ตอนที่ 474 คนที่ทะเยอทะยานเช่นเจ้าไม่ใช่เรื่องผิด แต่คนที่ทำผิดโดยการหลอกลวงผู้อื่นอย่างเจ้าไม่อาจที่จะให้อภัยได้!
ตอนที่ 474 คนที่ทะเยอทะยานอย่างเจ้าไม่ใช่เรื่องผิด แต่คนที่ทำผิดโดยการหลอกลวงผู้อื่นต่างหากที่ไม่อาจที่ให้อภัยได้!
ติดตามแฟนเพจอัพเดทข่าวสารอ่านนิยายก่อนใครได้ที่ FB: ND Translate นิยายแปลไทย
การเคลื่อนไหวอย่างกะทันหันของสาวกจากสำนักไท่ชูทำให้นักบวชเฒ่าหยางปิงตกตะลึง ตัวเขาจ้องมองไปที่ฟืนบนพื้นที่กระจัดกระจายอยู่บนแท่นบูชาสวรรค์ด้วยสีหน้าที่โกรธเคือง หยางปิงชี้ไปที่ผู้คนจากสถาบันไท่ชู “เจ้ากล้าดียังไงกัน! เจ้าเป็นใครถึงได้ขัดขืนต่อเจตจำนงแห่งสวรรค์ได้?”
ผู้ที่เคลื่อนไหวได้ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่แน่วแน่ “ข้าเป็นศิษย์คนแรกของสถานศึกษาไท่ชู เจียงเหรินยี่...เป็นเรื่องธรรมดาที่ข้าจะต้องขัดขวางพิธีกรรมในเมื่อเจ้าพูดปลดเช่นนี้”
หยางปิงสูดลมหายใจก่อนที่จะพูดออกมา “เจ้าไม่มีสิทธิ์ที่จะตัดสินใจว่าอะไรถูกผิด!” หยางปิงไม่คิดมาก่อนว่าจะมีใครสร้างปัญหาในช่วงเวลาอันสำคัญแบบนี้ ในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมาตัวเขาไม่เคยพบปัญหาใดๆ ในการทำพิธีกรรมภายในเมืองมณฑลจิงมาก่อน
ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือสิ่งที่ใช้ในการบูชายัญเป็นคนที่ยังมีชีวิต คนคนนั้นกำลังถูกใช้เป็นเครื่องสังเวย ในพิธีกรรมเต็มไปด้วยผู้ฝึกตนมากมาย มันเป็นพิธีที่มีขนาดใหญ่กว่าที่เคยมีมา แต่ถึงแบบนั้นหยางปิงก็ไม่คิดจะกังวล ความมั่นใจของหยางปิงมาจากความรู้ที่มีรวมไปถึงการสนับสนุนจากชาวเมืองคนธรรมดาทั่วไป
แม้ว่าคนธรรมดาทั่วไปจะอ่อนแอไม่ต่างอะไรกับมด แต่ผู้ฝึกยุทธที่อาศัยอยู่ร่วมกันต่างก็ไม่กล้าคิดจะต่อต้านต่อเจตจำนงของคนธรรมดาทั่วไปอย่างเปิดเผย ท้ายที่สุดแล้วคนธรรมดาก็เป็นรากฐานของผู้ฝึกยุทธ มีเพียงคนธรรมดาเท่านั้นที่จะให้กำเนิดผู้ฝึกยุทธแก่โลกของการฝึกตนได้ แม้แต่จักรพรรดิยังจะต้องโน้มน้าวใจของประชาชน แน่นอนว่าผู้ฝึกยุทธเองก็ไม่ต่างกัน
การโจมตีคนธรรมดาอย่างเปิดเผยมีแต่จะเพิ่มความเกลียดชังและความบาดหมางให้กับหมู่ผู้ฝึกยุทธให้เพิ่มมากขึ้น นี่เป็นกฎที่โลกแห่งนี้มีมาอย่างเนิ่นนาน
เป็นไปตามที่นักบวชเฒ่าคาดไว้ คนทั่วไปเริ่มตำหนิสาวกจากสถานศึกษาไท่ชูแทน
“นางปีศาจสมควรตายแล้ว!”
“สังหารนางปีศาจซะ!”
“เจ้านั่นไม่ควรที่จะปกป้องนางปีศาจ!”
ศิษย์คนแรกของสถานศึกษาไท่ชูตอบกลับมาด้วยเสียงดังฟังชัด “เจ้าเป็นนักบวชชาวเต๋าแท้ๆ แต่เจ้ากลับพูดถึงพิธีกรรมของชนเผ่าอื่นเช่นนี้! เจ้ากล้าดียังไงที่ยอมสังเวยชีวิตมนุษย์ หลอกลวงประชาชนเพื่อประโยชน์ส่วนตัวกัน? ใครกันที่กล้าให้เจ้าทำแบบนี้?”
ใบหน้าของหยางปิงดูมืดมนกว่าเดิม “กล้าดียังไง!”
“สำหรับชาวลัทธิเต๋า พลังลมปราณเป็นพลังที่ก่อให้เกิดทุกสิ่ง สิ่งที่เจ้าพูดน่ะมันไร้สาระ” เจียงเหรินยี่พูดต่อด้วยเสียงดังกังวาน “ช้าได้บอกกับเจ้าเอาไว้แล้วว่าข้าเป็นสาวกแห่งสถาบันไท่ชู ถ้าหากเจ้าเป็นชาวลัทธิเต๋า เจ้าจะกล้าพูดเรื่องไร้สาระเช่นนี้ได้ยังไงกัน! บาปไม่สามารถใช้จิตวิญญาณชำระล้างได้ ความชั่วร้ายอันอัปลักษณ์อย่างงั้นเหรอ? ไร้สาระสิ้นดี! ใครกันที่สอนเจ้าแบบนั้น?”
ผู้ฝึกยุทธที่อยู่ในที่เกิดเหตุต่างก็รู้สึกว่าคำพูดของเจียงเหรินยี่สมเหตุสมผล
ไม่ว่าผู้คนจะส่งเสียงดังมากแค่ไหนแต่สิ่งที่พวกเขาทำได้มีเพียงก่อความรำคาญเท่านั้น พวกเขาไม่อาจเปลี่ยนแปลงเจตจำนงของผู้ฝึกตนได้
ทฤษฎีของการฝึกตนในดินแดนหยานมีจุดกำเนิดมาจากความคิด ความคิดเป็นรากฐานที่ก่อให้เกิดทฤษฎีสำหรับการฝึกตน ทั้งชาวลัทธิขงจื๊อ, ชาวพุทธ และชาวลัทธิเต๋าเองต่างก็ไม่มีพิธีกรรมเช่นนี้ พิธีกรรมการสังเวยชีวิตมันกลับดูคล้ายกับพิธีกรรมของชนเผ่าอื่นแทน ผู้ฝึกตนที่เข้าร่วมสถานศึกษาตระหนักถึงสิ่งนี้ได้ดี
คำพูดของเจียงเหรินยี่ทำให้ผู้คนทั้งหลายต่างก็หยุดคิดชั่วคราว
ในขณะเดียวกันหยางปิงก็ได้แต่ก้าวถอยหลัง
แปะ! แปะ! แปะ!
ในเวลาเดียวกันผู้ฝึกยุทธชุดขาวจากสำนักเฮ้งชูต่างก็ปรบมือขึ้น
เสียงปรบมือที่ดังมากขึ้นดึงดูดความสนใจของผู้ที่มาร่วมชุมนุมได้อย่างง่ายดาย
“สิ่งที่ศิษย์คนแรกของสถานศึกษาไท่ชูพูดถูกทุกอย่าง ข้าเห็นด้วยกับเขา นักบวชชราท่านนี้กำลังถือตนอยู่เหนือชาวเมือง เขาพยายามที่จะปกครองผู้คนด้วยความคิดอันสกปรกอันของชนเผ่าอื่น ข้าขอเสนอให้สังหารนักบวชชั่วนั่นซะ!”
“ฆ่ามันซะ!” สาวกจากสำนักเฮ้งชูตะโกนออกมาอย่างเสียงดังฟังชัด มันเป็นเสียงที่พร้อมเพรียงกันจนน่ากลัว
เสียงที่เต็มไปด้วยพลังลมปราณได้แผ่ทั่วแท่นบูชา
เจียงเหรินยี่ ศิษย์คนแรกแห่งสถานศึกษาไท่ชูคารวะทุกคนก่อนที่จะพูดออกมา “ขอบคุณสำหรับการสนับสนุน ทุกท่าน...” ตัวเขาได้หันไปมองรอบตัวก่อนที่จะพูดออกมาอีกครั้ง “เหล่าชาวเมืองที่รัก พวกเจ้าอย่าได้ถูกนักบวชชั่วผู้นี้หลอกเอาเลย จงเบิกตาของทุกคนให้ดี หญิงสาวที่ถูกตรึงบนไม้กางเขนเป็นนางมารจริงๆ อย่างงั้นเหรอ?”
บนแท่นไม้กางเขน หญิงสาวที่ถูกกล่าวถึงได้แต่กะพริบตาดวงตาคู่โตด้วยความสงสัย
เจียงเหรินยี่พูดต่อ “ตาแก่นี้กำลังทำเหมือนกับชีวิตของคนๆ หนึ่งมีค่าพอๆ กับกองฟาง! สารภาพความผิดของตัวเองออกมาได้แล้ว!”
หยางปิงก้าวถอยหลังไปอีกก้าว เมื่อได้เห็นว่าสถานการณ์ดูไม่เข้าทีหยางปิงก็คิดที่จะบินขึ้นไปบนฟ้า ถ้าหากหยางปิงเลือกที่จะปกป้องตัวเองด้วยคำพูด ตัวเขาก็คงจะพอแก้ตัวได้ แต่เพราะสิ่งที่เจียงเหริงยี่พูดมีเหตุผลมากกว่า เพราะแบบนั้นหยางปิงจึงไม่อาจเอาตัวรอดโดยใช้คำพูดได้ ในเมื่อหยางปิงเลือกจะหนีมันก็ถือเป็นการยอมรับผิดดีๆ นี่เอง
ผู้คนที่มาร่วมชุมนุมต่างก็ตกใจเมื่อเห็นนักบวชเฒ่ากำลังหลบหนี
“คิดหนีอย่างงั้นเหรอ?” จางซงผู้อาวุโสจากสำนักเฮ้งชูรีบชักดาบออกมา ตัวเขาที่ชักดาบไม่รอช้ารีบบินตามหยางปิงไป พลังลมปราณเริ่มโคจรรอบตัวผู้อาวุโสคนนี้มากยิ่งขึ้น และในที่สุดดาบพลังงานทั้งห้าเล่มก็เริ่มหมุนรอบดาบของจางซงเอาไว้ ในตอนที่จางซงผลักฝ่ามือออกไป ในตอนนั้นเองดาบพลังงานก็พุ่งออกมา
ตู๊ม! ตู๊ม! ตู๊ม!
หยางปิงเป็นเพียงผู้ฝึกยุทธระดับล่าง ตัวเขาไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธที่มีพลังวรยุทธถึงขั้นมหาราชครูซะด้วยซ้ำ เพียงชั่วพริบตาเดียวเท่านั้นดาบพลังงานทั้งห้าเล่มก็ได้แทงทะลุหลังของหยางปิงไป นักบวชเฒ่าส่งเสียงร้องลั่นไปทั่วฟ้าอย่างน่าสมเพช
จางซงที่เห็นแบบนั้นตะโกนออกมา “คนที่ทะเยอทะยานเช่นเจ้าไม่ใช่เรื่องผิด แต่คนที่ทำผิดโดยการหลอกลวงผู้อื่นเช่นเจ้าไม่อาจที่จะให้อภัยได้!”
“เยี่ยมมาก! ฆ่ามันซะ!”
เจียงเหรินยี่ศิษย์คนแรกแห่งสถานศึกษาไท่ชูมองไปที่หญิงสาวที่ถูกตรึงบนไม้กางเขน ตัวเขาได้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงอันแน่วแน่ “จากคำสั่งที่ข้าได้รับมาจากท่านอาจารย์ ข้าจะพานางกลับไปยังสถานศึกษาและจัดการเรื่องที่เหลือเอง”
“ช้าก่อน!” จางซงยกมือขึ้นห้าม
“เจ้ามีปัญหาอย่างงั้นเหรอ?”
“ใครจะให้สิทธิ์นี้แก่สถานศึกษาไท่ชูกัน? เจ้าไม่คิดที่ไว้เห็นหน้าสำนักเฮ้งชูของพวกเราเลยอย่างงั้นเหรอ?” จางซงพูดออกมาอย่างเย็นชา
เท่านี้เหตุผลที่ทำให้สำนักเฮ้งชูและสถานศึกษาไท่ชูมาอยู่ที่นี่ก็ถูกเปิดเผยออกมาแล้ว
มีบางอย่างกำลังเคลื่อนไหวอยู่ภายในตัวของเจียงเหรินยี่ แววตาของเขาดูเกรี้ยวกราดก่อนที่จะพูดออกมา “สำนักเฮ้งชูพยายามที่จะสอดมือมายุ่งเรื่องของพวกเราอย่างงั้นสินะ?”
เจียงเหรินยี่เตรียมพร้อมที่จะต่อสู้แล้ว
ชิ๊ง! ชิ๊ง! ชิ๊ง!
เหล่าสาวกจากสำนักเฮ้งชูต่างก็ชักดาบออกจากฝัก
“ใครไม่มีธุระที่นี่ให้ถอยไปซะ!”
คนธรรมดาทั่วไปรู้ได้ทันทีว่ามีเรื่องไม่ปกติเกิดขึ้น พวกเขารีบถอยกลับไปราวกับกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยว ไม่นานนักชาวเมืองทุกคนก็ออกจากแท่นบูชาสวรรค์ไปได้
ในตอนนี้มีเพียงลู่โจวและฮั๊วจงหยางเท่านั้นที่ยังยืนอยู่ที่เดิม และเพราะแบบนั้นทำให้พวกเขาทั้งคู่ดูโดดเด่นขึ้นมา
สาวกจากสำนักเฮ้งชูและสถานศึกษาไท่ชูต่างก็เหลือบมองไปที่พวกเขาทั้งคู่
“คนที่ไม่เกี่ยวข้องไสหัวไปซะ!” จางซงตะโกนออกมาอย่างดุดัน
ฮั๊วจงหยางที่ได้ฟังแบบนั้นส่ายหัว “ข้ามีข้อเสนอที่ดีกว่านั้น”
“หืม?” จางซงและเจียงเหรินยี่ต่างก็สบตากัน
“ทำไมพวกเราไม่ถามความเห็นของนางล่ะ....” ฮั๊วจงหยางชี้ไปยังหญิงสาวที่ถูกตรึงอยู่บนไม้กางเขน
ทุกคนต่างก็ต่อสู้เพื่อแย่งชิงนาง แต่ถึงแบบนั้นกลับไม่มีใครสนใจความเห็นของนางเลย
เมื่อได้ยินเช่นนั้น สาวกจากสำนักเฮ้งชูและสาวกจากสถานศึกษาไท่ชูต่างก็เหลือบมองไปที่นาง
“ข้าเห็นด้วย”
“ข้าเองก็เห็นด้วย”
ตัวแทนของทั้งสองฝ่ายต่างก็จ้องมองหญิงสาวที่ถูกตรึง ทุกฝ่ายต่างก็คาดหวังอยากที่จะได้นางไปครอง
