เล่มที่ 1 ตอนที่ 33: ผู้เล่นที่ไม่สามารถเปลี่ยนอาชีพได้ (3)
เล่มที่ 1 ตอนที่ 33: ผู้เล่นที่ไม่สามารถเปลี่ยนอาชีพได้ (3)
มู่หรงเสี่ยวเทียนแอบตะโกนอยู่ในใจ ถ้าใครได้ยินมันคงดังราวกับว่าเป็นเสียงฟ้าผ่าฟ้าร้อง แต่ทว่าภายนอกเขากลับไม่พูดอะไรออกมาสักคำ อุปกรณ์สีเขียวระดับ 6 นั้นเกินกว่าความคาดหมายของเขาเป็นอย่างมาก เขาคิดว่ามันคงจะดีมากถ้าหากไม้เท้าอันนี้เป็นอุปกรณ์สีฟ้าระดับ 4 เขาคาดไม่ถึงว่าระดับของมันจะสูงถึงขนาดนี้ มันทำให้เขาประหลาดใจจนพูดไม่ออก
ใครจะไปคาดคิดได้ว่ามู่หรงเสี่ยวเทียนที่กำลังตื่นเต้นกับอุปกรณ์สีเขียวระดับที่ 6 จะนิ่งสงบได้ขนาดนี้ เมื่อได้รู้ว่าตัวเองจะเป็นคนที่ครอบครองอาวุธที่ราวกับเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่มาจากอนาคต เพราะตอนนี้ไอเท็มที่ระดับสูงที่สุดที่เคยมีมาก็อยู่แค่ระดับ 3 สีม่วงเท่านั้น
เขายังเป็นแค่มือใหม่และหนทางยังอีกยาวไกลเฝ้ารอเขาอยู่
“น้องชาย ขอแสดงความยินดีด้วย !” สายตาของผู้ประเมินนั้นเต็มไปด้วยคำสรรเสริญและความอบอุ่นอย่างลึกซึ้ง “เท่าที่ข้ารู้มา นี่เป็นอุปกรณ์ที่สูงกว่าระดับ 3 ชิ้นแรกที่ปรากฏออกมาในตอนนี้ เจ้านี่โชคดีจริง ๆ !”
“ขอบคุณท่านมาก !”
“นี่ น้องชาย” ผู้ประเมินวัยกลางคนโบกมือเพื่อหยุดการเคลื่อนไหวของเขา “มันไม่ใช่เรื่องดีที่จะเปิดเผยว่ามีไม้เท้าแบบนี้อยู่ในครอบครอง มันเป็นอาวุธระดับสูงซึ่งแน่นอนว่าเมื่อมันถูกประกาศออกไป ของสิ่งนี้จะต้องสร้างความวุ่นวายให้กับเจ้าอย่างแน่นอน” ผู้ประเมินหยุดชะงักเล็กน้อย เขาครุ่นคิดและพูดมันออกมาอย่างมั่นใจ “ข้าคิดว่าเจ้าควรจะซ่อนชื่อของมันเอาไว้ก่อน ไม่งั้นปัญหามากมายจะตามมาไม่รู้จักจบสิ้น”
มู่หรงเสี่ยวเทียนมองไปที่ผู้ประเมินด้วยท่าทางยกย่องและชื่นชม เขายกย่องและชื่นชมในความกระตือรือร้นและจรรยาบรรณในวิชาชีพของชายคนนั้น
มู่หรงเสี่ยวเทียนพยักหน้าขอบคุณผู้ประเมิน ผู้ประเมินก็ปิดการเปิดเผยชื่อของมันในทันที จากนั้นเขาก็รับไม้เท้าที่ผู้ประเมินส่งออกมา ในช่วงเวลานั้นสีของมันหม่นหมองและไม่โดดเด่นอย่างที่เคยเป็นมาก่อน แต่รอบ ๆ ไม้เท้านั้นก็ยังคงปรากฏแสงสีเขียวอ่อน ๆ ออกมาเหมือนเดิม
วินาทีที่มู่หรงเสี่ยวเทียนรับไม้เท้ามาจากผู้ประเมิน ค่าสเตตัสต่าง ๆ ของไม้เท้าก็ปรากฏออกมาต่อหน้าต่อตาของเขา
คฑาอัคคีลึกลับของจักรพรรดิ
ความว่องไว :+10
ความฉลาด :+55
ทักษะเพิ่มเติม: ฝนดาวตกเพลิง ทุก ๆ 100 มานาจะสร้างความเสียหายทางกายภาพ 30 หน่วยแก่เป้าหมายทั้งหมดในรัศมี 50 เมตร
เพิ่มการป้องกันเวทย์มนต์ไฟ : 30 เปอร์เซ็นต์
เวลาคูลดาวน์ : 5 นาที
ข้อจำกัด : เฉพาะนักเวทย์แห่งไฟเท่านั้น
เมื่อเผชิญหน้ากับคุณสมบัติที่ทรงพลังเช่นนั้น มันก็ทำให้มู่หรงเสี่ยวเทียนกลายเป็นใบ้ไปในทันที หลังจากเงียบไปสักพัก เขาก็ถอนหายใจออกมา “ทำไมจะต้องตัดชุดวิวาห์ให้คนอื่นอีกแล้ว ! ? ทั้งสัตว์เลี้ยงระดับ 6 อุปกรณ์ระดับ 6 พูดไปก็น่าเสียดาย เพราะตอนสุดท้ายฉันก็ไม่ได้ใช้งานอยู่ดี !”
“พี่ชาย ขอบคุณมาก” มู่หรงเสี่ยวเทียนแสดงความขอบคุณอย่างจริงใจต่อผู้ประเมิน จากนั้นก็นำไม้เท้าใส่กระเป๋ามิติแล้วก็หันหลังจากไป
“น้องชาย มาหาข้าได้ถ้าหากว่าเจ้าต้องการตรวจสอบระดับของไอเทมอีก ข้ามีชื่อว่า โอวหยางเฟิง” ขณะที่มู่หรงเสี่ยวเทียนผลักประตูออกไป เสียงของผู้ประเมินก็ดังตามหลังเขามา
มู่หรงเสี่ยวเทียนไม่ได้หันหลังกลับไป เขายังคงมุ่งหน้าเดินต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง มีเพียงรอยยิ้มเท่านั้นที่ปรากฏขึ้นมาบนหน้าของเขา “ท่านโอวหยางเฟิง ท่านช่างใจดียิ่งกว่าตาเฒ่าโม่เทียนเสียอีก”
เมื่อนึกถึงโม่เทียน มู่หรงเสี่ยวเทียนก็เร่งฝีเท้าขึ้นมาทันที หน้าของเขาแสดงให้เห็นถึงความดูถูกเหยียดหยามอย่างไม่คาดคิด เขาคิดว่าเขาคงไม่มีทางชนะ และตาเฒ่าสารเลวนั่นคงจะไม่มีวันยอมแพ้และปล่อยให้เขาผ่านการทดสอบไปง่าย ๆ อย่างแน่นอน
เมื่อผลักประตูที่คุ้นเคยเข้าไป เขาก็พบกับใบหน้าของเหล่า NPC ที่ให้การทดสอบที่น่าเบื่อพวกนั้นอีกครั้ง
ในช่วงเวลานั้นสำนักงานเปลี่ยนอาชีพไม่ได้รกร้างเหมือนกับว่าเป็นทะเลทรายเหมือนแต่ก่อนอีกต่อไป ผู้เล่นมากมายเข้า ๆ ออก ๆ เป็นระยะ ๆ
“เจ้าเด็กตัวเหม็น ไม่ใช่ว่าแกลบบัญชีแล้วเปลี่ยนตัวใหม่ไปแล้วหรือ ?” โม่เทียนมองไปที่มู่หรงเสี่ยวเทียนด้วยใบหน้าดุร้าย เขายิ้มและพูดว่า “หรือไม่ก็ยกหางของตัวเองหนีไปที่เมืองอื่นแล้ว”
“ตาเฒ่า อย่าทะนงตัวมากเกินไป ถ้าแน่จริงก็แกล้งผมอีกสิ ผมจะไปแจ้งกับเว็บไซต์เพื่อรายงานการทำงานและทำให้เขาลงโทษโดยลบตัวตนของท่านไป” มู่หรงเสี่ยวเทียนแสดงเจตนาปองร้ายของเขาออกมาอย่างชัดเจน
เมื่อได้ยินเช่นนั้นสีหน้าของโม่เทียนก็ตกตะลึง “เด็กโง่ เจ้าอย่าพูดไร้สาระ ผู้ให้การทดสอบในการเปลี่ยนอาชีพนั้นมีอำนาจที่จะกำหนดภารกิจ !”
“แต่ท่านมั่วเอาเองว่าแกะสองกลุ่มบวกกับแกะสองตัวอะไรพวกนั้นไปมา และคำตอบก็ยืดหยุ่นไปได้ในทุกทาง ถ้างั้นก็ลองให้ผมจับมันมารวมกันมั้ยล่ะ จะได้รู้ว่ามันจะเท่ากับเท่าไหร่กันแน่ !” มู่หรงเสี่ยวเทียนตะโกนออกมาอย่างเย็นชา
“ข้าจะบอกให้นะเจ้าหนู มันเป็นเพราะว่าเจ้าโง่เกินไปยังไงล่ะ !”เมื่อโม่เทียนรู้สึกจนมุม เขาก็โยนความผิดไปที่มู่หรงทันที “แต่มันก็เป็นเรื่องยากในการเปลี่ยนอาชีพสำหรับเจ้าที่สมองไม่ได้มากมายอย่างคนอื่น” โม่เทียนเย้ยหยัน แล้วพูดต่อด้วยน้ำเสียงปกติว่า “บอกตามตรง ภารกิจเปลี่ยนอาชีพระดับ G นั้นเป็นระดับที่ง่ายที่สุด ดังนั้นมันจึงแตกต่างจากภารกิจเปลี่ยนอาชีพอื่น ๆ ที่จะต้องลงสนามจริงถึงจะผ่านการทดสอบ กับอีแค่การตอบคำถามสั้น ๆ อยู่ในห้องสบาย ๆ มันต้องโชคดีจริง ๆ ถึงจะได้มา และทุกคนก็สามารถเปลี่ยนอาชีพได้อย่างง่ายดาย นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมคนที่มีความรู้ถึงทำมันได้อย่างรวดเร็ว แต่บังเอิญข้าต้องมาเจอกับเจ้า แม้ว่าจะโชคดีแต่ก็โง่เง่าที่สุด เรื่องง่าย ๆ ดันทำให้มันกลายเป็นเรื่องยากเสียนี่”
“ผมไม่มีทางที่จะได้ภารกิจระดับ F เลยงั้นหรือ ?” มู่หรงเสี่ยวเทียนรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก
“มีแค่ 10 เปอร์เซ็นต์ ขึ้นอยู่กับดวงของเจ้า !” โม่เทียนจ้องมองมู่หรงเสี่ยวเทียนอย่างดูถูก
“ผมจะไม่เชื่อปีศาจอย่างท่านง่าย ๆ หรอก ตราบใดที่ท่านยังแกล้งผมอยู่แบบนี้ !” มู่หรงเสี่ยวเทียนเดินเข้าไปด้วยใบหน้าจริงจัง
“ข้าพูดจริง !” โม่เทียนตอบกลับไปอย่างเคร่งขรึม
เมื่อเห็นว่าโม่เทียนพูดออกมาอย่างจริงจัง มู่หรงเสี่ยวเทียนก็รู้ตัวว่าไม่ควรจะสร้างปัญหาอีก เขาโล่งอกขึ้นมานิดหน่อย แต่ก็ยังคงเกลียดการทดสอบไอคิวของเด็กอะไรนี่ แต่ถึงแบบนั้นเขาก็ไม่ควรสร้างปัญหาให้กับตัวเอง
รูเล็ตเริ่มหมุนอีกครั้ง
และมันก็ดันหยุดอยู่ที่ภารกิจระดับ G อีกแล้ว!
เมื่อจับการ์ดภารกิจขึ้นมาอีกครั้ง....
ถ่ายโอนภารกิจ: ต่อสู้ให้ใช้อิฐทุบ ทุบเข้าที่ใบหน้า อย่าทุบอย่างไม่เลือก; ในเมื่อทุบไปแล้ว จะทุบคนเดียวได้ไหม ต้องให้เพื่อนช่วยทุบ ออกแรงทุบ มันสะใจดีไม่ใช่หรือ; หากทุบไม่โดนก็ให้ทุบอีกรอบ หากทุบจนตายก็ช่างประไร ! ให้ผู้เล่นต่อประโยควรรคต่อไป
หา ? อะไรกัน ?
มู่หรงเสี่ยวเทียนตกตะลึง ทำไมถึงไม่ใช่เกมประลองไหวพริบแล้วล่ะ ? เปลี่ยนประเด็นซะแล้ว ดูสีหน้าเป็นจริงเป็นจังของโม่เทียนสิ ไม่เหมือนกับเขาที่กำลังคิดไม่ตก ปวดหัวแทบตาย แล้วนี่จะให้ฉันตอบยังไงล่ะเนี่ย
หลังจากที่คิดอย่างถี่ถ้วนแล้ว มู่หรงเสี่ยวเทียนจึงตอบกลับเสียงดังลั่นอย่างมั่นอกมั่นใจว่า “ฆ่าคนต้องใช้มีดฟัน ฟันไปที่หัว ไม่ฟันอย่างไม่เลือก ในเมื่อฟันไปแล้ว จะฟันคนเดียวได้อย่างไร ต้องให้เพื่อนช่วยฟัน ออกแรงฟันให้หนัก แต่อย่าฟันให้ถึงตาย ผู้ฟันไปแล้วไม่สามารถฟันได้อีก แต่ถ้าฟันจนตาย ก็ช่างมันเถอะ”
“โอ้ว มีการพัฒนา” โม่เทียนถอนหายใจและส่ายหัว “น่าเสียดายที่มัน ยังไม่ถูก !” เมื่อฟังคำตอบเช่นนั้น มู่หรงเสี่ยวเทียนหลับตาลงและรอโดนเตะก้นเหมือนทุกทีที่เขาได้ยินคำพูดนี้
To be continued…