ตอนที่แล้วWS บทที่ 155 สถานการณ์ที่เลวร้าย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปWS บทที่ 157 ความสามารถของปีศาจแพนโดร่า

WS บทที่ 156 ก่อร่างสร้างใหม่


“ดิฉันมาแล้วเจ้าค่ะ” เอ็มม่าเดินเข้ามในห้องด้วยความประหม่า

เมอร์ลินลืมตาขึ้น หลังจากที่ได้เห็นว่าหญิงสาวตรงหน้าเป็นเอ็มม่า เขาได้ยิ้มพูดเบา ๆ และพูดว่า “เอ็มม่าที่ฉันเรียกให้เธอมาก็เพราะว่าฉันอยากให้เธอช่วยฉันปรุงยา”

“เอ๋? ปรุงยา? แต่ฉันไม่...” เอ็มม่าต้องการจะปฏิเสธแต่เธอส่ายหัวเอาตอนท้าย

“ไม่เป็นไร ไม่ต้องกังวล สิ่งสำคัญที่สุดก็คือความใส่ใจ ฉันเชื่อในตัวเธอและเธอจะต้องทำสำเร็จอยงแน่นอน เอาล่ะ เรามารีบปรุงยากันเถอะ เราต้องรีบปรุงยาให้ได้เร็วที่สุด”

ตอนนี้ร่างกายของเมอร์ลินใกล้ถึงขีดจำกัดแล้ว พิศของน้ำยากัดกร่อนกำลังแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว ถ้าเขาไม่ทำน้ำยาแก้พิษตอนนี้ เขากรงว่ามันอาจจะสายเกินไป

ส่วนเหตุผลที่ทำไมต้องเป็นเอ็มม่าก็เพราะว่าเธอมีคุณสมบัติขั้นพื้นฐานที่จะเป็นนักเวทย์

เธอมีพลังจิตเหนือกว่าคนทั่วไป แม้ว่าเธอจะไม่รู้ตัวแต่สำหรับนักเวทย์อย่างเมอร์ลิน เขาสามารถสังเกตเห็นสิ่งมันได้โดยธรรมชาติ

แม้ว่าเธอจะไม่ได้เป็นนักเวทย์แต่เธอมีสมาธิมากกว่าคนอื่น ๆ ถ้าได้เธอปรุงยามันจะมีโอกาสสำเร็จมากกว่าคนปกติ

เมอร์ลินได้หยิบเครื่องแก้วที่ใช้ปรุงยาออกมาจากแหวนของเขา

เอ็มม่าที่ได้เห็นเครื่องอันวิจิตรนี้ทำให้เธอตื่นเต้นอย่างมาก เมอร์ลินบอกกับเธอด้วยรอยยิ้มว่า “นี่คือเครื่องแก้วสำหรับปรุงยา เดี๋ยวฉันจะสอนการปรุงยาขั้นพื้นฐานให้กับเธอ”

น้ำยาที่เมอร์ลินจะทำก็คือน้ำยาแก้พิษที่หาได้ทั่วไปในดินแดนมนต์ดำ แม้ว่าน้ำยากัดกร่อนจะทรงพลังแต่มันก็เป็นเพียงยาพิษทั่ว ๆ ไปเท่านั้น น้ำยาแก้พิษสามารถลบล้างพิษของมันได้

เมื่อเอ็มม่าเริ่มที่จะเข้าใจในขั้นตอนการปรุงยาแก้พิษแล้ว เขาก็เปิดใช้เดอะเมททริกซ์ควบคุมอัตราส่วนของส่วนผสมอย่างเคร่งครัด แม้ว่านี่จะเป็นการปรุงยาครั้งแรกของเอ็มม่าแต่ถ้าตั้งใจ มันต้องสำเร็จอย่างแน่นอน

หากเธอทำสำเร็จ เมอร์ลินจะนำน้ำยาแก้พิษอันนั้นมาชะล้างพิษของน้ำยากัดกร่อนให้หายไป

หลังจากนั้นเมอร์ลินก็ให้เอ็มม่าเริ่มปรุงยาครั้งโดยที่เขาแนะนำเธอในทุกขั้นตอน จากนั้นเธอได้จดจ่อกับการปรุงยาในทุก ๆ ขั้นตอนโดยไม่สนใจสิ่งรอบข้าง

ถึงเธอจะใช้ส่วนผสมที่ตรงตามอัตราส่วนที่เดอะเมทริกซ์กำหนดไว้แต่เธอก็ยังล้มเหลวอยู่บ้างเนื่องจากขาดประสบการณ์

