เล่มที่ 1 ตอนที่ 36: ชะตากรรมของฉินจิงยี่ (2)
เล่มที่ 1 ตอนที่ 36: ชะตากรรมของฉินจิงยี่ (2)
เมื่อมู่หรงเสี่ยวเทียนเห็นว่าหม่าเจียนหนีออกไปแล้ว เขาก็ถามถึงสถานการณ์ของน้องชายจิงยี่ เนื่องจากว่าสถานการณ์ตอนนี้เร่งด่วนเป็นอย่างมาก มันถึงจุดที่ว่าไม่สามารถที่จะชักช้าได้อีกต่อไป ถ้าหากว่าไม่หมดหนทางจริง ๆ จิงยี่ก็คงจะไม่เลือกทำแบบนี้
มู่หรงเสี่ยวเทียนตัดสินใจและบอกให้จิงยี่ไปที่โรงพยาบาลก่อน ส่วนเรื่องเงิน เขาอาสาจะจัดการให้เอง
หลังจากที่กลับออกมาจากบ้านของจิงยี่ มู่หรงเสี่ยวเทียนก็รีบกลับไปยังตึกของกลุ่มหนานเทียน เขาตัดสินใจที่จะขายคทาอัคคี และดูเหมือนว่าจะมีเพียงแค่วู่เฟิงและผู้ช่วยเย่มินเท่านั้นที่ช่วยเขาได้
เพราะพวกเขาเป็นคนแรก ๆ ที่มู่หรงเสี่ยวเทียนรู้จักและเชื่อถือได้ มันเป็นเรื่องที่ตลกมาก เพราะแม้แต่เงินกินขนม เขาก็ยังต้องยืมจากวู่เฟิง
มู่หรงเสี่ยวเทียนรีบกลับไปที่ตึกของกลุ่มหนานเทียน จากนั้นเขาก็ตรงไปหาวู่เฟิงทันที เมื่อพบว่าผู้เล่นหลักของกลุ่มหนานเทียนกำลังประชุมอยู่ที่ชั้นแปด มู่หรงเสี่ยวเทียนก็รีบขึ้นไปอย่างไม่รีรอ
“คุณคะ คุณไม่สามารถเข้าไปได้ตอนนี้ เนื่องจากกำลังมีการประชุมอยู่” เลขาผู้ช่วยที่อยู่ด้านนอกประตูห้ามมู่หรงเสี่ยวเทียนเอาไว้ขณะที่กำลังจะดันประตูเข้าไป
“ได้โปรดบอกกับผู้ช่วยเย่มินและวู่เฟิงด้วย ว่าผมมีธุระต้องการพบพวกเขา และตอนนี้ก็เป็นสถานการณ์ที่เร่งด่วนมาก” มู่หรงเสี่ยวเทียนแสดงความวิตกกังวลออกมา
“ขออภัยด้วยค่ะ แต่ฉันคิดว่าคุณน่าจะต้องรออีกสักพัก” เลขาสาวส่ายหัวไปมาและยิ้มอย่างขออภัย
“โอเค” มู่หรงเสี่ยวเทียนหงุดหงิดเล็กน้อย “ผมจะเข้าไปข้างในด้วยตัวเอง”
“คุณคะ คุณไม่สามารถ....” เลขาคนนั้นหยุดมู่หรงอย่างเร่งรีบ
“ไปให้พ้น !” มู่หรงเสี่ยวเทียนรู้สึกโกรธขึ้นมา เพราะอีกฝ่ายนั้นเป็นผู้หญิง เขาจึงไม่ทำอะไร
“เกิดอะไรขึ้น ?” เมื่อได้ยินเช่นนั้นทุกอย่างก็เงียบลง ประตูถูกเปิดออกและพบว่ามู่หรงเสี่ยวเทียนกำลังยืนอยู่
“ปล่อยให้เขาเข้ามา” มู่หรงเสี่ยวเทียนตามเข้าไปโดยไม่พูดอะไร
มีคนไม่มากนักกำลังนั่งอยู่ในห้องนี้ มีเพียงแค่คน 8 คนเท่านั้นรวมทั้งวู่เฟิงด้วย สำหรับมู่หรงเสี่ยวเทียน เขารู้จักแค่ 2 คน คนที่เหลือเขาไม่เคยพบหน้ามาก่อน และมีชายคนหนึ่งท่าทางเคร่งขรึมนั่งอยู่หัวโต๊ะ
“รอสักครู่นะ การประชุมใกล้จะจบลงแล้ว” วู่เฟิงกระซิบไปที่มู่หรงเสี่ยวเทียน
มู่หรงเสี่ยวเทียนพยักหน้าเงียบ ๆ และนั่งอยู่ในตำแหน่งท้ายสุด
ในห้องนี้ บรรยากาศไม่ค่อยตึงเครียดสักเท่าไหร่ พวกเขาเพียงแค่พูดคุยกันสบาย ๆ พวกเขากำลังคุยเรื่องของแนวโน้มในอนาคตของกลุ่มหนานเทียนสำหรับเกมเดสตินี่ เมื่อเห็นว่าเย่มินกำลังจะกล่าวปิดการประชุม มันก็ทำให้ความกังวลของมู่หรงนั้นสงบลง
“ใครมีอะไรจะพูดอยู่อีกรึไม่ ? ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ก็ขอจบการประชุมเพียงเท่านี้” เย่มินจ้องมองทุกคนด้วยรอยยิ้ม
“วู่เฟิง ช่วงนี้หมู่บ้านโนวิซ 110 ของนายนั้นโด่งดังมากในเกมเดสตินี่ ลองเล่าเรื่องราวใหม่ ๆ ให้พวกเราฟังหน่อยสิว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง ? !” ผู้เล่นมืออาชีพหญิงเพียงคนเดียวในห้อง มองไปที่วู่เฟิงด้วยแววตาอันสดใส
“อ๋อ อ๋อ อีกอย่างนะฉันได้ยินมาว่ามีคนบ้าที่ไหนก็ไม่รู้ชอบแก้ผ้าเปลือยกาย และฆ่าผู้เล่นโดยการนำหมาป่าโลหิตเข้ามาในหมู่บ้าน” มีคนบางคนพูดขึ้นมาทันที
“นายนี่รู้เยอะจริง ๆ ในหมู่บ้านโนวิซ 110 ฉันยังได้ยินมาอีกว่าเจ้าบ้าคนนั้นเป็นคนที่เก็บเลเวลได้ถึงระดับ 10 เป็นคนแรก แต่ทว่าเขายังไม่สามารถเปลี่ยนอาชีพได้จนถึงตอนนี้”
“ใช่ ๆ ๆ และยังมีคนงี่เง่าคนหนึ่งมักจะให้เงินกับ NPC เด็กผู้หญิงคนหนึ่งในทุก ๆ วัน”
เมื่อมีคนเปิดประเด็น ทุก ๆ คนก็เริ่มต้นการสนทนาด้วยความตื่นเต้น....
วู่เฟิงจ้องมองไปที่มู่หรงเสี่ยวเทียนด้วยรอยยิ้มออกมา เมื่อเห็นว่าผู้คนมากมายยังคงพูดไม่หยุด มู่หรงเสี่ยวเทียนก็ลุกขึ้นยืนอย่างเร่งรีบและพูดว่า “พอได้แล้ว !” เขาตะโกนออกมาอย่างเกรี้ยวโกรธจนทำให้ผู้คนในห้องประชุมตกใจเป็นอย่างมาก
มู่หรงเสี่ยวเทียนจ้องมองที่คนเหล่านั้นอย่างเย็นชาและพูดออกมาด้วยความโมโหว่า “ฉันเป็นคนทำทุกสิ่งทุกอย่างนั่นเอง ฉันคือคนงี่เง่าของหมู่บ้านโนวิซ 110 ที่พวกนายทุกคนกำลังพูดถึง ถ้าหากว่าไม่มีหัวข้ออื่น ๆ ให้พูดถึงก็เลิกพูดถึงเรื่องของฉันจะได้แล้ว !”
