บทที่ 413
เกือบชั่วยามการปะทะกันที่ดุเดือดของเนี่ยฟงและปีศาจทั้งสามตนทำให้พื้นดินทั่วเขาอู่เทียนปิงสั่นสะเทือนไปทั่วบริเวณ ควันสีดำแผ่กระจายอย่างรวดเร็วมันดูดกลืนเลือดจากซากศพของคนจากลัทธิสวรรค์ที่ตกตายในค่ายต่าง ๆ มาเสริมพลังให้แก่ปีศาจทั้งสามอย่างมหาศาล ดาบในมือของเนี่ยฟงถึงแม้จะเพิ่มพลังปราณไปถึงห้าส่วนก็ไม่สามารถเรียกบาดแผลจากพวกมันได้แม้แต่น้อยมีแต่เสื้อผ้าของเขาที่่ขาดหลุดรุ่ยจากการปะทะ ทันใดนั้นเองดวงตาของพวกมันสว่างวาบเป็นสีแดงพวกมันร้องคำรามกระหน่ำโจมตีหมายสังหารชายหนุ่มด้านหน้า เกราะสายฟ้านับสิบหมุนวนรอบกายต้านรับ เนี่ยฟงใช้จังหวะนั้นหันไปมองรอบด้านไม่นานเขาจ้องมองไปที่เกราะสายฟ้าด้านหน้าพร้อมกับแสยะยิ้ม
“มีอะไรรึไอ้หนู?”
“ข้าเข้าใจแล้วขอรับว่าเหตุใดดาบในมือถึงเรียกบาดแผลจากพวกมันไม่ได้ หรือจะกล่าวให้ถูกคือมันฟื้นฟูร่างกายอย่างรวดเร็วจากควันสีดำพวกนี้ขอรับ”
เนี่ยฟงเร่งโคจรลมปราณไปที่ดาบในมือจ้วงแทงลงพื้นอีกครั้ง ปรากฏวงอักขระศักดิ์สิทธิ์ออกมาดูดกลืนควันสีดำ ทันใดนั้นเองเขารีบสะบัดมือขวาซัดกงล้อสะท้านฟ้าทั้งสองออกไป ทันทีที่กงล้อทั้งสองผ่านร่างกายของปีศาจตนหนึ่งมันร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดเลือดสีดำไหลออกมาจากบาดแผล ปีศาจอีกสองตนต่างหวาดกลัวก้าวถอยออกไป
“เหตุใดพวกเจ้าถึงไม่เข้ามาเล่า หรือพวกเจ้าหวาดกลัวที่จะถูกข้าสังหาร”
เนี่ยฟงยกมือทั้งสองขึ้นคว้าจับกงล้อ
“ในเมื่อพวกเจ้าเปิดเผยจุดอ่อนแล้ว เช่นนั้นก็จงตกตายเสียเถอะ”
เนี่ยฟงถีบเท้าพุ่งเข้าหาปีศาจตนหนึ่งทางขวามือพร้อมตวัดกงล้อในมือทั้งสอง ไม่ถึงสิบลมหายใจปีศาจตนนั้นก็ถูกสังหารตกตายไปอย่างรวดเร็ว ปีศาจอีกสองตนเริ่มถูกความหวาดเกาะกุมหัวใจ ไม่นานพวกมันก็ถีบเท้าพุ่งลงมาจากเขาเพื่อหลบหนี
“พวกเจ้ายังคิดที่จะหนีอีกอย่างนั้นรึ”
เนี่ยฟงใช้ทักษะจิตแห่งเทพมังกรอย่างสุดกำลังพร้อมกับซัดกงล้อสะท้านฟ้าทั้งสองออกไป ปีศาจทั้งสองตนตัวสั่นสะท้านยืนนิ่งค้าง กงล้อสะท้านฟ้าพุ่งผ่านลำคอศีรษะกระเด็นร่วงลงพื้น เนี่ยฟงสะบัดมือขวาเรียกเก็บกงล้อสะท้านฟ้าเอาไว้ในแหวน เขาถึงกับลงไปนั่งบนพื้นด้วยความเหนื่อยหอบเก็บดาบเอาไว้ในแหวนพร้อมกับนั่งโคจรลมปราณ ชั่วน้ำเดือดเนี่ยฟงขมวดคิ้วหันไปมองรอบด้าน ผีดิบหลายพันตนก้าวเดินเข้ามาล้อมตัวเขาเอาไว้
“บัดซบ! ไม่คิดจะให้ข้าได้พักเลยรึ!”
วงอักขระศักดิ์สิทธิ์ปรากฏที่ด้านหลังเขาพุ่งทะยานขึ้นท้องฟ้าซัดกระบี่ขาวจักรพรรดิลงไปที่พื้น ประกายสายฟ้าพุ่งออกจากกระบี่ขาวจักรพรรดิกลายเป็นวงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีฟ้าขนาดใหญ่ ผีดิบทั้งหมดล้วนอยู่ภายในวงอักขระศักดิ์สิทธิ์ สายฟ้าและเปลวเพลิงพุ่งออกมาจากมาโจมตี เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง! พื้นดินถึงกับยุบตัวลงจากการโจมตี ไม่นานเนี่ยฟงก็สะบัดมือขวาเก็บกระบี่ขาวจักรพรรดิ เพื่อความแน่ใจเขาแผ่ลมปราณตรวจสอบอีกครั้ง เกือบครึ่งเค่อเมื่อไม่พบสิ่งใดผิดปกติเขาจึงพุ่งทะยานกลับไปที่เมือง
ข่าวลัทธิสวรรค์ถูกทำลายแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว เนี่ยฟงได้ปล่อยข่าวเสริมไปด้วยว่ากลุ่มมังกรฟ้าที่มีเตียวมู่ถังเป็นหัวหน้าเป็นคนสังหารหม่าซือเทียน แน่นอนว่ามีชาวยุทธมากมายไม่เชื่อถือและต่างเดินทางมาที่นี่เพื่อประลองฝีมือ เงินทองที่ได้มาจากจวนเจ้าเมืองถูกใช้จ่ายจนเกือบหมดสำหรับการซ่อมแซมเมือง หยุยเหลยถูกรักษาตัวอย่างดีที่ตระกูลลู่โดยมีลู่ไป๋เหมยดูแลไม่ห่าง ส่วนเนี่ยฟง เตียวมู่ถัง ซวี่ซง และแป๊ะซือ ทุก ๆ วันคนทั้งสี่จะออกไปตรวจดูความเรียบร้อยรอบเมืองแน่นอนมันเป็นเพียงข้ออ้าง เนี่ยฟงได้จัดการวางค่ายกลเอาไว้และคอยสอนซวี่ซงและแป๊ะซือสำหรับการเปิดใช้งานค่ายกลสำหรับป้องกันเมืองหากมีสัตว์อสูรหรือผู้ใดที่คิดโจมตีเมือง
ผ่านไปเกือบเดือนตอนนี้เมืองถูกซ่อมแซมจนเสร็จสิ้นทั้งหมด กำแพงรอบด้านเนี่ยฟงประทับวงอักขระศักดิ์สิทธิ์เสริมความแข็งแกร่ง เย็นวันนั้นเองที่จวนเจ้าเมืองมีจัดการแต่งงานให้แก่หยุยเหลยและลู่ไป๋เหมย ซวี่ซงและแป๊ะซือเป็นเถ้าแก่ใหญ่สำหรับการไปสู่ขอ ชาวเมืองต่างเข้ามาร่วมงาน รุ่งเช้าด้านหน้าของเมืองก็มีเหตุบางอย่างเกิดขึ้น มียอดฝีมือกลุ่มใหญ่เอ่ยวาจาเสียงดังลั่นท้าประลองกับเตียวมู่ถัง ผู้คนทั้งหมดที่อยู่ในเมืองต่างขึ้นไปมองดูที่บนกำแพง เมื่อกลุ่มของเตียวมู่ถังเดินออกมานอกเมืองก็พบกับ ฟู่ซีหมิง หลงซือไท่ เหลียงเกากลุ่มคนจากวังเมฆา และไป๋มู่ถันรวมกลับชาวยุทธ์อีกนับสิบคน ฟู่ซีหมิงหรี่ตามองด้านหน้าไม่พบเห็นเนี่ยฟงจึงแสยะยิ้มก้าวเดินออกมา
“ข้ามาที่นี่เพื่อท้าประลองเจ้า เตียวมู่ถัง เพราะข้าไม่เชื่อว่าเจ้าจะมีฝีมือมากพอที่จะสังหารหม่าซือเทียนและกวาดล้างคนของลัทธิสวรรค์ทั้งหมด”
เตียวมู่ถังผายมือทั้งสองก้าวเดินออกมา
“ได้ หากพวกท่านคิดท้าประลอง แต่การประลองดาบและกระบี่ล้วนไม่มีตาข้าต้องขออภัยหากพลั้งมือสังหารพวกท่าน”
ฟู่ซีหมิงหัวเราะเสียงดังลั่น
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า เจ้ากล่าวออกมาเช่นนั้นคิดจะสังหารพวกข้าอย่างนั้นรึ?”
“ข้าเพียงแค่กล่าวเตือนพวกท่าน หากคำเตือนนั้นไม่หนักแน่นมากพอ ผู้ใดจะมาประลองก่อน”
“เหอะ! ตอนนี้เจ้าไม่มีเด็กบัดซบนั้นอยู่ที่นี่ สวะเช่นเจ้าเพียงข้าผู้เดียวก็เพียงพอแล้ว”
ฟู่ซีหมิงสะบัดมือซ้ายถือกระบี่พุ่งทะยานเข้าหาเตียวมู่ถัง เสียงกระบี่ถูกชักออกจากฝัก เช่นเดียวกับเตียวมู่ถังที่สะบัดมือขวากำชับดาบในมือพร้อมกับฟาดฟัน เคร้ง! ใบกระบี่หักครึ่งกระเด็นร่วงลงพื้นคมดาบวาดผ่านหัวไหล่ด้านซ้ายไปถึงเอวด้านขวา เลือดสีแดงพุ่งกระฉูดจากบาดแผลและปาก ฟู่ซีหมิงถึงกับตกตายภายในดาบเดียว ผู้คนที่เหลือต่างยืนตัวสั่นสะท้าน
“ในอดีตข้าอาจจะสู้เจ้าไม่ได้แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว”
เตียวมู่ถังหรี่ตามองคนที่เหลือ
“พวกเจ้ายังคิดที่จะประลองกับข้าอีกหรือไม่ หากไม่เช่นนั้นก็จงไสหัวออกไปจากที่นี่ซะอย่าให้ข้าเห็นหน้าพวกเจ้าอีก”
หลงซือไท่ชี้นิ้วมือขวามาที่เตียวมู่ถัง
“อย่าคิดว่าเจ้ามีเด็กบัดซบนั้นหนุนหลังแล้วจะทำสิ่งใดก็ได้อย่างนั้นรึ เรื่องนี้ต้องถึงหูท่านประมุขเป็นแน่ อีกอย่างพวกเจ้าถือสิทธิ์มาปกครองเมืองแห่งนี้ พวกเจ้าไม่เกรงกลัวต่อผู้ปกครองแคว้นอย่างนั้นรึ”
“เหอะ เจ้าคิดจะขู่ข้าอย่างนั้นรึ ข้าจะกล่าวต่อพวกเจ้าทั้งหมดก็แล้วกัน หากผู้ปกครองแคว้นมีอำนาจจริงเหตุใดถึงได้ปล่อยให้คนจากลัทธิสวรรค์มีอำนาจเช่นในอดีต เมืองแห่งนี้ถูกทำลายมากกว่าครึ่งผู้คนส่วนใหญ่ล้มตายจากการถูกคนจากลัทธิสวรรค์สังหาร เจ้าเมืองบัดซบรีดไถชาวเมืองกักตุนอาหารไม่แม้แต่จะคิดช่วยเหลือชาวเมือง หากไม่มีพวกข้ากลุ่มมังกรฟ้ามาที่นี่ พวกเจ้าคิดว่าชาวเมืองทั้งหมดจะอยู่ในสภาพเช่นไร หญิงสาวหลายครอบครัวต้องเป็นหม้าย เด็กน้อยหลายคนต้องเป็นกำพร้า เมื่อชาวบ้านต้องการความช่วยเหลือข้าไม่เห็นหัวพวกเจ้าแม้แต่น้อย กล่าวตามตรงพวกเจ้าไม่ละอายใจบ้างรึ”
เตียวมู่ถังก้าวเดินเข้าหาหลงซือไท่
“หากข้าสังหารพวกเจ้าทั้งหมดที่นี่ละ พวกเจ้าคิดว่าจะมีชีวิตรอดออกไปได้อย่างนั้นรึ”
หลงซือไท่ถึงกับหวาดกลัวก้าวเท้าเดินถอยหลังสะดุดขาตัวเองล้มลงไปนั่งกับพื้น
“เห็นแก่ความที่ข้าเคยเป็นคนจากวังเมฆา ข้าจะให้โอกาสพวกเจ้าหลบหนีภายในสามลมหายใจ”
เตียวมู่ถังสูดลมหายใจเข้าปอด
“หนึ่ง”
ทันทีที่เตียวมู่ถังเริ่มนับ เหลียงเการีบเข้าไปพยุงหลงซือไท่ลุกขึ้นพวกเขาทั้งสองรีบถีบเท้าหลบหนีไม่แม้แต่จะนำศพของฟู่ซีหมิงกลับไปด้วย ทันทีที่เห็นทั้งสองหลบหนีคนที่เหลือก็ถีบเท้าพุ่งทะยานหลบหนีติดตาม เนี่ยฟงที่ยืนอยู่บนกำแพงเอ่ยวาจาผ่านลมปราณไปที่เตียวมู่ถัง
“ข้าคิดว่าพวกมันต้องกลับมาที่นี่อีก เมื่อถึงเวลานั้นพี่ชายมู่ถังจะลงมือสังหารพวกมันทั้งหมดนะขอรับ”
เตียวมู่ถังเอ่ยวาจาออกมาเสียงดังลั่น
“เมืองแห่งนี้ถูกปกครองโดยกลุ่มมังกรฟ้า หากผู้ใดคิดที่จะลองดีจุดจบของมันจะเป็นเช่นคนผู้นี้”
สิ้นเสียงกล่าวเขาก้าวเดินเข้ามาที่ซากศพของฟู่ซีหมิง เขาปลดแหวนในมือออกมาหลังจากนั้นจึงเร่งโคจรลมปราณไปที่ดาบฟาดฟันไปที่ซากศพ ปราณดาบพุ่งเข้าปะทะเสียงดังสนั่น เปรี้ยง! ตูม! พื้นดินปรากฏเพียงรอยผ่าของปราณดาบส่วนซากศพถูกทำลายจนไม่เหลือชิ้นดี เสียงตะโกนโห่ร้องด้วยความดีใจของชาวเมืองดังลั่นไปทั่วบริเวณ