เล่มที่ 1 ตอนที่ 34:
เล่มที่ 1 ตอนที่ 34:
มู่หรงเสี่ยวเทียนถอดหมวกโฮโลแกรมออกและยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้ การเปลี่ยนอาชีพของเขานั้นล้มเหลวถึง 4 ครั้ง เขาไม่แน่ใจว่าตอนนี้เขาจะมีชื่ออยู่ในอันดับของบุคคลที่เปลี่ยนอาชีพล้มเหลวมากที่สุดภายในเกมเดสตินี่หรือไม่ เมื่อเห็นว่าเวลาตอนนี้เพิ่งจะ 10 โมงนิด ๆ เขากลับดันไม่รู้สึกง่วงเลยสักนิดหลังจากที่เขาพยายามอย่างหนักตั้งแต่เมื่อวานทั้งวันทั้งคืนจนไม่ได้พักผ่อน
มู่หรงเสี่ยวเทียนนอนขดตัวอยู่บนโซฟา โดยที่มีเสียงหัวใจอันไร้จิตวิญญาณของเขาเต้นอยู่เป็นจังหวะ ทุกครั้งที่เขาหลับตา ใบหน้าอันซีดเซียวและความหวังสุดท้ายของหมิงหยวนก่อนที่เขาจะจากไปก็มักจะปรากฏขึ้นมาเสมอ ๆ เมื่อมู่หรงเสี่ยวเทียนสามารถสงบจิตใจกับภาพของหมิงหยวนได้ ภาพแววตาอันแสนเศร้าของหมิงซินก็จะตามหลอกหลอนและทิ่มแทงใจเขาราวกับว่าเป็นหอกแหลมคม จนเขานั้นแทบจะหายใจไม่ออก
“ได้เวลาแล้วล่ะ สิ่งเหล่านั้นก็แค่ความกังวล” มู่หรงเสี่ยวเทียนถอนหายใจออกมา แววตาของเขาฉายแววแห่งความเศร้าอย่างไม่มีที่สิ้นสุด หลังจากที่หมิงหยวนจากไปได้ไม่นาน เขาก็เข้าไปอยู่ในเรือนจำข้อหาฆาตกรรมดาบาล
สิบปีผ่านไป คำสัญญาที่เขาให้ไว้กับหมิงหยวนนั้นเป็นสิ่งที่คอยเล่นงานและกัดกินจิตใจของเขาราวกับว่าเป็นฝันร้าย ความรู้สึกผิดที่มีต่อหมิงหยวนนั้นทำให้เขาไม่สามารถให้อภัยตัวเองได้ เมื่อเขาถูกปล่อยตัวออกมาจากเรือนจำ เขาก็ต้องการที่จะไปตามหาหมิงซินเป็นอย่างแรก แต่ทว่าแม้แต่หาข้าวปลามาให้ตัวเองกิน เขายังไม่มีปัญญา ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าที่จะแม้แต่คิดเช่นนั้น
เขาครุ่นคิดอยู่สักพัก จากนั้นมู่หรงเสี่ยวเทียนก็รีบกลับไปที่ห้องนอนของเขา อาบน้ำและเปลี่ยนชุดลำลองตัวใหม่ ชุดเหล่านี้เป็นของฝากที่ได้มาจากหยางซ่งและเปียวซือตอนที่พวกเขาไปเที่ยวด้วยกัน
แต่มันก็เหมือนเป็นการแลกกันเพราะหรงเสี่ยวเทียนก็ได้มอบสัตว์ภูติอสูรขั้นต่ำระดับที่ 6 ให้กับหยางซ่งอีกด้วย พวกนั้นคงไม่ยอมแน่ถ้าหากว่าเขาไม่รับของฝากพวกนี้เอาไว้
หลังจากที่มู่หรงเสี่ยวเทียนวิ่งไปยังห้องอาหารเพื่อรับประทานอาหาร เขาก็เดินออกจากตึกกลุ่มหนานเทียนไป
รถไฟที่ตรงเวลามักจะไม่รอผู้โดยสารที่มาช้า การพัฒนาไปตามกาลเวลาก็ใช่ว่าจะหยุดรอใคร เป็นเวลานานมากที่มู่หรงเสี่ยวเทียนถูกจองจำอยู่ในคุก หลังจากสิบปีผ่านไป ก็ทำให้เห็นว่าสภาพบ้านเมืองเปลี่ยนไปอย่างมาก มันจึงทำให้มู่หรงเสี่ยวเทียนไม่คุ้นเคยกับสถานที่ใด ๆ ในเมืองเคสักเท่าไหร่
เขาใช้เวลาสองสามชั่วโมงในการตามหาสถานที่แห่งหนึ่ง ในที่สุดเขาก็ได้พบกับสถานที่ที่หมิงหยวนอาศัยอยู่ แต่สิ่งที่เขาจะต้องเผชิญนั้นก็คือความสิ้นหวังแบบเดียวกันกับเมื่อตอนที่เขาตามหาพี่น้องของตัวเองก่อนหน้านี้ บ้านเก่า ๆ โทรม ๆ ในอดีตนั้นกลายเป็นอาคารสูงตระหง่าน
มู่หรงเสี่ยวเทียนถามผู้คนมากมายแต่เขาก็ไม่ได้คำตอบใด ๆ กลับมา
มู่หรงเสี่ยวเทียนรู้สึกผิดหวังและหงุดหงิดเล็กน้อย พอเดินไปเดินมาก็คิดอะไรขึ้นได้บางอย่าง “ทำไมเรามันโง่แบบนี้ ? ทำไมเราไม่บอกที่อยู่เก่าของหมิงหยวนให้ผู้ช่วยเย่มินรวมถึงสถานการณ์ของหมิงซิน มันคงจะเป็นเรื่องง่ายมากที่เธอจะใช้อำนาจของกลุ่มหนานเทียนช่วยตามหา !” เมื่อเขาคิดได้แบบนี้ก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาอีกครั้ง
“ฉันควรจะกลับไปที่ตึกหนานเทียนเลยหรือว่าเดินเล่นแถวนี้อีกสักพักดีนะ ?” มู่หรงเสี่ยวเทียนพึมพำกับตัวเอง ตั้งแต่ที่ถูกปล่อยออกจากคุกมา เขาก็รู้สึกไม่คุ้นชินกับเมืองเคสักเท่าไหร่ เนื่องจากตึกรามบ้านช่องที่เปลี่ยนไปจนจำแทบไม่ได้ และช่วงก่อนหน้านี้เขาก็ยุ่งกับการหางานแต่ก็ไม่มีใครตอบรับ จนหลังจากนั้นไม่นานเขาก็ได้เข้าทำงานกับกลุ่มหนานเทียนและเขาเองก็ไม่ได้ออกไปไหนเลย ดังนั้นเมืองเคจึงเป็นเหมือนสถานที่ ที่แปลกใหม่สำหรับเขามาก
ทันใดนั้นเอง ภาพของหญิงสาวก็ปรากฏขึ้นมาในใจของมู่หรงเสี่ยวเทียน เธอคือจิงยี่ หญิงสาวช่างตีเหล็กที่มีชื่อเล่นในเกมว่า ไม่มีเงิน เธอนั้นก็มาจากเมืองเคเช่นกัน และเธอนั้นก็ได้มอบที่อยู่ของเธอเอาไว้ให้มู่หรงเสี่ยวเทียนด้วย
“ดูเหมือนว่าฉันจะไม่มีเพื่อนในเมืองเคแล้วจริง ๆ” เมื่อนึกถึงจิงยี่แล้ว มู่หรงเสี่ยวเทียนก็นึกถึงตอนที่จิงยี่เคยช่วยเขาออกอุบายและทำให้กลุ่มนักษัตรตกหลุมพรางและไม่กล้ามาแย่งมอนสเตอร์ของเขา เขาไม่ได้ติดต่อเธออีกเลยตั้งแต่ที่แยกทางกัน และมู่หรงเสี่ยวเทียนนั้นก็ได้คิดไว้ว่าจะมอบจอบเวคินให้เธอเพื่อเป็นการขอบคุณ
ที่อยู่ของจิงยี่ที่เธอให้มา มู่หรงเสี่ยวเทียนระบุได้ในทันที บ้านเลขที่ 18 เฟิงฉ่าย เขตเฉิงเป่ย
“ไม่น่าเชื่อเลยว่าชนชั้นแรงงานจะมีรถหรูหราราคาเป็นล้านขับมากมายเช่นนี้” เมื่อเห็นรถ BMW ที่จอดตรงปากประตู มู่หรงเสี่ยวเทียนก็สูดลมหายใจเข้าไปลึก ๆ
“คุณป้าครับ จิงยี่อาศัยอยู่ที่นี่หรือเปล่า ?” มู่หรงเสี่ยวเทียนที่เพิ่งจะเคาะประตูก็มีคุณป้าอายุราว ๆ 50 ปีออกมา ดูเหมือนจะเป็นแม่บ้าน
“นายเป็นคนที่นี่หรือเปล่า ?” ป้าแม่บ้านมองมู่หรงเสี่ยวเทียนตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยความสงสัย
“เอ่อ คือว่าผมเป็นเพื่อนของเธอ” มู่หรงเสี่ยวเทียนยิ้มแหยง ๆ ออกมา
“ทำไมป้าไม่เคยเห็นนายมาก่อนเลย ?” ป้าแม่บ้านถาม
มู่หรงเสี่ยวเทียนยิ้ม “ผมเพิ่งพบกับเธอไม่นานมานี้ และผมก็มาที่นี่เป็นครั้งแรกครับ”
“เป็นอย่างนี้นี่เอง” ป้าแม่บ้านพยักหน้า จากนั้นเธอก็ส่ายหัวไปมาและถอนหายใจ “พ่อหนุ่ม กลับไปเถอะอย่าเสียเวลาอีกเลย นายมาช้าไป”
“มาช้า ?” มู่หรงเสี่ยวเทียนสับสนอยู่สักพัก “คุณป้าช่วยอธิบายให้ผมฟังได้ไหม ?”
“ดูนั่น นายเห็น BMW คันนั้นไหม ? จิงยี่กำลังจะแต่งงาน” ป้าแม่บ้านพูดออกมาทันที เมื่อพูดถึงเจ้าของรถคันนั้น น้ำเสียงของเธอไม่ได้เย็นชาเหมือนกับตอนพูดกับมู่หรงเสี่ยวเทียน
“แต่งงาน ?” มู่หรงเสี่ยวเทียนตกใจ ดูเหมือนว่าเขาจะมาไม่ทันเวลาจริง ๆ
“พ่อหนุ่ม อย่าเสียใจเลย ยังมีหญิงสาวดี ๆ อีกมากมาย ไปหาเอาใหม่วันข้างหน้านะ” ป้าแม่บ้านจ้องมองมู่หรงเสี่ยวเทียนอย่างน่าเห็นใจ
ทำไมมันเป็นเช่นนี้ มู่หรงเสี่ยวเทียนอึ้งไปเล็กน้อย ดูเหมือนว่าป้าแม่บ้านจะเข้าใจเขาผิดและคิดว่าที่เขามาในวันนี้ก็เพราะว่ามาตามจีบจิงยี่
“พ่อหนุ่ม น่าเสียดายที่นายเองก็ดูเป็นคนซื่อ ๆ ! หลังจากนี้จิงยี่คงจะไม่มีความสุขอีกต่อไป มันก็เหมือนกับดอกไม้ที่กำลังจะถูกปลูกในปุ๋ยขี้วัว (ขี้วัวเป็นปุ๋ย แต่หากเอาดอกไม้มาปลูกในปุ๋ยขี้วัวตรง ๆ มันก็จะเหี่ยวเฉาเพราะเค็มเกินไป) ทำไมเด็กคนนั้นจะต้องรับชะตากรรมเช่นนี้ ?” ป้าแม่บ้านพูดออกมาอย่างหดหู่ ตาของเธอจ้องเขม็งไปที่รถ BMW และส่ายหัวไปมา
“คุณป้าครับ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ช่วยอธิบายให้ชัดเจนกว่านี้จะได้ไหม ? !” ใบหน้าของมู่หรงเสี่ยวเทียนเคร่งขรึม แม้ว่าเขาจะสับสนเล็กน้อยแต่เขาก็รู้สึกสงสารขึ้นมา หลังจากที่ได้ยินคำพูดของป้าแม่บ้านคนนี้ มันดูเหมือนว่าจิงยี่ไม่อยากจะแต่งงานกับเจ้าของรถ BMW คนนั้นเลย ภาพแววตาอันแสนเศร้าของจิงยี่ได้แวบเข้ามาในหัวและบอกเขาว่าจิงยี่นั้นคงจะกำลังมีปัญหาที่ทำให้ไม่สบายใจอยู่
“นายไม่รู้เรื่องของจิงยี่จริง ๆ หรือ ?” ป้าแม่บ้านรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
“ผมไม่รู้จริง ๆ” มู่หรงเสี่ยวเทียนตอบด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมและสีหน้าของเขาก็จริงจังเป็นอย่างมาก
To be continued…