284 - ไม่สามารถหันหลัง
1595 - ไม่สามารถหันหลัง
“ผู้อาวุโสดูสิ…” คนในตระกูลจินมองไปยังผู้สูงสุดคนหนึ่ง
"หุบปาก!" อาจารย์ของฉีหงคำราม ใบหน้าของคนเหล่านั้นเปลี่ยนเป็นซีดเผือดทันที เลือดไหลออกจากมุมปากของพวกเขาร่างกายเกือบจะระเบิดออกมา
คนเหล่านี้ตัวสั่นสะท้านไม่กล้าอยู่ต่อแม้สักครู่เดียว พวกเขาทั้งหมดพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าบินหายไปจากกำแพงอย่างรวดเร็ว
เป็นเพราะคนเหล่านี้มีความคิดคล้ายๆกันนั่นคือต้องการเห็นการสาบานด้วยเลือด
“นางเฒ่านั้นชั่วช้าจริงๆ! นางรีบเร่งขนาดนี้เพราะต้องการส่งสือฮ่าวไปลงนรก” มดเขาสวรรค์ยังมีอารมณ์รุนแรงไม่หาย
จินไท่จุนกำลังสื่อสารกับผู้สูงสุดในรถศึกสีดำคันนั้น
หลังจากนั้นไม่นานสีเลือดก็ขยายออกไปในทะเลทรายอันยิ่งใหญ่ มันพลุ่งพล่านอย่างรุนแรงราวกับทะเลเลือดที่กำลังบ้าคลั่งทำให้ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างสะท้านหวั่นไหวรู้สึกหายใจไม่ออก
นี่เป็นเพียงเลือดหยดเดียวเท่านั้น แต่มันกลับสามารถกลืนกินสนามรบแห่งนี้
ตอนแรกมันเป็นสีแดงสดจากนั้นก็เปลี่ยนเป็นประกายห้าสี รัศมีของมันไม่มีใครเทียบได้เอ่อล้นไปถึงสวรรค์!
แม้จะอยู่ในเมืองที่มีการป้องกันอันแน่นหนาจากกำแพงขนาดยักษ์ ทุกคนก็ยังสั่นสะเทือนราวกับว่าพวกเขาต้องคุกเข่าให้กับความกดดันอันยิ่งใหญ่นี้ ไม่เช่นนั้นร่างพวกเขาจะต้องถูกระเบิดตาย
อาจกล่าวได้ว่าถ้าไม่ใช่ด้วยการป้องกันของเมืองจักรพรรดิทุกคนจะไม่สามารถทนต่อแรงกดดันระดับนี้จนล้มลงไปกับพื้นแล้ว
หยดเลือดรวมตัวกันบนราชโองการทองคำ พร้อมกับปล่อยเสียงโบราณที่หนักหน่วงและยิ่งใหญ่ราวกับราชาปีศาจกำลังกล่าวคำปฏิญาณ นี่เป็นบรรยากาศที่น่ากลัวสุดขีด
ในทันใดนั้นฉากที่ผิดปกติก็ปรากฏขึ้นทีละแห่งในโลกนี้ เต๋าอันยิ่งใหญ่ของโลกปรากฏขึ้นเป็นสัตว์ร้ายหลายชนิด
ทั้งหงส์เพลิงอมตะที่กางปีกโบยบิน มังกรที่แท้จริงเคลื่อนไหวอยู่ในท้องฟ้า รวมทั้งคุนเผิงที่ใช้ปีกฉีกสวรรค์ให้แยกออกเป็นสองส่วน
นอกเหนือจากนี้น้ำพุอันหอมหวานก็พุ่งออกมาจากทะเลทรายอันยิ่งใหญ่และแห้งแล้ง
เมล็ดพันธุ์สีทองตกลงมาจากท้องฟ้า แล้วเบ่งบานขึ้นกลางทะเลทรายกลายเป็นดินแดนอันเขียวชอุ่ม นี่เป็นฉากที่มหัศจรรย์ถึงขีดสุด
หลังจากนั้นไม่นานเสียงโห่ร้องด้วยความดีใจก็ดังขึ้นมาจากกำแพงเมืองเห็นได้ชัดว่าการลงนามเสร็จสิ้นแล้ว
ตระกูลจินตระกูลหวังตระกูลตู้ปี่เซียะและตระกูลอื่นๆร่วมกันแสดงความยินดีท่ามกลางสายตาเย็นชาของผู้คนมากมาย
ตอนนี้ทุกสายตาต่างจับจ้องไปยังสือฮ่าวเพื่อรอให้เขาออกจากเมือง
เป็นเพราะทุกคนรู้ว่าคำสาบานด้วยเลือดได้เสร็จสิ้นแล้ว สือฮ่าวกำลังจะจากเก้าสวรรค์ไป ไม่มีใครสามารถหยุดเรื่องนี้ได้
“ทำไมผู้อาวุโสใหญ่ยังไม่มา” ชิงยี่รู้สึกกังวลคนอื่นก็มีความรู้สึกนี้เช่นเดียวกัน
เป็นเพราะก่อนหน้านี้เฉาอวี่เซิ่งได้ออกจากกำแพงเมืองไปแล้วเพื่อลงไปเชิญผู้อาวุโสใหญ่เมิ่งเทียนเจิ้งให้มาช่วยเหลือสือฮ่าว
อย่างไรก็ตามคำสาบานด้วยเลือดเสร็จสิ้นลงแล้ว แต่ทำไมผู้อาวุโสใหญ่ถึงยังไม่มา?
ทุกสายตาต่างจับจ้องไปยังสือฮ่าว
“คำสาบานได้เกิดขึ้นแล้วเหตุไฉนเจ้ายังไม่ออกไปจากเมืองจักรพรรดิอีก!” จินไท่จุนพยายามกดดันสือฮ่าว โดยมีคนมากมายร่วมแสดงความยินดี
ตอนนี้พวกเขารอให้สือฮ่าวจากไป ด้วยวิธีนี้พวกเขาจะได้รับความสงบสุขกลับคืนมาห้าร้อยปี
บนแท่นบูชาสือฮ่าวไม่ได้หันหลังกลับมากล่าวอะไรแม้แต่คำเดียว
เกียง!
บนร่างกายของเขามีกระบี่เล่มหนึ่งบินออกมามันคือกระบี่เซียนต้าหลัวเล่มนั้น จากนั้นชุดเกราะจักรพรรดิสายฟ้าก็ปรากฏขึ้นลอยอยู่กลางอากาศรวมถึงของวิเศษทุกชนิดของเขา
ตัวอย่างเช่นแผนภาพหมื่นวิญญาณรวมทั้งสิ่งอื่นที่ถูกเก็บไว้ในมิติส่วนตัวของเขา
จิ!
สมบัติเหล่านี้กลายเป็นแสงอันกระจ่างใสบินเข้าหาชิงยี่ มดเขาสวรรค์และคนอื่นๆ แม้แต่สือยี่ก็ยังได้รับกระบี่เซียนเล่มนั้น
เขาไม่ได้นำสมบัติเหล่านี้ติดตัวไปด้วย ท้ายที่สุดจึงทำได้เพียงฝากฝังมันไว้กับทุกคน
สิ่งนี้ทำให้หัวใจของทุกคนสั่นสะท้าน พวกเขาต่างร่ำไห้คร่ำครวญออกมา
จากนั้นสือฮ่าวก็ชี้ไปที่ช่องว่างระหว่างคิ้วกระหม่อมศีรษะและอื่นๆอย่างต่อเนื่อง โดยใช้วิธีการที่โหดร้ายที่สุดในการปิดผนึกวิญญาณดั้งเดิมของตัวเอง
กักขังทะเลแห่งสติสัมปชัญญะของเขาเพื่อไม่ให้สามารถถูกค้นวิญญาณได้
วิธีการที่เขาใช้เต็มไปด้วยความรุนแรง แม้แต่จากต่างมิติก็ไม่สามารถค้นหาวิธีเช่นนี้
“ให้ข้าช่วยเจ้าเถอะ!” ในเวลานี้แม้แต่สิ่งมีชีวิตระดับผู้สูงสุดที่อยู่ในแท่นบูชาบรรพบุรุษก็ยังสั่นสะท้านเพราะเขารู้ว่าสือฮ่าวกำลังทำอะไรอยู่
เขาทนไม่ได้ที่จะเฝ้าดูเด็กหนุ่มที่องอาจกล้าหาญคนนี้ทำลายตัวเองไป
“ข้าจะปิดผนึกวิญญาณดั้งเดิมของเจ้าไว้แม้ว่าจักรพรรดิผู้ไม่ดับสูญจะทำการค้นวิญญาณของเจ้าก็ไม่สามารถทำได้สำเร็จ วิญญาณดั้งเดิมของเจ้าจะถูกทำลายทันที เจ้ายินยอมหรือไม่?”
สือฮ่าวไม่ได้หันกลับมา แต่เขาพยักหน้า
จิ!
ผู้สูงสุดจากแท่นบูชาบรรพบุรุษสามคนร่วมกันลงมือปิดผนึกวิญญาณดั้งเดิมของเขาพร้อมกัน
ยิ่งไปกว่านั้นมันมาพร้อมกับคำสาบานด้วยเลือดซึ่งเป็นวิชาโบราณที่ช่วยให้สือฮ่าวสามารถปลดผนึกวิญญาณของตนเองเมื่อไหร่ก็ได้
“ไม่ !!!” กระต่ายหยกจันทราร้องไห้ออกมา
นั่นหมายความว่าเมื่อสือฮ่าวออกจากเมืองเขาจะตายอย่างแน่นอน เป็นเพราะทันทีที่อีกฝ่ายทำการค้นวิญญาณของเขา วิญญาณดั้งเดิมของสือฮ่าวจะระเบิดขึ้นทันที
เมื่อชิงยี่เห็นฉากนี้นางก็ร่ำไห้ออกมาพร้อมกับเป็นลมไปทันที
การเฝ้าดูสือฮ่าวถูกปิดผนึกวิญญาณดั้งเดิมโดยสิ่งมีชีวิตระดับผู้สูงสุด ด้วยวิชาโบราณอันน่ากลัวทำให้หลายคนไม่สามารถทนดูได้
ฉางกงเอี๋ยน หลานเซียน และคนอื่นๆรู้สึกสะเทือนใจจนใบหน้าบิดเบี้ยว
การแยกจากกันครั้งนี้จะเป็นการแยกกันชั่วนิรันดร์!
นอกเหนือจากชุดเสื้อผ้าที่ไม่มีซับในแล้ว สือฮ่าวก็ไม่ได้นำอะไรติดตัวไปอีก สมบัติทั้งหมดของเขาถูกทิ้งไว้ข้างหลัง เขาหันหลังและเดินจากไป
“ได้เวลาออกเดินทางแล้ว” หญิงชราข้างๆจินไท่จุนกล่าว
“ถูกต้องแล้ว! คำสาบานด้วยเลือดมีขีดจำกัด หากไม่ดำเนินการอย่างรวดเร็วมันจะล้มเหลว!” คนของตระกูลตู้รีบเสริม
“สหายน้อยมีอะไรจะพูดอีกไหม !” อาจารย์ของฉีหงกล่าว
สือฮ่าวยืนอยู่ที่นั่นไม่พูดอะไร ในที่สุดเขาก็ได้แต่ส่ายหัว
“ขอให้เจ้าโชคดี” จินไท่จุนพูด
เมื่อถึงเวลาจริงๆสิ่งมีชีวิตระดับผู้สูงสุดหลายคนต่างมีสีน่าอับอาย พวกเขารู้สึกอัปยศอดสูอย่างยิ่ง
เกียง!
