ตอนที่แล้วตอนที่ 472 นางไม่เหมือนใคร
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 474 คนที่ทะเยอทะยานเช่นเจ้าไม่ใช่เรื่องผิด แต่คนที่ทำผิดโดยการหลอกลวงผู้อื่นอย่างเจ้าไม่อาจที่จะให้อภัยได้!

ตอนที่ 473 ความชั่วร้ายอันบริสุทธิ์


ตอนที่ 473 ความชั่วร้ายอันบริสุทธิ์

ติดตามแฟนเพจอัพเดทข่าวสารอ่านนิยายก่อนใครได้ที่ FB: ND Translate นิยายแปลไทย 

ฮั๊วจงหยางไม่มีวันจะเชื่อลู่โจวแน่ แม้ว่าตัวเขาจะบอกว่าไม่ได้มาจากสำนักเผิงไหล และสำนักอเวจีก็ไม่ได้บาดหมางอะไรกับสำนักเผิงไหล แต่ลู่โจวก็ไม่คิดว่าฮั๊วจงหยางจะเชื่อฟังคำพูดของตัวเขาอยู่ดี ลู่โจวในตอนนี้ก็เป็นเพียงแค่คนแปลกหน้า เป็นธรรมดาที่คนเราจะรู้จักปกป้องตัวเอง ด้วยเหตุนี้เองลู่โจวจึงรู้ว่าการให้คำตอบที่คลุมเครือก็เพียงพอแล้วที่จะเอาตัวรอดได้

ฮั๊วจงหยางชี้ไปยังทิศตรงกันข้ามกับผู้ใช้ดาบชุดขาว “ผู้คนจากสถานศึกษาไท่ชูเองก็อยู่ที่นี่ด้วย การที่จะพบเจอพวกเขาได้เช่นนี้เป็นเรื่องที่หาได้ยากจริงๆ”

“เจ้ากลัวอย่างงั้นเหรอ?”

“ข้าจะไปกลัวทำไมกัน? ถ้าหากพวกเราสู้กันก็ไม่มีใครรู้อยู่ดีว่าฝ่ายใดจะได้รับชัยชนะ” ฮั๊วจงหยางตอบกลับมา

“การที่เจ้ามีความมั่นใจเป็นเรื่องที่ดี แต่ความมั่นใจที่มีมากเกินไปมีแต่จะทำให้เจ้ากลายเป็นคนหยิ่งผยองก็เท่านั้น” ลู่โจวเห็นตัวอย่างมาแล้ว ทั้งยู่ฉางตงและสีวู่หยาต่างก็เป็นเช่นกัน บางครั้งความมั่นใจที่พวกเขามีก็ได้ช่วยพวกเขาเอาไว้ และบางครั้งมันก็ฉุดรั้งทั้งคู่ได้เช่นกัน ในบรรดาสาวกที่ลู่โจวมี ถ้าหากลู่โจวจะต้องเลือกสาวกที่เก่งที่สุดในการทำภารกิจมาสักคน ตัวเขาก็คงจะเลือกใช้หมิงซี่หยิน ศิษย์คนที่สี่อย่างแน่นอน จนถึงตอนนี้หมิงซี่หยินยังไม่เคยทำให้ลู่โจวต้องผิดหวัง

ฮั๊วจงหยางตอบกลับมาด้วยรอยยิ้ม “ข้าไม่ได้มีความมั่นใจมากจนเกินไป ข้าก็แค่มั่นใจในตัวเองก็เท่านั้น การที่คนเรามีความมั่นใจในตนเองจะทำให้เราแข็งแกร่งขึ้นมาได้ ท่านเองไม่ได้รู้สึกมั่นใจในตัวเองอย่างงั้นเหรอ? ท่านผู้อาวุโสลู่”

แม้ว่าลู่โจวจะมั่นใจในตัวเองมากแค่ไหนแต่ลู่โจวไม่ได้ตอบกลับไป ตัวเขาจ้องมองไปยังแท่นไม้ที่ว่างเปล่าแทน ในตอนนี้พระเอกของงานยังไม่มาถึง ลู่โจวที่เห็นแบบนั้นก็รู้สึกเบื่อ “มาพูดถึงพิธีบูชายัญกันต่อเถอะ”