เจียงเหรินยี่เป็นฝ่ายที่เริ่มพูดก่อน “แม่นางไม่ต้องกลัวไป...เจ้าจะพูดอะไรก็ได้ถ้าหากมาอยู่ที่สถานศึกษาไท่ชูกับข้า ถ้าหากเจ้ายอมตามข้ามาเจ้าจะได้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ตัวเจ้าหมายตา” เจียงเหรินยี่พยายามแสดงออกอย่างเป็นมิตรมากที่สุด ตัวเขากลัวที่จะทำให้หญิงสาวคนนี้รู้สึกหวาดกลัว
เด็กสาวก้มหน้าลง นางจ้องมองไปที่เจียงเหรินยี่ก่อนที่จะส่ายหัวอย่างรวดเร็ว
เมื่อได้เห็นแบบนั้นจางซงก็ได้หัวเราะเยาะ “เจียงเหรินยี่ เจ้าควรจะยอมแพ้ไปตั้งแต่เนิ่นๆ จะดีกว่า...สาวน้อยคนนี้จะกลับไปที่สำนักเฮ้งชูกับข้า เจ้าสำนักของพวกเราจะฝึกฝนนางเป็นการส่วนตัวเอง! แน่นอนว่าสาวกทั้งหมดรวมไปถึงผู้อาวุโสก็จะช่วยเหลือนางเช่นกัน!”
หญิงสาวที่ถูกตรึงมองไปที่จางซงก่อนที่จะส่ายหัวอีกครั้ง
“...” จางซงที่เห็นแบบนั้นพูดไม่ออก
เหล่าสาวกจากสถานบันไท่ชูต่างก็หัวเราะเยาะเป็นการแก้แค้น
ในตอนนั้นฮั๊วจงหยางก็ได้พูดออกมา “แม่นาง เจ้ามีชื่อว่าอะไรกัน?”
ลู่โจวยังคงนิ่งเงียบ ไม่ว่าจะยังไงก็ตามตัวเขารู้สึกสนใจเด็กสาวคนนี้มากยิ่งขึ้น นางเป็นใครกันแน่ถึงมีคนมากมายต่อสู้เพื่อแย่งตัวนาง? นอกจากนี้นางยังได้รับสัญญาว่าจะดูแลให้เป็นอย่างดีอีกด้วย ดูเหมือนว่าเรื่องในครั้งนี้จะไม่ใช่เรื่องธรรมดาซะแล้ว
คำถามของฮั๊วจงหยางดึงดูดความสนใจของทุกคนเป็นครั้งที่สอง ทันใดนั้นเองทุกคนก็ตระหนักได้ว่าตัวเองไม่แม้แต่จะถามชื่อของหญิงสาวซะด้วยซ้ำ ทุกคนต่างก็เหลือบมองมาที่หญิงสาวผู้ถูกตรึง
หญิงสาวส่ายหัวอีกครั้ง หญิงสาวที่ถูกตรึงพยายามที่จะสะบัดมือของตัวเอง เชือกที่พันธนาการของนางได้หลุดจากตัวนางจากแรงระเบิดของพลังฝ่ามือไปแล้ว ดังนั้นนางจึงหลุดออกจากไม้กางเขนมาอย่างง่ายดาย หญิงสาวที่ตกลงสู่พื้นได้ยกของที่มีอยู่ในมือขึ้นมาก่อนจะพูดเบาๆ “หอยสังข์”
“หอยสังข์?” ฮั๊วจงหยางยิ้ม “ตกลง ข้าจะเรียกเจ้าว่าหอยสังข์เอง...เจ้าจะไปด้วยกันกับข้าไหมล่ะ?”
ติดตามแฟนเพจอัพเดทข่าวสารอ่านนิยายก่อนใครได้ที่ FB: ND Translate นิยายแปลไทย