ฉากนั้นทำให้ทุกคนหน้าชาไปชั่วขณะ ยกเว้นแต่วู่เฟิงเท่านั้น พวกเขาอ้าปากค้างไปตาม ๆ กัน
“พี่เทียน โกรธอะไรขนาดนั้น พวกเขาไม่ได้ตั้งใจสักหน่อย ! จะว่าไป พี่เทียน พี่มีธุระอะไรหรือ ?” ผู้ช่วยเย่มินถามขึ้นมาอย่างสุภาพ
ใบหน้าของมู่หรงเสี่ยวเทียนดูดีขึ้นมา และน้ำเสียงของเขาก็เบาลง “ฉันไม่ได้โกรธที่พวกเขาพูดเรื่องพวกนั้น ฉันไม่ได้เป็นคนคิดเล็กคิดน้อยขนาดนั้น แต่ว่าฉันมีเรื่องด่วนจริง ๆ ตอนนี้ฉันรอไม่ได้แล้ว !”
“เกิดอะไรขึ้น ? พี่พูดออกมาเลย” ผู้ช่วยเย่มินมีท่าทางจริงจัง
“ฉันมีอุปกรณ์บางอย่าง บางทีพวกเธออาจจะสนใจมัน” มู่หรงเสี่ยวเทียนพูดอย่างตรงไปตรงมา เพราะเขานั้นเสียเวลามามากพอแล้ว
“อุปกรณ์อะไร ?” วู่เฟิงสนใจ
“คทาอัคคีลึกลับของจักรพรรดิ เป็นอุปกรณ์สีเขียวระดับ 6 สเตตัสคือ ความว่องไว +10 ความฉลาด +55 สกิล: ฝนดาวตกเพลิง: ทุก ๆ 100 มานาจะสร้างความเสียหาย 30 หน่วยต่อเป้าหมายทั้งหมดภายในระยะ 50 เมตร และเพิ่มการป้องกันเวทย์มนต์ไฟ 30 % คูลดาวน์ 5 นาที ข้อจำกัดคือใช้เฉพาะนักเวทย์ไฟเท่านั้น” มู่หรงเสี่ยวเทียนพูดออกมาครั้งเดียวจนแทบไม่หยุดหายใจ
ฉากตรงหน้ากลายเป็นความตกตะลึงอีกครั้ง เพราะระดับของคทาอันนี้ได้ถูกประกาศออกไปแล้วในเกมเดสตินี่ แต่เนื่องจากสเตตัสและชื่อของเจ้าของนั้นไม่ปรากฏ ทุกคนจึงคาดเดากันไปต่าง ๆ นานา
แต่ตอนนี้กลับมาปรากฏต่อหน้าพวกเขาตรงนี้แล้ว และสเตตัสของมันช่างสุดยอดจริง ๆ เหนือจินตนาการได้ เรื่องแบบนี้จะไม่ทำให้พวกเขาสับสนได้อย่างไร ?
“หากว่ามีใครสนใจให้รีบบอกมา ! ฉันมีเรื่องที่สำคัญเป็นอย่างมากที่ต้องไปจัดการอยู่” มู่หรงเสี่ยวเทียนกังวลใจมากเมื่อเห็นว่าไม่มีใครพูดอะไร
สิ่งนี้มันไม่สามารถตำหนิเขาได้ เพราะเขาตั้งใจจะมาหาคนรู้จัก และอีกอย่างนับตั้งแต่เข้าไปผจญภัยในเดสตินี่ ผู้เล่นคนอื่น ๆ ส่วนใหญ่พวกเขาเข้ามาเล่นด้วยตัวเอง ดังนั้นพวกเขาจึงไม่รู้จักแนวทางในการเก็บเลเวลแบบเป็นทีม แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเลย แต่คนที่นั่งอยู่ที่นี่ก็ล้วนแต่เป็นผู้เล่นอันดับต้น ๆ ของกลุ่มหนานเทียนไม่ใช่หรือ ? ดังนั้นคุณค่าของคทาที่มีต่อพวกเขาจึงมีมากกว่ามุมมองของมู่หรงเสี่ยวเทียน สกิลที่แนบมานั้นก็เป็นถึงฝนดาวตกเพลิง มันเป็นสกิลที่ครอบคลุมพื้นที่เป็นวงกว้าง ด้วยสิ่งนี้หมายความว่าจะสามารถยกระดับทีมของพวกเขาได้อย่างแน่นอน และอาจจะทำให้เป็นทีมที่เก็บเลเวลได้อย่างรวดเร็วจนเป็นอันดับต้น ๆ ในเดสตินี่เลยก็ว่าได้
To be continued…