“ข้าเองก็ไม่รู้อะไรมากมายเกี่ยวกับนาง นอกเหนือจากความสามารถในการพูดภาษาของเหล่าสัตว์ร้ายได้ดูเหมือนนางจะมีพรสวรรค์ในเรื่องของการเล่นดนตรีอยู่ด้วย...ว่ากันว่าในตอนที่นางเป่าหอยสังข์อยู่บนชายฝั่ง เสียงที่นางได้เป่าก็ได้ดึงดูดสัตว์ร้ายจำนวนมากให้มาจู่โจมชาวประมง แต่แน่นอนว่านี่เป็นแค่คำบอกเล่าเท่านั้น ข้าเองก็ไม่อาจตรวจสอบความจริงได้” ฮั๊วจงหยางตอบกลับมา

ในตอนแรกลู่โจวไม่คิดจะสนใจหญิงสาวที่ว่ามากมายอะไร แต่ในตอนนี้ตัวเขาเริ่มรู้สึกสนใจนางขึ้นมาแล้ว สำหรับลู่โจวตัวเขาไม่เคยเห็นผู้ที่มีความสามารถพิเศษเช่นนี้ ความสามารถของนางพิเศษจนทำให้นางจะต้องถูกบูชายัญซะเอง

“ไม่มีใครรู้ว่านางมาจากไหนอย่างงั้นเหรอ?” ลู่โจวถาม

“ถึงแม้ว่านางจะเป็นชนเผ่าอื่นแต่ก็ไม่มีใครรู้อยู่ดี”

“การที่จะมีชนเผ่าอื่นพูดคุยกับสัตว์ร้ายได้ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แต่การที่นางสามารถระดมสรรพสัตว์ให้พวกมันทำอะไรบางอย่างได้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยากจริงๆ” ลู่โจวพูดต่อ

ในขณะที่ลู่โจวและฮั๊วจงหยางกำลังสนทนากัน ในตอนนั้นเองเหล่าฝูงชนก็เริ่มจะหมดความอดทน บางคนถึงกับตะโกนออกมาเพราะขาดความอดทน

“ทำไมถึงได้ใช้เวลานานเช่นนี้? พานางปีศาจมาได้แล้ว!”

“เฮ้! ทุกคนรอมานานแล้ว! ชาวเมืองเองก็กำลังเฝ้าดูอยู่!”

“ชาวเมืองจะกินนอนอย่างเป็นสุขได้ยังไงกันตราบใดที่นางปีศาจนั่นยังมีชีวิตอยู่! เร็วเข้า...”

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับแรงกดดันจากฝูงชน ชายวัยกลางคนที่สวมชุดแปลกๆ ก็ได้ก้าวออกมา ชายคนนั้นสวมหน้ากาก ใบหน้าของเขาถูกแต่งแต้มด้วยสีสันสีสดใส คลื่นเสียงของชายคนนั้นแผ่ไปทั่วฝูงชน มันเป็นคลื่นเสียงที่เดินทางไปไกลเพราะมีพลังลมปราณอยู่ด้วย “นี่คือคำสั่ง”

จากนั้นเองชายผู้แต่งตัวแปลกประหลาดก็ได้มองไปยังดวงอาทิตย์ “ถึงเวลาแล้ว พานางปีศาจออกมาซะ!”

ทันทีที่พูดจบ แท่นบูชาสวรรค์ก็เงียบตัวลง

ทุกคนหันไปทางซ้ายมือ ในตอนนั้นเองมนุษย์ร่างเพรียวบางก็ถูกนำตัวมา คนคนนั้นถูกชายอีกสองคนคอยคุมตัวเองไว้ ในช่วงเวลาที่แสงอาทิตย์กระทบใส่ร่างอันเพรียวบาง ฝูงชนต่างก็อ้าปากค้างด้วยความตกใจ ถ้าหากทุกคนไม่รู้เรื่องทั้งหมด ก็คงจะไม่มีใครคิดว่าหญิงสาวที่ทุกคนเห็นเกี่ยวข้องกับปีศาจ แม้ว่าเสื้อผ้าของนางจะขาดรุ่งริ่ง ผมสีดำดูสกปรกเลอะเทอะ ที่ใบหน้าของนางมีคราบสกปรก เท้าของนางเปลือยเปล่า และมือของนางจะถูกมัดอยู่ก็ตาม แต่ถึงแบบนั้นมันก็ไม่อาจซ่อนโฉมหน้าอันงดงามของนางไว้ได้ ดวงตาคู่โตดูมีประกาย คำว่า ‘ธิดาหอยสังฆ์’ ได้ปรากฏขึ้นในใจของทุกๆ คน

