Ep.12
Ep.12
เฉินตงเป็นลูกชายของรองผู้นำเฉินไห่หยาง หากเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น ต่อให้หวู่หยางเป็นหัวหน้าทหารรับจ้าง เขาก็ไม่สามารถให้คำอธิบายได้
“ครับ ทั้งหมดเป็นเรื่องจริง” ซูเฉินพยักหน้ายืนยันหนักแน่น
หวู่หยางสังเกตสีหน้าของซูเฉิน มันไม่มีร่องรอยว่าจะโกหกเลย สุดท้ายถอนหายใจเฮือกใหญ่ หันไปตะโกนบอกทหารยามคนหนึ่งมา “ใครก็ได้! ไปเชิญรองผู้นำเฉินมาที”
“รับทราบครับ” ทหารยามคนหนึ่งตอบ วิ่งลับสายตาไป
ซูเฉินยืนอยู่ข้างๆหวู่หยางด้วยความสงบ แต่ลึกๆแล้วข้างในใจรู้สึกอิ่มเอมอย่างบอกไม่ถูก
ไม่นานนัก เฉินไห่หยางก็พุ่งเข้ามาด้วยท่าทีมุ่งร้าย ทันทีที่มาถึงประตู เขาก็ตะโกนใส่หวู่หยางด้วยความโกรธ “หวู่หยาง เกิดอะไรขึ้น? ทำไมลูกชายฉันยังไม่กลับมา?”
หวู่หยางขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่ชอบใจนักกับทัศนคติที่เฉินไห่หยางแสดงกับตน อย่างไรก็ตาม เขายังคงอดกลั้นและอธิบายว่า “เฉินตงกับคนอื่นๆถูกซอมบี้จำนวนมากโจมตี พวกเขาอาจจะติดอยู่ในวงล้อม และไม่สามารถหนีออกมาได้”
คำอธิบายของหวู่หยางค่อนข้างฟังดูดี แต่อันที่จริงทุกคนสามารถจับใจความได้ ว่าการตกอยู่ในวงล้อมของซอมบี้จำนวนมาก ผลลัพธ์คือความตายสถานเดียว
เห็นได้ชัดว่าเฉินไห่หยางไม่พอใจกับคำอธิบายนี้ ใบหน้าของเขาปูดโปนไปด้วยเส้นเลือด หันขวับมาถลึงมองซูเฉินอย่างเดือดดาล “ลูกชายฉันติดอยู่ในวงล้อม แล้วทำไมแกถึงหนีออกมาได้?”
ซูเฉินอยู่ทีมเดียวกับเฉินตง เฉินไห่หยางเคยเห็นเขามาก่อน ดังนั้นจดจำได้ในทันที
ซูเฉินคิดคำตอบมาก่อนแล้ว ตอบกลับไปว่า “ตอนนั้นพวกเราแยกกันค้นหาเสบียง จู่ๆมีซอมบี้จำนวนมากบุกเข้ามาเลยแยกกันหนี นี่ไม่ได้หมายความว่าเฉินตงและคนอื่นๆในทีมจะถูกพวกซอมบี้ล้อมกรอบเสมอไป บางทีพวกเขาอาจหลบไปอยู่ในที่ปลอดภัยสักแห่งแล้วก็ได้ เพียงแต่ว่าตอนนี้ยังออกมาไม่ได้ก็เท่านั้นเอง”
“จะใช่อย่างนั้นแน่หรือ?”
เฉินไห่หยางแค่นเสียงหัวเราะ เดินเข้าหาซูเฉิน แววตาทอประกายเย็นยะเยือก เอ่ยปากถามด้วยท่าทีสอบปากคำว่า “เฉินตงกับคนอื่นๆแข็งแกร่งกว่าแกแท้ๆ แล้วทำไมถึงมีแค่แกที่กลับมา แต่พวกเขาไม่? แกปิดบังอะไรไว้กันแน่!!”
เฉินไห่หยางโกรธสุดๆแล้วในเวลานี้ ต่อให้สิ่งที่ซูเฉินเล่ามาเป็นเรื่องจริง แต่เขาก็ไม่คิดจะเชื่อซูเฉินอยู่ดี
ม่านตาของซูเฉินหดลีบลง เจตนาสังหารวาบผ่านเข้ามา แต่ก็หายไปแทบจะในทันที
ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขา ใช่ว่าจะสู้กับเฉินไห่หยางไม่ได้
แต่เมื่อคิดว่าเฉินไห่หยางเป็นผู้วิวัฒนาการเลเวล 1 เช่นกัน แถมตำแหน่งในสถานชุมชนเทียนหนานยังสูงมาก หากอีกฝ่ายตาย เขาคงได้กลายเป็นศัตรูของทั้งสถานชุมชน
ถึงเวลานั้น ตนคงถูกปิดล้อมโดยผู้วิวัฒนาการหลายคน หากคิดอาศัยอยู่ในเทียนหนานต่อไป คงเป็นไปไม่ได้
“ถ้าไม่เชื่อผมก็คงช่วยไม่ได้” ซูเฉินเก็บเจตนาฆ่าไว้ในใจ อ้าแขนผายสองมือ เพิกเฉยต่อท่าทีคุกคามของเฉินไห่หยาง
มองมายังท่าทีมั่นอกมั่นใจ ทั้งยังกล้าหาญเช่นนี้ของซูเฉิน ความโกรธของเฉินไห่หยางยิ่งไม่ลดลง ตวาดขู่อย่างเดือดดาล “ดูเหมือนว่าถ้าไม่ทำให้แกเจ็บตัวซะบ้าง คงไม่ยอมคายความจริงออกมา”
สิ้นเสียงนี้ อีกฝ่ายก็ง้างฝ่ามือขึ้น เตรียมสั่งสอนซูเฉิน
หวู่หยางที่อยู่ข้างๆทนไม่ไหวอีกต่อไป เฉินไห่หยางทำตัวเย่อหยิ่ง อาละวาดในถิ่นเขาไม่พอ ยังคิดมอบบทเรียนให้แก่ลูกน้องตนแบบต่อหน้าต่อตาอีก
หากเรื่องนี้แพร่ออกไป ศักศรีดิ์ในฐานะหัวหน้าทหารรับจ้างของเขาจะไปอยู่ที่ไหน? ในอนาคตจะยังเป็นควบคุมใครได้อีก
“รองผู้นำ! ค่อยๆพูดค่อยจา!” หวู่หยางก้าวออกมายืนบังซูเฉิน
“หวู่หยาง นี่นายคิดปกป้องมัน?” เฉินไห่หยางกัดฟัน สีหน้าของเขายิ่งนานยิ่งดุร้ายขึ้นเรื่อยๆ
ไฟแห่งความโกรธของหวู่หยางลุกโชนขึ้นเช่นกัน เขาไว้หน้าเฉินไห่หยางมากพอแล้ว แต่เฉินไห่หยางก็ยังอาละวาดไม่ยอมหยุด
เขาไม่ใช่มนุษย์ที่ปั้นขึ้นมาจากดินเผา ถึงเวลาก็โกรธเป็นเหมือนกัน ยิ่งไปกว่านั้นสถานะของหวู่หยางในสถานชุมชนเทียนหนานไม่ได้ด้อยไปกว่าเฉินไห่หยางเลย
หวู่หยางกล่าวเสียงเย็น “รองหัวหน้า นายไม่สามารถทำอะไรซูเฉินได้จนกว่าทุกอย่างจะได้รับการพิสูจน์ นี่คือกฏของสถานชุมชนเทียนหนาน”
เมื่อหวู่หยางเถียงกลับมา เฉินไห่หยางก็ชะงักไป
เพราะในสถานชุมชนเทียนหนานมีกฏที่ว่าอยู่จริงๆ กรณีที่ไม่มีหลักฐานและพยานใดๆ เจ้าทุกข์จะไม่สามารถทำร้ายสมาชิกในสถานชุมชนเทียนหนานได้
นี่คือกฏตายตัวที่ถูกเสนอขึ้นโดยผู้นำจิ่นเฟยซี
ต่อให้เฉินไห่หยางเป็นถึงรองผู้นำ แต่เขาก็ยังไม่กล้าฝ่าฝืนคำสั่งอยู่ดี
เนื่องจากจิ่นเฟยซีเป็นผู้วิวัฒนาการเลเวล 2 หากอีกฝ่ายโกรธขึ้นมา นั่นไม่ใช่สถานการณ์ที่เฉินไห่หยางจะรับมือได้