ผู้กล้าอาคมดำ ตอนที่ 2
ติดตามผู้แปลได้ที่ Lazy Meow นิยายแปล
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ผู้กล้าอาคมดำ ตอนที่ 2
ร็อดมองดูสภาพแวดล้อมภายในสุสานและพบว่ามันมีเส้นทางแคบๆอยู่ทางด้านหน้าและทางด้านหลัง เส้นทางด้านหลังก็คือทางที่มีเสียงคำรามดังออกมาก่อนหน้านี้ ทางเส้นนั้นดูค่อนข้างยาวและคับแคบ ขณะที่เส้นทางอีกสายทอดลึกเข้าไปในสุสาน ภายในสุสานแห่งนี้มีเพียงแสงไฟสลัว แต่ในทางเส้นนั้นมีแสงสลัวๆ ไม่สว่างเท่าตรงที่เขากำลังยืนอยู่นี้
"ยิ่งมีพลังแห่งความตายเข้มข้นมากเท่าไรก็ยิ่งเปลี่ยนสภาพศพได้เร็วขึ้นเท่านั้น ศพควรจะอยู่ใกล้ๆกับใจกลางสุสาน ถ้างั้นใจกลางสุสานที่ว่าก็คงจะอยู่ห่างจากที่นี่ไปไม่ไกล"
"เนโครแมนเซอร์ฝึกหัดคนนั้นคงจะจัดวางพวกอันเดดไว้ตามทางเพื่อคอยคุ้มกัน ทางที่มีเสียงคำรามดังออกมาก็คือเส้นทางฝั่งทางเข้า ส่วนอีกทางก็เชื่อมไปยังใจกลางสุสาน เนโครแมนเซอร์คนนั้นคงคิดไม่ถึงว่าจะมีคนผ่านเข้ามาถึงตรงนี้ได้โดยตรง ถ้างั้นที่ใจกลางของสุสานก็คงจะไม่มีอันตรายอะไร"
"ไปที่ใจกลางสุสานเพื่อหาของก่อนแล้วกัน ยังไงซะตอนนี้ฉันก็คงจัดการกับพวกอันเดดเฝ้าเส้นทางไม่ไหว"
คิดได้ดังนั้นร็อดก็ลงมือปฏิบัติ เขาค่อยๆยกเท้าข้ามศพที่กระจัดกระจายอยู่ตามพื้นและมุ่งหน้าเข้าไปในสุสาน
ด้วยความช่วยเหลือของแสงสว่างอันน้อยนิด ร็อดก็พอจะมองเห็นภายในสถานการณ์ภายในสุสาน ที่กำแพงทั้งสองด้านของสุสานมีวัตถุกองสุมไว้มากมาย และยังรวมถึงพวกของมีค่าที่ปล้นมาจากหมู่บ้าน ประเมินด้วยสายตาดูแล้ว เสบียงกรังที่มีอยู่ที่นี่จะสามารถอยู่ได้ราวครึ่งเดือน นอกจากนี้ยังมีชุดเกราะหนังที่ฉีกขาดและดาบที่ขึ้นสนิมวางกองไว้อยู่หลายชิ้น คาดว่าของเหล่านี้คงจะไว้ใช้ในการสร้างพวกอันเดด
ที่ตรงสุดทางเดินเป็นห้องกว้างแห่งหนึ่ง ภายในห้องมีโลงศพใบหนึ่งตั้งเอาไว้ แม้จะไม่ได้เข้าไปตรวจดูโดยละเอียด แต่พลังงานความตายที่แผ่ออกมาก็ทำให้ทราบว่าภายในโลงศพใบนี้มีอันเดดระดับกลางถึงระดับสูงกำลังหลับใหลอยู่
ร็อดเดินเข้าไปเลือกชุดเกราะหนังที่สภาพยังค่อนข้างดีมาตัวหนึ่ง จากนั้นจึงเลือกดาบที่ยังพอใช้การได้มาอีกเล่ม แม้จะยังไม่ได้เปิดหน้าต่างคุณสมบัติ ขึ้นมาดู แต่พิจารณาจากภายนอกแล้ว ร็อดก็ไม่ได้คาดหวังกับคุณภาพของพวกมันสักเท่าไร
-----------------------------------------------------
[เกราะหนังที่ฉีกขาด]
ความต้องการในการสวมใส่: ไม่มี
ค่าคุณสมบัติ: เกราะ+3, ความทนทาน 13/20