หญิงสาวคนนั้นทำให้ทุกคนรู้สึกสนใจได้ ทุกสายตาที่อยู่บนแท่นบูชาสวรรค์ต่างก็เหลือบมองมาที่นาง

ตุ๊บ! ตุ๊บ! ตุ๊บ!

เสียงเดินของนางบนแท่นไม้ดังกึกก้องไปในอากาศ นี่เป็นเสียงเดียวที่จะได้ยินจากแท่นบูชาสวรรค์

เมื่อนางเดินไปที่ใจกลางแท่น ฝูงชนก็เริ่มเกิดความโกลาหล

ฮั๊วจงหยางและลู่โจวต่างก็เหลือบมองนาง

ลู่โจวรู้ยิ่งรู้สึกสงสัยกับเรื่องในครั้งนี้เข้าไปอีก ดวงตาแห่งสัจธรรมที่ลู่โจวมีไม่สามารถมองข้อมูลอะไรของหญิงสาวคนนี้ได้เลย นี่มันหมายความว่าอะไรกัน?

ลู่โจวสงสัยว่าระบบจงใจที่จะมอบภารกิจเกี่ยวกับนางให้หรือไม่? จากที่ลู่โจวรู้ในตอนนี้หญิงสาวคนนั้นไม่ได้มีพลังลมปราณไหลเวียนอยู่ นางไม่ใช่ผู้ฝึกตนซะด้วยซ้ำ ถ้าหากเป็นแบบนั้นจริงนางจะไปปลุกระดมสัตว์ร้ายให้โจมตีผู้คนได้ยังไงกัน?

ในเวลาเดียวกัน ฝูงชนต่างก็สบตากันก่อนที่จะเหลือบมองไปที่หญิงสาวคนนั้น จากนั้นฝูงชนก็เริ่มตะโกน “นางปีศาจ!”

หญิงสาวยิ่งดูสับสน มันดูสับสนราวกับว่านางไม่เข้าใจเลยว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ น่าแปลกที่นางดูสับสน นางไม่ได้รู้สึกกลัวหรือประหม่าเลย เห็นได้ชัดว่านางแค่สับสน

ในเวลานั้นเองนักบวชที่อยู่บนแท่นบูชาสวรรค์ก็ได้เหลือบมองลงมา “พานางมาซะ!”

“ครับ!” ผู้ฝึกตนสองคนได้ส่งพลังเพื่อที่จะพาเด็กสาวขึ้นไปบนแท่นไม้

จากนั้นนักบวชผู้อยู่บนแท่นก็ได้สะบัดแส้หางม้าของตน

แส้ที่ถูกแปรเปลี่ยนเป็นเชือกได้พันธนาการหญิงสาวไว้บนไม้กางเขน

“รู้ไหมทำไมนางถึงได้ถูกมัด?” ลู่โจวถามออกมา

“ข้าเองก็ไม่ทราบ...” ฮั๊วจงหยางส่ายหัว

“เจ้าคิดว่านางเองก็เป็นปีศาจเหมือนกันเหรอ?” ลู่โจวถามออกมาอีกครั้ง

“นางดูไม่เหมือนใคร”

“ทำไมถึงได้คิดแบบนั้นล่ะ?”

“ข้าก็แค่รู้สึกแบบนั้น” ฮั๊วจงหยางจำภารกิจของตัวเองได้ดี แน่นอนว่าตัวเขาไม่มีทางลืมว่ามายังแท่นบูชาสวรรค์ทำไม “แล้วท่านผู้อาวุโสลู่คิดว่าอะไรกัน?”

“ข้าคิดว่านางเป็นปีศาจสาว” ลู่โจวตอบกลับมา

“ทำไมท่านถึงได้คิดแบบนั้นล่ะ?”

