274 - จิตใจอันชั่วร้าย
1585 - จิตใจอันชั่วร้าย
“มามามา! เจ้าไม่ใช่ว่าต้องการสั่งสอนเราหรือ? งั้นข้าจะเป็นคนแรก อย่าได้ออมมือใช้ทุกอย่างของเจ้าออกมาเถอะ!” จินยี่กล่าว เขามีอายุมากที่สุดเมื่อเทียบกับคนอื่น
“เอาล่ะในเมื่อเจ้าต้องการให้ข้าสั่งสอน ข้าก็ได้แต่ต้องทำตามคำสั่งแล้ว” สือฮ่าวกระตุ้นสิงโตทองพุ่งไปข้างหน้าจากนั้นก็ลงมือทันที
ฮ่อง!
เขาพุ่งเข้าหาจินยี่ เนื่องจากอีกฝ่ายมีความปรารถนาเขาก็ได้แต่ต้องสนองให้ถึงที่สุด!
เอ็น?
จินยี่รู้สึกเหมือนมีบางอย่างไม่ถูกต้อง ทำไมอีกฝ่ายถึงเร็วขนาดนี้? เขายกมือขึ้นป้องกัน
อย่างไรก็ตามฝ่ามือและนิ้วของสือฮ่าวเคลื่อนผ่านการป้องกันของจินยี่พร้อมกับกระแทกเข้าใบหน้าของเขาอย่างรุนแรง
"อา?!" จินยี่กรีดร้องออกมาใบหน้าเบ่งบานไปด้วยเลือดร่างเซถลาไปด้านหลัง
ทุกคนเต็มไปด้วยความตกตะลึง จินยี่ก็รู้สึกตกใจ ทันทีที่พวกเขาลงมือต่อสู้เขากลับเพี้ยงพร้ําเสียแล้ว?
แม้แต่สิงโตทองก็ตกใจไม่น้อย แน่นอนว่ามันแตกต่างจากคนอื่นๆมันรู้สึกว่าการตบครั้งนี้เบาเกินไป จริงๆแล้วด้วยความแข็งแกร่งของฮวงย่อมสามารถสังหารบุคคลผู้นี้ได้ในการตบเพียงครั้งเดียว
“ทำไมเจ้าถึงประมาทขนาดนี้” จินคุนกล่าวเสียงต่ำ ทั้งคู่มาจากตระกูลจินตอนนี้แม้แต่เขาก็ยังรู้สึกอายไปด้วย
“นี่น่าจะเป็นวิชาลับในตำนานฝ่ามือเซียนบินด้วยความเร็วของมันจึงยากที่ใครจะหลีกเลี่ยง” ฉีหลินกล่าวด้วยความสงสัย
ไม่มีใครเชื่อว่าความแข็งแกร่งของสือฮ่าวนั้นทรงพลังจนสามารถทำร้ายจินยี่ได้จริงๆ
เพราะเขาอยู่เพียงอาณาจักรแยกตนเองย่อมไม่สามารถทรงพลังเทียบเท่าผู้ยิ่งใหญ่อาณาจักรปลอดภัยตนเองได้
ต้องเข้าใจว่ายิ่งขอบเขตการบ่มเพาสูงขึ้นก็ยิ่งยากที่จะข้ามอาณาจักรบ่มเพาะเพื่อต่อสู้
ยิ่งผู้แข็งแกร่งอาณาจักรปลดปล่อยตนเองทุกคนที่ขึ้นมาในขอบเขตนี้ล้วนแล้วแต่เป็นอัจฉริยะของรุ่นทั้งสิ้น
เมื่อพวกเขาเป็นคนประเภทนี้แล้วจะมีคนรุ่นหลังที่สามารถข้ามรุ่นมาเอาชนะพวกเขาได้อย่างไร? เรื่องที่ไม่สมเหตุผลแบบนี้ย่อมไม่มีทางเกิดขึ้นแน่นอน
สือฮ่าวเผยรอยยิ้มจางๆและพูดว่า“ข้าตีเจ้าแล้วทีนึง ยังต้องการทดสอบอีกหรือไม่?”
“อีกครั้ง!” จินยี่โกรธมากเขาโกรธมากจริงๆ ตอนนี้ใบหน้าเขาไม่เหลืออยู่อีกแล้ว? แม้ว่าสือฮ่าวจะถูกเขาฆ่าตายไปได้ในที่สุด
แต่เขาก็อาจถูกคนอื่นล้อเลียนไปตลอดชีวิตหลังจากที่ได้ยินว่าเขาถูกเด็กรุ่นหลังคนหนึ่งตบเข้าที่ใบหน้า
“เจ้ายังอยากให้ข้าตีเจ้าอีกหรือ?” สือฮ่าวถาม
“เด็กน้อยถ้าเจ้าทำได้ก็อย่าลังเลรีบแสดงออกมาให้ข้าเห็นทั้งหมด!” จินยี่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวอย่างไรก็ตามครั้งนี้เขาเดินไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง เขาไม่กล้าประมาทอีกแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้นรอบกายของเขายังเต็มไปด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์อันพรุ่งพล่าน เขาได้เพิ่มการป้องกันแล้วโดยต้องการให้สือฮ่าวชดใช้สำหรับการกระทำของเขา
ในเวลาเดียวกันลั่วหานฉีหลินและจินคุนก็เดินเข้ามาข้างหน้าด้วย ใบหน้าของพวกเขาเย็นชาปลดปล่อยความกดดันจากระดับการบ่มเพาะที่มากกว่าเข้าไปในบริเวณสนามต่อสู้
“สือฮ่าวพวกเขาคิดจะรุมเจ้าแล้ว!” หลายคนตะโกนเตือนออกมา
“ทำไมเจ้าถึงเป็นคนดื้อรั้นขนาดนี้ไม่ฟังคำพูดของเราเลย!” กระต่ายหยกจันทราและเด็กๆคนอื่นๆไม่พอใจและเต็มไปด้วยความกังวลกับการกระทำของสือฮ่าว
มีเพียงสิงโตทองคนเดียวเท่านั้นที่สาปแช่งอยู่ในใจ ฮวงผู้นี้เป็นคนที่ชั่วร้ายจริงๆ
“เจ้าคนชั่วร้าย! เจ้าก็เก่งแต่รังแกผู้อื่นเท่านั้นแหละ!” สิงโตสีทองกัดฟันกรอด
ในขณะเดียวกันก็ระมัดระวังมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะพบว่าสือฮ่าวมีจิตใจที่เต็มไปด้วยความชั่วร้ายไม่ใช่คนดีจริงๆ
เขาแข็งแกร่งกว่าอีกฝ่ายอย่างชัดเจน แต่เขาก็ยังคงสร้างภาพว่าตัวเองอ่อนแอเพื่อที่จะฉีกใบหน้าของศัตรูให้พังยับเยิน
เมื่อมันคิดถึงบทสรุปสุดท้ายมันก็รู้สึกเห็นใจคนพวกนี้อย่างแท้จริง
“พวกเจ้าทุกคน…ก็อยากโดนข้าสั่งสอนด้วยหรือ?”สือฮ่าวมองไปที่ลั่วหาน ฉีหลินและจินคุนทั้งสามคน
“หยุดความหยิ่งผยองของเจ้าได้แล้ว หากเจ้าสามารถทำร้ายพวกเราได้จริงๆนั่นคงเป็นเรื่องมหัศจรรย์ยิ่งกว่าดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตก!” ลั่วหานคำรามด้วยเสียงหัวเราะ
ฉีหลินยิ่งมองเขาอย่างเย็นชาและพูดว่า“เจ้าถึงกับกล้าทำตัวบังอาจต่อหน้าข้า?”
“เจ้าเหตุไฉนจึงได้โง่เขาขนาดนี้ หลังจากรู้ว่าเมิ่งเทียนเจิ้งกำลังจะตายเจ้ายังกล้าเป็นศัตรูกับตระกูลจิน นับว่าเป็นการแสวงหาความเจ็บปวดให้กับตัวเอง!” จินคุนกล่าว
ยิ่งไปกว่านั้นเขาพูดด้วยเสียงหัวเราะเยือกเย็น“เจ้ารอรับการลงโทษได้แล้ว!”
“ในเมื่อพวกเจ้าต้องการให้ข้าทุบตี ข้าก็จะตอบสนองให้กับพวกเจ้าอย่างถึงที่สุด!” สือฮ่าวกล่าวด้วยรอยยิ้ม
จิ!
ทันทีหลังจากนั้นเขาก็กลายเป็นริ้วแสงสีทองจางๆ สือฮ่าวเปิดใช้งานความเร็วศักดิ์สิทธิ์ของคุนเผิงและญาณวิเศษของจักรพรรดิสายฟ้าทำให้ความเร็วของเขาพุ่งขึ้นอย่างที่ไม่มีใครคาดคิด
ยิ่งไปกว่านั้นเขาได้แสดงญาณวิเศษของอรหันต์แปดกรเพื่อแยกคนเหล่านี้ออกจากกัน
ในลานประลองเต็มไปด้วยความวุ่นวาย จากนั้นไม่นานทุกอย่างก็หยุดลง!
ทุกคนที่อยู่ในบริเวณต่างกันสะเทือนไปทั้งกาย บางคนร่างกายแข็งค้างไม่กล้าขยับตัว
เป็นเพราะในช่วงเวลานั้นจินยี่ถูกสือฮ่าวตบเข้าไปที่หน้าอีกครั้งทวารทั้งเจ็ดบนใบหน้าของเขามีเลือดทะลักออกมา
คราวนี้เขาไม่ได้เดินโซเซไปข้างหลัง แต่ถูกกระแทกจนบินออกไปพร้อมกับกระอักเลือดออกมาไม่หยุด ใบหน้าของเขาบู้บี้มีสภาพยับเยินกระดูกแหลกเหลว!
ในอีกด้านหนึ่งจินคุนก็ไม่ได้มีสภาพดีไปกว่ากัน จมูกของเขาถูกเหยียบย่ำโดยสือฮ่าว จมูกของเขายุบลงไปในหน้ามีเลือดพุ่งออกมาจากทวารทั้งเจ็ดพร้อมกับกระอักโลหิตไม่หยุด
เขาอยู่ในสภาพที่น่าสังเวชที่สุดร่างกายของเขาถูกเหยียบย่ำลงไปกับพื้นไม่สามารถลุกขึ้นได้
สำหรับลั่วหานเขาถูกฝ่ามือของสือฮ่าวฟาดเข้าที่ใบหน้าอย่างรุนแรงด้วยเสียงดังชัดเจน ทำให้ฟันทั้งหมดในปากของเขากระเด็นออกมาพร้อมกับเลือดสาดกระจายไปทุกทิศทาง
ในขณะเดียวกันกระดูกหน้าผากของเขาก็แตกละเอียดจนวิญญาณดั้งเดิมได้รับบาดเจ็บเกือบจะสูญสลายไป
สำหรับฉีหลินที่ก่อนหน้านี้ยังเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งมั่นใจในสถานะของตัวเอง เมื่อเห็นคนทั้งสามมีสภาพน่าสังเวชเช่นนั้นเขาก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัวและรีบวิ่งหนีออกจากสนามประลองทันที
แต่มีหรือที่เขาจะสามารถหลบหนีการโจมตีได้ กำปั้นของสือฮ่าวลอยมาจากด้านหลังและกระแทกเข้ากับร่างกายของเขาจนกลายเป็นกองเลือดกองหนึ่ง
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเร็วมากเพียงชั่วพริบตาเท่านั้น ในท้ายที่สุดคนเหล่านี้ก็ยังคงประเมินสือฮ่าวต่ำเกินไป โดยคิดว่าไม่มีทางที่คนเด็กหนุ่มคนหนึ่งจะสามารถสร้างความเสียหายให้กับพวกเขาได้
ในความเป็นจริงสือฮ่าวไม่เพียงแต่แข็งแกร่งกว่าพวกเขาเท่านั้นความเร็วของเขายังมากกว่าทุกคนที่นี่หลายสิบเท่า ดังนั้นในชั่วพริบตานั้นทั้งสี่คนจึงไม่สามารถหลบหนีและต้องทนทุกข์ทรมานจากอาการบาดเจ็บอย่างน่าสังเวช!
ใบหน้าของจินยี่ถูกกระแทกจนแหลกละเอียดเต็มไปด้วยเลือด มันน่าอนาถจริงๆเลือดไหลออกมาไม่หยุด
ดั้งจมูกของจินคุนยุบเข้าไปในใบหน้า ฟันของลั่นหานหายไปหมดสิ้นไม่เหลือแม้แต่เสี้ยวเดียว
กระดูกของฉีหลินแตกหักจนละเอียดเขานอนอยู่ที่พื้นไม่สามารถลุกขึ้น
ผู้เชี่ยวชาญที่ยิ่งใหญ่ทั้งสี่ถูกทำร้ายอย่างน่าสังเวช พวกเขาทั้งได้รับความเจ็บปวดและได้รับความอับอาย นับจากนี้พวกเขาจะไม่สามารถเงยหน้าขึ้นมองใครได้อีกแล้ว
ผลลัพธ์นี้สร้างความหวาดกลัวให้กับสิ่งมีชีวิตที่อยู่รอบๆ คนทั้ง สี่นี้ถูกฮวงจัดการจนไม่มีสภาพ ความแข็งแกร่งของเขามีมากแค่ไหนกันแน่?
นี่มันแปลกเกินไปทุกคนรู้สึกว่ามันจะเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนเหล่านี้เป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่มีชื่อเสียงในเมืองจักรพรรดิมาหลายหมื่นปี
แต่ในท้ายที่สุดพวกเขากลับไม่สามารถรับมือกับเด็กหนุ่มที่อายุไม่ถึงสามสิบปีได้!
หลายคนตกตะลึงทุกคนพบว่าสิ่งนี้เป็นเรื่องน่ากลัวและยากที่จะเข้าใจจริงๆ เหตุใดผู้เชี่ยวชาญที่ยิ่งใหญ่ทั้งสี่คนถึงกับถูกเด็กหนุ่มคนหนึ่งสั่งสอน
“ช่างน่าสมเพชจริงๆ…เจ้าแก่จินยี ที่แต่เดิมเต็มไปด้วยความสง่างาม แต่ตอนนี้ผมสีขาวของเขากลับเป็นเหมือนไม้ถูพื้นอันหนึ่ง ดูใบหน้าของเขาสิมันบานออกเหมือนกับดอกไม้”
คำเหน็บแนมประเภทนี้ย่อมออกมาจากปากของเฉาอวี่เซิ่งอย่างแน่นอน เขาเป็นคนแรกที่กลับสู่ความเป็นจริงและล้อเลียนผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสี่
“ดอกไม้เหล่านี้ดูสภาพย่ำแย่ไปหน่อย ดูสิพวกมันบี้แบนไปหมดแล้ว” กระต่ายหยกจันทรารีบสอดประสานอย่างกลมกลืน
“เขาอายุมากแล้วเจ้าคิดว่าคนแก่ระดับนี้จะมีใบหน้าอันงดงามได้อย่างไร” เฉาอวี่เซิ่งกล่าวด้วยเสียงหัวเราะ
เด็กหนุ่มสาวทุกคนที่ติดตามสือฮ่าวมาต่างหัวเราะออกมาโดยไม่อาจข่มกลั้น
ผู้เชี่ยวชาญที่ยิ่งใหญ่ทั้งสี่โกรธเต็มไปด้วยความโกรธแค้น แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้รับบาดเจ็บจนกระทบกระเทือนถึงขั้นบ่มเพาะ แต่เรื่องเหล่านี้จะถูกเล่าขานไปอีกนานแสนนาน
พวกเขาเชื่อว่าหากท้ายที่สุดฮวงสามารถก้าวเข้าสู่อาณาจักรแห่งความเป็นอมตะได้ เมื่อชื่อของเขาถูกคนรุ่นหลังกล่าวออกมาจะต้องมีเรื่องที่เกิดในวันนี้ถูกเล่าขานออกไปด้วยอย่างแน่นอน