ตอนที่ 230 นอกหุบเขาและการแยกทาง
ตอนที่ 230 นอกหุบเขาและการแยกทาง
ทั้งสี่คนหยุดยืนอยู่ที่ปลายทางออกของอุโมงค์ระบาย แต่มันกลับไม่ได้เป็นไปตามที่พวกเขาคิดไว้สักเท่าไหร่ เพราะจุดที่พวกเขามาโผล่มา มันดันกลายเป็นหน้าผาเหนือพื้นดิน 500 เมตร ห่างออกไปเป็นทางเดินบนหน้าผาที่ใช้เขามาที่ด้านในของเผ่าสิงโตทองคำ
ที่นั่นตรงบริเวณจุดตรวจแรกมันเต็มไปด้วยผู้คนที่หนีตายเบียดกันวิ่งออกมาจากกำแพงชั้นนอก พวกเขาวิ่งที่บริเวณเส้นทางบนหน้าผาที่คับแคบ มีคนจำนวนมากตกลงไปหน้าผาเพราะมีคนเยอะเกินไปที่หนีออกมาทางนั้น แต่กลับไม่มีใครสนใจคนเหล่านั้นเพราะด้านหลังของพวกเขามีซอมบี้กำลังไล่ตามฆ่ามาติด ๆ
ไม่ใช่ทุกคนจะหนี แต่มีเหล่ามนุษย์ชั้นสูงระดับสีน้ำเงินช่วยกันต้านไว้ แต่มากี่วินาที่คนที่หันไปสู้ก็ตายกันหมดภายใต้น้ำมือของซอมบี้สติปัญญาทั้งสาม
ไนเรลเลิกสนใจสิ่งที่เกิดขึ้นตรงนั้น และหันมามองเรื่องของพวกเขาก่อน
“พวกเราต้องปีนลงไป”
ทุกคนยืนหน้าออกไปมองมันสูงสุด ๆ ที่แย่กว่าคือลมที่แรงมาก แต่ไม่มีทางเลือกเพราะถ้ายังอยู่ตรงนี้ก็เท่ากับรอความตาย
ในตอนนั้นเองก็มีซอมบี้ตัวหนึ่งวิ่งตามหลังมา แต่ดูเหมือนมันจะไม่ฉลาดมากนัก ทั้ง 4 คนหลบการจู่โจมของซอมบี้อย่างไม่ยากเย็น
ไนเรลจึงจัดการแตะก้นส่งมันลงหน้าผาไปเป็นการทดสอบความสูงก่อน
ซอมบี้ที่ตกหน้าผาไปพร้อมกับเสียงร้องคำรามก่อนที่หัวของมันจะโหม่งพื้นโลกและตามด้วยร่างกายจนทั้งตัวแหลกเป็นเนื้อบดที่ถูกอัดบี้เป็นชิ้นอันเนื่องมาจากแรงกระแทกที่ตกลงจากที่สูง
จากมุมมองของพวกเขามันดูน่าขนลุกเมื่อคิดว่าตัวเองกำลังจะปีนลงไป ถ้ามีใครพลาดคงไม่ต่างจากซอมบี้ตัวนี้อย่างแน่นอน
“เชิญนายท่านก่อนเลย จี๊ด ๆ” กัสกลืนน้ำลายและบอกกับไนเรล ไนเรลรู้สึกอยากถีบมันลงไปพร้อมกับซอมบี้ ‘ทำไมฉันถึงมีอสูรขี้ขลาดแบบนี้คอยติดตามได้กัน’ แต่เขานึกขึ้นได้ถ้ามันไม่ขี้ขลาดมันคงไม่ร้องขอชีวิตแลกกับการเป็นทาสหรอก
ว๊ากกก!