การประเมิน: แทนที่จะฝากความหวังไว้ที่มัน คุณควรพึ่งพาตัวเองจะดีกว่า
-----------------------------------------------------
-----------------------------------------------------
[ดาบขึ้นสนิม]
ความต้องการในการสวมใส่: ไม่มี
ค่าคุณสมบัติ: พลังโจมตี+3, ความทนทาน 4/10
การประเมิน: ดาบเล่มนี้ถูกใช้งานมานานเพียงใดไม่มีใครทราบ แต่การดูแลรักษาอย่างดีก็ทำให้มันสามารถต่อสู้เพื่อคุณได้ระยะหนึ่ง
-----------------------------------------------------
หลังสวมใส่อุปกรณ์ที่ดีที่สุดเท่าที่จะหาได้ในตอนนี้แล้ว ร็อดก็พร้อมลงมือ จากการคาดเดาของเขาแล้ว ในเมื่อหน้าต่างคุณสมบัติยังคงใช้งานได้อยู่ และไอเท็มก็ยังแสดงคุณสมบัติ ถ้างั้นการเก็บค่าประสบการณ์ก็คงจะไม่เปลี่ยนไปจากเดิมนัก
หลังตรวจเช็คอุปกรสวมใส่เรียบร้อยดีแล้ว ร็อดก็เดินกลับไปยังที่ที่มีศพจำนวนมากก่อนหน้านี้ จากนั้นจึงค่อยๆเดินไปยังทางที่เชื่อมไปยังทางออกของสุสาน
ร็อดเดินไปพลางสำรวจพื้นที่ไปพลาง เขาพบว่าเส้นทางที่เดินอยู่ได้เปลี่ยนจากทางเดินที่กว้างขวางเป็นเส้นทางอันคับแคบ นี่นับเป็นเรื่องดีอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะนั่นหมายความว่าร็อดจะไม่ต้องเจอกับศัตรูจำนวนมากในคราวเดียว
หลังจากมุ่งหน้าไปอย่างช้าๆ ร็อดก็ได้ยินเสียงคำรามดังขึ้นชัดเจนกว่าเดิม ร็อดปลุกปลอบสมาธิและกระชับดาบที่อยู่ในมือแน่น สายตาจดจ้องไปยังความมืดที่อยู่ข้างหน้า
เดาว่าศัตรูตัวแรกที่เขาจะต้องเจอคงเป็นทหารโครงกระดูก แม้จะยังไม่ได้เห็นอย่างชัดเจน แต่บางส่วนของร่างกายที่เป็นโครงกระดูกมนุษย์ก็ทำให้เขาตัดสินได้ทันที
ทหารโครงกระดูกเป็นอันเดดระดับต่ำ ค่าความสามารถทั้งหมดยกเว้นค่าร่างกายสูงกว่าผู้ใหญ่โตเต็มวัยอยู่เล็กน้อย สิ่งเดียวที่หลงเหลืออยู่ในตัวพวกมันคือสัญชาตญาณในการต่อสู้ล้วนๆ แต่หากไม่มีเนโครแมนเซอร์คอยควบคุม พวกมันก็ไม่อาจเอาชนะนักดาบที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีได้ พวกมันมีประโยชน์ก็เฉพาะในสนามรบขนาดใหญ่เท่านั้น ประโยชน์ของพวกมันคือการตัดทอนกำลังของฝั่งศัตรู นับรวมกับพวกซอมบี้แล้ว พวกมันทั้งสองก็เป็นได้แค่ตัวรับดาเมจในสนามรบ
ในบอร์ดสนทนามีการโต้เถียงกันว่าระหว่างทหารโครงกระดูกและซอมบี้ อันเดดชนิดใดไร้ประโยชน์กว่ากัน แต่นั่นไม่ใช่สำหรับร็อดในตอนนี้ เพราะร่างกายของเขายังคงอ่อนแอ ค่าความสามารถยังเทียบผู้ใหญ่โตเต็มวัยไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
"ศึกหนักสินะ...."