ลู่โจววางมือไขว้หลังก่อนที่จะพูดออกมาอย่างช้าๆ “นางทั้งไม่แปลกใจ ไม่หวั่นไหว ไม่ตื่นตระหนก และยังไม่เกรงกลัว...เจ้าคิดว่าหญิงสาวธรรมดาแบบไหนกันล่ะที่จะสามารถสงบใจได้เช่นนี้?”

“นางไม่ได้มีพลังลมปราณอยู่ภายในตัว นางจะเป็นผู้บ่งการสัตว์ร้ายได้ยังไงกัน?”

“นางเพิ่งจะมีอายุได้เพียง 16 ปีเท่านั้น เจ้าจะอธิบายยังไงกันเมื่อไม่มีคนรู้หัวนอนปลายเท้าของนาง แม้แต่ชื่อของนางเองก็ไม่มีใครล่วงรู้”

คำพูดของลู่โจวทำให้ฮั๊วจงหยางพูดไม่ออก

เมื่อเห็นแบบนั้นลู่โจวก็ได้ยิ้มออกมาจางๆ โดยที่ไม่พูดอะไรอีก ดูเหมือนว่าฮั๊วจงหยางจะมาที่นี่ก็เพื่อช่วยเหลือหญิงสาวคนนี้ไม่ผิดแน่ ไม่จำเป็นเลยที่จะต้องถามคำถามเพื่อยืนยันความมั่นใจอีกต่อไป

นักบวชบนแท่นบูชาสวรรค์เหลือบมองดวงอาทิตย์อีกครั้งก่อนที่จะพูดออกมา “ถึงเวลาแล้ว...พวกเราจะเริ่มบูชาสวรรค์เดี๋ยวนี้!”

ก๊อง!

เสียงระฆังได้ดังขึ้น มันเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าพิธีกรรมกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว

ทุกคนที่อยู่ต่างก็เหลือบมองไปยังนักบวชเฒ่า

ในทางกลับกันผู้คนจากสำนักเฮ้งชูและสถานศึกษาไท่ชูต่างก็จ้องมองกันและกัน แม้ว่าจะจ้องมองกันแค่ไหนแต่ก็ไม่มีใครเริ่มเคลื่อนไหว มันดูเหมือนกับว่าพวกเขามาที่นี่ก็เพื่อที่จะดูแลพิธีกรรมเท่านั้น

นักบวชเฒ่าได้พูดต่อ “ข้าคือหยางปิงแห่งหุบเขาวายุ พวกเราขอเป็นตัวแทนชำระบาปของปีศาจสาวนางนี้ในนามของสวรรค์ ในยามที่เจ้าถูกเผาจนเหลือแต่เถ้าถ่าน ในยามที่ร่างกายของเจ้าต้องจมดิ่งสู่พื้นมหาสมุทร ในยามที่จิตวิญญาณของเจ้าที่ร่อนเร่จนเหนื่อยล้า ในยามนั้นเจ้าก็จะถูกทดสอบ บาปที่คงอยู่ในจิตวิญญาณมีแต่จะต้องถูกชำระ ไม่มีที่แห่งใดจะแบกรับความชั่วร้ายอันอัปลักษณ์นี้ได้ การชำระบาปที่ดีที่สุดของเจ้ามีแต่จะต้องถูกเปลวไฟแผดเผา เผานางซะ!” หลังจากที่กล่าวสุนทรพจน์อันยาวนาน นักบวชชราก็เริ่มโบกมือ

ในตอนที่ฟืนลุกเป็นไฟดวงตาของทุกคนก็เริ่มเบิกกว้าง

พรึ๊บ!

เปลวไฟเริ่มส่องประกายโชติช่วงในทันที

ในเวลานี้หญิงสาวที่ถูกตรึงอยู่บนไม้กางเขนได้แต่เหลือบมองลงมาที่ไฟด้วยสีหน้าที่ดูสับสนยิ่งกว่าเดิม

ตู๊ม!

ในตอนนั้นเองสาวกจากสถานศึกษาไท่ชูก็ได้ปล่อยพลังฝ่ามือออกมา พลังฝ่ามือที่ถูกปล่อยกระจัดกระจายไปบนฟืนที่กำลังมอดไหม้

ติดตามแฟนเพจอัพเดทข่าวสารอ่านนิยายก่อนใครได้ที่ FB: ND Translate นิยายแปลไทย 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด