[Rewrite,อ่านฟรี] Special District 9 ตอนที่ 121 ย่องออกมาพร้อมความระทึก
ตอนที่ 121 ย่องออกมาพร้อมความระทึก
“ฮัลโหล?” ฉินหยู่รับสายแล้วถามว่า “นี่ใคร?”
“นายจะออกไปแบบเงียบๆ ใช่ไหม?” เสียงชายคนหนึ่งพูดห้วนๆ มาตามสายโทรศัพท์ “มีบางอย่างเกิดขึ้นเมื่อกี้ ฉันรับโทรศัพท์ไม่ได้”
ฉินหยู่ดีใจมากเมื่อได้ยินเช่นนั้น “ใช่ เราต้องผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง เราจะออกไปตอนนี้ได้ไหม?”
“นายอยู่ไหน?” อีกฝ่ายถาม
ฉินหยู่ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและนิ่งเงียบโดยไม่ตอบกลับ
“ไอ้เวร ไม่ต้องกลัว ฉันแค่อยากถามว่า นายจะมาถึงด่านนี้ได้หรือเปล่า” เมื่อเห็นความลังเลของฉินหยู่ อีกฝ่ายก็พูดด้วยน้ำเสียงเนือยๆ ทันที “ช่างมัน งั้นเอาที่อยู่ไป แล้วพวกนายรีบมาได้เลย”
“คืนนี้คุณออกไปได้ใช่ไหม?” ฉินหยู่ถาม
“ได้”
“โอเค งั้นบอกที่อยู่มา”
“ไปที่นี่…” หลังจากที่อีกฝ่ายพูดชื่อสถานที่แล้วเขาก็วางสายไป
……
หมู่บ้านหนานหยวนไลฟ์อยู่ใกล้กับจุดตรวจมาก และนี่คือสาเหตุที่ฉินหยู่เลือกสถานที่ดังกล่าวเพื่อชิงตัวหย่งตง หลังจากเดินผ่านดินแดนรกร้างมานานกว่าครึ่งชั่วโมง ทุกคนก็เห็นกำแพงขนาดใหญ่สูงหลายเมตร รูปร่างคล้ายกับกำแพงชายแดนที่สหรัฐอเมริกาสร้างไว้ในแคลิฟอร์เนียเล็กน้อย
ที่ตรงกลางแนวกำแพง เห็นประตูใหญ่เข้าออกเมืองตั้งตระหง่าน ระหว่างเสาปูนยักษ์คู่ที่เป็นขอบประตู มีป้ายเหนือประตูที่เป็นตัวอักษรแปดตัวเรียงกันเป็นแนวนอนอันวิจิตรงดงาม เขียนไว้ว่า “เมืองหลวงเฟิ่งเป่ยแห่งเขตปกครองพิเศษที่เก้า” แปลเป็นภาษาจีนและอังกฤษ ด้านล่างเป็นถนนกว้างหลายสิบเมตร โดยมีแนวเสาไฟฟ้าบางส่วนที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า และยานพาหนะของกองทหารเจ็ดแปดคันจอดอยู่
ฉินหยู่และคนอื่นๆ นั่งยองๆ อยู่ในพื้นหิมะหนาทั้งสองข้างของถนนเพื่อพักเหนื่อยอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงกดหมายเลขโทรศัพท์ที่พวกเขาเพิ่งโทรไป
“เฮ้ เรามาถึงที่อยู่ที่คุณบอกเราแล้ว”
“นายเห็นอาคารสำนักงานด่านตรวจคนเข้าเมืองทางด้านซ้ายของถนนหรือเปล่า?” เสียงของอีกฝ่ายดังขึ้นตะโกนถามท่ามกลางเสียงรบกวนที่แทรกเข้ามาในโทรศัพท์
“ฉันเห็นแล้ว” ฉินหยู่พยักหน้า
“นายไปที่โรงรถด้านหลังอาคาร ฉันจะไปรับนายทันที”
“เอ้อ…” ฉินหยู่ชะงักนิ่งไปครู่หนึ่ง “จะให้เราเดินเข้าไปดื้อๆ เลยเหรอ?”
“ใช่ เดินเข้ามาเลย”
“แล้วถ้าเจอเจ้าหน้าที่ลาดตระเวนจะให้ฉันทำยังไง?” ฉินหยู่ถามด้วยความรู้สึกไร้สาระเล็กน้อย
“ให้ตายเถอะ ทำตามที่ฉันบอกได้มั้ย? ไม่เป็นไรหรอก” อีกฝ่ายตอบอย่างไม่ใส่ใจ “คนที่เข้าเวรคืนนี้เป็นคนของเราทั้งนั้น ไม่เป็นไร”
“ก็ได้”
“แค่นั้นแหละ” อีกฝ่ายรีบวางสายไป
ฉินหยู่นั่งยองๆ อยู่ที่นั่นและคิดอยู่นาน แต่ยังคงรู้สึกไม่สบายใจ จากนั้นเขาก็โทรถามผู้กำกับหลี่ “คุณลุง คุณยังต้องการคนที่จะทำงานให้คุณอยู่หรือเปล่า? ทำไมฉันรู้สึกว่ามีอุปสรรคมากวนใจตลอดเวลา...เขาไม่รับสายด้วยซ้ำก่อนหน้านี้”
“ระบบทหารแตกต่างจากระบบท้องถิ่น พวกเขาไม่ชินกับการทำตามกฎเกณฑ์ ก็เท่านั้น” ผู้กำกับหลี่ตอบเบาๆ “ฉันขอให้ผู้อาวุโสจัดการเรื่องนี้ ไม่น่าจะมีปัญหา”
“โอเค ฉันเข้าใจแล้ว” ฉินหยู่พยักหน้าแล้วพูดต่อ “ถ้าอย่างนั้นเราก็พร้อมที่จะออกไปแล้ว”
“ตกลง”
หลังจากฉินหยู่วางสายโทรศัพท์ เขาหันกลับมาบอกกับทุกคน “พวกเราไป เดินเข้าไปโดยตรงๆ เลย”
……
ยี่สิบนาทีต่อมา ทุกคนเดินไปในร่องหิมะลึกริมถนน ผ่านอาคารไปจนถึงใกล้โรงรถ
ฉินหยู่ยังกลัวที่จะไปชนกับเจ้าหน้าที่ลาดตระเวนแบบไม่คาดฝัน เขาจึงติดต่อผู้ช่วยเหลือคนเดิมอีกครั้ง
สักพักก็มีเงาดำชายคนหนึ่งรีบวิ่งมาจากด้านหลังอาคารตรวจคนเข้าเมือง มือขวาถือไฟฉายเดินมาที่รั้วเหล็กแล้วร้องเรียก “พวกนายอยู่ที่ไหน?”
ฉินหยู่ลังเลก่อนยืดตัวขึ้นจากท่านอนหมอบหลบกับพื้นแล้วพูดว่า “นี่”
ร่างนั้นฉายไฟฉายไปทางฉินหยู่ และพูดด้วยความประหลาดใจ “เวรละ นายบอกมีหลายคน แต่ดันไม่บอกว่ามีกี่คนแน่?”
“มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น ยังอยู่ข้างหลังอีกสามสี่คน” ฉินหยู่นอนอยู่นอกตาข่ายเหล็กและมองดูจ่าสิบเอกอย่างระมัดระวัง
เขาสวมเครื่องแบบทหารฤดูหนาวบางๆ และรองเท้าบูตหนังแบบลำลอง เขายังคงได้กลิ่นควันบุหรี่และเครื่องแบบของเขาดูไม่เหมือนชุดของคนที่เข้าเวรปฏิบัติหน้าที่อยู่
“เข้ามาเลย เข้ามา” จ่าเปิดประตูตาข่ายเหล็กแล้วโบกมือให้ทุกคน
ฉินหยู่ก้มลงและเข้าไปแล้วถามด้วยเสียงเบาๆ “คุณปฏิบัติหน้าที่อยู่หรือเปล่า?”
“ใช่ มีอะไรเหรอ?” นายทหารพยักหน้า
ฉินหยู่มองไปที่เสื้อผ้าของอีกฝ่ายอีกครั้งด้วยสีหน้างุนงง
“ฮ่าฮ่า นายไม่คิดว่าฉันใส่เครื่องแบบถูกต้องเหรอ?” จ่าสังเกตเห็นสีหน้าของฉินหยู่ เขาตอบทันทีด้วยรอยยิ้ม “นายรู้ไหมว่านี่เป็นหน่วยประเภทไหน? นี่คือกองพลทหารรักษาการณ์เมืองหลวง เป็นกองทหารที่สามประจำการแห่งกวางโจว ไม่ว่าเราแม่งจะทำงานกันยังไง? แม้แต่นายกเทศมนตรีก็ไม่มีสิทธิ์มาถาม”
ฉินหยู่ขมวดคิ้วมองจ่าสิบเอกที่ค่อนข้างมีนิสัยโอหัง เขาจึงเลี่ยงที่จะแสดงความเห็นอะไรขัดคอโดยไม่จำเป็น
“พวกนายรออยู่ในโรงรถสักพัก พอรถมา ฉันจะพานายไปที่นั่น”
จ่าสั่งพวกฉินหยู่และอ้าปากหาวยาวเพราะความง่วง
ฉินหยู่เดินตามจ่าสิบเอกไปและถามทันทีว่า “เมื่อกี้ฉันโทรหาคุณ ทำไมไม่ติดต่อกลับล่ะ?”
“หัวหน้ามันประสาทแดกอะไรก็ไม่รู้ จู่ๆ พวกเขาก็อยากจะตรวจสอบเกี่ยวกับของวัสดุอุปกรณ์ทหารที่สั่งเข้ามาใช้งาน เลยเรียกทุกคนในกองของเราไปสอบสวน” จ่าหนุ่มตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆ “พวกเราเกิดกลัวขึ้นมา ประมาณว่าเรามีอุปกรณ์ทหารบางส่วนที่อยู่กับเรา”
“พวกคุณกำลังถูกสอบสวนอย่างเข้มงวดอยู่ แล้วเราจะยังออกไปได้ไหมคืนนี้?” ฉินหยู่ถามด้วยความกังวลใจมากขึ้น
“พวกเจ้าหน้าที่ตรวจสอบก็แกล้งทำเป็นตรวจสอบไปอย่างนั้นแหละ ที่จริงแค่ต้องการควบคุมหน่วยของเราและขอสินบน” จ่าสิบเอกโบกมือ “ไม่มีอะไร ทุกอย่างโอเค เจ้านายพูดแล้วทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม”
“อ้อ!” ฉินหยู่พยักหน้าราวกับว่าเขาเข้าใจ
ไม่กี่นาทีต่อมา จ่าก็เปิดประตูโรงรถแล้วโบกมือพร้อมตะโกนบอกทุกคน “ข้างในมีน้ำ นั่งรอกันได้สักพัก พอรถมาก็ขึ้นจากที่นี่ได้เลย แล้วออกจากด่านตรวจคนเข้าเมืองได้ทันที”
“ขอบคุณ” ฉินหยู่พยักหน้า “สำหรับค่ารถ…”
“ไม่ต้อง มีคนจ่ายล่วงหน้าให้แล้ว แค่รอก่อน” หลังจากพูดไม่กี่คำ จ่าก็ล็อกประตูแล้วจากไป
……
ในโรงรถที่มีแสงสว่างจ้า หย่งตงนั่งลงบนเก้าอี้และดื่มน้ำหนึ่งขวดก่อนพูดขึ้นมา “ขนาดว่ากองพลทหารรักษาการณ์จะมีอิสระมาก แต่จ่าคนนี้ดูมันยังตื่นตูมไปหน่อย”
“อืม มันไม่ค่อยน่าเชื่อเท่าไหร่” แมวแก่พยักหน้าเห็นด้วย
“เป็นไปไม่ได้ที่เฒ่าหลี่จะเลือกใครสักคนด้วยตัวเอง และขอให้ใครสักคนส่งพวกเราออกไป” ฉินหยู่หันกลับมาตอบ “นี่เป็นเรื่องของการหาทางออกร่วมกันของคอนเน็กชันระดับสูง ดังนั้นเราควรระวัง ทันทีที่เราออกจากด่านตรวจคนเข้าเมืองและอยู่ห่างจากเฟิ่งเป่ยไประยะหนึ่ง เราก็จะลงจากรถทันที”
“ถ้ารู้ว่าการควบคุมที่นี่หละหลวมอย่างงี้ เราก็คงไม่ทิ้งอาวุธไปเกือบหมด” ผู้เฒ่าหม่าถามอย่างเสียใจว่า “เราเหลือปืนกี่กระบอก?”
“ปืนสั้นหกหรือเจ็ดกระบอก”
“แจกจ่ายกันไปแล้วเตรียมพร้อม”
“ครับ”
ทุกคนต่างเคลื่อนไหวเตรียมพร้อมเมื่อได้รับคำสั่ง
ฉินหยู่เห็นว่าทุกคนกำลังเตรียมอาวุธกันอยู่ เขาก็เดินห่างออกไปจากกลุ่มพลางก้มหยิบโทรศัพท์มือถือ ส่งข้อความสองสามข้อความออกไป
……
ภายในโรงรถ
ทุกคนรอประมาณหนึ่งชั่วโมงด้วยความวิตกกังวลอย่างมากและไม่ค่อยเชื่อใจจ่าสิบเอกคนนั้น แต่แล้วก็มีเสียงเครื่องยนต์รถดังกึกก้องมาจากด้านนอก
ทันทีที่ประตูหลักของโกดังเปิดออก รถบรรทุกทหารสี่คันก็จอดเรียงกันที่ลานหน้าโกดัง จ่าสิบเอกตะโกนบอกทั้งที่ปากคาบบุหรี่ไว้ “ไปได้เลย!”
“ไปไป!”
ฉินหยู่ก้มลงกล่าวลาตามมารยาท แล้ววิ่งออกไปพร้อมกับทุกคน และขึ้นไปในรถบรรทุกทหารคันสุดท้าย
ในกระบะท้ายรถบรรทุกทหาร ฉินหยู่ย้ายกองเสื้อคลุมทหารขนาดใหญ่หลายกองที่กระจายอยู่ทั่วกระบะ เพื่อเปิดพื้นที่ว่าง เขาหันกลับมามองข้างในแล้วพูดกับตัวเอง “นี่มันรถที่ส่งเสื้อผ้านี่หว่า”
“ฉันจะตามรถไปด้วย” จ่าตะโกนเสียงดัง “นายนอนลงบนกองเสื้อผ้าได้เลย สักสองชั่วโมงก็น่าจะถึงแล้ว”
“ตกลง” ฉินหยู่พยักหน้าตอบ
ประตูรถถูกล็อก และหลังจากนั้นไม่นาน รถบรรทุกทหารก็พาทุกคนเดินทางออกไป
เมื่อการเดินทางอย่างลับๆ ของพวกเขาเริ่มต้นขึ้น ผู้เฒ่าหม่า หย่งตง และคนอื่นๆ ถือปืนไว้ในมือ พวกเขาต่างรู้สึกกังวลมากจนลืมหายใจ
แต่รถทหารได้รับการยกเว้นการตรวจตลอดทาง ผ่านจุดตรวจ 3 จุดติดต่อกัน และขับเข้าไปในพื้นที่โครงการพัฒนา
ในเวลานี้ทุกคนโล่งใจอย่างยิ่ง แล้วแมวแก่ก็แยกเขี้ยวพึมพำขึ้นมา “กองทหารรักษาการณ์มันเป็นยังไงกันวะ? มันยอดเยี่ยมมากนักเหรอไง?”
“ในฐานะคนที่รับผิดชอบหลักในการดูแลเมืองหลวง นายคิดว่าพวกเขาเจ๋งไหมล่ะ?!” หย่งตงตอบด้วยสีหน้าผ่อนคลายมากขึ้น
……
ด้านหน้าอาคารหลงซิ่ง มีรถสองคันแล่นเข้ามาหยุด และพี่เบิ้มฉิงก็ก้าวลงมาจากรถคันหนึ่ง
“คุณฉิง!”
หยวนหัวที่รออยู่รีบวิ่งเหยาะๆ
พี่เบิ้มฉิงขมวดคิ้วเมื่อเหลือบเห็นอีกฝ่าย เขาไม่สนใจที่จะคุยกับหยวนหัวและรีบเดินหนีไปที่ห้องโถง
“คุณฉิง ฉันทำผิดพลาดในเรื่องนี้ ให้โอกาสฉันได้แก้ไขด้วยเถอะ!” หยวนหัวตามมาและตะโกน
“ถ้าคุณไม่ต้องการเราแล้ว หลงซิ่งจะไม่มีทางกลับเข้าตลาดซงเจียงได้อีก!”
คำพูดนั้นทำให้พี่เบิ้มฉิงหยุดเดินและนิ่งอึ้งไป หลังจากคิดอยู่นาน เขาก็หันกลับไปมองหยวนหัวพร้อมเอามือไพล่หลัง
……………………………………………………………