281 - สถานการณ์ที่ดีที่สุด
1592 - สถานการณ์ที่ดีที่สุด
ไม่มีใครคาดคิดว่าจักรพรรดิของกองทัพศัตรูจะประเมินสือฮ่าวไว้สูงขนาดนี้
เขาสามารถก่อตั้งตระกูลราชาของตนเองและมีสถานะเท่าเทียมกับตระกูลจักรพรรดิด้วยตัวคนเดียว?
ควรรู้ว่าในประวัติศาสตร์มีเพียงตระกูลกู่และหงส์เพลิงโลหิตเท่านั้นที่มีความแข็งแกร่งท้าทายสวรรค์จนจะได้รับการปฏิบัติด้วยความเคารพอย่างสูงเช่นนี้
“ทำไมเจ้าไม่พูดอะไรบ้าง?” กระต่ายหยกจันทราถาม นางไม่พอใจท่าทีเงียบงันของสือฮ่าวเป็นอย่างมาก
มดเข้าสวรรค์ก็เต็มไปด้วยความพอใจกับการที่สือฮ่าวถูกปฏิบัติเช่นนี้ ในฐานะสหายหากไม่ใช่ว่าพี่น้องของมันถูกศัตรูต่างมิติสังหารมันคงแนะนำให้เขายอมรับข้อเสนอไปแล้ว
เป็นเพราะคำพูดของจินไท่จุนทำให้พวกเขารู้สึกโกรธแค้นและผิดหวังเป็นอย่างมาก
สือฮ่าวสร้างผลงานที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ แต่ทันทีที่เขากลับมา เขากลับจะถูกส่งมอบให้เป็นเครื่องต่อรองทางการเมือง เรื่องนี้มันน่าเศร้าแค่ไหน?
ทุกคนในเมืองจักรพรรดิแทบไม่สามารถยอมรับความอัปยศนี้ได้ เพียงแต่ว่าพวกเขาไม่มีสิทธิ์เอ่ยปาก แต่เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่ยินยอม ไม่เพียงแค่เด็กหนุ่มสาวเท่านั้นแต่ยังรวมถึงเหล่าผู้อาวุโสมากมายก็ด้วย
นี่เป็นเรื่องจริงโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ยิ่งใหญ่ที่เคยอาบเลือดของศัตรูอยู่ในสงครามหลายร้อยครั้ง พวกเขารู้สึกว่าสือฮ่าวถูกปฏิบัติอย่างไม่ยุติธรรมเลย
พวกเขาเกลียดชังสิ่งมีชีวิตต่างมิติ พวกเขาต่อสู้กับศัตรูมาตลอดทั้งปีทั้งชาติอยู่ดีๆจะให้มายอมก้มหัวอย่างนี้ได้อย่างไร
แต่จินไท่จุนแข็งแกร่งเกินไป นางเป็นสิ่งมีชีวิตระดับผู้สูงสุดและยังอ้างว่าทำทุกอย่างนี้เพื่อสันติภาพของเมืองจักรพรรดิ สิ่งนี้ทำให้หลายคนรู้สึกหมดหนทางจริงๆ
“เจ้าตัดสินใจด้วยตนเองเถิดไม่ว่าจะอย่างไรพวกเราก็จะสนับสนุนเจ้า!” ชิงยี่กล่าวนางยังคงดูงดงามเสมอในชุดสีขาวราวหิมะ แต่ตอนนี้คำพูดของนางไม่ได้นุ่มนวลอ่อนโยนเหมือนปกติ
คำพูดเหล่านี้ทำให้หลายคนหวั่นไหวโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ยิ่งใหญ่ที่นั่งอยู่บนสัตว์อสูรกลืนสวรรค์ ผู้ยิ่งใหญ่ที่นั่งอยู่บนเฮ่าสีเงินขนาดยักษ์รวมถึงผู้นำตระกูลหลายคน แต่ท้ายที่สุดพวกเขาก็พยักหน้าอย่างจนใจ
ผู้ยิ่งใหญ่ที่ทรงพลังซึ่งปกติแล้วเป็นมืออาชีพในด้านการทำสงครามคอยต่อสู้กับศัตรูอยู่ตลอดชีวิต พวกเขารู้สึกเสียใจต่อการที่สือฮ่าวถูกปฏิบัติเช่นนี้
ลองนึกดูสิว่าเขาสร้างผลงานการรบมากแค่ไหน แต่แทนที่จะได้รับรางวัลอันยิ่งใหญ่เขากลับถูกผู้คนระดับสูงของเมืองขายออกไป หลังจากนี้จะยังมีผู้ใดยอมขายชีวิตให้กับเมืองจักรพรรดิ?
แน่นอนว่ามีบางคนที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังต่อสือฮ่าว คนเหล่านี้ต้องการที่จะยุติสงครามและต้องการสันติภาพแม้จะเป็นแค่ชั่วระยะเวลาหนึ่งก็ตาม
จำนวนของสิ่งมีชีวิตในเมืองจักรพรรดินั้นมากเกินไป ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่จะมีการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายภายในเมืองแห่งนี้
โดยเฉพาะมีบางตระกูลที่ตั้งตนเป็นศัตรูกับเขาอยู่เสมอ เช่นตระกูลหวังตระกูลจินและผู้ติดตามของพวกเขา โดยปกติแล้วพวกเขาย่อมต้องการโยนสือฮ่าวออกไปให้ศัตรูโดยเร็วที่สุด
“จินไท่จุนมีลักษณะที่สูงส่งและมีความซื่อสัตย์อย่างไม่มีข้อกังขาควรค่าแก่การเป็นผู้มีคุณธรรมที่ยิ่งใหญ่ เรารู้สึกชื่นชมและเคารพนางอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เพื่อประโยชน์ในการปกป้อง เมืองจักรพรรดิ์ นางไม่สนใจต่อคำวิจารณ์ที่จะตามมาแม้แต่น้อย”
คนของตระกูลตู้กล่าวออกมา พวกเขาไม่ใช่ตระกูลอมตะ แต่แน่นอนว่าพวกเขาถือได้ว่าเป็นตระกูลที่มีอิทธิพลระดับสูงสุดของเมืองจักรพรรดิเป็นรองเพียงแค่ตะกูลอมตะเท่านั้น
“แท้จริงแล้วจินไท่จุนเป็นคนที่มีคุณธรรมและมีศีลธรรมสูงส่ง ก่อนหน้านี้นางเคยกล่าวไว้ว่าหากเป็นลูกหลานของนางเองที่อีกฝ่ายร้องขอแม้ว่าจะเป็นผู้รับมรดกโดยตรงอย่างจินซาน นางก็จะไม่ลังเลที่จะส่งเขาออกไป นี่คือทัศนคติที่ผู้ปกครองควรมี!” ประมุขของเผ่าพันธุ์ปี่เซียะ ยกย่องออกมา
เมื่อมีคนสองสามคนเป็นผู้นำกล่าววาจา หลังจากนั้นก็มีผู้คนสนับสนุนวิธีการของจินไท่จุนมากขึ้น
“น้องชายจินซานก็ยอดเยี่ยมเช่นกันเมื่อถามถึงตอนนี้แม้ว่าเขาจะรู้ว่าเขาจะต้องตายเขาก็ยังไม่ลังเลที่จะเห็นด้วย ความกล้าหาญแบบนี้คือเรื่องที่น่ายกย่องจริงๆ? เขาคู่ควรแล้วกับการเป็นอันดับหนึ่งของคนรุ่นหลัง!” มีคนเริ่มให้การยกย่องจินซาน
แน่นอนว่านี่เป็นผู้ติดตามของตระกูลจินเพราะว่าคนอื่นย่อมไม่หน้าด้านที่จะกล่าววาจาเหล่านี้ออกมา
เป็นเพราะสถานการณ์ของจินซานเป็นเพียงเรื่องสมมุติ ไม่จำเป็นต้องสละชีวิตและความตายอย่างแท้จริง
คนเหล่านั้นพยายามชี้ให้สือฮ่าวเห็นว่าตระกูลจินมีคุณธรรมมากแค่ไหน
“พวกเจ้าหุบปากเดี๋ยวนี้!” มดเขาสวรรค์กรีดร้อง ตอนนี้มันเต็มไปด้วยความเครียดแค้นต่อตระกูลจิน “เนื่องจากพวกเจ้าตระกูลจินมีคุณธรรมสูงส่งถึงขนาดนี้จินซานก็ควรจะตามสือฮ่าวไปด้วย! นั่นจึงเป็นการกระทำอันยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง!”
มีคนมากมายที่หันไปมองตระกูลจินอย่างเหยียดหยาม
“สือฮ่าวไม่ว่าจะตัดสินใจอย่างไรข้าก็จะสนับสนุนเจ้าเสมอ!” เฉาอวี่เซิ่งกล่าวอย่างจริงจังและประกาศจุดยืนชัดเจน
ในตอนนี้เด็กรุ่นหลังของเก้าสวรรค์เต็มไปด้วยความไม่ยินยอมพร้อมใจ ถ้าพวกเขาจะมอบฮวงให้ศัตรูเรื่องนี้จะเป็นตราบาปของเก้าสวรรค์ไปตลอดกาล
พวกเขาไม่เพียงแต่โกรธแค้นแม้แต่เมืองจักรพรรดิ์เองก็ต้องอับอาย ในสายตาของหลายคนสันติภาพต้องมาจากการทำสงครามจนได้รับชัยชนะเท่านั้น
การกระทำเช่นนี้มันยังเลวร้ายกว่าการยกดินแดนของตนเองให้ศัตรูเสียอีก?
“สหายเต๋าจินเรื่องนี้ข้าไม่ยอมรับอย่างเด็ดขาด” ผู้สูงสุดคนหนึ่งแสดงการคัดค้านออกมา
จินไท่จุนมองทุกคนจากนั้นมองไปที่ฉื่อห่าวพูดว่า“สหายน้อยเจ้านิ่งเงียบตลอดเวลาโดยไม่พูดอะไรเลย ข้าต้องการรับฟังความเห็นของเจ้า”
ทุกคนมองไปที่สือฮ่าว
“เจ้าก็แค่ต้องการบังคับคนอื่นเท่านั้น!” กระต่ายหยกจันทรากรีดร้อง
หลายคนพยักหน้าอย่างเข้าใจเพราะก่อนหน้านี้จินไท่จุนบอกว่าถ้าเป็นจินซานที่ถูกเลือกนางจะไม่ลังเลที่จะส่งเขาออกจากเมือง
ตอนนี้นางถามสือฮ่าวเช่นนี้เจตนาคืออะไร? นี่เป็นการบังคับให้เขาเห็นด้วยอย่างชัดเจน!
“ฮวงเจ้ายอมมาเข้ากับพวกเราเถิด? พวกเราจะปฏิบัติต่อเจ้าด้วยดี นั่นคือสิ่งที่ผู้แข็งแกร่งอย่างเจ้าควรได้รับ!” ด้านนอกมีเสียงตะโกนออกมาไม่ขาดระยะ
“ศัตรูกำลังสร้างความแตกแยกให้เกิดในหมู่พวกเรา!” บนกำแพงเมืองมีใครบางคนส่งเสียงเตือนทุกคนออกมาดังๆ
สือฮ่าวถอนสายตาจากขอบฟ้า ร่างที่ค่อนข้างโดดเดี่ยวของเขายืนอยู่ตรงนั้นดวงตาเป็นประกาย
และพูดว่า“ข้าไม่เคยคิดว่าหลังจากที่ต่อสู้กับศัตรูอย่างเอาเป็นเอาตาย เมื่อกลับมายังเมืองจักรพรรดิไม่ถึงวันพวกเขาก็ตามมาแล้ว”
“โดยเฉพาะการที่เมืองจักรพรรดิ์ใช้ข้าเป็นเครื่องต่อรองเรื่องนี้ทำให้ข้าค่อนข้างรู้สึกแปลกใจไม่น้อย”สือฮ่าวกล่าวด้วยการเยาะเย้ยตัวเอง
คำพูดเหล่านี้ทำให้หลายคนรู้สึกว่าใบหน้าของพวกเขาร้อนฉ่า สิ่งที่สือฮ่าวพูดคือความจริง แต่นี่เป็นการเย้ยยันอย่างชัดเจน
นี่เป็นเด็กน้อยที่มีผลงานการรบอันยิ่งใหญ่ แต่เมื่อเขากลับมาที่เมืองจักรพรรดิ์เขาไม่ได้รับการปฏิบัติด้วยดี แต่กลับเป็นศัตรูที่ให้การยกย่องเขา
“การสู้รบในชายแดนรกร้างมักโหดร้ายและไร้ความปรานีใครจะรู้ว่ามีคนโบราณเท่าไหร่ที่เสียชีวิตตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน หากผู้ใดปรารถนาความสงบสุขมักมีราคาที่ต้องจ่าย เจ้าเป็นคนที่ยอดเยี่ยมมากเด็กน้อย ทุกคนในเมืองแห่งนี้จะไม่ลืมเจ้า” จินไท่จุนพูด
นี่เป็นการตัดสินใจส่งเขาออกจากเมืองจักรพรรดิอย่างแน่นอนแล้ว? ร่างกายของทุกคนสั่นสะท้าน
“ข้าอยากถามผู้อาวุโสว่าที่พูดเป็นความจริงหรือไม่? ถ้าซื้อเวลามามากพอจะมีกำลังเสริมมาถึงจริงๆ ท่านให้การรับปากได้หรือไม่?” สือฮ่าวถามออกมา
หลายคนมองไปที่จินไท่จุนโดยต้องการคำตอบจากนาง
“ข้าได้บอกเล่าให้กับผู้สูงสุดที่อยู่ที่นี่ฟังหมดแล้ว? นี่เป็นเรื่องที่น่าเชื่อถืออย่างแน่นอน!” จินไท่จุนมองไปยังสิ่งมีชีวิตที่ไม่มีใครเทียบได้จากนั้นก็มองไปที่สือฮ่าวก่อนจะพูดว่า“เจ้ายังมาไม่ถึงระดับนี้การอธิบายให้เจ้าฟังย่อมเป็นเรื่องเปล่าประโยชน์”
“เป็นอย่างนั้นเหรอ” สือฮ่าวกล่าวพร้อมกับถอนหายใจ
“ถ้าสิ่งนี้สามารถเปลี่ยนสถานการณ์ได้จริงๆ การที่ข้าต้องเสียสละตัวเองก็นับเป็นเหตุผลอันเหมาะสมแล้ว!”
จากนั้นดวงตาของเขาก็เปล่งประกายด้วยความสดใสและพูดว่า “ข้าก็แค่กลัวว่าตัวเองจะตายไปอย่างเปล่าประโยชน์โดยไม่ได้รับสิ่งตอบแทนกลับคืนมา”
“เจ้าหวาดกลัวความตายหรือ?” หญิงชราข้างๆจินไท่จุนตำหนิ
“หุบปากซะ! ตอนที่ข้ากำลังต่อสู้อยู่นอกชายแดนรกร้างตัวเจ้ายังทำตัวเป็นเจ้าหญิงอยู่ในเมืองจักรพรรดิ์แห่งนี้! ถ้าข้าหวาดกลัวศัตรูเหตุไฉนต้องแย่งชิงหีบไม้ใบนี้กลับมา?” สือฮ่าวตะคอกใส่อย่างไม่ไว้หน้า
ระดับการบ่มเพาะของหญิงชราคนนั้นสูงส่งเป็นอย่างมาก แต่เมื่อนางจ้องมองมายังสือฮ่าวนางก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“หุบปากของเจ้าไปเลย! ถ้าเจ้ายังกล้าพูดเรื่องไร้สาระอีก ข้าจัดการเจ้าจนกลายเป็นหมู!” มดเขาสวรรค์กรีดร้องออกมา
หญิงชราต้องการข่มขู่พวกเขา แต่นางก็ขาดความมั่นใจเล็กน้อย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้สูงสุดคนหนึ่งกล่าวขึ้นว่า “หากเจ้ากล้าพูดเรื่องไร้สาระอีกข้าจะฆ่าเจ้าทันทีโดยไม่สนว่าเจ้าจะเป็นบ่าวของใคร!”
จินไท่จุนขยับมือของนางโดยให้คนข้างกายปิดปากให้สนิททั้งหมด
“หมายความว่าเจ้ายินดีออกจากเมืองแห่งนี้ไป” จินไท่จุนมองไปทางสือฮ่าว
“การส่งมอบข้าออกไปสามารถแลกกับความสงบของเมืองได้ห้าร้อยปีนั่นก็เป็นเรื่องที่สมควรอยู่” สือฮ่าวกล่าวออกมาอย่างเรียบเฉย
“อย่างไรก็ตามหากหลังจากห้าร้อยปีแล้วไม่มีใครมาให้ความช่วยเหลือ เมื่อถึงวันนั้นเกรงว่าไม่ต้องรอให้ศัตรูลงมือจู่โจมพวกเราก็คงเกิดความขัดแย้งจนพ่ายแพ้ไปเอง”
สือฮ่าวพูดถึงความเป็นไปได้นี้ด้วยน้ำเสียงที่สงบที่สุดเท่าที่จะทำได้