เล่มที่ 1 ตอนที่ 27: การแข่งขัน
เล่มที่ 1 ตอนที่ 27: การแข่งขัน
ดวงอาทิตย์สีแดงที่โผล่พ้นขอบฟ้าขึ้นมา ในที่สุดมู่หรงเสี่ยวเทียนก็ปรากฏตัวขึ้นที่หมู่บ้านโนวิซ 110 ด้วยสภาพอ่อนแรง ร่างกายเต็มไปด้วยฝุ่นและเหงื่อท่วมตัว
“โว้ยย ในที่สุดก็กลับมาถึงหมู่บ้านสักที !” มู่หรงเสี่ยวเทียนชะลอตัวลงและจ้องมองดูหมาป่าโลหิตตัวน้อยน่ารักที่อยู่ในอ้อมแขนของเขา เห็นได้ชัดว่ามันกำลังหิวโหย ตอนนี้มันพยายามเกาแขนของมู่หรงอย่างกระสับกระส่ายด้วยอุ้งเท้าพร้อมกับดวงตาอันสดใสที่จ้องมองเขาอย่างน่าสงสาร ปากของมันก็พยายามดูดนิ้วของมู่หรงเป็นครั้งคราว
“ไปๆๆ ไปหาพ่อของแกกัน” มู่หรงเสี่ยวเทียนยิ้มเยาะออกมาและรีบวิ่งไปที่ประตูมิติในหมู่บ้าน เขาไม่กล้าอวดมันตามท้องถนน เพราะถ้าหากว่ามีใครบางคนมาฉกมันไปคงไม่ดีแน่ เพราะเกมเดสตินี่นั้นแตกต่างจากเกมอื่น มันไม่มีพื้นที่ที่ปลอดภัย ดังนั้นจะดีกว่าหากว่าเขาระมัดระวังตัวไว้ตลอดเวลา
เมื่อใกล้ถึงประตูมิติ หลายคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นก็มองมู่หรงเสี่ยวเทียนอย่างตื่นเต้น พวกเขาอดสงสัยไม่ได้ว่าสัตว์เลี้ยงที่มู่หรงเสี่ยวเทียนนำมาจะเป็นตัวอะไร แม้แต่เปียวซือ นักฆ่า และซัมมอนเนอร์ก็อยู่ที่นั่นด้วย
“ยินดีต้อนรับที่ปรึกษาแห่งวงการปฏิวัติที่เดินทางมาจากระยะทาง 25,000 ล้านปีแสง” หยางซ่งเห็นมู่หรงเสี่ยวเทียนเดินมาจากระยะไกล เขาก็หัวเราะดังลั่นและตะโกนขึ้นมาว่า “พี่เทียน ดูพี่ทำเข้าสิ มีเรื่องเร่งด่วนอะไรถึงได้เร่งพวกเราขนาดนี้ พวกเราเสียเวลาเก็บเลเวลไปเกือบ 1 ชั่วโมงเลยเพื่อมารอพี่เลยนะ”
มู่หรงเสี่ยวเทียนแตะจมูกของเขาเบา ๆ พร้อมกับเดินเข้าไปหาพวกเขา เขาเล่าเกี่ยวกับสถานการณ์ของเขาให้พวกนั้นฟัง จากนั้นเขาก็มองหยางซ่งด้วยความโกรธ พร้อมกับมองเจ้าหมาป่าโลหิตตัวเล็กในอ้อมแขนของเขา “น่าอายชะมัด ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะลูกของแก ฉันได้ออฟไลน์และพักผ่อนไปนานแล้ว ฉันจะมาทนทุกข์แบบนี้ทำไม ?”
ระบบสัตว์เลี้ยงในเกมเดสตินี่นั้นเข้มงวดเป็นอย่างมาก ถ้าไม่ใช่ซัมมอนเนอร์แล้ว สำหรับอาชีพอื่น ๆ มันก็ดูจะไร้ประโยชน์ถ้าหากจะจับสัตว์มาเลี้ยง
แม้ว่ามู่หรงเสี่ยวเทียนจะเลี้ยงหมาป่าโลหิตตัวเล็กนี้ได้ แต่ถ้าหากว่าไม่มีสกิลใด ๆ ในการอัญเชิญหรือทำพันธสัญญา เจ้าหมาป่าโลหิตตัวเล็กตัวนี้มันก็จะไม่เชื่อฟังคำสั่งของเขา ยิ่งไปกว่านั้นถ้าหากว่ามีซัมมอนเนอร์คนอื่นใช้สกิลทำพันธสัญญาขึ้นมา มันก็จะไม่ต่างอะไรไปจากการตัดชุดแต่งงานให้คนอื่นหรือ ? ยิ่งไปกว่านั้นถ้าหากว่ามู่หรงเสี่ยวเทียนออฟไลน์หรือตายไป หมาป่าโลหิตตัวเล็กนี้อาจจะหนีไปหรือไม่ก็อาจจะโดนคนอื่นแย่งไปทำพันธสัญญา นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมทั้ง ๆ ที่เขารู้สึกอ่อนล้าเต็มทีแต่ก็ยังไม่ออฟไลน์ซักที
“พวกเราอยากรู้ว่าสัตว์เลี้ยงที่พี่จะให้หยางซ่งนั้นเป็นตัวอะไร” วู่เฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ใช่ ๆ นี่อาจจะเป็นสัตว์เลี้ยงตัวแรกในเดสตินี่เลยก็ได้ พวกเราตื่นเต้นจริง ๆ !” นักฆ่าพยักหน้าและพูดออกมาเช่นกัน
“ฉันอยากรู้ว่าเจ้าตัวเล็กนี่จะน่ารักขนาดไหน” เปียวซือพูดและชี้ไปที่แขนของมู่หรงเสี่ยวเทียน
“ฉันหวังว่าเจ้าตัวนี้จะเป็นแค่สัตว์ธรรมดา ฉันจะได้ไม่อิจฉาเขา !” ซัมมอนเนอร์พูดออกมาอย่างไม่พอใจ
“เกมมันพึ่งจะเริ่มต้นขึ้น ฉันคิดว่าคงไม่มีอะไรพิเศษมากมายหรอก” หยางซ่งพูดออกมาอย่างเฉยเมย
“ฮ่าฮ่า งั้นก็ดูด้วยตาตัวเองแล้วกัน” มู่หรงเสี่ยวเทียนเอาหมาป่าโลหิตตัวเล็กออกมา
“ว๊าว มันน่ารักมากเลย !” เปียวซือคนที่ปกติจะสงบเสงี่ยม แต่คราวนี้กลับพูดออกมาเร็วกว่าคนอื่น เธอรีบฉกฉวยเจ้าตัวเล็กไปจากมือของมู่หรงเสี่ยวเทียนทันที
“พี่เทียน พวกเราอุตส่าห์เป็นพวกเดียวกัน ทำไมพี่ดันไปนึกถึงหยางซ่งไก่ปากเหม็นคนนั้นซะได้ ? ทำไมพี่ไม่คิดถึงฉันบ้าง ?” ซัมมอนเนอร์ตะโกนใส่มู่หรงเสี่ยวเทียน ดวงตาของเขาแดงก่ำเมื่อจ้องมองไปยังราชาหมาป่าโลหิตตัวน้อย
“ก็นะ…” มู่หรงเสี่ยวเทียนเกาหัวอย่างกระอักกระอวน “ไม่ใช่ว่าหยางซ่งมันอ่อนแอเกินไปหรอกหรือ ? !” พูดตามตรงเขาไม่ได้คิดถึงซัมมอนเนอร์เลย แต่ก็ไม่สามารถบอกความจริงออกไปได้
“เชอะ ไม่ใช่ว่ามันก็แค่หมาป่าโลหิตธรรมดางั้นหรือ ? ดูพูดเข้าสิ” หยางซ่งมองซัมมอนเนอร์ด้วยสายตาเศร้า ๆ และเขาก็ไม่พอใจเป็นอย่างมากกับคำพูดของมู่หรงเสี่ยวเทียน “น่าเสียดายที่อาหารสัตว์เลี้ยงเหล่านั้นมีราคาแพงมากเกินไป เงินของฉันก็มีไม่เยอะ ฉันเลยไม่ได้ซื้อมา”
“แก ไอ้…!” มู่หรงเสี่ยวเทียนโกรธเป็นอย่างมาก “ฉันเสียเวลาวิ่งมาเป็นร้อยไมล์เพื่อเอาสัตว์เลี้ยงมาให้แก แต่แกกลับกลายเป็นคนไม่รับผิดชอบในหน้าที่ บอกมาว่าฉันไม่ได้เข้าใจผิด ?”
“อย่าหัวร้อนไปหน่อยเลยน่า พี่เทียน !” หยางซ่งยิ้มอย่างระมัดระวัง “พี่จำไม่ได้หรือว่าฉันทำผิดพลาดไปมากเท่าไหร่แล้ว ?”
“ไอ้เด็กหน้าโง่” มู่หรงเสี่ยวเทียนสาปแช่งออกมา และใบหน้าของเขาก็เพิกเฉยต่อหยางซ่ง จากนั้นก็หันไปหาซัมมอนเนอร์และพูดว่า “ต้ามู่ มีคนบางคนดูถูกเจ้าตัวเล็กของฉัน และนายเองก็เกือบจะถึงเลเวล 10 แล้ว เก็บเลเวลอีกนิด นายก็จะสามารถเปลี่ยนอาชีพได้ เผื่อถึงตอนนั้นถ้านายยังเลือกอาชีพนี้อยู่ เจ้าตัวเล็กนี้ก็ยังเป็นสัตว์เลี้ยงของนาย”
“จริงหรือ ? พี่พูดจริง ๆ นะ ?” ซัมมอนเนอร์ยิ้มออกมาและจ้องมองไปที่มู่หรงเสี่ยวเทียนอย่างไม่ลดละ เขากลัวว่าอีกฝ่ายนั้นจะเปลี่ยนใจ
“ฉันสัญญา” มู่หรงเสี่ยวเทียนพยักหน้ายืนยัน
“แม่เจ้าโว้ย !” ซัมมอนเนอร์ร้องออกมาด้วยความดีใจ จากนั้นก็รีบวิ่งออกหมู่บ้านไปทำในสิ่งที่เขาต้องทำ
“เจ้าบ้า ทำไมนายโง่แบบนี้ ?” เปียวซือมองดูซัมมอนเนอร์ที่วิ่งออกไปจากหมู่บ้าน เธอนั้นรู้สึกวิตกกังวลและโกรธเป็นอย่างมาก จากนั้นก็หยิกหยางซ่งอย่างรุนแรง
“โอ๊ย !” อย่างซ่งร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เขาสับสนเล็กน้อย “ฉันทำอะไรผิดไป ?”
เปียวซือหน้าแดง จากนั้นก็เมินหยางซ่งด้วยความโกรธ แล้วหันไปลูบหัวราชาหมาป่าโลหิตตัวเล็ก (ต้องบอกก่อนว่าหยางซ่งนั้นยังเป็นแค่เด็ก เขาไม่สามารถเข้าใจความหมายจาการกระทำของเปียวซือได้ในระยะเวลาอันสั้น)
“ใช่แล้ว” วู่เฟิงถอนหายใจออกมาและส่ายหัว “มีบางคนแถวนี้โง่เง่าเป็นอย่างมาก คนคนนั้นน่าจะต้องเข้าไปศึกษาในเว็บอีกสักหน่อย”
ในช่วงเวลานั้น นักฆ่าผู้รอบรู้ก็ยิ้มออกมาและกล่าวว่า “ฉันได้ยินมาว่าหากที่ข้อเท้าของมันมีสีขาวทั้งสี่ข้าง มันก็น่าจะเป็นราชาหมาป่าระดับที่ 4 ดูเหมือนว่าเจ้าหมาป่าโลหิตตัวเล็กนี้ก็เป็นแบบนั้น !”
“ราชาหมาป่าโลหิตระดับ 4 เท้าจะเป็นสีขาวและมีจุดสีดำ แต่เจ้าตัวเล็กนี้มีสีขาวล้วน มันน่าจะเป็นราชาหมาป่าโลหิตกลายพันธุ์ระดับที่ 5 !” เปียวซือมองหยางซ่งอย่างไม่พอใจ
“อะไรกัน ?” ใบหน้าของหยางซ่งเปลี่ยนเป็นบูดบึ้งและเต็มไปด้วยความตกใจ
“ฉันก็ได้ยินมาแบบนั้นเหมือนกัน !” วู่เฟิงพูดเสริมต่ออีกว่า “80 % ของสัตว์เลี้ยงที่เรานำมาเลี้ยงและฝึกฝนอย่างดีตั้งแต่มันยังเลเวล 0 มันจะสามารถเพิ่มขึ้นไปได้อีก 1 ระดับ”
“พูดง่าย ๆ ถ้าเด็กน้อยตัวนี้ได้รับการฝึกฝนที่ดี...” มู่หรงเสี่ยวเทียนมองที่หยางซ่ง และพูดอย่างหนักแน่นว่า “เจ้าตัวเล็กตัวนี้จะขึ้นสู่ระดับที่ 6 นั่นก็คืออสูรภูตขั้นต้นนั่นเอง !”
“มันก็ใช่ แต่ทว่าเพื่อนเราบางคนทะเยอทะยานเป็นอย่างมาก ! ดูเหมือนว่าอสูรภูติขั้นต้นระดับ 6 นี้จะระดับต่ำเกินไป จนไม่อยู่ในสายตาของเขา !” นักฆ่าจ้องมองไปที่หยางซ่งแล้วพูดแซวออกมา
หลายคนพยายามกลั้นหัวเราะและมองไปยังหยางซ่งอย่างเงียบ ๆ
ในขณะนี้ใบหน้าของหยางซ่งแดงก่ำ และกลับกลายเป็นเขาที่เป็นคนที่เสียใจ จนถึงกับกลืนน้ำลายลงไปอึกใหญ่ และตะโกนออกมาว่า “ฉันนี่มันลาโง่จริง ๆ !” หลังจากตะโกนเสียงดังเขาก็รีบวิ่งออกจากหมู่บ้านด้วยความเร็วอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
มู่หรงเสี่ยวเทียน วู่เฟิง นักฆ่า และเปียวซือนั้นอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา แน่นอนเปียวซือเองก็เผลอยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว
To be continued…