283 - จัดการเรื่องหลัง
1594 - จัดการเรื่องหลัง
แม้ว่าพวกเขาจะเตรียมความพร้อมทางจิตใจแล้ว แต่ทุกคนก็ยังคงตกตะลึง
นี่เป็นเพียงแค่เด็กหนุ่มคนหนึ่งเท่านั้น แต่เขากลับสามารถสังหารศัตรูต่างมิติมากมายถึงขนาดนี้?
แสงมงคลที่ถูกปลดปล่อยออกมาจากศิลาคุณความดีนั้นพวกเขายังจำติดตาได้ ผู้อาวุโสหลายคนมีสีหน้าซับซ้อนและรู้สึกเสียดายเป็นอย่างมาก
อัจฉริยะที่ฟ้าประทานมากลับถูกบังคับให้ต้องไปตายอย่างไม่ยินยอมพร้อมใจ พวกเขารู้สึกเศร้าเสียใจเป็นอย่างมาก
หลายคนเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองรู้สึกว่าการจากไปของสือฮ่าวทำให้เมืองจักรพรรดิสูญเสียจนไม่มีสิ่งใดสามารถทดแทนได้!
ตอนนี้คนจากตระกูลหินผาเหลืออยู่เพียงหนึ่งพันคนเท่านั้น คุณความดีของสือฮ่าวยอมเพียงพอที่จะลบล้างบาปของพวกเขาไม่มีปัญหาอะไรอีกต่อไป
“ส่วนที่เกินออกมาก็มอบเป็นทรัพยากรไว้ให้ตระกูลหินผาทำการบ่มเพาะ” นี่คือสิ่งที่สือฮ่าวต้องการ ในขณะเดียวกันเขาก็มองไปที่สิ่งมีชีวิตระดับผู้สูงสุดหลายคนโดยกล่าวว่า“โปรดทำให้ดีที่สุด หากพวกท่านต้องการตอบแทนข้าจริงๆ”
ในท้ายที่สุดเขาก็ถอนหายใจเบาๆ
“มีความปรารถนาอย่างอื่นอีกหรือไม่?”
“ขอให้สหายทุกท่านนับจากนี้จงมีแต่ความสุขเถิด” สือฮ่าวหันไปรอบๆและเดินไปที่ประตูเมืองคนเดียว มีแท่นบูชาที่สามารถส่งเขาออกไปจากเมืองโดยตรง
ร่างของเขาโดดเดี่ยวอย่างมากทำให้ผู้คนมากมายรู้สึกว่าจิตใจของตัวเองหนาวเหน็บและรันทดหดหู่
“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็ไปเถอะ” จินไท่จุนกล่าว
“สหายน้อยเจ้ามีความปรารถนาอะไรอีก ไม่ว่าจะอย่างไรข้าต้องได้ตอบแทนเจ้าบ้าง” ผู้สูงสุดชราจากแท่นบูชาบรรพบุรุษกล่าวออกมาด้วยความรู้สึกผิด
“ข้าเกิดมาเป็นคนของฝั่งนี้ เมื่อข้าตายไปแล้วก็ปรารถนาที่จะถูกฝังไว้ในดินแดนของพวกเรา” สือฮ่าวกล่าว
คำพูดเหล่านี้ทำให้เด็กหนุ่มสาวหลายคนร้องไห้ออกมา ทุกคนรู้ว่าเมื่อเขาไปแล้วจะมีเพียงหายนะเท่านั้นที่รออยู่ ศัตรูของเขามีอยู่ทุกที่มันเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะรอดชีวิต
ยิ่งไปกว่านั้นผู้สูงสุดในรถสีดำก็ไม่ได้ให้คำมั่นสัญญาว่าจะรักษาชีวิตของเขาไว้
“ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นกับข้า ข้าอยากให้ใครบางคนนำกระดูกของข้ากลับมาฝังไว้ที่สิบพิภพด้านล่าง” สือฮ่าวกล่าว
เหล่าสหายของสือฮ่าวต่างร่ำไห้ออกมาด้วยความเสียใจ
ผู้ยิ่งใหญ่บางคนก็เช่นกันพวกเขารู้สึกปวดใจแต่ไม่สามารถทำอะไรได้
เด็กหนุ่มที่มีอนาคตไกลมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของโลกกลับต้องพบจุดจบเช่นนี้!
“มีใครยินดีที่จะติดตามฮวงไปบ้าง? แม้ว่าพวกเขาจะเป็นศัตรูของเรา แต่เราก็ไม่อาจดูหมิ่นศักดิ์ศรีของพวกเขา ข้าเชื่อว่าพวกเขาย่อมไม่สร้างความลำบากให้กับผู้ฝึกฝนตัวเล็กๆคนหนึ่ง!”
นี่เป็นการยืนยันแล้วว่าเมื่อสือฮ่าวข้ามไปเขาจะต้องตายอย่างแน่นอน
ใครยินดีที่จะเอาศพของสือฮ่าวกลับมา?
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งก็มีคนมากมายที่ตะโกนออกมาว่าอยากไปกับเขา
สือฮ่าวรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยพร้อมกับรู้สึกอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยมี เขาหันกลับมาคิดสักหน่อยแล้วรอยยิ้มจางๆลึกลับก็ปรากฏขึ้นที่มุมปากก่อนจะชี้ไปที่ใครคนหนึ่งที่ไม่เคยเอ่ยปากเลย
“เจ้ากล้ามากับข้าหรือปล่าว?” คนที่เขาชี้ไปคือจินซาน ในทันใดนั้นใบหน้าของทุกคนในตระกูลจินก็บิดเบี้ยวไปอย่างรุนแรง
จินซานเป็นอัจฉริยะสูงสุดเท่าที่ตระกูลจินเคยมีมาในประวัติศาสตร์ พวกเขาจึงตะโกนต่อต้านออกมาอย่างวุ่นวาย
หลังจากตะโกนได้ชั่วขณะพวกเขาก็นึกขึ้นได้ว่า ก่อนหน้านี้จินไท่จุนเคยพูดไว้แล้วว่าหากต้องการนางสามารถส่งคนตระกูลจินออกไปให้ศัตรูจากต่างมิติสังหารโดยไม่ลังเล
จินซานมองไปที่จินไท่จุนหวังให้นางกล่าวอะไรออกมาบ้าง
“ฮวงนี่มันเกินไปแล้ว? หากศัตรูต่างมิติเลือดเย็นฆ่าจินซานไปด้วยเราจะไม่เสียอัจฉริยะคนหนึ่งไปอย่างเปล่าประโยชน์หรอกหรือ? นี่จะเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ของเมืองจักรพรรดิ!” ในที่สุดผู้คนจากตระกูลจินก็ไม่สามารถทนได้พวกเขาจึงตะโกนออกมา
“ฮ่าฮ่า…” สือฮ่าวหัวเราะเสียงดัง เสียงหัวเราะของเขาบาดลึกเข้าไปในใจของผู้คนจากตระกูลจินทำให้พวกเขาอับอายเป็นอย่างมาก
“ลืมไปเถอะ ข้าจะมีปัญหากับตระกูลจินไปได้อย่างไร ก็แค่ทดสอบอะไรบางอย่างเท่านั้น? ข้าไปคนเดียวก็พอแล้ว!”
เขาหัวเราะเสียงดังพร้อมกับหันหลังไปอย่างอิสระ
“สหายน้อยโปรดรอก่อน เจ้าต้องมีคนตามไปด้วยเพื่อทำตามความปรารถนาของเจ้า!” ผู้สูงสุดคนนั้นยังไม่ยอมเลิกรา
"ไม่จำเป็น. ไม่ว่าจะตายที่ไหนท้ายที่สุดข้าก็ไม่รับรู้แล้ว ต่อให้ถูกฝังไว้ที่ไหนก็เหมือนกันนั่นแหละ!” สือฮ่าวกล่าวด้วยเสียงดังโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมา
ในขณะนี้ความรู้สึกที่ยากจะอธิบายเริ่มแพร่กระจายระหว่างทุกคน พวกเขารู้สึกสะเทือนใจไม่สามารถพูดอะไรได้
หลายคนรู้สึกผิดหวังและท้อแท้กับการสูญเสียตลอดจนความรู้สึกที่ขมขื่นและเต็มไปด้วยความอัปยศอดสู
สำหรับผู้ยิ่งใหญ่หลายคนแม้ว่าพวกเขาจะเงียบ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถทำตัวสงบลงได้ ฟันของพวกเขาขบเข้าหากันอย่างรุนแรงด้วยเสียงดังกรอดๆ
มีเพียงใบหน้าของผู้คนจากตระกูลจินเท่านั้นที่ซีดเซียว คำพูดที่ สือฮ่าวบาดลึกเข้าไปในจิตใจของพวกเขา
สือฮ่าวก้าวไปที่แท่นบูชานั้น เขาอยู่คนเดียวโดดเดี่ยวมากแต่เขาก็ไม่หันกลับมาอีกต่อไป ทุกคนเห็นเพียงด้านหลังของเขาที่กำลังจะก้าวออกจากเมืองจักรพรรดิ์!
เขาเดินไปในสายลมแบบนี้ ไม่ทราบว่าสักวันหนึ่งเขาจะสามารถกลับมาที่เมืองแห่งนี้ได้อีกหรือไม่?
“สือฮ่าวจะเกิดอะไรขึ้นกับเจ้าในอนาคต??” เสียงของชิงยี่สั่นสะท้านเมื่อถามออกมา
สำหรับกระต่ายตัวน้อย มดเขาสวรรค์และคนอื่นต่างร้องไห้คร่ำครวญ
“ถ้าข้ามีชีวิตอยู่จะไม่มีผู้ใดสามารถบังคับให้ข้าทำสัญญาทาสหรือสาบานเลือดได้ แต่เกรงว่าท้ายที่สุดตัวข้าคงมอดไหม้เหลือแต่ขี้เถ้าเท่านั้น”
นี่คือคำตอบของสือฮ่าวเขาไม่หันกลับมาอีกต่อไป แท่นบูชาเริ่มส่องแสง ร่างของเขาพร่ามัวลงไปเรื่อยๆ
ไกล้แท่นบูชาส่องแสงสีทอง สัญลักษณ์ที่สลักไว้นั้นลึกลับและเก่าแก่และมีกลิ่นอายของชายแดนรกร้าง รัศมีของมันราวกับว่าเป็นสัตว์ร้ายในยุคดึกดำบรรพ์
ร่างของสือฮ่าวกลายเป็นหมอกและกำลังจะหายไปได้ทุกเมื่อ
นี่เป็นค่ายกลเคลื่อนย้ายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของเก้าสวรรค์มันตกทอดมาตั้งแต่สมัยยุคเซียนโบราณ
ขั้นตอนการออกจากเมืองจักรพรรดิ์นั้นเข้มงวดมากโดยต้องมีผู้สูงสุดคนหนึ่งคอยนั่งบัญชาการค่ายกลแห่งนี้
ตราบเท่าที่ค่ายกลเคลื่อนย้ายนี้เปิดใช้งาน สือฮ่าวสามารถออกจากสถานที่แห่งนี้ได้ทุกเมื่อ และเข้าสู่กองทัพอันยิ่งใหญ่กลางทะเลทรายและไม่สามารถย้อนกลับมาได้อีก!
“เจ้าอย่าห่วงเลยข้าจะให้พวกเขาสาบานด้วยเลือด!”
จินไท่จุนพูดด้วยความสงบนิ่ง นางบินลงไปจากกำแพงเมืองมุ่งหน้าเข้าหากองทัพของศัตรู
หลังจากจินไท่จุนลงจากกำแพงก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่รีบติดตามนางไปทันทีโดยเฉพาะคนตระกูลจินและผู้ติดตามของพวกเขา
แน่นอนว่ามีตระกูลตู้ตระกูลปี่เซียะและผู้นำของตระกูลที่ยิ่งใหญ่คนอื่นๆ พวกเขาต้องการเห็นช่วงเวลาประวัติศาสตร์นี้ด้วยตาของตัวเอง
“พวกขี้ขลาดเจ้าถึงกับรีบร้อนขนาดนี้เลยเหรอ” หมดเขาสวรรค์ไม่เคยเกรงกลัวอะไรอยู่แล้วมันตะโกนออกมาอย่างโกรธเกรี้ยวโดยไม่หวั่นเกรงว่าจะมีใครได้ยิน
คนจากตระกูลจินไม่น้อยมีสีหน้าเย็นชา มีแม้กระทั่งคนที่ปลดปล่อยไอสังหารออกมาพร้อมกับเดินเข้าหามัน “มาเถอะข้าอดกลั้นมาพอแล้ว!” มดเขาสวรรค์กระโดดลงมาจากไหล่ของเฉาอวี่เซิ่งทันที
“เด็กน้อยเจ้าล้ำเส้นเกินไปแล้ว!” ใครบางคนในหมู่ผู้คนของตระกูลจินตำหนิ
“ ไม่ล้ำเส้นเกินไปหรอก แค่ข้าเห็นว่าพวกเจ้ากำลังหายใจข้าก็รู้สึกรำคาญขึ้นมาแล้ว พวกเจ้ายังเป็นสิ่งมีชีวิตของเมืองจักรพรรดิอยู่หรือเปล่า?
บรรพบุรุษของพวกเจ้าเพิ่งบังคับผู้ที่ทำคุณงามความดีให้กับเมืองแห่งนี้ออกไปตาย! พวกเจ้ายังมีหน้ามาแสดงท่าทางมีความสุขให้ปรากฏอยู่ในสายตาของข้า! หรือว่าพวกเจ้าคิดว่าข้าสังหารพวกเจ้าไม่ได้จริงๆ!” มดเขาสวรรค์กล่าวอย่างโกรธเกรี้ยว
“บังอาจ! เจ้าจะล้ำเส้นเกินไปแล้ว” ใครบางคนกล่าวอย่างเย็นชา
“ไสหัวไป!” มดเข้าสวรรค์ตะโกนออกมาพร้อมกับปลดปล่อยพลังอย่างเต็มที่ ร่างของมันใหญ่โตเหมือนภูเขาลูกหนึ่ง
ในขณะเดียวกันฉางกงเอี๋ยน ฉวี้โต้ว ราชันย์สิบสมัย สือยี่รวมทั้งคนอื่นก็ปลดปล่อยพลังออกมาเช่นเดียวกัน
โดยเฉพาะสือยี่ที่ดวงตาข้างหนึ่งมีมีลูกตาดำสองดวง เขาปลดปล่อยพลังแห่งความโกลาหลออกมาอย่างมากมายมหาศาล
จากนั้นทัวปาอู่หลง ฉีหง หงส์เพลิงทั้งสี่ของตระกูลเว่ยก็เตรียมพร้อมที่จะลงมือเช่นกัน
ในขณะเดียวกันผู้ยิ่งใหญ่บางคนก็มองไปที่ผู้คนจากตระกูลจินด้วยสายตาอันเย็นชาพร้อมจะลงมือสังหารได้ทุกเวลา