WS บทที่ 155 สถานการณ์ที่เลวร้าย
“หัวหน้ากลุ่มแปดเดี๋ยวเจ้านั่น พวกเราจัดการเอง ไม่ต้องถึงมือลูกพี่หรอก” ชายหน้าบากกล่าวขึ้นมา จากนั้นเขากับโจรอีกสองคนควบม้าตรงไปยังป่าเมเปิ้ลอย่างรวดเร็ว
“เจ้าหน้าบาก หากแกทำสำเสร็จ หัวหน้าใหญ่จะตอบแทนแกแน่นอน รีบ ๆ ฆ่าคนจรจัดนั่นซะแล้วมารายงานหัวหน้าใหญ่ด้วย!!” หัวหน้ากลุ่มแปดกล่าวอย่างอดทน
พวกโจรยกดาบขึ้นพร้อมรอยยิ้มที่ชั่วร้าย พวกเขาพุ่งเข้าไปหาคนจรจัดที่กำลังนอนพิงต้นไม้
ทางด้านคนจรจัดได้ยกศีรษะขึ้นอย่างกะทันหัน เขามองดูกลุ่มโจรที่กำลังบุกเข้ามาอย่างดุร้ายแต่ทว่าคนจรจัดกลับไม่แสดงออกขึ้นความหวาดกลัวเลย
“ก๊าก”
กลุ่มโจรสามคนได้แผดเสียงหัวเราะดังขึ้นขณะที่กำลังคิดจะทำอะไรกับคนจรจัดบ่าง แต่ทันใดนั้นเองสายลมเย็นได้ปกคลุมพวกเขา จากนั้นพวกเขาทั้งสามได้ถูกแช่แข็งเป็นรูปปั้นน้ำแข็ง
*ครึ่ก ครึ่ก ครึ่ก*
จากนั้นรูปปั้นได้ตกลงบนั้นเนื่องด้วยแรงเหวี่ยงของมัน ทำให้พวกเขาแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
พวกเขาแตกละเอียดเป็นชิ้น ๆ แต่กับไม่มีเลือดไหลออกมาแต่ถึงอย่างนั้นได้มีดกลิ่นลอยคุ้งในอากาศ ฉากนี้ทำให้พวกโจรที่มองเห็นหนาวสั่นไปทั่วสันหลัง
จากนั้นดวงตาของคนจรจัดได้ตวัดมองกองโจรที่อยู่ไม่ไกลจากตัวเขา
...
“หัวหน้าใหญ่!! เกิดเรื่องขึ้นแล้ว”
ตอนนนี้สายตาของหัวหน้าใหญ่กำลังจ้องมองเด็กสาวแสนสวยเอ็มม่าด้วยแววตาที่กลัดมัน แต่ทว่าเขาถูกขัดจังหวะด้วยเสียงจากลูกน้องของเขา
“มีอะไรเกิดอะไรขึ้น?” หัวหน้าใหญ่ดุโจรที่จู่ ๆ โผล่เข้ามา
โจรหน้าซีด เขาตอบด้วยน้ำเสียงที่สั่นคลอน “หัวหน้าแปดตายแล้ว...”
“ยังไง!!” ประกายแสงในดวงตาของหัวหน้าใหญ่มองตรงมาที่โจร
“ฉะฉันอธิบายไม่ถูก ฉันคิดว่าหัวหน้าใหญ่ควรมาดูเองดีกว่า” โจรกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ สิ่งที่เขาพบเจอมันน่ากลัวจนไม่สามารถอธิบายได้
“พาฉันไปที่นั่น!!” หัวหน้าใหญ่ได้สั่งให้คนของเขาจับตาดูชาบิลและครอบครัวเขาไว้ จากนั้นเขาได้นำกลุ่มโจรตรงไปยังป่าเมเปิ้ล
ในไม่ช้ากลุ่มของหัวหน้าใหญ่มาถึงป่าเมเปิ้ล เขาเห็นแขนขากระจัดกระจายแตกสลายบนพื้น แม้พวกเขาจะพบเจอฉากทีโหดร้ายแต่สิ่งที่อยู่เบื้องหน้า มันน่ากลัวจนขนหัวลุก หากนั้นเขาหันไปมองคนจรจัดที่อยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ด้วยความสงสัย
“บ้าเอ๊ย!! ฝีมือของแกงั้นเหรอ?” หัวหน้าใหญ่กล่าวออกมาด้วยสรหน้าเครียดแค้น แม้เขาไม่รู้หัวหน้ากลุ่มแปดจะตายยังไงแต่เขาต้องล้างแค้นให้ลูกน้องของเขาให้ได้
“ทุกคนฆ่ามันซะ!!”
พวกโจรรีบวิ่งไปทันที หลังจากที่ได้รับคำสั่งจากหัวหน้าใหญ่ พวกเขาควบม้าพร้อมกับกำดาบให้มือแน่น
*หวู่ม...*
อยู่ ๆ ก็มีหมอกสีกดำปรากฏขึ้นใจกลางกองโจรและกลืนกินพวกเขาทันที จากนั้นก็มีเสียงฟ้าร้องดงัมากจากในหมอก
“แย่แล้วมันเป็นนักเวทย์ลึกลับ ทุกคนรีบหนีเร็วเข้า!!!”
เมื่อได้เห็นปรากฎการณ์ลึกลับ พวกโจรต่างกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว พวกเขาทิ้งอาวุธและวิ่งหนีออกไป แม้แต่โจรที่เฝ้าขบวนรถม้าที่สังเกตเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น พวกเขาก็สิ่งหนีเอาชีวิตรอดเช่นเดียวกัน
แม้ว่าจะมีคนจำนวนน้อยที่เคยพบเจอนักเวทย์แต่ส่วนใหญ่รู้ซึ้งพลังที่หยั่งไม่ถึลของนักเวทย์
หลังจากที่ค้นพบว่าคนจรจัดเป็นนักเวทย์ที่ทรงพลัง พวกโจรไม่ต้องการอยู่ที่นี่อีกต่อไป พวกเขาทิ้งอาวุธและหนีไปด้วยความกลัว
ส่วนพวกโจรที่อยู่ในหมอกรัตติกาลไม่ได้โชคดีอย่างพวกโจรที่หนีไป หลังจากที่หมอกจางหายไป พวกโจรหลายสิบคนต่างนอนบนพื้นในท่าต่าง ๆ และทำหน้าว่างเปล่า จากนั้นร่างของพวกเขาก็ถูกไฟครอกโดยที่ไม่สามารถปเองกันตัวได้
“อ่อนแอจริง ๆ...” คนจรจัดมองไปที่พวกโจรและถอนหายใจออกมา
“นี่ก็เก้าวันแล้ว พิษของน้ำยากัดกร่อนยังไม่จางหายแถมมันยังกระจายไปทั่วทั้งร่างอีก ฉันต้องหาที่เงียบ ๆ ในการปรุงน้ำยาแก้พิษ”
คนจรจัดคนนี้คือเมอร์ลิน เขาอยู่ในป่าเมเปิ้ลมาเก้าวันเต็ม ในตอนแรกเขาได้พึ่งพาความแข็งแกร่งของร่างกายพาตัวเองมาไกลจากจุดที่ต่อสู้แต่ด้วยตอนนี้เขาฝืนร่างกายให้พยุงต่อไม่ไกว เขาจึงต้องการหาสถานที่ที่ปลอดภัยในการปรุงยาแก้พิษ
เขาไม่คิดว่าพิษของน้ำยากัดกร่อนจะรุนแรงเช่นนี้ นอกไม่ถูกระงับแต่พิษรุนแรงขึ้นมาเวลา แม้แต่ร่างกายที่แข็งแกร่งของเมอร์ลินยังไม่สามารถช่วยอะไรในเรื่องนี้ได้ เขาแทบจะขยับตัวไม่ได้เลย นับประสาอะไรกับการปรุงยา
ส่วนพวกโจรก่อนหน้านี้ หัวหน้าใหญ่ที่แข็งแกร่งที่สุดเป็นนักดาบธาตุระดับสาม เมื่อถูกหมอกรัตติกาลกลืนกินพวกเขาทั้งหมดถูกหลอนประสาททันที จากนั้นพวกเขาก็ถูกข่ายสายฟ้าจัดการ
เมอร์ลินจ้องมองไปยังขบวนรถม้าที่อยู่ห่างไกล บางทีคนพวกนั้นอาจจะช่วยเขาได้
...
“ท่านพ่อ พวกโจรหนีไปแล้ว” เอ็มม่าได้พึมพำหลังจากแน่ใจว่าพวกโจรหนีไปทั้งหมดแล้ว
“ใช่ พวกมันไปแล้ว พวกเขาได้เจอกับนักเวทบ์ลึกลับและทรงพลังเข้า”
ชายวันกลางคนมองไปยังป่าเมเปิ้ลที่อยู่ห่างออกไป ชายคนั้นดูเหมือนคนจรจัดแต่เขาคือนักเวทย์ที่ทรงพลัง
ยิ่งไปกว่านั้นเขาไม่ได้ขยับแม้แต่นิดเดียวแต่ยังน่ากลัวได้ถึงเพียงนี้
เขารู้สึกถึงสายตาที่เมอร์ลินจ้องมาทางเขา มันทำให้เขารู้สึกกังวล
”
หลังจากนั้นไม่นานชาบิลได้สูดหายใจเข้าลึก ๆ เขาพูดกับเอ็มม่าและภรรยาของเขาว่า “ไปกันเถอะ ท่านนักเวทย์ได้ช่วยพวกเราจะความตาย เราควรแสดงความขอบคุณต่อท่านผู้นั้น”
ภรรยาของเขาดูกังวล ในขณะที่เอ็มม่ามองไปข้างหน้าด้วยความอยากรู้อยากเห็น เธอเดินตามชายวัยกลางคนไปยังป่าเมเปิ้ลที่อยู่ห่างออกไป
ไม่นานทั้งสามก็มาถึงป่าเมเปิ้ล พวกเขามองเห็นร่างของโจรจำนวนมาก สภาพศพถูกเผากลิ่นยังคงลอยอยู่ในอากาศ นั่นทำให้ทั้งสามตึงเครียดขึ้นมาทันที
“ท่านนักเวทย์ผู้ทรงเกียรติ ข้าขอขอบคุณท่านที่ช่วยเหลือพวกเราและสังหารพวกโจร ข้าชาบิลเป็นตัวแทนของตระกูลแด๊บแมนเพื่อขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของท่าน”
ชาบิลกล่าวพลางยกมือข้างหนึ่งไว้เหนือหน้าอกเพื่อแสดงมารยาทอย่างเป็นทางการ แม้ว่าเขาจะเกรงกลัวต่อตัวตนของนักเวทย์แต่เขาก็แสดงออกอย่างซาบซึ้งใจ
เมอริลินเงยหน้าขึ้น ใบหน้าที่ซีดของเขาแสดงรอยยิ้มออกมา “คุณชาบิล ฉันต้องการความช่วยเหลือ”
“ช่วยเหลือ?” ชาบิลแสดงท่าทีแปลๆ นักเวทย์ตรงหน้าเพิ่งสังหารโจรหลายสิบคนด้วยมือของเขา เขายังต้องการความช่วยเหลืออะไรอีก?
เมอร์ลินกล่าวต่อ “ฉันต้องการสถานที่ปลอดภัยในเมืองเดอตัส”
ชาบิลถอนหายใจอย่างโล่งอก นักเวทย์ต้องการเพียงสถานที่เท่านั้น เรื่องมันง่ายมากสำหรับพ่อค้าอย่างเขา เขายิ้มและตอบว่า “ท่านนักเวทย์โปรดทำใจให้สบาย เราจะจัดเตรียมสถานที่ปลอดภัยและเงียบสงบให้ท่าน โปรดตามพวกเรามาด้วย”
อย่างไรก็ตม เมอร์ลินอยู่นิ่งไม่เคลื่อนไหว เขาถอนหายใจและพูดว่า ถ้าฉันเดินได้ ฉันจะต้องพึ่งพาพวกคุณหรือ” หลังจากกล่าวจบ เขาสะบัดผ้าคลุมที่คลุมขาของเขาออก
ทันใดนั้น พวกเขาได้เห็นบาดแผลที่น่าสะพรึงกลัว เขาเห็นแผลเน่าที่ถูกควานจนเกือบถึงกระดูก แม้ชาบิลจะพบเจอสิ่งต่าง ๆ มากมายแต่ภาพตรงหน้ามันทำให้เขาแทบจะอาเจียนออกมา
หลังจากตะลึงไปพักหนึ่ง เขาก็ได้สติกลับมาและรีบพูดว่า “ท่านรออยู่ที่นี่ก่อนขอรับ เดี๋ยวข้าจะให้คนของข้าพาท่านไปที่รถม้า”
เมอร์ลนพยักหน้าและปล่อยให้ชาบิลพาคนของเขาหามไปรถม้า จากนั้นพวกเขาก็เดินทางไปที่เมืองเดอตัส
...
“ท่านนักเวทย์ ที่นี่เป็นอย่างไรบ้าง นี่คือบ้านพักที่ข้าพักในเมืองนี้”
ชาบิลที่เพิ่งมาถึงเมืองเดอตัส ก่อนที่เขาจะได้พักผ่อน เขาได้ค้นหาที่พักให้กับเมอร์ลิน
ในทีสุด เขาก็เลือกบ้านพักที่ค่อนข้างเงียบสงบ
เมอร์ลินที่ถูกหามโดยชายสี่คน ใบหน้าของเขาดูซีดมาก เขาพูดชาบิลด้วยเสียงอันแหบแห้งว่า “เอาบ้านพักนี้และพาฉันเข้าไปข้างใน แล้วก็พาเอ็มม่ามาที่นี่ ฉันต้องการให้เธอช่วยทำอะไรบางอย่าง”
“เอ็มม่า?” สีหน้าของชาบิลได้เปลี่ยนไป หลังจากนิ่งไปพักหนึ่ง เขาได้กัดฟันและตอบเมอร์ลินไปว่า “ท่านนักเวทย์ เอ็มม่ายังเด็กอยู่ ข้าสามารถหาหญิงสาวที่สวยกว่านี้ให้ท่านได้...”
ก่อนที่เขาจะพูดจบ ชาบิลสัมผัสได้ถึงออร่าที่เยือกเย็นอยู่รอบตัวเขา
เมอร์ลินพูด้วยสีหน้าที่มืดมนว่า “คุณชาบิลอย่าให้ฉันต้องพูดซ้ำ เรียกเอ็มม่ามาที่นี่”
ถึงชาบิลจะไม่เห็นด้วยกับคพำสั่งของเมอร์ลินแต่เขาก็ยอมทำตามแต่โดยดี
เมอร์ลินรู้ดว่าชาบิลกำลังเข้าใจผิดแต่ด้วยร่างกายที่บาดเจ็บเช่นนี้ มันจะไปทำเรื่ออย่างว่าได้งั้นเหรอ? แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ขี้เกียจอธิบาย ตอนนี้อาการของเขาทรุดหนักมาก หากเขาไม่ได้ปรุงยาในตอนนี้ เขาเกรงว่าเขาจะเอาชีวิตไม่รอด
“เอ็มม่ามาแล้วขอรับ” เสียงของชาบิลดังขึ้นนอกประตู
“ให้เธอเข้ามา”
*เอี๊ยดดด*
ทันทีที่เมอร์ลินพูดจบ เอ็มม่าผลักประตูเปิดออกเบา ๆ และเข้ามาอย่างระมัดระวังด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความประหม่า