จากนั้นก็ได้ทำครั้งที่สอง ครั้งที่สาม ครั้งที่สี่...จนกระทั่งครั้งที่ห้าเธอได้ทำสำเร็จ

เธอได้มอบน้ำยาแก้พิษให้เมอร์ลิน เขาอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา

“เอาล่ะเอ็มม่า ขอบใจเธอมาก ตอนนี้ก็กลับบ้านไปได้แล้ว” เมอริ์ลนกล่าว

แม้ว่าเอ็มม่าจะปรุงยามาเกือบสิบชั่วโมงแล้วแต่พลังของเธอยังล้นเหลือเนื่องจากเธอมีพลังจิตที่ไม่ธรรมดา เธอเลยรู้สึกลังเลแม้ว่าเมอร์ลินจะสั่งให้เธอออกไปก็ตาม

ในระหว่างที่เอ็มม่ากำลังเดินออกไปที่ประตู เมอร์ลินลังเลอะไรบางอย่างก็ที่จะตัดสินใจพูดว่า

“เดี๋ยวก่อน เอานี่ไปสิ มันคือเทคนิคการทำสมาธิ”

เมอร์ลินนำเทคนิคการทำสมาธิให้เธอ นี่ไม่ใช่เทคนิคทั่วไป มันเป็นเทคนิคขั้นกลางที่เขาได้รับมาจากพ่อมดลีโอในตอนนั้น

หากเธอทำการฝึกฝนพลังจิตได้ผลลัพธ์ได้ยอดเยี่ยม เมอร์ลินคงไม่รังเกียจที่จะมอบโครงสร้างเวทมนต์ให้เธอและทำให้เธอกลายเป็นนักเวทย์

อย่างไรก็ตามเรื่องนั้นเขาค่อยตัดสินใจอีกทีหลังจากหายดี เมื่อเขาหมดธุระและเขาก็โบกมือส่งสัญญาณให้เธอออกจากบ้านพัก

ตอนนี้เมอร์ลินอยู่เพียงผู้เดียวในห้อง เขาดื่มน้ำยาแก้พิษลงไป

หลังจากนั้นเขาได้หลับตาเล็กน้อยและรอให้ฤทธิ์ของน้ำยาแก้พิษทำงาน

หลังจากผ่านไปชั่วโมง เขารู้ร้อนในร่างกาย เหงื่อไคลไหลออกมา

แม้เหงื่อจะออกมามากแต่เขารู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น เขาได้ใช้พลังจิตตรวจสอบร่างกายของเขาพบว่าน้ำยากัดกร่อนได้ถูกขับออกมาทางเหงื่อ เห็นได้ชัดว่าน้ำยาแก้พิษมันได้ผล

“ฟู่~”

หลังจากผ่านไปไม่ถึงชั่วโมง เมอร์ลินถอนหายใจเฮือกใหญ่ ในที่สุดเขาไม่ต้องกังวลว่าพิษของน้ำยากัดกร่อนจะกระจายไปทั่วร่างกาย ด้วยน้ำยาแก้พิษตอนนี้พิษได้ถูกขจัดออกไปบาง

ในวันต่อมาเมอร์ลินสั่งให้เอ็มม่ามาที่บ้านพักของเขาวันละครั้งเพื่อทำน้ำยาแก้พิษ ดูเหมือนชาบิลจะรู้สาเหตุที่เมอร์ลินขอให้เอ็มม่าไปหาเขาดังนั้นเขาจึงไม่ว่าอะไรและเขาด้วยความเลื่อมใสมากขึ้น

ตอนนี้พิษของน้ำยากัดกร่อยได้ถูกชะล้างไปบางส่วนจึงทำให้เมอร์ลินขยับแขนได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

แม้ว่าพิษจะถูกขับออกไปส่วนใหญ่แล้วแต่เนื้อตรงบริเวณน่องขายังไม่ฟื้นตัว แม้ว่าเขาจะมีร่างกายที่แข็งแกร่งและมีอัตราการฟื้นฟูที่น่าอัศจรรย์ใจแต่เขาต้องใช้เวลาอย่างน้อยสองเดือนถึงขาของเขาจะรักษาได้หายสนิท

...

*ปัง*

ประตูห้องของเอ็มม่าถูกผลักออกอย่างกะทันหัน ชาบิลได้พรวดเข้ามาในห้องของเธอด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด

“เอ็มม่า!!” ชาบิลตะโกนด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธ

เอ็มประหลาดใจและถามอย่างตื่นตระหนกว่า “ท่านพ่อ ท่านมาที่นี่ทำไม”

“ที่พ่อมาที่นี่เพราะพ่อมีเรื่องที่จะต้องถามลูก หลังจากที่ลูกไปได้ปรุงยาให้กับท่านนักเวทย์ ลูกกลับมาเอาแต่ขลุกตัวอยู่ในห้องตลอด ลูกกำลังทำอะไรอยู่”

ชาบิลสังเกตเห็นว่าลูกสาวของเขาเปลี่ยนหลังจากวันนั้น จากเด็กสาวที่มีชีวิตชีวา ตอนนี้เอาแต่ขลุกตัวอยู่ในห้อง นั่นทำให้เขารู้สึกกังวลมาก เขาจึงตัดสินใจบุกเข้ามาในห้องด้วยความโมโห

แม้ว่าเธอจะขลุกอยู่ในห้องทั้งวนแต่เธอดูกระชับกระเฉง สีหน้าของเธอดูปกติ เมื่อเห็นท่าทีกระอักกระอ่วนของเธอ เขาถามไปอีกครั้งว่า

“เอ็มม่า ลูกกำลังทำอะไรอยู่ในห้อง”

หลังจากเงียบอยู่นาน เอ็มม่าก็สูดหายใจเข้าลึก ๆ และตอบอย่างระมัดระวังว่า

“ท่านพ่อ ในตอนที่หนูช่วยพ่อมดเมอร์ลินทำยาวิเศษครั้งแรก พ่อมดเมอร์ลินได้มอบวิธีฝึกฝนแปลก ๆ ให้ มันเรียกว่าเทคนิคการทำสมาธิ หนูคิดว่ามันน่าจะสนใจ หนูได้ลองทำตามและพบว่ามันทำให้จิตใจแจ่มใสและอยู่แต่ในห้อง...”

ชาบิลได้เบิกตากว้าง เขาแทบไม่เชื่อให้สิ่งที่ลูกสาวของเขาพูด

“เอ็มม่า พ่อมดเมอร์ลินได้มอบเทคนิคการทำสมาธิให้ลูกจริง ๆ เหรอ?”

“ใช่แล้วแต่ท่านพ่อ เทคนิคการทำสมาธิมันคืออะไร” เอ็มม่าเอียงศีรษะถามด้วยความอยากรู้

“เทคนิคการทำสมาธิ มันคือกุญแจสำคัญในการเป็นนักเวทย์ ไม่อยากจะเชื่อว่าลูกมีคุณสมบัติที่จะเป็นนักเวทย์”

จากนั้นชาบิลเงียบไปพักหนึ่งและพูดขึ้นมาอย่างร่าเริงว่า “เอ็มม่ายืนขึ้นมา เราจะไปหาพ่อมดเมอร์ลิน ถ้าลูกมีคุณสมบัติเป็นนักเวทย์จริง ๆ เราจะไม่ให้โอกาสนี้หลุดรอดไป เราจะไปขอให้เขารับลูกเป็นลูกศิษย์ของเขา”

ชาบิลต่างจากเอ็มม่าที่ไร้เดียวสา เขารู้ดีว่ากลายเป็นนักเวทย์นั้นมีความหมายมากเพียงใดดังนั้นเขาจึงไม่พลาดโอกาสนี้

หากเธอได้เป็นลูกศิษย์ เธอก็จะมีโอกาสมากขึ้นที่จะเป็นนักเวทย์

“พ่อมดเมอร์ลิน!!” ชาบิลกล่าวออกมาโดยที่ระงับความตื่นเต้นเอาไว้

“เข้ามา” เสียงของเมอร์ลินดังนั้น จากนั้นสองพ่อลูกได้เดินเข้าไปข้างใน

หลังจากชาบิลเห็นเมอร์ลิน เขาได้โค้งคำนับด้วยความเคารพและพูดว่า

“พ่อมดเมอร์ลิน ขอบคุณที่ท่านให้โอกาสเอ็มม่าลูกสาวของข้า ดังนั้นได้โปรดท่านช่วยรับเธอเป็นลูกศิษย์ของ่านด้วย”

ชาบิลได้ส่งสัญญาณให้เอ็มม่าออกมาข้างหน้า นี่เป็นโอกาสที่หาได้ยากในรอบล้านปีดังนั้นเขาจึงไม่ยอมปล่อยไปเป็นอันขาด

เอ็มม่ายังไม่ทันพูดอะไร เมอร์ลินได้โบกมือและพูดว่า

“คุณชาบิล ฉันไม่ใช่คนที่ตัดสินว่าเอ็มม่าจะเป้นนักเวทย์หรือไม่แล้วอีกอย่างฉันเป็นเพียงนักเวทย์ระดับเริ่มต้นเท่านั้นจึงไม่สามารถรับลูกศิษย์ได้ในตอนนี้”

เมื่อได้ยินแบบนั้นชาบิลแสดงสหน้ากังวลออกมา เขาจะพูดอะไรบางอย่างแต่ถูกเมอร์ลินชิงพูดก่อน

“ถึงฉันจะไม่รับเอ็มม่าเป็นลูกศิษย์แต่ในระหว่างที่ฉันพักรักษาตัว เฮ็ม่าสามารถถามคำถามที่เกี่ยวข้องกับนักเวทย์ได้ ฉันยินดีจะช่วยเธอจนกว่าจะสร้างโครงสร้างเวทมนต์ได้ด้วยตัวเอง  ไม่ว่าเธอจะได้กลายเป็นนักเวทย์หรือไม่ทุกอย่างมันได้ขึ้นอยู่กับเธอ”

ชาบิลรู้สึกเสียดาบที่เมอร์ลินไม่ได้รับลูกสาวของเขาเป็นลูกกศิษย์แต่อย่างไรก็ตามก็ใช้ว่าจะหมดโอกาสไปซะทีเดียว

ดังนั้นชาบิลจึงโค้งคำนับให้เมอร์ลินอีกครั้งและออกจากบ้านพักไปและเอ็มม่าซักถามเรื่องที่เกี่ยวกับนักเวทย์กับเมอร์ลิน

สองเดือนผ่านไป

ในช่วงที่ผ่านมากอาการของเมอร์ลินดีขึ้นเรื่อย ๆ นอกจากพักฟื้นเขาได้สอนเอ็มม่าถึงการสร้างโครงสร้างเวทมนต์ให้เอ็มม่า เพื่อให้เธอค่อย ๆ ทความรู้จัดกับมัน

สิ่งไปที่ดขาสอนไปเป็นเรื่องพื้นฐานทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องพลังจิต ความรู้พื้นฐานที่เกี่ยวโครงสร้างเวทมนต์ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นการเตรียมให้เธอสร้างคาถาในอนาคต

ดังนั้นการที่เธอจะกลายเป็นนักเวย์ได้นั้น มันขึ้นอยู่กับเอ็มม่าเอง ไม่มีใครสามารถช่วยเธอสร้างโครงสร้างเวทมนต์ที่เหมาะสมกับตัวของเธอได้

...

“ได้เวลาในการสร้างโครงสร้างเวทมนต์คาถาระดับหนึ่งของฉันแล้ว”

ผ่านไปกว่าหนึ่งเดือน อาการบาดเจ็บที่เขาของเขาหายเป็นปกติแล้วครึ่งหนึ่ง เขาสามารถลุกออกจากเตียงและเดินช้า ๆ ได้

ในช่วงท่านมา เขาได้นั่งสมาธิมากโดยตลอดทำให้ดังนั้นพลังจิตของเขาดีขึ้นมาก หากไม่เกิดข้อผิดพลาดใด ๆ เขาน่าจะพร้อมสร้างคาถาระดับหนึ่งได้ในตอนนี้

หลังจากการต่อสู้กับพ่อมดวิกซ่า ทำให้เมอร์ลิรตระหนักได้ว่าพลังของเขายังไม่แข็งแกร่งพอ ถึงแม้เขาจะมีความสามารถมากมายแต่หากคาถาที่มีมันไม่สามารถใช้งานได้ เขาก็จะไม่ต่างจากนักเวทย์ทั่วไปจึงเป้นเรื่องที่อันตรายอย่างยิ่ง

ดังนั้นเขาจึงวางแผนสร้างคาถาระดับหนึ่งในที่เมืองเดอตัว

โดนคาถาที่เขาจะสร้างไม่ใช่เพลิงพิโรธแต่เป็นคาถาป้องกันธาตุดิน รูปปั้นผู้พิทักษ์

“เดอะเมททริกซ์ เริ่มต้นวิเคราะห์โครงสร้างเวทมนต์คาถารูปปั้นผู้พิทักษ์”

เมอร์ลินสูดหายใจเข้าลึก ๆ ตอนนี้เขาได้เตรียมการทึกอย่างเรียบร้อยแล้วเหลือแค่เลือกโครงสร้างที่ดีที่สุดเท่านั้น

ปี๊บ สร้างภารกิจ เริ่มต้นการวิเคราะห์

 

ตอนนี้เดอะเมททริกซ์ได้เริ่มทำการวิเคราะห์แล้ว ตอนนี้เขาได้เฝ้ารอผลลัพธ์อย่างเงียบ ๆ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด