271 - ร่วมกันค้นคว้า
1582 - ร่วมกันค้นคว้า
สิ่งนี้ทำให้ทุกคนมึนงง!
“ข้าต้องการขอคำแนะนำ เนื่องจากเจ้าแห่งเขตหวงห้ามต้องการหีบไม้นี้ทำไมเขาไม่มาหามันเป็นการส่วนตัวล่ะ” เซียนอมตะหวังถามผู้อาวุโสขาเดียว
“อาจารย์ของข้าไม่เต็มใจที่จะรับผลกรรมอันยิ่งใหญ่เช่นนี้” ผู้อาวุโสขาเดียวตอบอย่างใจเย็น
“เจ้าหมายถึงอะไร” จินไทจุนถาม
“หีบไม้ใบนี้มีผลกรรมอันยิ่งใหญ่มากมาย อาจารย์ของข้าไม่ปรารถนาที่จะมีส่วนร่วมเพื่อหลีกเลี่ยงการติดผลกรรมในภายหลัง” ผู้อาวุโสขาเดียวกล่าวเบาๆ
"อะไร?" แม้จะเป็นสิ่งมีชีวิตระดับผู้สูงสุดอย่างจินไท่จุนก็อดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าไปอย่างหนาวเหน็บใบหน้าของนางเปลี่ยนไปทันที
คนอื่นๆกตื่นตระหนกตระหนกเช่นกัน นี่เป็นกรรมแบบไหนกันแน่? แม้กระทั่งผู้อมตะจากดินแดนปิดผนึกก็ยังไม่ต้องการมีส่วนร่วม? ทุกคนที่ได้ยินเรื่องนี้ตัวสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว!
ต้องเข้าใจว่าการดำรงอยู่ของดินแดนปิดผนึกนั้นเป็นที่รู้กันดีว่าพวกเขาจะคงอยู่ตลอดไปต่อให้เก้าสวรรค์จะถูกทำลายไปก็ตาม แม้แต่ศัตรูต่างมิติก็ไม่คิดจะตอแยพวกเขา
“เขาจะกลับมา…” ผู้อาวุโสขาเดียวพูดออกมา นี่คือคำพูดของอาจารย์เขาที่ทำนายถึงอนาคต
เด็กๆที่มาพร้อมกับสือฮ่าวทุกคนตัวสั่นเพราะผู้อาวุโสขาเดียวเคยบอกพวกเขาแล้วในครั้งแรกที่เขามา
“เชิญนั่งลงสนทนากันก่อน!” จินไท่จุนพูดอย่างจริงจังโดยเชื้อเชิญให้ผู้อาวุโสขาเดียวกล่าวในรายละเอียดมากกว่านี้!
ผู้อาวุโสขาเดียวหัวเราะอย่างขมขื่นและพูดว่า "ข้าเป็นเพียงเด็กรับใช้คนหนึ่งเท่านั้นย่อมไม่มีทางรู้มากไปกว่านี้"
เขาพูดในเชิงเยาะเย้ยตัวเองแม้ว่าในสายตาของคนอื่นสถานะของเขาก็ไม่ได้ต่ำทราม แต่เขายังคงเป็นเพียงคนรับใช้เท่านั้นไม่ใช่ผู้สืบเชื้อสายโดยตรงของดินแดนปิดผนึก
อย่างไรก็ตามเขายังคงพูดบางสิ่งบางอย่าง สือฮ่าวได้ยินสิ่งเหล่านี้เช่นกันเพราะเขาอยู่ในห้องโถงของพระราชวัง
“เมื่อถึงตอนนั้นจะเป็นเวลาพบค่ำ โลกจะถูกความมืดกลืนกินไม่มีใครสามารถรอดพ้นได้” ผู้อาวุโสขาเดียวกล่าวอย่างจริงจังใบหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
คำพูดเหล่านี้ทำให้ทุกคนที่อยู่ที่นี่รู้สึกกดดันจนยากที่จะสงบลง
“โลกอันมืดมิดที่เต็มไปด้วยเลือดนี่คือคำทำนายของอาจารย์ข้า” ผู้อาวุโสขาเดียวกล่าวพร้อมกับถอนหายใจ
เพราะตอนนั้นอาจารย์ของเขาบอกว่าแม้แต่พื้นที่ปิดผนึกของพวกเขาก็ยังอาจได้รับผลกระทบร้ายแรง
“มันเป็นแบบนี้ได้ยังไง? เราสามารถพูดคุยในเชิงลึกกว่านี้ได้ไหม” จินไท่จุนพยายามถาม ดวงตาที่แก่ชราของนางสั่นไหวพร้อมกับปลดปล่อยหมอกแห่งความโกลาหลออกมามากเป็นพิเศษ
“ดวงอาทิตย์บนสวรรค์จะชุ่มไปด้วยเลือดหลังจากที่มันมุ่งหน้าสู่ทิศตะวันตกมันจะไม่ปรากฏขึ้นอีกเลย” ผู้อาวุโสขาเดียวกล่าว.
นี่คือขอบเขตของสิ่งที่เขารู้คำบางคำที่เขารู้มาไม่สามารถกล่าวออกมาได้ด้วยคำสั่งของอาจารย์เขา
สิ่งนี้เป็นลางบอกเหตุอะไร? ผู้สูงสุดทุกคนที่อยู่ที่นี่ต่างเงียบงันไม่กล่าววาจา ในความเป็นจริงแล้วพวกเขาต่างทราบดีว่าเหตุการณ์ข้างหน้าจะมุ่งไปในทิศทางใด!
นี่คือความเข้าใจของพวกเขา ไม่มีทางที่ดวงอาทิตย์จะหายไปอย่างแท้จริง แต่ความมืดนั้นจะลงมาชั่วนิรันดร์เมื่อดวงอาทิตย์ปรากฏขึ้นมาอีกครั้งพวกเขาทั้งหมดจะไม่มีใครอยู่ถึงวันนั้นอย่างแน่นอน
ตอนนี้ไม่มีใครกล่าวอะไรออกมา พวกเขากำลังคิดและไตร่ตรองอย่างเงียบๆ เกิดเสียงถอนหายใจออกมาครั้งแล้วครั้งเล่าในระหว่างนี้
การพยายามสรุปสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตนั้นยากเกินไปมีอุปสรรคมากมายที่ขัดขวางการคำนวณของพวกเขา
จากนั้นผู้เชี่ยวชาญทุกคนก็ร่วมมือศึกษาหีบไม้ด้วยกันโดยหวังว่าจะหาทางเปิดมันออกมาได้ อย่างไรก็ตามพวกเขาเต็มไปด้วยความผิดหวังเพราะไม่สามารถทำสำเร็จ
“พวกเจ้าก็เข้ามาดูด้วย”
หีบไม้ถูกส่งออกไปตกอยู่ในมือของบุคคลที่มีชื่อเสียงบางคน เพื่อให้พวกเขาร่วมค้นคว้า
ในเวลาเดียวกันที่ด้านนอกกำแพงของเมืองจักรพรรดิ์ มีผู้สูงสุดหลายคนยืนอยู่ที่นั่น!
นอกเหนือจากนี้ยังมีผู้สูงสุดอีกมากมายยืนอยู่บนท้องฟ้า รัศมีของพวกเขาถูกปลดปล่อยออกมาอย่างน่ากลัว ไม่มีใครพูดอะไรออกมาสักคำ
นี่คือผู้ยิ่งใหญ่จากต่างมิติ พวกเขาไล่ตามเมิ่งเทียนเจิ้งมาถึงที่นี่แต่ไม่สามารถเข้าไปในเมืองได้ พวกเขาจึงดักรอสังหารสิ่งมีชีวิตจากเมืองจักรพรรดิ์
“ช่างน่าเสียดายที่มีเพียงเมิ่งเทียนเจิ้งคนเดียวเท่านั้นที่ออกจากเมืองมา” ใครคนหนึ่งกล่าวขึ้นน้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความเสียดาย
หลายวันมานี้พวกเขาซ่อนตัวอยู่ในถนนบางสายเพื่อซุ่มโจมตีผู้ยิ่งใหญ่ของเมืองจักรพรรดิ์ แต่ท้ายที่สุดพวกเขาก็ไม่ประสบผลไม่มีใครออกมาจากเมืองเลยตั้งแต่ที่เมิ่งเทียนเจิ้งกลับไป
หากพวกเขารู้ว่าสิ่งต่างๆจะเป็นเช่นนี้พวกเขาคงรวบรวมผู้สูงสุดทั้งหมดและโจมตีเมิ่งเทียนเจิ้งให้ตายไปในครั้งเดียว
คราวนี้พวกเขาเตรียมแผนการมากมายเพื่อใช้จัดการผู้คนจากเมืองจักรพรรดิ์ แต่น่าเสียดายที่มีเพียงเมิ่งเทียนเจิ้งคนเดียวเท่านั้นที่ออกจากเมืองมา
ในขณะเดียวกันสิ่งที่น่าประหลาดใจที่สุดก็คือห้าผู้สูงสุดที่รับผิดชอบในการสังหารเขากลับล้มเหลวซ้ำยังมีการสูญเสียไปหนึ่งคนอีกด้วย
สิ่งนี้ทำให้สิ่งมีชีวิตระดับผู้สูงสุดทุกคนรู้สึกเดือดดาลเป็นอย่างมาก!
“อย่ามีโทสะไปเลยสิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าพวกเขาหวาดกลัวเรา!” หนึ่งในนั้นกล่าวโดยสังเกตจากมุมมองที่แตกต่างออกไป
“ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดเมืองนี้จะถูกทำลายในไม่ช้า และไม่ต้องรอนานด้วย” ผู้สูงสุดอีกคนพยักหน้า
“บางทีอาจไม่ใช่ว่าพวกเขาขาดความกล้าหาญ แต่เมิ่งเทียนเจิ้งอาจมีความมั่นใจในตัวเองว่าสามารถหนีออกมาได้” อีกคนกล่าวว่า
“ไปเถอะสถานที่แห่งนี้จะกลายเป็นเมืองมรณะในไม่ช้า ไม่จำเป็นต้องเสียคำพูดไร้ความหมายอีกต่อไป เมื่อพวกเราทำลายกำแพงของพวกมันลงพวกมันจะต้องชดใช้!” ผู้สูงสุดคนหนึ่งกล่าวสรุป
ภายในเมืองจักรพรรดิด้านนอกของแท่นบูชาบรรพบุรุษ
ผู้ยิ่งใหญ่มากมายกำลังร่วมตรวจสอบหีบไม้ พวกเขารู้สึกหมดหนทางไม่สามารถค้นหาความลึกลับของมันได้
แต่ถึงจะอย่างนั้นพวกเขาก็ไม่ล้มเลิกความตั้งใจ
ทุกคนรู้ว่ามันเป็นสมบัติล้ำค่า ถึงจะทำอะไรไม่ได้แต่ขอแค่ได้ศึกษามากอีกสักหน่อยก็ยังดี?
“จะสร้างราชาอมตะได้จริงหรือ” จินไท่จุนถามผู้อาวุโสที่มีเท้าเดียวในห้องโถงของพระราชวัง นางเป็นคนที่มีความกระตือรือร้นมากที่สุดในบรรดาผู้สูงสุดทั้งหมด
“อาจารย์ของข้าบอกว่ามันมีความลับบางอย่างที่อาจทำให้คนผู้หนึ่งก้าวเข้าสู่การเป็นราชาอมตะได้” ผู้อาวุโสขาเดียวตอบกลับ
เห็นได้ชัดว่าสิ่งที่เรียกว่าความลับอันยิ่งใหญ่นั้นไม่เพียงแต่สามารถสร้างราชาอมตะได้ แต่ผลลัพธ์นี้อาจเป็นเพียงหนึ่งในความมหัศจรรย์ของมันเท่านั้น
แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่มีผู้ใดสามารถเปิดมันออก ทุกคนเต็มไปด้วยความสิ้นหวังเมื่อจ้องมองไปที่หีบไม้ใบนี้
หีบไม้ที่ถูกส่งกลับเข้าไปในพระราชวังมันถูกวางไว้ต่อหน้าผู้สูงสุดทั้งหลาย
พวกเขาพยายามสอบถามผู้อาวุโสขาเดียวถึงวิธีการเปิดหีบใบนี้
“ข้าขอยืนยันว่าอาจารย์ของข้าก็ไม่รู้วิธีเปิดมัน เขาเพียงได้ยินตำนานเกี่ยวกับมันเมื่อหลายล้านปีก่อน เขาจึงทำการค้นหามันมาโดยตลอดแต่ไม่เคยประสบผลสำเร็จ” ผู้เฒ่ากล่าว.
ราชันพื้นที่ปิดผนึกเคยได้ยินเรื่องราวเบาะแสของมันมาบางส่วนเท่านั้นเขาจึงทำการค้นหาอย่างเอาเป็นเอาตาย
ในความเป็นจริงเขาเล็งเห็นอยู่ก่อนแล้วว่าหีบใบนี้ไม่สามารถเปิดขึ้นได้เพราะมันถูกกล่าวไว้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาได้ยินเรื่องราวของมัน
“กรรมอันยิ่งใหญ่นี่เป็นสิ่งที่แม้แต่เจ้าแห่งดินแดนปิดผนึกก็ยังหวาดกลัวทำไมถึงเป็นเช่นนั้น? ทำไมท่านถึงไม่อธิบายให้ชัดเจนสักหน่อย” จินไท่จุนเริ่มไม่พอใจ
"ข้าไม่รู้." คราวนี้คำตอบของผู้อาวุโสขาเดียวนั้นเรียบง่ายมากเขาไม่กล่าวอะไรออกมาอีก ?
“เอาล่ะตอนนี้หีบไม้จะถูกทิ้งไว้ที่นี่ เจ้าออกไปได้แล้ว” จินไท่จุนพูดกับสือฮ่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
สือฮ่าวเต็มไปด้วยความไม่พอใจอย่างแน่นอน ก่อนหน้านี้ไม่ว่าจะเป็นจินไท่จุนหรือเซียนอมตะหวัง เมื่อเห็นเขาตกที่นั่งลำบากทั้งสองคนก็ไม่เคยมีความคิดที่จะออกไปช่วยเหลือ ทั้งที่พวกเขาก็เป็นผู้แข็งแกร่งไม่แพ้ผู้อาวุโสใหญ่
ยิ่งไปกว่านั้นเขายังถูกลิขิตให้กลายเป็นศัตรูกับทั้งสองคน
อย่างไรก็ตามตอนนี้เขาไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้มากนัก เขาต้องการให้ผู้คนในเมืองจักรพรรดิได้รับผลประโยชน์จากหีบไม้ใบนี้ เพื่อใช้ในการปกป้องเก้าวรรค์สิบพิภพ
สือฮ่าวไม่ได้กังวลว่าสองคนนี้จะทำอะไรต่อไป เขาเชื่อว่าหีบใบนี้ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะสามารถเปิดออกมาได้ในท้ายที่สุดหีบไม้ใบนี้ก็จะกลับมาสู่เขา
“ตระกูลไหนทรยศเรา” เมื่อสือฮ่าวลุกขึ้นเขาก็ยังคงสงสัย แม้กระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่สามารถหาหลักฐานออกมายืนยัน
เขาไม่รู้ว่าผู้อาวุโสใหญ่สังเกตเห็นอะไรหรือไม่
เมื่อเขากลับมาในครั้งนี้เขาไม่ได้ยินข่าวใดๆเกี่ยวกับการค้นหาคนทรยศ สือฮ่าวเริ่มสงสัยว่าผู้อาวุโสใหญ่และคนอื่นๆกำลังเคลื่อนไหวอยู่ในเงามืดรอโอกาสที่จะกวาดล้างตระกูลนั้น?