แท่นบูชาก็สว่างไสวแสงพุ่งเข้าสู่สวรรค์
สือฮ่าวถูกล้อมรอบด้วยรัศมีสีทองจนร่างกายของเขาสลายหายไป
“สือฮ่าว!” เหล่าเด็กหนุ่มสาวต่างตะโกนกรีดร้องคร่ำครวญ พวกเขาร้องไห้อยู่ตรงนั้นเป็นเวลานานก็ไม่สามารถทำใจได้
การแยกจากกันครั้งนี้อาจจะเป็นนิรันดร์ พวกเขาจะได้พบกันในโลกนี้อีกหรือไม่?
ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อในที่สุดสือฮ่าวก็หันกลับมามองไปที่พวกเขา ใบหน้าที่คุ้นเคยเหล่านั้นแบกรับความไม่เต็มใจอารมณ์ที่คับแค้นและทำอะไรไม่ถูก
เขาจะเต็มใจที่จะจากไปได้อย่างไร? แต่เขาสามารถทำอะไรได้? ทำได้เพียงก้มหน้ายอมรับชะตากรรมเท่านั้น
สือฮ่าวมองไปที่ทุกคนก่อนจะมองไปที่เมืองจักรพรรดิเป็นครั้งสุดท้าย
เขาเต็มไม่เต็มใจโกรธแค้นและอารมณ์ด้านลบอย่างอื่นมากมายปรากฏออกมาทางสีหน้า ตอนนี้เรื่องราวเก่าๆผุดขึ้นมาในใจของเขา
ด้วยความงุนงงเขาเห็นหมู่บ้านหินผาสถานที่ที่เขาใช้ชีวิตในวัยเด็กด้วยความสนุกสนานปราศจากความกังวล
สถานที่ที่เขาจะซุกซนอย่างไรก็ได้มีท่านปู่ผู้แก่ชราคอยให้ความคุ้มครองอยู่เสมอ บรรดาลุงป้าน้าอาและสหายในหมู่บ้านต่างก็รำพึงรำพันถึงเขาด้วยความชื่นชม ทำให้หัวใจของเขารู้สึกอบอุ่นขึ้นมาบ้าง
จากนั้นเขาก็เห็นพ่อแม่ปู่และคนอื่นๆ สือฮ่าวคิดถึงพวกเขาอย่างมาก แต่นับจากวันนี้จะไม่มีทางได้พบกันอีก นอกจากนี้เขาก็ยังคิดถึงเทพหลิวและเจดีย์น้อยไม่ทราบว่าตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ใด?
ในท้ายที่สุดสายตาของเขาก็มองผ่านสิ่งกีดขวางทั้งหมดและเหลือบไปเห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ใต้ต้นหม่อนไฟและรอการกลับมาของเขาอย่างเงียบๆ
ดอกหม่อนไฟได้เบ่งบานแล้ว เกสรของมันล่องลอยไปในอากาศ นับจากวันนี้เขาคงไม่มีโอกาสได้กลับไปเห็นนางอีกแล้วชั่วชีวิต
หญิงสาวคนนั้นเฝ้ารอปีแล้วปีเล่าจากที่เป็นเพียงเด็กสาวคนหนึ่งจนเข้าสู่วัยกลางคนแล้ววันหนึ่งก็แก่ตัวลงมีผมหงอกขาว แต่นางก็ยังคงยืนอยู่ที่นั่นเพียงลำพัง
นางอายุมากแล้วแต่นางก็ยังพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “ต้นหม่อนกลับมามีสีสันอีกครั้งแสงยามค่ำสาดส่องมาที่เสื้อผ้าของข้า ไม่ทราบว่าเมื่อใดเจ้าจะได้กลับมาตอนนี้สภาพร่างกายของข้าทนไม่ไหวแล้ว…”
ดวงตาของสือฮ่าวเปียกชื้นและหลั่งน้ำตาออกมา เขาหันหน้ากลับหลังจากนั้นก็หายตัวไป
เกียง!
รัศมีอันเจิดจ้าส่องมาจากแท่นบูชา เขาหายไปจากสถานที่แห่งนี้นับจากวันนั้นก็ไม่มีใครได้เห็นเขาอีกเลย