ตอนที่แล้วตอนที่ 12
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 14

ตอนที่ 13


“หากเป็นไปได้ ผมก็หวังว่าสักวันผมจะยืนอยู่บนจุดสูงสุด”

ลู่หนานหยุนและเหว่ยอี้เฉินที่อยู่ในกลุ่มเด็กฝึกต่างก็ตกใจ

เด็กหนุ่มเม้มริมฝีปากเล็กน้อยเต็มไปด้วยความเชื่อมั่น แตกต่างจากความหยิ่งผยองก่อนหน้านี้ นี่เรียกได้ว่าเป็นความมั่นใจอย่างแท้จริง และความมั่นใจนี้ยิ่งทำให้เขาดูน่าดึงดูดขึ้นไปอีก ราวกับอัญมณีสีอำพันสวยที่ไม่อาจละสายตาได้เลย

หลังจากที่พูดจบ เขาก็โค้งคำนับให้กับกล้องและส่งไมโครโฟนคืนให้กับเฉินเหอ ท่ามกลางเสียงปรบมืออันอบอุ่นของทุกคน เรียวขายาวก้าวขึ้นบนบันได เดินไปยังอันดับที่ 5 ของเขาแล้วนั่ง

ต่อไปเป็นการประกาศอันดับที่ 4 ถึงอันดับที่ 1  โดยอันดับนั้นแตกต่างจากครั้งที่แล้ว พวกเขาทั้งหมดล้วนแต่เป็นผู้เข้าแข่งขันที่แข็งแกร่งในคลาสA อันดับที่ 4 ถึงอันดับที่ 1 ได้แก่ กู้เว่ยเฉิง เฟิงหยาน ลู่หนานหยุน และเหว่ยอี้เฉิน

นับจากบนลงล่าง ที่นั่ง 3 อันดับบนสุดอยู่ชั้น 2  และอันดับที่ 4-7 อยู่ชั้น 3

ตำแหน่งของจีเจ๋อหยูอยู่ระหว่างทางเดิน ดังนั้นเมื่อทุกคนที่อยู่ใน 4 อันดับแรกเดินผ่านไป เขาก็ต้องทำเป็นมีความสุขไปด้วยและยืนขึ้นปรบมือให้กับพวกเขาเหล่านั้น

กู้เว่ยเฉิงกอดเขาอย่างแนบแน่น แล้วนั่งข้างเขาตามด้วยรอยยิ้ม “นายนี่เยี่ยมไปเลย ฉันต้องมองนายใหม่แล้วแหละ แต่ถึงยังไงก็เถอะ สำหรับฉันแล้วเหว่ยอี้เฉินต้องเป็นที่ 1 อย่างแน่นอน ยากที่นายจะแข่งกับเขาได้นะ”

กู้เว่ยเฉิงและเหว่ยอี้เฉินอยู่บริษัทเดียวกัน ดังนั้นก็เป็นธรรมดาที่พวกเขาต้องเข้าข้างกันอยู่แล้ว

จีเจ๋อหยูยิ้ม “อย่างนั้นสินะ งั้นนายก็ต้องห้ามขยับไปไหนแล้วก็ห้ามฉันไม่ให้ขึ้นจากที่ 4 ของนายแล้วกันนะ”

กู้เว่ยเฉิงตกใจเมื่อได้ยินคำพูดนั้น และอดรู้สึกผิดเล็กน้อยในใจไม่ได้

หยุดจีเจ๋อหยูน่ะเหรอ? ถ้าตามทักษะในตอนนี้แล้วล่ะก็ ดูเหมือนว่า...จะยากไปหน่อยหรือเปล่า

หลังจากนั้นเฟิงหยานก็กอดจีเจ๋อหยูอย่างสุภาพและเอ่ยกับเขาว่า “ฉันชอบการแสดงของนายมากเลยนะ หากว่าถ้ามีโอกาสเราคงจะได้แข่งกัน”

เฟิงหยาน มาจากXunhua Entertainment ซึ่งเป็นบริษัทบันเทิงแห่งหนึ่ง เขานั้นเป็นเด็กฝึกหัดมามากกว่า 5 ปี เขาแข็งแกร่งและดูเหนือกว่าทุกคน เขารักเวทีและชื่นชมคนแข็งแกร่งที่สุด

จีเจ๋อหยูนั้นสามารถบอกได้ว่าคำชมของเฟิงหยานนั้นจริงใจ

“ด้วยความยินดี ฉันจะตั้งตารอการแข่งกับนายนะ” เขาบอกด้วยรอยยิ้ม

ต่อจากนั้นก็เป็นลู่หนานหยุน

จีเจ๋อหยูหายใจเข้าลึกๆ ควบคุมความอึดอัดในใจของเขา ยิ้มและปรบมือให้อีกฝ่าย ดวงตาของเขาสบกับดวงตาที่แสนเย็นชานั่น

โชคดีที่อีกฝ่ายไม่ได้กอดเขาเหมือนเด็กฝึกสองคนแรก เขาเพียงพยักหน้าให้เล็กน้อยแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย  “หากนายกล้าที่จะพูดแบบนั้น ฉันก็หวังว่านายจะทำตามอย่างที่นายพูด”

หลังจากเอ่ยจบลู่หนานหยุนก็เดินตรงขึ้นไป มุมปากของเขาเหมือนจะยกขึ้นเล็กน้อยโดยที่ไม่มีใครสังเกต

จีเจ๋อหยูคิดว่าเขาต้องตาฝาดไปแล้วแน่ๆเลยขยี้ตา ลู่หนานหยุนนั่งลงไปแล้ว และยังคงใบหน้าเรียบเฉยเย็นชาไว้อย่างเดิม

...แน่นอนว่าไม่ใช่

หลังจากนั้นเหว่ยอี้เฉินก็ทักทายจีเจ๋อหยูด้วยท่าทางที่เป็นมิตรมากกว่าลู่หนานหยุน แล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “นายเก่งมาก รู้สึกเหมือนว่าฉันจะเจอตอใหญ่เข้าแล้วสิ” ท่ามกลางคำพูดนั้นมีความหมายที่ลึกซึ้งในแววตาของเขา

จีเจ๋อหยูยิ้มและพูดว่า “ยกยอกันเกินไปแล้ว”

หลังจากพูดคุยกับตัวเองทั้งสองเสร็จ เขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

“การประกาศอันดับครั้งแรกได้เสร็จสิ้นแล้ว ผู้เข้าแข่งขันที่เหลือ...จะต้องออกจากรายการ” เฉินเหอกล่าวอย่างเสียใจ

เด็กบางคนที่ต้องจากไปก็เศร้า บางคนยิ้ม และบางคนก็ให้กำลังใจเพื่อนที่ต้องออกจากรายการ  ทั้งสตูดิโอเต็มไปด้วยบรรยากาศที่ซาบซึ้ง

จีเจ๋อหยูมองดูพวกเขาก็ได้แต่รู้สึกเศร้าใจ เขาเองก็เคยเป็นหนึ่งในพวกเขาเหล่านั้น ช่วงเวลาที่เขาต้องออกจากรายการ เมื่อถึงตอนนั้นผู้ชมจะรู้สึกสงสารพวกเขาและอวยพรให้พวกเขาที่ต้องไป

เด็กหนุ่ม 2 ใน 4 จากบริษัทเดียวกันกับจีเจ๋อหยู เดินมาหาเขาที่บันได แล้วกอดลาพวกเขาทีละคน บอกลาด้วยความจริงใจแม้จะขมขื่นเล็กน้อย

เด็กหนุ่มทั้งสองรู้สึกยินดี แม้ว่าท้ายที่สุดพวกเขานั้นรู้ฐานะของจีเจ๋อหยูดีในบริษัท

“เจ๋อหยู ฉันจะกลับไปโหวตให้นายนะ นายต้องอันดับสูงขึ้นกว่านี้อย่างแน่นอน” เด็กหนุ่มคนหนึ่งพูดกับเขาก่อนที่จะจากไป

หลังจากการบันทึกช่วงประกาศการจัดอันดับสิ้นสุดลง ฉีอ่าวตงก็มองไปที่จีเจ๋อหยู แล้วถามเขาเบาๆว่า “คุณเศร้าหรอ?”

“นิดหน่อยน่ะ” เขาพูดตอบเบาๆ “อันที่จริง ฉันก็โทษตัวเองอยู่บ้าง ตอนจัดอันดับเริ่มต้นฉันสร้างภาระให้กับพวกนายทุกคนเลย แล้วหลังจากนั้นฉันก็เอาแต่สนใจแค่การชนะหรือแพ้ของตัวเองแค่นั้น ฉันไม่มีเวลามาช่วยพวกเขาให้ผ่านเข้ารอบเลยด้วยซ้ำ”

“ไม่เป็นไรหรอก พวกเขา...ยังมีโอกาสอยู่” ฉีอ่าวตงปลอบใจ “เราก็ยังต้องสู้ต่อไป ไม่อย่างนั้น...ไม่อย่างนั้นเด็กฝึกคนอื่นๆที่ถูกคัดออกคงจะผิดหวังเหมือนกัน”

ฉีอ่าวตง ยังเด็กมากและไม่ค่อยได้ปลอบใจคนอื่นมากนัก จนพูดตะกุกตะกักในบางที เขามองไปที่ดวงตาที่ปิดสนิทของจีเจ๋อหยู และรู้สึกทุกข์ใจโดยไม่รู้ตัว

จีเจ๋อหยูหัวเราะเบาๆ เขาพยักหน้าแล้วตอบกลับ “ฉันจะตั้งใจเต็มที่นะ”

ห่างออกไปไม่มากนะ ลู่หนานหยุนกำลังส่งเพื่อนของเขา ดวงตาของเขาจ้องเลยผ่านไปที่จีเจ๋อหยู จะด้วยความตั้งใจหรือไม่ คิ้วของเขาก็เริ่มขมวดเล็กน้อย

ภารกิจแรกจบไปแล้วอย่างเป็นทางการ เด็กฝึกที่เหลือไม่มีเวลาพักผ่อน เพราะในไม่ช้าก็เริ่มบันทึกตอนถัดไป

เฉินเหอประกาศกฎการแข่งขันสำหรับการแสดงครั้งที่ 2  “ทางรายการจะให้ตัวเลือกกับพวกคุณ คุณสามารถเลือกสายที่พวกคุณถนัด ได้แก่ ทำเพลง ร้องเพลง และการเต้น ทางรายการจะกำหนดจำนวนคน…”

สองกลุ่มสำหรับทำเพลง สี่กลุ่มสำหรับร้องเพลง และห้ากลุ่มสำหรับเพลงเต้น แต่ละกลุ่มจะมี5คน

จุดประสงค์ของรอบนี้คือการเน้นจุดเด่นของเด็กฝึกแต่ละคน ให้การแสดงมีคุณภาพที่สูงขึ้น และท้าทายมากขึ้น

หลังจากที่รายการได้แจกแจงรายละเอียดให้เด็กฝึกพิจารณาหนึ่งวัน

จีเจ๋อหยูคิดอย่างรอบคอบ ตอนนี้เขาต้องหาสไตล์ของตัวเอง และกลุ่มทำเพลงก็สามารถแสดงภาพลักษณ์ของเด็กฝึกได้ดีที่สุด นอกจากร้องและเต้นแล้ว เขายังสามารถเขียนเนื้อเพลงเองได้ด้วย

ดังนั้นจีเจ๋อหยูจึงคิดอยู่ครู่หนึ่ง และเขียนคำว่า “ทำเพลง” ลงในตัวเลือกแรกไป

หลังจากที่ได้กินมื้อเที่ยง ลู่หนานหยุนก็ถามกับว่านหลงว่า “นายเลือกอะไร”

