273 - ละครฉากใหญ่
1584 - ละครฉากใหญ่
คนพวกนี้ไม่ใช่สายตรงของตระกูลแต่ก็มีไม่น้อยที่เคยร่ำเรียนวิชามาจากอาจารย์ของตระกูลหวังและตระกูลจิน พวกเขาทั้งหมดมองไปที่สือฮ่าวอย่างเย็นชา
แน่นอนว่าผู้ยิ่งใหญ่หลายคนยังอยู่ด้านนอก พวกเขายิ้มแย้มเฝ้าดูเหตุการณ์อย่างใจเย็น
พวกเขาพยายามทำให้ความอดทนของสือฮ่าวมาถึงขีดจำกัดและลงมือจัดการผู้ฝึกฝนที่ต่ำต้อยเหล่านั้น และพวกเขาจะได้ใช้เป็นข้ออ้างในการลงมือในการบั่นทอนความแหลมคมของสือฮ่าว
“พวกเจ้าจะรังแกกันเกินไปแล้ว!” เฉาอวี่เซิ่งตะโกน
“คลานไปเรียกมารดาเจ้าจากตระกูลจินและตระกูลหวังมาด้วยถึงจะพอมือพอเท้าพวกเรา!” มดเขาสวรรค์ไม่เคยกลัวการต่อสู้อยู่แล้ว
กลุ่มคนเริ่มมองไปในทิศทางของมันพร้อมกับปลดปล่อยไอสังหารออกมา
"อะไร? พวกเจ้าคิดจะสู้กับข้าหรือ” มดเขาสวรรค์เต็มไปด้วยความตื่นเต้น
สือฮ่าวหยุดมันเอาไว้และพูดว่า“ก็เป็นแค่เสียงเห่าหอนไร้สาระ พวกเขาอยากจะทำอะไรก็ปล่อยให้พวกเขาทำไป ข้อเท็จจริงนั้นยิ่งใหญ่กว่าคำพูดเสมอ”
สือฮ่าวเดินไปที่ตำหนักใหญ่ซึ่งตั้งอยู่ข้างสนามประลอง เขาเชื่อว่าศิลาคุณงามความดีของเขาสามารถกลบเสียงวิจารณ์พวกนี้ได้อย่างง่ายดาย
เมื่อคนกลุ่มนั้นได้ยินคำพูดนี้ ทุกคนก็เต็มไปด้วยความหวั่นไหวบางคนตระหนักได้ทันทีว่าฮวงน่าจะได้รับผลประโยชน์อย่างแท้จริง
“เพียงแค่ผู้ฝึกตนอายุน้อยเขาจะฆ่าได้กี่คน? เมื่อเราสังหารผู้ฝึกฝนที่ยิ่งใหญ่ของอาณาจักรปลดปล่อยตนเองเราไม่ได้เร่งรีบขนาดนี้ หากไม่ได้สักหัวสองหัวจะมาขึ้นรางวัลให้เสียเวลาทำไม”
ผู้ยิ่งใหญ่อาณาจักรปลดปล่อยตนเองคนหนึ่งกล่าวขึ้นมา ชื่อของเขาคือลั่วหานเขาเป็นชายวัยกลางคน ผมยาวของเขากระจัดกระจายอยู่ด้านหลังและมีรอยยิ้มจางๆบนใบหน้า
ในสายตาของพวกเขาแม้ว่าสือฮ่าวจะมีพรสวรรค์มากมายอย่างไม่อาจปฏิเสธ แต่ขอบเขตการบ่มเพาะของเขาก็ยังต่ำอยู่ ความสำเร็จของเขาจะมากมายแค่ไหนกันเชียว
แน่นอนว่าคำพูดของเขาก็เป็นการซักถามเช่นกันโดยพยายามทดสอบปฏิกิริยาของสือฮ่าว
“เจ้าคือเจ้าข้าคือข้า เจ้าสามารถเสแสร้งกับตัวเองได้เท่าที่เจ้าต้องการ แต่ข้าซื่อตรงกับตัวเองเสมอ” สือฮ่าวตอบอย่างเฉยชา
ลั่วหานเปิดเผยร่องรอยของความโกรธออกมาเล็กน้อย โดยปกติแล้วผู้ฝึกฝนขอบเขตปลดปล่อยตนเองจะถือได้ว่าเป็นชนชั้นสูงในเมืองจักรพรรดิ ไม่เคยมีเด็กคนไหนที่กล้าพูดจาอย่างนี้กับเขา?
“ช่างไม่เจียมตัวถึงกับกล้าที่จะเป็นศัตรูกับผู้ยิ่งใหญ่อาณาจักรปลดปล่อยตนเอง! เจ้าคิดว่าคุณงามความดีของเจ้าสามารถเทียบกับพวกเราได้แล้วหรือ?” ผู้บ่มเพาะวัยกลางคนอีกคนหัวเราะอย่างเย็นชา
เขาสวมมงกุฎสีม่วงทองบนศีรษะความแข็งแกร่งของเขาสั่นสะเทือนสนามประลองแห่งนี้ เขามีนามว่าฉีหลินอาจารย์ของเขามาจากตระกูลจิน
ในสถานที่แห่งนี้นับได้ว่าเขาแข็งแกร่งที่สุดเพราะว่าเขาอยู่ในอาณาจักรปลดปล่อยตนเองขั้นกลางแล้ว
เห็นได้ชัดว่าคนเหล่านี้รู้ว่าสือฮ่าวไม่มีทางที่จะสร้างคุณงามความดีได้อย่างมากมายเพราะว่าเขายังอายุน้อยเกินไป
แน่นอนว่าผลงานของเขาต้องไม่รวมกับหีบไม้ใบนั้น เพราะว่าจนถึงตอนนี้เหล่าผู้อาวุโสยังไม่สามารถประเมินคุณความดีในข้อนี้ออกมาได้
“เจ้าโลเลอยู่ทำไมพวกเรากำลังรอชมผลงานของเจ้าอยู่ไม่เห็นหรือ รีบมาทำให้พวกเราตกตะลึงเร็วๆเข้า” ลั่วหานกล่าวออกมาพร้อมกับรอยยิ้มเย้ยหยัน
“พวกเจ้าไม่รู้สึกว่าข้ามเส้นมากเกินไปหรือ?” ชิงยี่ไม่สามารถทนดูเรื่องนี้ได้อีกต่อไป
“เจ้าต้องการกลั่นแกล้งเราหรือ? มาเถอะหรือคิดว่าข้ายังจะกลัวเจ้าด้วย!” มดเขาสวรรค์เต็มไปด้วยความก้าวร้าว
“มารดาเจ้าเถอะ ถ้าเจ้ามีความกล้าก็ขึ้นมาในสนามประลองเซียนแล้วกดอาณาจักรบนเพราะเจ้าไว้ให้อยู่ในระดับเดียวกันกับข้า! แล้วข้าจะให้พวกเจ้าเข้ามาพร้อมกันแปดคน!” เฉาอวี่เซิ่งชี้หน้าพวกเขา
แม้ว่าเจ้าอ้วนคนนี้จะขุ่นเคือง แต่เขาก็ยังไม่ต้องการที่จะถูกปราบปรามโดยผู้ที่มีอาณาจักรบ่มเพาะสูงกว่า นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เขาต้องการต่อสู้กับผู้ที่อยู่ในระดับเดียวกัน
ลั่วหารและฉีหลินหัวเราะออกมา ตอนนี้พวกเขามั่นใจแล้วว่าสือฮ่าวไม่มีทางที่จะสร้างคุณงามความดีในสนามรบจนสามารถทำให้พวกเขาตกใจได้
“เด็กน้อยเอ๋ย เจ้าคิดว่าเมื่อเข้าสู่สนามรบจะได้เจอคู่ต่อสู้อยู่ในระดับเดียวกัน เจ้าไร้เดียงสาเกินไปแล้ว!” พวกเขาเยาะเย้ย
“พวกเจ้าทุกคนคิดว่าตัวเองยอดเยี่ยมเพราะเป็นผู้ยิ่งใหญ่อย่างนั้นหรือ” สือฮ่าวกล่าวอย่างเย็นชา คนเหล่านี้ยั่วยุเขาครั้งแล้วครั้งเล่าเขาไม่สามารถอดกลั้นอีกต่อไปแล้ว
ในเวลานี้มีคนสองสามคนเดินมาจากระยะไกลซึ่งเป็นคนคุ้นเคยทั้งหมด นำโดยจินคุนและจินยี่พวกเขาเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในอาณาจักรปลดปล่อยตนเองซึ่งล้วนมาจากเชื้อสายโดยตรงของ ตะกูลจิน
นอกเหนือจากพวกเขายังมีผู้ยิ่งใหญ่อาณาจักรปลดปล่อยตนเองของตระกูลหวังอีกสองสามคนด้วย
“ลงมือทำสอนบทเรียนให้เขา! แม้ว่าเขาจะบาดเจ็บสาหัสก็ตาม! ตอนนี้เมิ่งเทียนเจิ้งกำลังจะตายพวกเราไม่มีอะไรให้ต้องกังวลอีกต่อไป!”
ก่อนที่คนเหล่านี้จะเข้ามาพวกเขาได้ส่งเสียงอย่างลับๆแจ้งให้ ลั่วหาน ฉีหลินและคนอื่นๆ ลงมือสอนบทเรียนให้กับสือฮ่าว
ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขายังนำข่าวของผู้อาวุโสใหญ่ที่กำลังจะเสียชีวิตมาด้วย
สิ่งนี้ทำให้ความเชื่อมั่นของผู้คนที่นี่พุ่งสูงขึ้นทันที ตอนนี้ความหวาดกลัวของพวกเขาได้หมดสิ้นไปแล้ว
จินคุนจินยี่มาที่นี่เพราะพวกเขากำลังมองหาโอกาสที่จะจัดการกับสือฮ่าวอยู่เสมอ
ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขากลัวว่าสือฮ่าวจะมีความสำเร็จอันมากมายมหาศาล จนเป็นเหตุให้ผู้สูงสุดในเมืองแห่งนี้ให้การคุ้มครองเขาแทนเมิ่งเทียนเจิ้ง
นี่เป็นการตัดความสามารถของสือฮ่าว คนจากตระกูลจินไม่เคยเลิกล้มความคิดนี้ พวกเขาต้องการให้จินซานขึ้นเป็นอันดับหนึ่งในบรรดาคนรุ่นใหม่!
“เจ้าหนูเนื่องจากเจ้าเป็นคนหยิ่งผยองและกล้าดูถูกผู้ยิ่งใหญ่อย่างเรา เห็นทีข้าจะต้องสั่งสอนเจ้าให้รู้สำนึกเสียแล้ว” ลั่วหานเตรียมที่จะลงมือจัดการกับเขา
“เจ้าก็แค่สุนัขตัวหนึ่งที่ตระกูลอมตะเลี้ยงไว้เฝ้าบ้าน ความภาคภูมิใจของเจ้ามาจากที่ใด?” เห็นได้ชัดว่าสือฮ่าวเริ่มโกรธแค้นขึ้นมาแล้ว
นับตั้งแต่ที่เขากลับมาคนเหล่านี้ก็ยั่วยุเขาครั้งแล้วครั้งเล่า เห็นทีว่าการทำลายจินซานคงไม่พอที่จะทำให้พวกเขารู้สำนึก?
คำด่าครั้งนี้รุนแรงเป็นอย่างยิ่งฉีหลินปลดปล่อยไอสังหารออกมาพร้อมกับพูดว่า “เราคือผู้ยิ่งใหญ่อาณาจักรปลดปล่อยตนเอง แต่เราไม่เคยมารายงานความสำเร็จด้วยลักษณะโอ้อวดแบบนี้ วันนี้ไม่ว่าจะยังไงข้าก็จะต้องสั่งสอนเจ้ารู้จักคำว่าผู้อาวุโส”
เขาไม่ได้พูดอะไรอีกเพราะเขารู้สึกว่าการกระทำของตัวเองนั้นไม่ได้มีศักดิ์ศรีเท่าไหร่ นี่เป็นเพียงการรังแกผู้ที่อ่อนแอกว่าเท่านั้น
“เจ้าเจ้าเจ้าเจ้าเจ้าและเจ้า วันนี้จะต้องคลานกลับไปอย่างแน่นอน!” ใบหน้าของสือฮ่าวไร้ความรู้สึกเขาชี้ไปที่ลั่วหาน ฉีหลินและคนอื่น ๆ
“ข้าคนเดียวก็พอแล้ว! เจ้าไม่มีคุณสมบัติมาท้าทายพวกเรา” ฉีหลินกล่าวอย่างเย็นชา
สือฮ่าวกล่าวอย่างเฉยเมยว่า“เนื่องจากเป็นการทดสอบดังนั้นข้าคนนี้จะทำการทดสอบพวกเจ้าเองว่าความแข็งแกร่งของพวกเจ้ามาถึงอาณาจักรปลดปล่อยตนเองแท้จริงหรือไม่ หากข้าพิสูจน์แล้วว่าพวกเจ้าเป็นของปลอม เห็นทีผลงานการรบที่พวกเจ้าสร้างขึ้นมาคงได้มาจากการทุจริตอย่างแน่นอน”
ในทันใดนั้นบรรยากาศก็ตึงเครียดถึงขีดสุด ไม่มีใครคาดคิดว่า สือฮ่าวจะกล้าพอที่ท้าทายผู้ยิ่งใหญ่อาณาจักรปลดปล่อยตนเองโดยตรง นอกจากนี้เขายังท้าทายหลายคนด้วย!
ผลกระทบของสิ่งนี้มากเกินไปทำให้ผู้คนที่อยู่ที่นี่ต่างเต็มไปด้วยความมึนงง! ถ้าจินคุนจินยี่ลั่วหานและคนอื่นๆโกรธโกรธขึ้นมาและไม่ยั้งมืออาจทำให้เขาพิการไปตลอดชีวิต
“เจ้าบ้าไปแล้วหรือไง! แม้ว่าคนพวกนี้จะยั่วยุเจ้า แต่เจ้าก็ไม่ควรใช้อารมณ์ในการตัดสินใจแบบนี้!” กระต่ายหยกจันทราพยายามหยุดเขา
ชิงยี่ยิ่งเดินเข้ามาจับมุมเสื้อของเขาพร้อมกับสายหน้าบ่งบอกให้เขาอดทน
“เจ้าหนูนับว่าเจ้าเจ้ารนหาที่จริงๆ” ลั่วหานส่ายหัวพร้อมกับเดินเข้ามาทีละก้าว
ในตอนนี้หลายคนเต็มไปด้วยความแตกตื่นตกใจ
อย่างไรก็ตามสิงโตสีทองซึ่งเป็นสัตว์ขี่ของสือฮ่าวยังคงสงบนิ่งมุมปากของมันเผยให้เห็นรอยยิ้มเย้ยหยัน ไม่มีใครเข้าใจความแข็งแกร่งของสือฮ่าวได้ดีไปกว่ามันอีกแล้ว
สือฮ่าวไม่ได้สังหารผู้ยิ่งใหญ่อาณาจักรปลดปล่อยตนเองเพียงคนสองคน แต่ตลอดหลายวันในป่าอสูรสวรรค์มันได้ร่วมเป็นพยานในการพาสือฮ่าวไล่สังหารผู้ยิ่งใหญ่เหล่านั้นมากกว่าสามสิบคนแล้ว!
ผู้ยิ่งใหญ่จากฝั่งของมันทุกคนล้วนแล้วแต่แข็งแกร่งกว่าคนพวกนี้ทั้งสิ้น ตอนนี้เมื่อมันได้ยินคำพูดของลั่วหาน ใบหน้าของมันก็มีการแสดงออกที่แปลกๆคล้ายกำลังดูการแสดงละครเรื่องหนึ่ง
“ฮวงเจ้ามีพรสวรรค์อันยอดเยี่ยมมาก หากเจ้าตั้งใจฝึกฝนอีกสักหลายร้อยปีไม่แน่ว่าจะไล่ตามพวกเราทัน ตอนนี้เจ้าใจร้อนเกินไปให้ข้าช่วยแนะนำเจ้าสักหน่อยเถอะ” จินคุนกล่าวใบหน้าของเขาไม่แดงแม้แต่น้อย
เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการที่จะจัดการสือฮ่าวแต่เขาก็สามารถพูดออกมาด้วยท่าทางที่ไร้ยางอายเช่นนี้
อย่างไรก็ตามในสายตาของสิงโตทองยิ่งเห็นว่านี่เป็นเรื่องไร้สาระสุดๆ เขาต้องการที่จะให้คำแนะนำฮวง?
จากประสบการณ์การเป็นสัตว์ขี่ให้กับฮวงมาอย่างยาวนาน มันคิดว่าหากชายคนนี้ไม่ถูกฮวงตีตายในครั้งเดียวก็ต้องถูกแยกร่างออกเป็นเจ็ดแปดส่วนอย่างแน่นอน!
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!” ฉีหลินเดินมาจากอีกทางหนึ่ง เขาไม่ได้พูดอะไรเพียงแต่หัวเราะอย่างสนุกสนาน!