอย่างเดียวก็ทำให้มีผู้บาดเจ็บล้มตายอย่างน้อยแปดรายในหมู่โจรวายุทมิฬที่กำลังพุ่งเข้ามาอย่างกระหายเลือด
โดยที่เอี้ยนลี่เฉียงไม่รู้ กลุ่มโจรวายุทมิฬแอบตื่นตระหนกหลังจากที่เขาปล่อยลูกศรลูกแรก
นั่นเป็นเพราะว่าหัวหน้าของพวกเขาซึ่งคือคนที่ขับม้านำหน้ากองทหารถูกยิงสังหารไปในลูกศรเดียว
ก่อนที่กลุ่มโจรวายุทมิฬจะตอบสนองทันเวลา เอี้ยนลี่เฉียงก็ปล่อยลูกศรที่สองของเขาในไม่กี่วินาทีต่อมา มันกระทบกับม้าแรดที่อยู่ใต้กลุ่มโจรวายุทมิฬที่อยู่ข้างหน้า
จู่ๆขาของม้าก็หมดแรงระหว่างวิ่ง ก่อนที่มันจะล้มลงกับพื้นทันที
ในเวลาเดียวกันโจรวายุทมิฬก็ถูกโยนลงจากม้า และม้าแรดอีกสามตัวจากด้านหลังก็ชนเข้ากับม้าตัวนั้นและร่างกายของคนขี่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ลูกศรที่สามของเอี้ยนลี่เฉียงตามมาทันทีหลังจากนั้น ม้าแรดอีกตัวถูกโค่นลงขณะที่ตัวข้างหลังชนก็วิ่งมาชนมันอย่างรวดเร็ว
หลังจากปล่อยลูกศรไปเพียงสามดอก คนมากกว่ายี่สิบจากกลุ่มโจรก็ล้มลงโดยที่ยังไม่ทันได้ต่อสู้ด้วยซ้ำ
เมื่อถึงจุดนี้โจรวายุทมิฬที่เหลือซึ่งกำลังควบขับเข้ามาอย่างรวดเร็วต่างก็แตกตื่น พวกเขาส่งเสียงหวีดแหลมและฝูงชนก็แยกย้ายกันไปทันที
อย่างไรก็ตาม เอี้ยนลี่เฉียงไม่ได้หยุดลูกศรเพียงแค่กลุ่มโจรแยกย้ายกันออก
เอี้ยนลี่เฉียงปล่อยลูกศรที่สี่ของเขา ลูกธนูแทงทหารม้าตัวหนึ่งที่ขี่อยู่ข้างหน้าทะลุหน้าอกของคนขับทันที ร่างของคนขับคนนั้นตกลงจากหลังม้าสร้างความแตกตื่นให้กับผู้คน
ผู้คนทั้งสองฝ่ายมีใครบ้างที่ไม่แตกตื่นจากการยิงลูกศรของเอี้ยนลี่เฉียง ลูกธนูของพวกเขาสามารถบินออกไปได้ประมาณร้อยหรือสองร้อยวาเท่านั้น
เนื่องจากขาดความแข็งแกร่งดังนั้นมันจึงไม่มีทางคุกคามเข้าหากันได้ด้วยระยะที่มากกว่าห้าร้อยวา
เอี้ยนลี่เฉียงไม่หยุดแม้แต่ลมหายใจเดียว ร่างกายของเขายังคงนั่งอยู่บนม้าในขณะที่มือของเขายังคงยิงธนูออกไปโดยไม่มีการหยุดพัก
การกระทำที่คล่องแคล่วของเขาราบรื่นเหมือนเมฆที่เคลื่อนไหวบนท้องฟ้า
โดยพื้นฐานแล้วเขาสามารถยิงธนูออกไปในทุกๆสองลมหายใจมันจึงกลายเป็นฝนธนูเข้าใส่กองทัพขนาดย่อมของกลุ่มโจรวายุทมิฬ
ลูกธนูที่เอี้ยนลี่เฉียงปล่อยออกไปจากมือไม่เคยพลาดเป้า ทุกครั้งที่ธนูของเขาสั่นไหว โจรวายุทมิฬคนหนึ่งจะถูกยิงตกหลังม้าทุกครั้ง
ในช่วงเริ่มต้นของการเดินทางเอี้ยนลี่เฉียงต้องการปกปิดความแข็งแกร่งของตัวเองไว้ อย่างไรก็ตามภายใต้สถานการณ์ความเป็นความตายเอี้ยนลี่เฉียงจึงเลิกสนใจเรื่องพวกนี้
ในสถานการณ์เช่นนี้หากเจ้าไม่ตายก็หมายความว่าเจ้าต้องฆ่าคนอื่น ถ้าเขาซ่อนเร้นความแข็งแกร่งของเขาไว้ด้วยสถานการณ์รุนแรงตอนนี้บางทีเขาอาจจะไม่สามารถรอดชีวิตได้
ระหว่างเล่ห์เหลี่ยมทางการเมืองกับชีวิตของเพื่อนฝูงมากมายรอบตัวเขา เอี้ยนลี่เฉียงเลือกอย่างหลังโดยไม่ลังเล เขาต้องลดจำนวนผู้บาดเจ็บล้มตายให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้
ที่สำคัญที่สุดเอี้ยนลี่เฉียงไม่คิดว่าจะต้องเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ทันทีที่พวกเขาออกจากแคว้นกาน มันก็เหมือนกับคำพูดที่ว่า 'ชีวิตไม่ได้เป็นไปตามแผนเสมอไป'
*บางตอนมันสั้นบางตอนมันยาว อันนี้ผมไม่ได้กำหนดนะครับมันเป็นไปตามต้นฉบับเลย