“ว่าจะเลือกร้องเพลง” ว่านหลงตอบอย่างตรงไปตรงมา

“อืม อย่างนั้นหรอ” ลู่หนานหยุนเหลือมองอีกฝ่าย ละสายตาออกไป และท่าทางของเขาก็ดูไม่เป็นธรรมชาติสักเท่าไหร่ “แล้วนายรู้ไหม...ว่าจีเจ๋อหยูเลือกอะไร”

เมื่อได้ยินอย่างนั้น ดวงตาของว่านหลงก็เบิกกว้างทันที ราวกับว่าเขาได้ยินสิ่งที่น่าตกใจที่สุดในโลก

ลู่หนานหยุนอยากรู้ว่าจีเจ๋อหยูเลือกอะไรงั้นหรอ?!

อย่างไรก็ตาม หลังจากผ่านไปสักพักว่านหลงก็เข้าใจ...เหตุผลที่ลู่หนานหยุนถามก็เพราะว่าเขาต้องการที่จะ “ป้องกันฟ้าผ่า” และหลีกเลี่ยงจีเจ๋อหยูนั่นเอง

เมื่อมาคิดดูแล้ว ว่านหลงก็พูดขึ้นมาทันทีว่า “ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่จะไปดูให้นะ”

ลู่หนานหยุนพยักหน้า ปกปิดความรู้สึกที่ไม่สบายใจพาดผ่านใบหน้าของเขา

ในช่วงบ่ายของวันนั้น ว่านหลงก็ไปที่ห้องพักของจีเจ๋อหยู เมื่อเขารู้ว่าตัวเลือกแรกของอีกฝ่ายในแบบฟอร์ม คือ “การทำเพลง” เขาจึงไปหาลู่หนานหยุนที่ห้องซ้อม พร้อมกับบอกข้อมูลตามความจริงให้แก่อีกฝ่าย

ลู่หนานหยุนพยักหน้าอย่างเรียบเฉย  เขาออกจากห้องซ้อมทันที และกลับไปที่หอพักเพื่อกรอกแบบฟอร์ม

ในขณะที่เขากำลังจะเขียนคำว่า “ทำเพลง” ในตัวเลือกแรก มือของเขาก็หยุดชะงักกะทันหัน

ดูเหมือนว่าจะมีอะไรแปลกๆ…

ตอนที่ลู่หนานหยุนอยากจะเข้าใกล้จีเจ๋อหยูก่อนหน้านี้ ว่านหลงก็เข้ามาขัดขวางนับครั้งไม่ถ้วน แล้วเคยไปกระซิบกับจีเจ๋อหยูว่า “ลู่หนานหยุนมาแล้ว นายรีบไปเลย” แล้วทำไมวันนี้หมอนั่นรีบมาบอกเร็วขนาดนี้

ลู่หนานหยุนขมวดคิ้ว รู้สึกว่าเรื่องนี้มันไม่ใช่เรื่องง่ายแล้ว

หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็สรุปได้ว่าว่านหลงต้องกำลังโกหกเขาอยู่แน่ๆ

จีเจ๋อหยูต้องไม่ได้เลือกทำเพลงอย่างแน่นอน

ลู่หนานหยุนนึกถึงการแสดงแสนน่าทึ่งจีเจ๋อหยูก่อนหน้านี้ และทักษะการเต้นอันยอดเยี่ยมของเขา แล้วคิดขึ้นมาว่า หากจีเจ๋อหยูไม่ได้เลือกทำเพลง อีกฝ่ายคงต้องเลือกการเต้น

เป็นผลให้ตอนนี้ลู่หนานหยุนเม้มริมฝีปาก ยกปากกาขึ้นอย่างมั่นใจ และเขียนคำว่า “เต้น” ลงในแบบฟอร์มตัวเลือกแรกของตัวเองอย่างจริงจัง

หลังจากที่เขียนไปแล้ว เขาก็มองด้วยท่าทางพอใจยิ่ง

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด