[Rewrite,อ่านฟรี] Special District 9 ตอนที่ 125 พี่น้องต่างสายเลือด
ตอนที่ 125 พี่น้องต่างสายเลือด
ระหว่างทางขึ้นเนินเขา ชายหนุ่มคนหนึ่งถือถุงผ้ายาวเป็นลำตอบผ่านวิทยุสื่อสารด้วยเสียงแผ่วเบา “ยังหาสถานที่อยู่ ล็อกไม่ได้ในขณะนี้”
“อีกนานแค่ไหน?”
“หนึ่งนาที”
“อืม น้องชายของฉันจะต้องตายแปดร้อยครั้งในหนึ่งนาที” ชายหนุ่มบนที่นั่งผู้โดยสารในรถจ้องมองและตะโกนใส่วิทยุ “นายไม่จำเป็นต้องเลือกตรงที่ดีที่สุด หากนายสามารถถือปืนได้ ก็ตรงนั้นแหละ”
“โอเค”
……
หลังก้อนหินใหญ่
ประสาทสัมผัสร่างกายส่วนบนของฉินหยู่หยุดทำงานโดยสิ้นเชิงและไม่รู้สึกเจ็บปวดอีกต่อไป ดวงตาของเขาดูงุนงงและหูของเขาอื้อไปด้วยเสียงวีดแสบแก้วหู
แมวแก่ผลักฉินหยู่อย่างแรง “ลุกขึ้น! แล้วเดินขึ้นภูเขากัน!”
ฉินหยู่มองไปที่แมวแก่ด้วยดวงตาว่างเปล่า เขาดูเหมือนตกตะลึงอยู่นานก่อนที่จะลุกขึ้นนั่งลงบนพื้นและตะโกน “เสี่ยวฉี ฉัน...ฉันกำลังจะตาย หยวนหัวจากซงเจียงคือผู้ที่ฆ่าฉัน!”
เมื่อแมวแก่ได้ยินดังนั้นก็กลั้นน้ำตาไม่อยู่และพูดออกมา “ถ้าแกไม่มีจู๋ฉันจะอุ้มแกไป”
ถึงจะพูดอย่างนั้น แต่แมวแก่ก็ก้มลงพยายามยกฉินหยู่ขึ้นแบก แต่ฉินหยู่ไม่สามารถทรงตัวได้และร่างกายของเขาค่อนข้างใหญ่กว่าแมวแก่ ทำให้แมวแก่ต้องพยายามยกตัวเขาขึ้นอย่างทุลักทุเล แต่ก็ยังไม่สามารถเอาเขาขึ้นบ่าได้
ที่ทางผ่านภูเขา
เมื่อลุงหม่าที่รีบเดินทางขึ้นเขาไปก่อนหน้า หันมามองเห็นฉินหยู่และแมวแก่กำลังดิ้นรนและหายใจไม่ออกอยู่หลังโขดหิน เขาก็รีบวิ่งกลับไปช่วยทันที
เสียงฝีเท้าดังขึ้นอย่างโกลาหล เจ้าหัวโล้นก็นำคนกลุ่มหนึ่งรีบไปข้างหน้า มุ่งหน้าตรงไปที่ก้อนหินใหญ่
ลูกน้องทั้งซ้ายและขวาเหนี่ยวไกปืนรัวใส่กำแพงหิน ประกายไฟแลบกระจายไปทั่ว
“บุกเข้าไป!”
เจ้าหัวโล้นโบกมือพร้อมตะโกน และลูกน้องสี่คนก็ก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับปืน
“โอ๊ะ เฮ่ย!”
ลุงหม่าโผล่ออกมาจากด้านหลังก้อนหิน ใช้มือซ้ายคว้าปืนเจ้าลูกน้องไว้อย่างว่องไว และมีดในมือขวาแทงเข้าไป
เสียงดังสวบ ใบมีดแทงทะลุร่างชายหนุ่ม แต่เขาฮึดสู้กดปากกระบอกปืนลงยิงใส่ผู้เฒ่าหม่าในระยะเผาขน
“ปัง!”
กระสุนเฉียดเข้าที่เอวของชายชรา เขาดึงมีดออกมา และแทงชายหนุ่มอีกครั้งอย่างรวดเร็วที่รักแร้ของแขนที่ถือปืน
“สวบ!”
ชายหนุ่มถูกแทงใต้รักแร้แขนขวา และปืนก็ตกลงไปที่พื้นทันที
ลูกน้องสามคนที่อยู่ใกล้เริ่มยิง
“ปังปัง...!”
ผู้เฒ่าหม่าถูกยิงเข้าที่ซี่โครงด้านซ้าย ล้มลงกับพื้น เขาหยิบปืนของศัตรูขึ้นมาแล้วหันกลับมายิงโต้กลับ
ทั้งสองฝ่ายยิงแลกเปลี่ยนกันอย่างดุเดือด และลูกน้องทั้งสามต้องถอยกลับไปตั้งหลัก ขณะที่ผู้เฒ่าหม่าหลบนั่งพิงก้อนหินใหญ่ จ้องไปที่แมวแก่และฉินหยู่แล้วตะโกน “แมวแก่ มันขึ้นอยู่กับนาย ว่าอยากจะมีชีวิตอยู่หรือไม่ วิ่งขึ้นไปบนภูเขา!”
“ลุงไปด้วยกัน!!”
“ข้าไม่ต้องไปแล้ว” ผู้เฒ่าหม่าผลักเขาแล้วตะโกน “วิ่งตรงไป อย่าหันกลับมา รีบไป!”
แมวแก่กัดฟัน จับร่างของฉินหยู่ด้วยมือทั้งสอง หันหลังกลับลากเขาขึ้นไปบนภูเขาอย่างทุลักทุเลด้วยกำลังทั้งหมด
“บ้าอะไรวะ! แค่คนแก่คนเดียวก็จับมันไว้ไม่ได้ บุกขึ้นไป!” หยวนหัวรีบวิ่งไปที่เนินพร้อมตะโกนอย่างบ้าคลั่ง
กลุ่มลูกน้องก็รีบบุกอย่างร้อนรนอีกครั้ง
ที่หลังต้นไม้ใหญ่ตีนเขา มีชายหนุ่มสองคนนอนหมอบอยู่บนหิมะ ชายทางซ้ายหยิบกล้องส่องทางไกลตาเดียวออกมาส่องดูแล้วพูดขึ้น “เป็นเส้นตรง หกนาฬิกา ทิศทาง สามสิบเมตรที่เนินลาดชันหลังหิน”
ชายทางขวาดึงปืนสไนเปอร์ออกจากถุงผ้า คุกเข่าข้างหนึ่งแล้วเอาปืนพาดแขนซ้าย และแขนพาดขาอีกที
คนทางซ้ายพูดขึ้นอีกครั้ง “สไนเปอร์อยู่ในตำแหน่งเรียบร้อย”
“สไนเปอร์ กวาดด้านท้ายที่สองนาฬิกา” เสี่ยวฉีซึ่งอยู่ในรถตะโกนใส่วิทยุทันที
“เปรี้ยงง!”
เสียงสไนเปอร์คำราม และกระสุนพุ่งแหวกอากาศไปอย่างรวดเร็ว
“พัฟ!”
“โพล้ะ!”
ชายที่อยู่ด้านหน้า หัวของเขาถูกกระสุนเจาะทะลุร่วงลงพื้นทันที
“บรื้น!”
ขณะเดียวกันก็มีเสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นบนถนนด้านซ้ายของซอย รถออฟโรดที่มีแผ่นเหล็กเชื่อมเป็นเกราะป้องกันทั้งสี่ล้อแล่นพุ่งตรงเข้าหากลุ่มฝ่ายตรงข้าม
ที่ด้านล่างของทางลาดชัน พวกลูกน้องซึ่งกำลังวิ่งขึ้นไปบนเนิน หันหลังกลับและยิงหลังจากได้ยินเสียงรถ
กระสุนสไนเปอร์พุ่งมาเป็นแถวกวาดลูกน้องหยวนหัวไปทีละคนสองคน ปล่อยให้รถออฟโรดวิ่งผ่านไปได้โดยไม่มีรอยขีดข่วน รถจอดลงเสียงดังเอี๊ยด ปืนไรเฟิลอัตโนมัติสองกระบอกโผล่ออกมาจากหน้าต่างด้านซ้ายและยิงรัวออกมาอย่างบ้าคลั่ง
“แทร่ดด แทร่ดดด...!”
ปากกระบอกปืนถูกกวาดไปทั่ว เหล่าลูกสมุนหลายคนก็ล้มลงกับพื้น หิมะและดินบนทางลาดระเบิดฟุ้งกระจายทั่วบริเวณตามแรงปะทะกระสุน
“หลบโว้ย!”
เจ้าหัวโล้นหรี่ตาคำรามขณะปกป้องหยวนหัวเต็มที่
เหนือเนินเขา แมวแก่ฉวยโอกาสจากช่วงเวลานี้ลากฉินหยู่ไปใต้ต้นไม้ พร้อมกับถามขณะเหนื่อยหอบ “ใคร...คนของใคร?!”
“...คนที่แนะนำฉันให้รู้จักกับเขต 9” ฉินหยู่พูดทั้งที่หลับตาอยู่ “เขาเป็นพี่ชายแท้ๆ นอกสายเลือดของฉัน”
แมวแก่ตะลึง “ฉันคิดว่าเป็นฉีหลินที่มารับเรา”
“เขาอยู่ไกลเกินไป และไม่มีคนรู้จักแถวนี้...มานี่ก็ไร้ประโยชน์”
ฉินหยู่ตอบอย่างคลุมเครือ
ถัดจากก้อนหินใหญ่ ลุงหม่าซึ่งเพิ่งใช้ชีวิตของเขาเพื่อซื้อเวลาให้แมวแก่และฉินหยู่ นั่งพิงก้อนหินหายใจแผ่วเบากำลังจะตายในไม่ช้า
ครึ่งทางขึ้นเขา
ผู้สังเกตการณ์กล้องส่องทางไกลตาเดียวกระซิบว่า “ผู้บาดเจ็บไปแล้ว มีอีกคนหนึ่งอยู่หลังก้อนหิน คุณสนใจไหม”
“ไม่ต้องสนใจ!”
เสี่ยวฉีตอบอย่างเรียบง่าย
“ตัดกำลัง แถวก้อนหินใหญ่” ผู้สังเกตการณ์สั่งด้วยเสียงต่ำทันที
สไนเปอร์ได้ยินเสียงจึงเริ่มเก็บกวาดอีกครั้ง โดยเล็งไปบริเวณรอบๆ ก้อนหินใหญ่ที่มีการเคลื่อนไหวอยู่
เสียงปืนถูกยิงติดต่อกันสามครั้ง สมุนสามคนที่ฝั่งตรงข้ามถูกจัดการทีละคนทันที
เจ้าหัวโล้นดึงหยวนหัวไปทางซ้ายหลบกระสุน แล้วตะโกน “ถอยก่อนพวกเรา!”
“ถอยหาส้นตีนอะไรวะ! ชีวิตทั้งหมดของแกอยู่บนเส้นด้ายแล้ว แกจะถอยไปไหน?!” หยวนหัวบันดาลโทสะจนตาแทบลุกเป็นไฟ เขาผลักเจ้าหัวโล้นออกไปแล้วตะโกน “แกต้องอยู่ช่วยฉันเอาฉิงจื่อหาวกลับมาก่อน เข้าใจมั้ย?!”
เจ้าหัวโล้นตะโกนสวนทันควัน “พี่ไม่แปลกใจเหรอที่ไม่ได้เห็นฉิงจื่อหาวเลย? แค่ฟังฉันหน่อย…”
“ปล่อยข้า!”
หยวนหัวผลักเจ้าหัวโล้นออกไปและยิงสามนัดติดต่อกัน “แกรอก่อน”
เจ้าหัวโล้นกัดฟันเมื่อได้ยินเสียง และยื่นมือออกไปรั้งหยวนหัวอีกทีพร้อมพูด “เอาล่ะ หากพี่ต้องการเขา ฉันจะจับเขามาให้”
หลังพูดจบ เจ้าหัวโล้นก็นำลูกน้องและรีบวิ่งไปด้านหลังก้อนหิน
“ปังปัง...!”
การโจมตีด้วยสไนเปอร์อย่างหนักหน่วงยังคงดำเนินต่อไปและผู้คนฝ่ายตรงข้ามก็ล้มตายไปทีละคน แต่เจ้าหัวโล้นและคนอื่นๆ ก็ยังคงไม่ถอย รีบบุกไปข้างหน้า หลังจากลูกน้องถูกฆ่าไปสี่คน พวกเขาก็วิ่งไปข้างหลังก้อนหินและเข้าคว้าผู้เฒ่าหม่า ตอนนี้ฝ่ายหลังถูกยิงอยู่ในสภาวะใกล้ตาย และปืนของเขาก็หมดกระสุนแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถต่อสู้อะไรได้อีก
ด้านหลังต้นไม้ที่อยู่ตรงข้ามเยื้องกัน ผู้สังเกตการณ์พูดเบาเสียง “คู่ต่อสู้กำลังโมโห อำนาจการยิงต่อเนื่องของสไนเปอร์มีจำกัด คนที่อยู่หลังก้อนหินไม่สามารถช่วยชีวิตได้ คุณต้องเลือกเสี่ยงเอาด้วยตัวคุณเอง”
เสี่ยวฉีเงียบไปสักพักแล้วสั่งทันที “ถอยออกไปและปกป้องน้องชายของฉันที่ภูเขาด้วย”
“แล้วคุณล่ะ” ผู้สังเกตการณ์ถาม
เสี่ยวฉีเงียบไปนาน “นายไม่ได้ยินสิ่งที่พวกมันเถียงกันเมื่อกี้เหรอ?”
ผู้สังเกตการณ์ตกตะลึง
“ฉันสงสัยว่าเสี่ยวหยู่จะรอดมาได้หรือ?” เสี่ยวฉีตอบด้วยใบหน้าบูดบึ้ง “ถ้าคุณไม่ถอย ฉันจะช่วยเขาล้างแค้นล่วงหน้า”
“คุณมันบ้าไปแล้ว!” ผู้สังเกตการณ์ตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด “ถ้ารถเข้าป่าจากฝั่งตรงข้าม รถก็จะไร้ประโยชน์ มีแค่สี่คน คุณจะแก้แค้นได้แค่ไหนกัน? ถ้าต่อสู้ในระยะประชิดเราเสียเปรียบเรื่องจำนวนคน และเราอาจจะออกมาไม่ได้ด้วย”
“มันเป็นพวกอันธพาล ฉันฆ่ามันได้โดยไม่ต้องลังเล” เสี่ยวฉีตอบด้วยแววตาจริงจัง “สไนเปอร์ปกป้องตำแหน่งสองนาฬิกาของพวกเขา หากฉันติดในวงใน พวกคุณควรถอยทันที เข้าใจไหม?”
“เสี่ยวฉี คุณบ้าหรือเปล่า! เราพยายามเต็มที่แล้ว ทำไมเราถึงต้องเสี่ยงชีวิตตัวเราด้วยล่ะ?” ผู้คนในรถออฟโรดที่ตำแหน่งสองนาฬิกาก็โวยด้วยความไม่พอใจผ่านทางวิทยุสื่อสารเช่นกัน
“แม่งเอ๊ย! นี่ไม่เกี่ยวกับรับเงินและทำงานให้ผู้มีพระคุณนะ! ฉันต้องการล้างแค้นให้น้องชาย” เสี่ยวฉีจบการคุยวิทยุสื่อสารแล้วขว้างมันลงพื้นรถ ชักปืนพร้อมตะโกนใส่คนขับ “พี่สี่ ตรงเข้าไปที่เนินลาดเอียงนั่น เข้าไปในกลุ่มพวกมัน ฉันจะดูว่าใครเป็นหัวหน้าของฝั่งตรงข้าม”
ทันทีที่เขาพูดจบ คนขับก็กระแทกคันเร่งและขับตรงขึ้นไปตามทางลาดเป้าหมาย
ในเวลาเดียวกัน พี่สี่ลดหน้าต่างลงและเริ่มสแกนกลุ่มของอีกฝ่าย
เจ้าหัวโล้นและคนอื่นๆ กลับมาพร้อมกับผู้เฒ่าหม่าตัวประกันแล้ว และวิ่งผ่านป่ารอบๆ กลับมาทางหยวนหัว
“เปิดไฟส่องไกล!” ทันใดนั้นพี่สี่ก็ตะโกน “เปิดไฟสูงด้วย!”
คนขับได้ยินแล้วจึงเปิดไฟ เครื่องยนต์อันทรงพลังก็คำราม แล้วรถก็แล่นตรงไปบนทางลาดเนินเขา มุ่งหน้าตรงไปยังกลุ่มคน
หยวนหัวได้ยิน หันขวับไปมอง ดวงตาของเขาถูกแสงไฟรถส่องจ้า ทำเขาตามืดบอดไปชั่วขณะทันที เขาปิดหน้าโดยสัญชาตญาณพลางตะโกน “รถพวกไหนวะ!”
“ใช้โซ่กันล้อลื่นแล้วเร่งเครื่องอีก!” เสี่ยวฉีนั่งอยู่ในรถและตะโกนพร้อมกับเบิกตาจ้องเขม็งไปข้างหน้า
……………………………………………………………