ร็อดถอนหายใจ การจะจัดการทหารโครงกระดูกนั้น มีเพียงทำลายส่วนหัวของมันลง ไม่อย่างนั้นก็ได้แต่ตอดไฟวิญญาณที่ทราบกันดีว่าเป็นแหล่งพลังชีวิตของอันเดดไปเรื่อยๆ
ในเมื่อยังไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะต้องเจออันเดดอีกกี่ตัว และที่ด้านนอกนั่นจะบังเอิญไปจ๊ะเอ๋กับเนโครแมนเซอร์ผู้นั้นหรือไม่ ร็อดก็ไม่อยากจะเสียเวลากับทหารโครงกระดูกที่เบื้องหน้านานไปนัก ตอนนี้ค่าความสามารถของเขายังค่อนข้างต่ำ ดังนั้นการเล็งทำลายส่วนหัวจึงเป็นทางเลือกเพียงทางเดียว
วิธีอย่างเช่นการเอาชีวิตเข้าไปเสี่ยงแบบนี้เป็นอะไรที่ไม่คุ้มค่าอย่างมาก หากมีทางเลือกที่ดีกว่านี้เขาก็คงจะเลือกไปแล้ว ร็อดจะไม่ยอมเอาแต่ฝืนเล็งไปที่ส่วนหัวอย่างเด็ดขาด ในการต่อสู้นี้ หากว่ามีค่าความสามารถสูงกว่านี้ก็คงจะดี
เหตุผลหลักๆที่ทำให้ตัดสินใจแบบนี้ก็เพราะค่าความสามารถอันต่ำเตี้ยของเขา หากว่ามีความสามารถเทียบเท่าผู้ใหญทั่วไป ร็อดก็มั่นใจว่าจะสามารถพึ่งพาทักษะส่วนตัวของเขาจัดการได้ไม่ยาก แต่เขาก็บ่นอะไรไม่ได้ อย่างไรเสียนี่ก็เป็นการต่อสู้ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เส้นทางที่จะออกจากที่นี่ก็มีเพียงเส้นเดียว
ร็อดเร่งใช้ความคิด ไม่ว่าใครก็ไม่ทราบว่าเนโครแมนเซอร์ฝึกหัดคนนั้นจะกลับมาที่นี่ตอนไหน
คิดได้ดังนั้น ร็อดก็ก้มลงมองบริเวณเท้า จากนั้นจึงย่อตัวลงเก็บหินขนาดเท่าไข่ไก่ขึ้นมาก้อนหนึ่งและขว้างไปยังทหารโครงกระดูกที่อยู่เบื้องหน้า
เนื่องเพราะค่าความสามารถที่ต่ำกว่าเกณฑ์ หินที่ขว้างออกไปจึงไม่โดนส่วนหัวของทหารโครงกระดูก แต่โดนส่วนหน้าอกแทน แรงกระแทกของหินก้อนนั้นทำให้ทหารโครงกระดูกต้องถอยหลังไปสองก้าว
ด้วยคุณสมบัติไร้ซึ่งความกลัวของอันเดดทำให้มันไม่ได้ตกใจแต่อย่างใด หลังจากตั้งหลักได้มั่นคงแล้ว มันก็ยกดาบในมือพุ่งเข้ามาหาร็อด
ทหารโครงกระดูกมาถึงตรงหน้าของร็อดและฟันดาบลงมา
ตามหลักเหตุผลแล้ว การรับมือกับดาบที่ฟันเข้ามาของทหารโครงกระดูก ร็อดควรจะถอยออกมาและยกดาบขึ้นป้องกันพลางมองหาโอกาสสวนกลับ ทว่าร็อดไม่ได้ทำเช่นนั้น ตรงกันข้าม เขากลับพุ่งออกไปเผชิญหน้ากับการโจมตีที่เข้ามา ร็อดยกดาบในมือแทงออกไปเฉียงๆ และในเวลาเดียวร่างกายของเขาก็เอี้ยวตัวไปด้านข้างอย่างผิดธรรมชาติ
หากมีคนกำลังดูฉากนี้อยู่ เขาก็จะพบว่าดาบของร็อดได้แทงไปยังกระดูกต้นคอของทหารโครงกระดูกที่กำลังเหวี่ยงดาบฟันลงมาอย่างเต็มแรง แต่โครงกระดูกก็ยังฟันดาบลงมา กระนั้นร็อดก็ยังสามารถเบี่ยงตัวหลบได้ด้วยการโยกตัวเพียงเล็กน้อย
แกร๊ก!
เกิดเสียงดังขึ้นคราหนึ่ง จากนั้นก็มีกะโหลกหนึ่งร่วงลงพื้น ไฟวิญญาณในเบ้าตาของหัวกะโหลกนั้นค่อยๆมอดดับลง ขณะเดียวกันร็อดก็รู้สึกอ่อนแรง เขาเอนร่างพิงกำแพงด้านขางพลางปรับจังหวะลมหายใจให้เข้าที่
แม้การต่อสู้เมื่อครู่นี้จะกินเวลาเพียงชั่วสั้นๆ และชัยชนะก็ปรากฏออกมาแทบจะในทันที กระนั้นค่าตอบแทนที่ต้องจ่ายไปก็คือความเหนื่อยล้าทางจิตใจ
แม้จะดูเหมือนว่าร็อดฟันออกไปเพียงดาบเดียวก็จัดการทหารโครงกระดูกลงได้ หากแต่ในชั่วพริบตานั้นกลับแฝงเร้นไว้ด้วยอันตรายอย่างสุดแสน
ประการแรกก็คือ เวลาต้องเป๊ะ หากผิดพลาดไปเพียงเสี้ยววิ ดาบนั้นก็คงจะไม่แทงทะลุหรือแทงทะลุแล้วแต่ไม่อาจจัดการทหารโครงกระดูกได้ และจากนั้นการโจมตีของทหารโครงกระดูกก็จะฟันใส่เขาจนเจ็บหนัก ประการที่สองก็คือการหลบดาบที่ฟันเข้ามาของทหารโครงกระดูก การเอี้ยวตัวหลบนั้นแทบจะกินเรี่ยวแรงของเขาทั้งหมด
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความเหนื่อยล้าทางจิตหรืออะไร แต่ร็อดรู้สึกร่างกายอ่อนแรงอย่างมาก.....