ในตอนขณะนั้นเองเสียงร้องคำรามของซอมบี้ก็ดังมาจากในอุโมงค์ระบายน้ำมากขึ้น
“รีบปีนลงไป” ไนเรลบอกทั้งสามก่อนที่ตัวเองจะกระโดดไปยังหน้าผ่าไต่ลงไปด้านล่างอย่างชำนาญ ที่เหลือก็รีบทำตามไนเรลทันที คนที่ลงมารั้งท้ายสุดคือเฮกเตอร์เพราะต้องคอยช่วยระวังให้ลูกสาว
กัสแม้มันจะขี้ขลาด แต่มันก็ปีนลงไม่ด้วยความเร็วไม่น้อยกว่าไนเรล
หลังลงมาได้ 100 เมตร ตรงปากอุโมงค์ที่พวกเขาออกมาก็มีซอมบี้เงาหลายตัวโผล่หัวออกมา พวกมันร้องคำรามก่อนจะปีนลงมาตามพวกเขา
“บัดซบ..พวกมันตามไม่ปล่อยเลย จี๊ด ๆ” กัสรีบปีนลงไปเร็วกว่าเก่า
เฮกเตอร์และฮาเดรียน่าก็รีบปีนลงมาเช่นกัน แต่ดูเหมือนทั้งสองจะเร่งความเร็วในการปีนแต่มันก็ไม่มากนัก เพราะถ้าพูดกันแล้วร่างกายของพวกเขาไม่ได้แข็งแกร่งเท่ากับไนเรลหรือกัส
ซอมบี้เงาสองตัวตามมาถึงเฮกเตอร์แล้ว ตัวแรกมันใช้ดาบแทงไปที่ผาหินเพื่อยึดตัวเองและใช้ดาบโจมตีใส่เฮกเตอร์ แต่เฮกเตอร์ก็ใช้ลูกบอกเพลิงยิงไปที่มันจนซอมบี้เงาบาดเจ็บละที่มากกว่านั้นคือมันเสียการทรงตัวก่อนจะร่วงลงไป
แต่มันยังมีอีกตัวฟันเข้ามาที่เฮกเตอร์ ทำให้เฮกเตอร์ต้องเหวี่ยงตัวหลบจนเกือบจะตกผาโชคดีที่มืออีกข้างจับไว้ได้ทัน
ไนเรลที่เห็นว่าเฮกเตอร์ตกอยู่ในอันตรายจึงใช้ดาบเงาที่เหลือ 2 เล่มจากที่ตัดมาจากซอมบี้เงา ปามันไปเหมือนกับหอกปักเข้าไปที่หน้าอกซอมบี้เงาจนมันหอยคาหน้าผ่าทั้งอย่างนั้น
ทั้งสี่ปีนลงมาขณะที่ซอมบี้เงาไล่ตามมาเรื่อย ๆ จนเหลือระยะที่สูงจากพื้นดินแค่ 200 เมตรเท่านั้น ลมยิ่งพัดรุนแรงมากขึ้น
มีซอมบี้เงาตัวหนึ่งร้องออกมาเสียงดังจนมันไปดึงดูดซอมบี้ปีกที่บินอยู่เหนือจุดผ่านตรงกำแพงชั้นนอก มีหลายตัวที่ตรงดิ่งมาทางไนเรล
“กัสไปช่วยฮาเดรียน่าและเฮกเตอร์ รีบปีนเร็ว ๆ” ไนเรลบอกกับกัสก่อนที่เขาจะพลิกตัวหันหลังเข้าหากำแพง รอจังหวะที่ซอมบี้ปีกเข้ามาใกล้
ก่อนที่เข้าจะกระโดดเข้าไปหามัน ไนเรลจับไปที่ปีกบนหลังของซอมบี้ปีกไว้ไม่ปล่อย ส่วนซอมบี้ปีกก็ร้องดังลั่นก่อนจะพยายามสะบัดไนเรลให้หลุดมันพาไนเรลบินสูงขึ้นไปนับร้อยเมตร นอกจากนั้นซอมบี้ปีกอีกนับสิบ ๆ ตัวก็เข้ามาช่วยซอมบี้ปีกตัวนั้นรุมทึ้งเขา
ไนเรลใช้ความได้เรียบด้านพลังในการฆ่าพวกมันทั้งหมดอย่างรวดเร็ว ก่อนจะใช้ดาบแทงเข้าไปกลางอกซอมบี้ตัวสุดท้ายที่เขาขี่อยู่บนหลังมัน
ว๊ากกก!!!
ซอมบี้ปีกร้องด้วยความเจ็บ ไนเรลกดหัวมันก่อนที่ทั้งสองจะร่อนลงมาด้านล่าง และชนเข้ากับพื้นด้านล่างที่เมื่อก่อนเคยเป็นทางน้ำไหลทำให้มีทรายลองรับตัวของไนเรลและซอมบี้ปีก
ตูม!
หลังจากนั้นก็ตามมาด้วยไนเรลและซอมบี้ปีกที่กระเด็นไปข้างหน้าราวกับลูงบอลที่กลิ้งลงเขา คลุก ๆ ไปเรื่อย ๆ ก่อนจะหยุดลง
ไนเรลรู้สึกมันเล็กน้อย เขาสะบัดทรายตามตัวออกก่อนจะคิดในใจว่า ‘เริ่มชักจะคิดถึงปีกซะแล้วสิ’
ไนเรลที่ตอนนี้ในปากมีแต่เศษทราย เขาถุยทรายในปากทิ้งก่อนจะลุกขึ้นยืนและเดินไปดูว่าซอมบี้ปีกตายหมดแล้วหรือไม่
ในช่วงเวลานั้นเองกัส เฮกเตอร์และฮาเดรียน่าก็ลงมาถึงด้านล่างแล้วเช่นกัน
“เอายังไงต่อดี” เฮกเตอร์ถามไนเรล
“เราควรไปรวมกลุ่มกับคนของนายที่หนีออกมาก่อนหน้านี้กันก่อน”
ทั้งสองพยักหน้าเห็นด้วย ก่อนจะรีบออกไปจากตรงนี้ ไนเรลหันกลับไปมองด้านหลัง ที่ตั้งซึ่งเคยเป็นเผ่าสิงโตทองคำตอนนี้มันเต็มไปด้วย เสียงกรีดร้องโหยหวน เปลวไป และการเข่นฆ่าที่น่าหวาดกลัว
มนุษย์ตกตายกลายเป็นอาหารของซอมบี้จำนวนมาก คนที่หนีออกมาได้นั้นมีน้อยซะยิ่งกว่าน้อย
ใช้เวลาไม่นานพวกเขาก็หาเส้นทางออกจากหุบเขามายังจุดที่เฮกเตอร์นัดกับคนเผ่าหนอนไฟไว้
“ท่านผู้นำเผ่า” คนของเผ่าหนอนไฟเข้ามาทักทายเฮกเตอร์ด้วยความเคารพ พวกเขาพูดคุยกันอยู่สักพักก่อนที่จะเตรียมเก็บของและรีบกลับไปที่เผ่าหนอนไฟ ตอนนี้สถานการณ์อันตรายมาก ไม่รู้ว่าพวกซอมบี้ที่อยู่ในเผ่าสิงโตทองคำจะออกมาจากภายในหุบเขาตอนไหน
“ถ้างั้นพวกเราก็ควรจะแยกทางกันตรงนี้” ไนเรลบอกกับเฮกเตอร์
“แยกทาง? ท่านจะไม่กลับไปที่เผ่าหนอนไฟอย่างนั้นเหรอ”
“ไม่ฉันยังมีธุรบางอย่างต้องไปจัดการ”
เฮกเตอร์รู้ว่าเหตุการณ์นี้ต้องมาถึง แต่ไม่คิดว่าไนเรลจะแยกตัวออกไปเร็วแบบนี้ ฮาเดรียน่าต้องการจะพูดอะไรออกมา แต่เธอก็ไม่พูด ไนเรลหันไปมองเธอก่อนจะกล่าวว่า “ดูแลตัวเองด้วยสาวน้อย”
ไนเรลเดินแยกตัวออกมา...
กัสที่หันมองซ้ายขวาก่อนจะวิ่งตามไนเรลไป แน่นอนว่ามันไม่ลืมหน้าที่ของตัวเอง กัสไปเอาของที่คนของเผ่าหนอนไฟเอาออกมาด้วยไปบางส่วน เป็นพวกน้ำและอาหาร
“ท่านไนเรล เราจะได้ เจอกันอีกเหนือไม่” ฮาเดรียน่าที่เห็นไนเรลเริ่มไปไกลเรื่อย ๆ ก็วิ่งออกไปและตะโกนถามสุดเสียง
ไนเรลยิ้มออกมาและยกมือโบกลาเธอเท่านั้นไม่ได้พูดอะไร ในโลกที่เป็นแบบนี้แม้แต่เขาก็ไม่รู้ว่าจะได้กลับมาเจอคนจากเผ่าหนอนไฟอีกหรือเปล่า
“การมาที่นี่ช่างเสียเปล่า ยังดีที่ได้เจอกับเจ้านี่” ไนเรลหยิบอุปกรณ์สื่อสารออกมา ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังต้นไม้ตายซากสามต้นใหญ่ที่เห็นอยู่ไกลสุดเส้นสายตาไปหลายสิบกิโลเมตร
“นายท่านรอข้าด้วยจี๊ด ๆ”
เฮกเตอร์ก็พาคนของตัวเองออกไปทันทีเช่นกัน
................
ไนเรลและกัสใช้เวลาเดินทางกันประมาณ 1 ชั่วโมงก่อนจะมาถึงต้นไม้สามต้น แต่ที่นี่มันกลับไม่มีใครนอกจากเสียงลมที่พัดผ่านเท่านั้น
“เด็กนั้นไม่รอดออกมาอย่างนั้นเหรอ” ไนเรลขมวดคิ้วมองไปรอบ ๆ
“เหนื่อยสุด ๆ ไปเลยจีด ๆ” กัสทิ้งสัมภาระลงก่อนจะวิ่งไปหลบแดดที่เงาของต้นไม้
ตั้งแต่ที่อยู่ในท่อจนไปช่วยเฮกเตอร์และตามหาฮาเดรียน่าเวลากลางคืนก็ล่วงเลยมาถึงตอนเช้าแล้ว และกว่าจะมาถึงที่นี่ก็เที่ยงพอดี
กัสเอาถุงน้ำออกมาจะดื่ม แต่พอคิดได้มันก็สิ่งถุงน้ำให้กับไนเรล ไนเรลรับถุงน้ำมาดื่มก่อนจะหามุมหลบแดด
“พักกันที่นี่สักคืนก็แล้วกัน” ไนเรลคิดว่าจะรอเด็กนั้นก่อนจักคืนพรุ่งนี้ค่อยออกไป เขาคิดว่าเด็กหนุ่มอาจจะเอาตัวรอดมาได้ ไนเรลไม่รู้ว่าทำไมถึงแบบนั้น อาจจะเป็นเพราะเขาเห็นเงาตัวเองซ้อนทับกับตัวของเด็กหนุ่มก็ได้
เวลาผ่านพ้นไปจนเย็นดวงอาทิตย์เริ่มตกดินแล้ว บรรยากาศรอบ ๆ ยิ่งน่ากลัวมากขึ้น ไนเรลและกัสเลือกหนึ่งในมุมของรากไม้ขนาดใหญ่เป็นที่พัก ทั้งสองหันหลังเข้าหาต้นไม้หันหน้าออกไปข้างนอกจะได้เห็นเผื่อมีอะไรพุ่งเข้ามาได้ง่าย
กองไฟถูกจุดขึ้นโดยใช้เชื้อเพลิงที่หาได้แถวนี้ เสียงของสะเก็ดไฟที่แตกออกมาจากไม้ที่กำลังไหม้เป็นบางครั้งคราวไนเรลใช้ดาบก้ามแมงป่องเขี่ยกองไฟก่อนจะเอาเนื้อเสียบไม้และปักมันลงกับพื้นดิน
“นายท่านพวกมันจะตามเรามาทันไหม จี๊ด ๆ” กัสพูดด้วยความกังวลมันพยายามถ่างตามมองไปในความมืดตรงทิศทางที่เผ่าสิงโตทองคำตั้งอยู่
“อาจจะ”
“เราควรรีบออกไปก่อนหรือไม่ จี๊ด ๆ”
“กลางคืนอันตราย ไปตอนเช้าดีกว่า อีกอย่างเรายังต้องรอคนนำทางก่อน” ไนเรลหยิบเนื้อที่ย่างสุกจนเหลืองทองขึ้นมากิน
ด้วยอากาศที่เย็น และเนื้อที่ร้อนและส่งกลิ่นหอมมันเหมือนกับว่าเขามาตั้งแคมป์
ในตอนนั้นเองก็มีเสียงฝีเท้าวิ่งเข้ามาทางที่ไนเรลและกัสอยู่ กัสดีดตัวลุกขึ้นมาด้วยท่าทีระวัง ไนเรลก็เลื่อนมือไปจับดาบไว้แน่น
“เจ้ารอดมาได้ แฮก ๆ” เสียงของเด็กหนุ่มดังขึ้น
ไนเรลก็เข้าใจได้ทันทีว่านี่คือเด็กที่เขารออยู่ ดูเหมือนเด็กนี่จะมีดีกว่าที่เขาคิดเอาไว้