ตอนที่แล้วตอนที่ 468 สามวิญญาณมฤตยู
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 470 ผู้ที่เกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์

ตอนที่ 469 ข้ายังอ่อนแอไปสินะ


ตอนที่ 469 ข้ายังอ่อนแอไปสินะ

ติดตามแฟนเพจอัพเดทข่าวสารอ่านนิยายก่อนใครได้ที่ FB: ND Translate นิยายแปลไทย 

คาร์รันในตอนนี้เกือบที่จะตายเต็มที เมื่อตัวเขาถูกเตะ อวัยวะภายในร่างกายทั้งหมดก็ถูกทำลายไปโดยสมบูรณ์ เมื่อครู่ก่อนตัวเขายังสามารถที่จะช่วยชีวิตตัวเองเอาไว้ได้ ในตอนนี้ความหวังทั้งหมดได้หายไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว ดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำก่อนที่จะพูดออกมา “เจ้า...เจ้าเป็นใครกันแน่! คนแบบไหนกันที่จะเหยียบย่ำซ้ำเติมคนล้มแบบข้า!”

ชายที่แต่งตัวประหลาดเกาหัว ในตอนนั้นเองตัวเขาก็นึกถึงภาพของยู่ฉางตงในก่อนหน้านี้ ชายผู้แต่งตัวประหลาดได้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงอันนิ่งเงียบ “ข้าต้องขอโทษด้วย”

“หะ?”

“ข้า ยู่ฉางตง”

“...” คาร์รันที่เห็นแบบนั้นจิตใจว่างเปล่า หรือว่านี่จะเป็นภาพหลอนหลังจากที่ถูกดาบเข้าโจมตีกันแน่? คนที่ยืนอยู่ก่อนหน้านี้คือยู่ฉางตง ถ้าหากเป็นแบบนั้นจริงแล้วจะมียู่ฉางตงอีกคนได้ยังไงกัน? คาร์รันไออย่างรุนแรงก่อนที่จะใช้ความคิด ‘หรือว่านี่คือภาพลวงตา ใช่แล้วมันคือภาพลวงตาแน่ๆ’

คาร์รันหลับตาก่อนที่จะพยายามสงบสติอารมณ์ด้วยการสูดหายใจเข้าลึกๆ ตัวเขาขยี้ตาก่อนที่จะลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง “ดาบ...ดาบปีศาจอย่างงั้นเหรอ?”

ชายที่แต่งตัวประหลาดพยักหน้าตอบรับเบาๆ “นั่นมันก็แค่ฉายา มันไม่ได้สำคัญที่จะพูดถึงสักนิด”

“...แน่จริงเจ้าก็ต่อสู้กับข้าอย่างยุติธรรมสิ” คาร์รันพูดด้วยความโกรธแค้น

“ข้าต้องขอโทษด้วย ข้าเป็นคนที่ชอบฉวยโอกาสในตอนที่คู่ต่อสู้กำลังอ่อนแอเช่นนี้” ชายแปลกหน้ายกมือขึ้นมา ในตอนนั้นเองอาวุธคล้ายเคียวก็ปรากฏขึ้น

“เจ้าไร้ยางอาย...อ๊ากก!”

เคียวพื้นพิภพได้เฉือนไปที่คอจองคาร์รันโดยตรง หลังจากนั้นเองคลื่นพลังฝ่ามือจำนวนหนึ่งก็ได้ซัดเข้าใส่หน้าอกของคาร์รัน

ครู่ต่อมาหมิงซี่หยินก็ได้ยกมือขึ้น ตัวเขาที่จัดการคาร์รันได้พยักหน้าอย่างพึงพอใจ “ศิษย์พี่รอง ท่านไม่ได้รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับชนเผ่าอื่นเลย โชคดีจริงๆ ที่ข้าตามท่านมา” หมิงซี่หยินเหยียดแขนก่อนที่จะจ้องมองดูดวงอาทิตย์ “โชคยังดีที่ตอนนี้ยังเช้าอยู่...ข้าจะไปที่สถาบันศึกษากลุ่มดาวหมีใหญ่เพื่อหายาแห่งการเบ่งบานด้วยตัวเอง”

...

ณ ศาลาตะวันออกของศาลาปีศาจลอยฟ้า

“ติ้ง! สังหารเป้าหมายสำเร็จ ได้รับรางวัลแต้มบุญ: 1,000”

“ติ้ง! สังหารเป้าหมายสำเร็จ ได้รับรางวัลแต้มบุญ: 1,000”

“ติ้ง! สังหารเป้าหมายสำเร็จ ได้รับรางวัลแต้มบุญ: 1,500”

เมื่อลู่โจวได้ยินการแจ้งเตือนเหล่านี้ ตัวเขาก็ลืมตาขึ้น

“ยู่ฉางตงอย่างงั้นเหรอ?”

ด้วยพลังอวตารดอกบัวสามกลีบในปัจจุบันของเขาไม่พอที่จะรับมือกับสุดยอดฝีมือได้ ยังดีที่หมิงซี่หยินไปด้วย เพราะแบบนั้นทุกอย่างจึงผ่านมาด้วยดี

“ยังดีที่เจ้าพวกนั้นยอมช่วยเหลือกัน”

ลู่โจวหลับตาก่อนที่จะทำสมาธิต่อ

...

เช้าวันรุ่งขึ้น

ยู่ฉางตงได้กลับมาถึงศาลาปีศาจลอยฟ้าแล้ว ตัวเขาไม่รอช้ารีบเดินทางไปยังศาลาตะวันออกในทันที “ข้ารู้สึกเป็นเกียรติจริงๆ ที่ได้ทำงานที่ได้รับมอบหมายจนลุล่วง ข้าได้นำยาช่วยชีวิต 223 เม็ดกลับมาแล้ว”

“ดี” ลู่โจวถามต่อ “ทุกอย่างราบรื่นไหม?”

“ทุกอย่างราบรื่น ไม่มีปัญหาแม้แต่น้อย” ยู่ฉางตงตอบกลับ

ลู่โจวเงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดต่อ “เจ้าไม่เคยที่จะโกหกข้า”

ยู่ฉางตงตกตะลึง ตัวเขารีบโค้งคำนับก่อนที่จะพูดต่อ “ข้าผิดไปแล้ว ในระหว่างทางกลับข้าได้พบกับหัวขโมยสามคน หัวขโมยพวกนั้นไม่สำคัญที่จะพูดถึง”

“ถ้าแบบนั้นก็ดีแล้ว พักผ่อนให้สบายซะ”

ยู่ฉางตงที่กำลังจะหันหลังกลับไปนึกอะไรขึ้นมาได้ “ข้ามีเรื่องที่จะขอร้องท่านอาจารย์”

“ว่ามา”

“ข้าอยากจะอ่านบันทึกของศิษย์น้องเจ็ด”

“บันทึกอย่างงั้นเหรอ?” ลู่โจวลืมตาขึ้นมาก่อนที่จะจ้องมองโต๊ะที่อยู่ไม่ไกล ตัวเขาได้หยิบบันทึกขึ้นมาก่อนที่จะส่งมันออกไปยังนอกห้อง

เอี๊ยด!

ประตูถูกเปิดและปิดลงอย่างรวดเร็ว

ยู่ฉางตงได้คว้าบันทึกเอาไว้ ตัวเขารีบโค้งคำนับก่อนที่จะจากไป “ถ้างั้นข้าขอตัวก่อน”

“ติ้ง! ยู่ฉางตงทำภารกิจสำเร็จ ได้รับรางวัลแต้มบุญ: 10,000”

ลู่โจวหลับตาก่อนที่จะทำสมาธิต่อไป ตัวเขาไม่ได้ออกจากศาลาตะวันออกมากว่า 4 วันแล้ว

...

เช้าวันที่ 5 ลู่โจวยังคงอยู่ในในศาลาเช่นเดิม ตัวเขารู้ดีว่าพลังวิเศษของเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์ถูกเติมเต็มอย่างสมบูรณ์แล้ว สภาพจิตใจและร่างกายของเขาก็ดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก

“พลังวรยุทธที่ฉันมีดูเหมือนจะพัฒนาขึ้นมา” ลู่โจวพึมพำกับตัวเอง “ดูเหมือนว่ามันจะพัฒนาได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย”

ถ้าหากพลังของลู่โจวยังคงพัฒนาต่อไปแบบนี้ ตัวเขาก็ควรที่จะเก็บแต้มบุญไว้ซื้อกลีบดอกบัว ถ้าหากในอนาคตไม่มีเรื่องยุ่งยากอะไรให้ลู่โจวจัดการ ตัวเขาก็คงจะพัฒนาพลังอวตารของตัวเองได้เร็วขึ้นแน่

ลู่โจวเหยียดร่างกายก่อนที่จะเดินออกมาจากประตู

ในตอนนั้นเองหยวนเอ๋อกำลังกระโดดไปมาในขณะที่ฝึกฝนอยู่กับสายสะพายนิพพานของนาง เมื่อนางสังเกตเห็นลู่โจวหยวนเอ๋อก็รีบทักทาย “ท่านอาจารย์...ศิษย์พี่เจ็ดเดินทางไปยังมณฑลชิงเมื่อวาน เขาเห็นว่าท่านกำลังพักผ่อนศิษย์พี่ก็เลยฝากข้าให้มาบอกท่าน”

“ข้ารู้แล้ว” ลู่โจวลงบันไดมา ตัวเขาในตอนนี้ยังคงเอามือไขว้หลังเหมือนกับวันก่อนๆ

ด้วยพลังวรยุทธที่สีวู่หยามี การที่จะให้เขาพายู่เฉิงไห่กลับมาที่นี่คงจะเป็นเรื่องยาก เหตุผลที่ลู่โจวได้ส่งสีวู่หยาไปทำภารกิจก็เพราะว่าศิษย์คนนี้จะสามารถหายู่เฉิงไห่พบอย่างง่ายดาย แม้ว่าตัวเขาจะไม่สามารถพายู่เฉิงไห่กลับมาด้วยกำลังได้ อย่างน้อยที่สุดสีวู่หยาก็จะช่วยให้ยู่เฉิงไห่เผชิญหน้ากับเหล่าราชวงศ์ได้

เมื่อลู่โจวนึกถึงคำพูดของหมิงซี่หยิน ตัวเขาก็ถอนหายใจออกมา ลู่โจวกำลังคิดถึงสิ่งที่ได้คุยกับสีวู่หยา

ก่อนที่จะหาคริสตัลแห่งความทรงจำพบ ลู่โจวเองก็ไม่กล้าจะยืนยันว่าจีเทียนเด๋าพยายามจะสังหารยู่เฉิงไห่จริงไหม ‘ฉันจะต้องหาข้อมูลให้มากกว่านี้’ หลังจากที่คิดได้ดังนั้นตัวเขาก็เหลือบไปมองหยวนเอ๋อ “หยวนเอ๋อ การฝึกฝนของเจ้าช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง?”

หยวนเอ๋อดูไม่พอใจเท่าไหร่ในขณะที่ตอบกลับมา “ท่านอาจารย์ การจะผลิกลีบดอกบัวกลีบใหม่ได้เป็นอะไรที่ยากมาก ข้ายังไม่สามารถผลิกลีบดอกบัวกลีบที่สามได้!”

“กลีบที่สาม? ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เจ้าสามารถผลิกลีบดอกบัวกลีบที่สองได้?” ลู่โจวจำได้ว่าหยวนเอ๋อเพิ่งจะผลิกลีบดอกบัวกลีบแรกได้ ผู้ฝึกยุทธส่วนใหญ่มักจะเผชิญหน้ากับปัญหาเดียวกัน ยิ่งวรยุทธที่พวกเขามีสูงมากเท่าไหร่การที่จะพัฒนามันให้สูงมากยิ่งขึ้นก็ยิ่งยากขึ้นไปอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์ แต่สำหรับหยวนเอ๋อแล้วไม่ใช่แบบนั้น พลังของนางก้าวหน้าเร็วจนเกินไป มันเพิ่มมากขึ้นอย่างไร้เหตุผล

หยวนเอ๋อเกาหัวตัวเอง “ศิษย์คิดว่าคงจะเป็นครึ่งเดือนก่อน ศิษย์จำไม่ได้จริงๆ”

‘ครึ่งเดือนอย่างงั้นเหรอ?’ ลู่โจวพูดไม่ออก อย่าบอกว่าหยวนเอ๋อจะคิดว่าผลิกลีบดอกบัวในชั่วข้ามคืนได้น่ะ?

“ข้ามีเรื่องที่จะต้องทำ เจ้าอยู่ที่นี่คอยฝึกฝนตัวเองให้ดี”

“ท่านอาจารย์ข้าอยากไปกับท่าน!” หยวนเอ๋อพูดออกมาอย่างตื่นเต้น

ลู่โจวที่ได้ฟังแบบนั้นทำหน้าบึ้ง “อย่าให้ข้าต้องพูดซ้ำ”

“ค่ะ...”

ลู่โจวสะบัดแขนเสื้อก่อนที่จะเดินไปยังหลังภูเขา

หยวนเอ๋อรู้สึกเศร้าใจเมื่อมองผู้เป็นอาจารย์เดินจากไป ก่อนหน้านี้อาจารย์ของนางมักจะพานางไปยังทุกที่ที่ตัวเขาไป แต่ในตอนนี้ลู่โจวกลับทิ้งหยวนเอ๋อไว้ เพราะแบบนั้นหยวนเอ๋อจึงคิดน้อยใจในตัวเอง “ท่านอาจารย์คงจะคิดว่าพลังวรยุทธของข้าอ่อนแอเกินไปสินะ ถ้าหากไม่เป็นแบบนั้นท่านอาจารย์ก็คงจะไม่ถามเกี่ยวกับพลังของข้าหรอก”

...

ที่ด้านหลังภูเขา

ลู่โจวได้พลิกฝ่ามือของตัวเอง ในตอนนั้นเองการ์ดแปลงกายก็ได้ปรากฏขึ้นมา

ในอดีตลู่โจวไม่มีวิธีที่จะป้องกันตัวมากนัก เพราะแบบนั้นตัวเขาจึงเลือกที่จะพาหยวนเอ๋อไปทั่วทุกที่ที่ตัวเขาเดินทางไป แต่ในตอนนี้ทุกอย่างได้เปลี่ยนไปแล้ว ตัวเขาเองก็เป็นผู้ฝึกยุทธขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์ และด้วยพลังจากเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์รวมไปถึงการ์ดวิเศษที่ลู่โจวมี การจะป้องกันตัวเองคงจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป ถ้าหากลู่โจวพาหยวนเอ๋อไปด้วย การปลอมตัวของเขาก็คงจะถูกมองออกง่ายมากยิ่งขึ้น

ในโลกของการฝึกตน มีเพียงผู้ที่ฝึกฝนตัวเองมาถึงขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นที่จะถูกนับว่าเป็นยอดฝีมือ ผู้ฝึกยุทธขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์ขึ้นไปสามารถปลดปล่อยสุดยอดเคล็ดวิชาได้ สุดยอดเคล็ดวิชาที่ว่าไม่มีคำจำกัดความที่ตายตัว ส่วนมากแล้วมันจะหมายถึงวิชาที่ทรงพลังและแสนจะยิ่งใหญ่ ผู้ฝึกยุทธส่วนใหญ่มักจะใช้คำๆ นี้เรียกสุดยอดวิชาจากทั้งลัทธิขงจื๊อ, ชาวพุทธ และลัทธิเต๋า

และในตอนนี้ลู่โจวก็มีพลังอยู่ในขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์แล้ว เพราะแบบนั้นตัวเขาจึงไม่ใช่ผู้อ่อนแออีกต่อไป

“มณฑลจิงอย่างงั้นเหรอ?” ลู่โจวมองไปยังทิศที่มณฑลจิงตั้งอยู่ “ฉันอยากจะไปเห็นจริงๆ ว่าเจ้าศิษย์ไม่รักดีนั่นทำอะไรอยู่”

ด้วยการ์ดแปลงกายที่ลู่โจวมีมันจะทำให้การจับศิษย์ไม่รักดีอย่างยู่เฉิงไห่ง่ายมากขึ้น

แม้ว่าลู่โจวจะออกจากศาลาปีศาจลอยฟ้าไป แต่ยู่ฉางตงและคนอื่นๆ ที่ยังอยู่ที่นี่ก็ยังสามารถดูแลภูเขาทองต่อไปได้อยู่ดี ในตอนนี้ม่านพลังได้รับการฟื้นพลังจนเต็มที่แล้ว ภูเขาทองได้กลายเป็นป้อมปราการที่แข็งแกร่งอีกครั้ง

“วิซซาร์ด”

วิซซาร์ดที่ได้ยินเสียงเรียกได้บินมาตามหมู่เมฆ

ลู่โจวรีบขึ้นไปนั่งบนหลังของมันอย่างรวดเร็วก่อนที่จะเดินทางออกไปในทันที

ลู่โจวเลือกที่จะใช้การ์ดแปลงกายเมื่ออยู่บนท้องฟ้า เมื่อการ์ดถูกใช้งาน พลังอันมหาศาลก็ได้ไหลออกมาจากการ์ด พลังนั้นได้หมุนรอบตัวของลู่โจวเอาไว้ ลู่โจวที่ถูกพลังล้อมรอบไม่เคยรู้สึกถึงความเสียวซ่านแบบนี้มาก่อน

ลู่โจวที่ได้เปลี่ยนแปลงรูปร่างไปไม่รู้เลยว่ารูปร่างในตอนนี้จะเป็นยังไง ตัวเขาที่คิดสงสัยจึงรีบสั่งให้วิซซาร์ดแวะทะเลสาบที่อยู่ใกล้ๆ กับหลังภูเขา ตัวเขามองลงไปยังทะเลสาบเพื่อที่จะดูเงาสะท้อนของตน

ลู่โจวมองเห็นชายชราอีกคนที่กำลังมองกลับมา ชายชราคนนี้ดูมีชีวิตชีวามากกว่าเดิม ผมของเขาครึ่งหนึ่งเป็นสีดำ ใบหน้าของชายชราคนนี้ดูเฉียบคมขึ้น ลู่โจวที่เห็นแบบนั้นรู้สึกพอใจ

ลู่โจวใช้เวลาสำรวจรูปร่างหน้าตาไม่นานนักก่อนที่จะขี่วิซซาร์ดเพื่อเดินทางไปยังมณฑลชิงต่อ

ติดตามแฟนเพจอัพเดทข่าวสารอ่านนิยายก่อนใครได้ที่ FB: ND Translate นิยายแปลไทย 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด