เล่มที่ 1 ตอนที่ 28: เปลี่ยนอาชีพ (1)
เล่มที่ 1 ตอนที่ 28: เปลี่ยนอาชีพ (1)
“ฮ่าฮ่า มาคิดได้ตอนที่ให้คนอื่นไปแล้ว !” มู่หรงเสี่ยวเทียนตะโกนตะโกนตามหลังของหยางซ่งไป
“ดูเหมือนว่าพวกเราจะไม่สามารถออกไปเก็บเลเวลได้จนกว่าเด็กสองคนนั้นจะเลื่อนเป็นเลเวล 10 และไปเปลี่ยนอาชีพ” นักฆ่ามองไปรอบ ๆ อย่างตั้งใจพร้อมกับพูดออกมาในขณะที่หยางซ่งกำลังวิ่งจากไป
“ใช่แล้ว” สีหน้าของวู่เฟิงเองก็เริ่มจริงจังขึ้นมาเช่นกัน “ตอนนี้ มีคนมากมายรู้แล้วว่าพวกเรามีเจ้าตัวเล็กนี้อยู่”
มู่หรงเสี่ยวเทียนและเปียวซือพบว่ามีหลายคนกำลังแอบฟังพวกเขาอยู่รอบ ๆ ทั้งสองคนจึงทำแค่เพียงพยักหน้าเป็นคำตอบ
“แต่จะว่าไป หนึ่งในพวกเราก็เป็นคนที่โด่งดังที่สุดในเกมนี้ ส่วนวู่เฟิงเองก็ถือว่าเป็นผู้เล่นมืออาชีพที่เล่นมาเนิ่นนาน ฉันคิดว่าคงไม่มีใครกล้าอวดดีเข้ามาหาเรื่องพวกเราหรอกนะ” นักฆ่าพูดออกมาอย่างไม่ใส่ใจ
“ตอนนี้...” วู่เฟิงครุ่นคิดอยู่สักพักและพูดออกมาว่า “เกมเดสตินี่นั้นแตกต่างออกไปจากอดีตมาก ผู้เล่นก็สามารถทำอะไรได้อย่างอิสระมากมาย พวกเราเองก็ไม่ควรจะวางใจ แต่ฉันคิดว่าพี่เทียนควรจะไปที่เมืองใหญ่ ๆ ก่อนพวกเราเถอะ ยังไงซะ การเปลี่ยนอาชีพเป็นคนแรกย่อมได้รับรางวัลจากเกมนี้”
นักฆ่าและเปียวซือพยักหน้าเห็นด้วย
“แล้วพวกนายจะจัดการกับสถานการณ์ตอนนี้ยังไง ?” มู่หรงเสี่ยวเทียนเป็นกังวล พูดตามตรงเขายังไม่อยากไปเปลี่ยนอาชีพในตอนนี้ เนื่องจากร่างกายที่อ่อนเพลียและง่วงเป็นอย่างมาก เพราะออนไลน์ติดต่อกันมาเป็นเวลานานแล้ว
“เรื่องที่นี่พี่สามารถวางใจได้” วู่เฟิงพูดออกมาอย่างมั่นใจ “ฉันเพิ่งจะส่งข้อความหาคนที่มีอำนาจในกลุ่มหนานเทียนที่อยู่ภายในเมืองโนวิซและส่งกำลังพลมา 200 คน ฉันคิดว่ามันคงจะไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นที่นี่”
มู่หรงเสี่ยวเทียนอดไม่ได้ที่จะชื่นชมความชาญฉลาดของวู่เฟิงที่เขาเตรียมการเอาไว้อย่างรอบคอบ
“ใช่แล้วพี่เทียน” นักฆ่าพูดเสริมขึ้น “ไม่ต้องเป็นห่วง กฎของหมู่บ้านโนวิซนั้นไม่ได้ต่างไปจากเมืองต้าเฉิง การลงโทษสำหรับคนที่ทำการ PK สร้างความเดือดร้อน และทำอันตรายแก่ผู้อื่นนั้น มันก็ค่อนข้างรุนแรง นอกจากนี้ประตูมิติที่ไปยังเมืองฟินิกซ์ก็เปิดใช้งานแล้ว และผู้เล่นส่วนใหญ่ก็มุ่งหน้าไปที่นั่น ตราบใดที่พวกฉันไม่ไปเมืองใหญ่ ๆ มันก็คงจะไม่มีอันตรายอะไรเกิดขึ้น เพราะที่นี้มันก็เป็นแค่จุดเกิดของผู้เล่นหน้าใหม่เท่านั้น คนที่แข็งแกร่งส่วนมากเขาออกจากเมืองนี้ไปหมดทั้งนั้น”
“ถ้าอย่างนั้นก็ถือว่าเป็นงานหนักสำหรับพวกนายเลยนะที่ต้องมาดูแลสัตว์เลี้ยงนี้ให้เขาน่ะ” มู่หรงเสี่ยวเทียนครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้และเขาก็ไม่ดื้อรั้นอีกต่อไป แต่ถึงแบบนั้นเขาก็ยังพึมพำในใจออกมาว่า “เดสตินี่นี่ก็สร้างมาดีจริง ๆ ถ้าหากว่าไม่มีใครออกไปจากจุดปลอดภัย มันก็จะไม่มีอันตรายใด ๆ เกิดขึ้น”
“งานหนักอะไรกัน ? ไม่ว่ายังไงพี่กับหยางซ่งก็เป็นคนของกลุ่มหนานเทียน ราชาหมาป่าโลหิตตัวเล็กนี้เป็นสัตว์เลี้ยงตัวแรกที่พี่ได้มันมา และมันก็เป็นผลดีกับกลุ่มหนานเทียน มันอาจจะอยู่ที่ระดับ 6 หรือเป็นอสูรภูติขั้นต้นเลยก็ว่าได้ คนที่ทำงานหนักก็ควรจะเป็นพี่ต่างหาก” วู่เฟิงพูดออกมาอย่างจริงใจ
“ฮ่าฮ่า” มู่หรงเสี่ยวเทียนยิ้มออกมาอย่างเขินอาย “ถ้างั้นฉันก็ขอตัวก่อน” เขาพูดแล้วก็เดินจากไป ทันใดนั้นเองเขาก็นึกอะไรได้บางอย่างและหันหลังตะโกนกลับมา “ฉันปฏิเสธเจ้าเด็กหยางซ่งไปแล้ว อย่าให้เขาเอามันไป และอย่าลืมซื้ออาหารมาป้อนมันด้วยล่ะ อย่าปล่อยให้เจ้าตัวเล็กต้องหิว”
“ได้เลยพี่เทียน”
“พี่เทียน ทำไมพี่พูดเยอะจริง ?”
“ไปๆๆๆ”
หลายคนส่งยิ้มให้พร้อมกับกระตุ้นให้มู่หรงเสี่ยวเทียนออกไปอย่างรวดเร็ว
“นี่ฉันพูดมากขนาดนั้นเลยหรือ ? ฮ่าฮ่าฮ่า” มู่หรงเสี่ยวเทียนยิ้มให้กับตัวเองขณะที่กำลังเดินไปยังประตูมิติ
เมื่อเขาเดินมาถึงที่ตั้งของประตูมิติ ภาพตรงหน้าที่เขาเห็นนั้นทำให้เขาแปลกใจไม่น้อย เมื่อมองดูจากตรงนี้ ข้างหน้าของเขาเป็นวังวนมิติขนาดใหญ่และรอบทิศทางทั้งสี่ทิศก็เป็นประตูมิติ ประตูนั้นกว้างประมาณ 2 เมตร ยามเฝ้าหน้าประตูที่เป็น NPC ก็รักษาการณ์อยู่ตามประตูแต่ละทิศ
“พี่ชาย ให้ฉันเข้าไปได้ไหม ?” มู่หรงเสี่ยวเทียนเดินเข้าไปที่ทางเข้าของประตูมิติและถามยามเฝ้าหน้าประตูด้วยท่าทีที่สุภาพ
“หลังจากชำระเงินแล้ว เจ้าถึงจะสามารถผ่านเข้าไปได้” ยามเฝ้าหน้าประตูมิติไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ ออกมาเขาชี้นิ้วไปที่กล่องใส่เหรียญที่อยู่ข้างหน้า นอกจากนี้ยังมีป้ายติดเอาไว้ และมีปุ่มอยู่ด้านหลังของแต่ละอัน มู่หรงเสี่ยวเทียนอ่านมันอย่างระมัดระวัง
ไปเมืองฟินิกซ์ 1 เหรียญทอง
ไปเมืองไบรท์ 2 เหรียญทอง
ไปเมืองคิริน 3 เหรียญทอง
ไปเมืองเทียนฉุย 1 เหรียญทอง
ไปเมืองเฉิงฮัว 8 เหรียญทอง
ไปเมืองดราก้อน 3 เหรียญทอง
“พี่ชาย ทำไมราคามันแตกต่างกันไปแบบนี้ ? ยิ่งเราไปเมืองที่ใหญ่มันก็จะยิ่งต้องจ่ายแพงขึ้นใช่ไหม ? !” มู่หรงเสี่ยวเทียนถามออกมาอย่างเป็นกันเอง เพราะข้อมูลที่เกี่ยวกับเรื่องนี้ไม่มีการระบุในเว็บไซต์
“เจ้าโง่ !” ยามเฝ้าหน้าประตูมิติจ้องมองไปที่มู่หรงเสี่ยวเทียนอย่างดูถูก แต่เขาก็ยังอธิบายมันออกมาอยู่ดี “แน่นอน ราคานั้นแตกต่างกันออกไปตามระยะทาง”
“บ้าเอ้ย นี้มันไม่ต่างจากการขึ้นรถบัสเลยแม้แต่น้อย ราคาก็แพงจะตายห่า คิดว่าเงินมันหาง่ายรึไงวะ ?” มู่หรงเสี่ยวเทียนแอบสาปแช่งในใจ แต่เขาก็ไม่ได้แสดงอาการใด ๆ ออกมา เขามอบเหรียญทองให้อีกฝ่ายโดยไม่ขัดขืนอะไร และกล่าวขึ้นมาว่า “ไปเมืองฟินิกซ์” เพราะถึงจะเลือกเมืองไหนมันก็ไม่ต่างกันมากนัก และแน่นอนว่าเขาต้องเลือกเมืองที่ถูกที่สุด
ยามเฝ้าหน้าประตูมิติกดปุ่มเมืองฟินิกซ์ จากนั้นก็โบกมือส่งสัญญาณให้มู่หรงเดินเข้าไป
เมื่อมู่หรงเสี่ยวเทียนยกเท้าและก้าวเข้าไปในนั้น ในประตูมิติมันช่างแตกต่างจากข้างนอกเป็นอย่างมาก ภาพความทรงจำเก่า ๆ ของเขาได้ผุดขึ้นมาอีกครั้งราวกับฉากที่ฉายอยู่ตรงหน้า
มู่หรงเสี่ยวเทียนเดินเข้าไปโดยไม่พูดอะไร เพียงแค่ว่าเขารู้สึกเหมือนร่างกายกำลังลอยอยู่ในสูญญากาศ ทุกอย่างตรงหน้าหยุดเคลื่อนไหว
“ถึงแล้วหรือ ?” มู่หรงเสี่ยวเทียนลังเลและสงสัยเล็กน้อย แต่เขาก็ยังก้าวออกไปจากประตูอยู่ดี
เมื่อเขาออกมาเขาก็พบว่าสถานที่ที่ใช้ตั้งประตูมิตินี้ไม่ต่างจากที่หมู่บ้านโนวิซเลย เมื่อมองดูรอบ ๆ ก็จะเป็นประตูมิติทั้งสี่ทิศ
“ยินดีต้อนรับสู่เมืองฟินิกซ์ เมื่อคุณมาถึงที่นี่แล้ว ที่นี่ก็เหมือนเป็นบ้านของคุณ ที่คุณสามารถปลดปล่อยความทะเยอทะยานทั้งหมดออกมาได้ และปล่อยให้ความฝันโบยบินไปสู่ฟากฟ้า ขอต้อนรับคุณโจรสู่เมืองฟินิกซ์” มู่หรงเสี่ยวเทียนเดินออกจากประตูมาเพียงหนึ่งก้าว ยามเฝ้าหน้าประตูมิติก็พยักหน้าให้กับเขาหลายครั้งด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าเป็นการทักทาย
“ฉันไม่เข้าใจเลยจริง ๆ” มู่หรงเสี่ยวเทียนงุนงงจนคิดอะไรไม่ออก เขาไม่รู้จริง ๆ ว่าการกระทำเช่นนี้เป็นสิ่งที่ระบบของเกมทำขึ้นมาหรือเป็นเพราะความคิด ความมีมนุษยธรรมของ NPC แต่ละคน เมื่อลองนึกถึงใบหน้าที่เคร่งขรึมของยามเฝ้าหน้าประตูมิติของหมู่บ้านโนวิซ 110 แล้วเขาก็อดที่จะถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ออกมา “2 คนนั้นก็เป็นยามรักษาการณ์เหมือน ๆ กัน แต่ทำไมนิสัยใจคอของพวกเขาแตกต่างกันขนาดนี้ !”
To be continued…