เล่ม 1 ตอนที่ 7: เหมืองแร่ร้าง
เล่ม 1 ตอนที่ 7: เหมืองแร่ร้าง
หลายคนเริ่มที่จะเก็บเลเวลด้วยการไล่ฆ่ามอนสเตอร์สองสามตัวภายในครั้งเดียวกัน พวกเขาทำแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า พอมอนสเตอร์เกิดมาใหม่ พวกมันก็โดนจัดการทันทีจนแทบจะไม่ทันได้เดินไปไหน
ผู้เล่นสำรองที่อยู่บนทุ่งหญ้าเริ่มเห็นว่าในป่ามีมอนสเตอร์ตัวใหม่ ๆ ปรากฏขึ้นมา ดังนั้นพวกเขาจึงรีบไปยังสถานที่แห่งนั้น แต่ทว่าพวกเขาก็ไม่สามารถต่อสู้กับมอนสเตอร์หัวม้าได้ แถมยังโดนมันฆ่าตายอีก จึงทำให้พวกเขาทยอยกลับไปเกิด ณ จุดเกิดที่หมู่บ้านโนวิซทีละคนสองคน เหลือเพียงไม่กี่ปาร์ตี้เท่านั้นที่สามารถรับมือกับพวกมันได้
ภายใต้แสงจันทร์แห่งคืนเดือนหงาย ผู้คนมากมายกำลังต่อสู้กับมอนสเตอร์อย่างไม่หยุดยั้ง จนถึงกระทั้งแสงแรกของอรุณสาดส่องเข้ามาทำลายความมืดมิดของป่าจนกลับมาสว่างเป็นปกติ
“ไอบ้าเอ้ย เกมเดสตินี่มันผิดปกติหรือเปล่าวะ? ทำไมใช้เวลาตั้ง 12 ชั่วโมงในการฆ่ามอนสเตอร์แล้วยังได้เลเวลไม่ถึงเลเวล 4 เลย ที่สำคัญยังมีแค่เหรียญทองแดงเท่านั้นที่ตกออกมา” หยางซ่งสบถออกมาด้วยอารมณ์หงุดหงิด
“ก็แกมัวแต่เสียเวลาบ่นนั่นบ่นนี่ตลอดทั้งคืน ทุกคนก็ได้ยินเหมือนกัน ถ้าหากว่าเกมเดสตินี่มันง่ายดายขนาดนั้น มันก็คงไม่ถูกเรียกว่าเดสตินี่อย่างแน่นอน” ในขณะที่ซัมมอนเนอร์กำลังต่อสู้อยู่กับมอนสเตอร์อยู่นั้น เขาก็บ่นหยางซ่งเป็นระยะ
“พวกเราถอยไปพักที่ที่เงียบสงบและไม่มีมอนสเตอร์ปรากฏขึ้นมาจะดีกว่า” วู่เฟิงโบกมือให้กับทุกคนขณะที่เขาฆ่ามอนสเตอร์ตัวสุดท้ายลงไปเสร็จสิ้น
พวกเขาได้ล่าถอยจนไปถึงที่ต้นไม้ใหญ่และนั่งอยู่ตรงนั้น นักฆ่านอนลงบนพื้นและพูดขึ้นว่า “วู่เฟิง เกมนี้มันไม่ง่ายเลย นี่ก็เป็นเวลานานมากกว่าหนึ่งปีแล้วที่ไม่มีผู้เล่นหลักคนใดสามารถไต่ขึ้นไปได้ถึงระดับที่ 3 ได้”
“แบบนี้มันก็ท้าทายดีไม่ใช่หรือ ?” วู่เฟิงตอบอย่างใจเย็น จากนั้นเขาก็หยิบเหรียญทองแดงที่มันตกออกมาจากตัวมอนสเตอร์พร้อมกับแจกจ่ายให้กับทุกคน จากนั้นเขาก็พูดว่า “มานัดหมายเวลาออนไลน์กันดีกว่า หลังจากที่ออฟไลน์ไปแล้ววันนี้ ฉันหวังว่าทุกคนจะไปพักผ่อนอย่างเต็มที่ เราจะเริ่มจากพรุ่งนี้ เวลา 6 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พวกเราจะออนไลน์กัน 18 ชั่วโมงเต็ม เราจะพักกินอาหารกลางวันและเย็นแค่ครั้งละ 30 นาทีเท่านั้น” วู่เฟิงจ้องไปที่มู่หรงกับหยางซ่ง “ยกเว้นพี่เทียนกับหยางซ่ง” จากนั้นทุก ๆ คนก็พยักหน้ากันอย่างเข้าใจ
“วู่เฟิง” มู่หรงเสี่ยวเทียนมองไปที่ช่องเงินของเขาในกระเป๋ามิติ เขามีเพียง 71 เหรียญเงินและ 80 เหรียญทองแดง เขาลังเลเล็กน้อยและถามกับวู่เฟิงว่า “นายพอจะมีรายละเอียดหรือช่องทางในการหาเงินภายในเกมเดสตินี่บ้างไหม ?”
“ในหมู่บ้านโนวิซนั้นมี 2 วิธีที่จะหาเงินได้ อย่างแรกคือฆ่ามอนสเตอร์ อย่างที่สองก็คือการขุดเหมือง นอกเหนือจากนี้ก็ไม่มีวิธีอื่นแล้ว” วู่เฟิงตอบกลับไป
“ขุดเหมือง ? ขุดได้ที่ไหนบ้าง ?” มู่หรงเสี่ยวเทียนถาม
“เดินไปในทางทิศตะวันออกของหมู่บ้านโนวิซประมาณ 2 ไมล์ มันจะมีเหมืองร้างตั้งอยู่ที่นั่น พี่ต้องซื้อจอบจากร้านขายเหล็กก่อน ถึงจะขุดเหมืองได้”
“โอ้วว ฉันขอตัวก่อนละกัน ฉันว่าจะไปขุดเหมือง” มู่หรงเสี่ยวเทียนโบกมือลาให้กับทุกคน
“พี่เทียน” เปียวซือลังเลเล็กน้อย “พี่จะรีบร้อนเกินไปรึเปล่า ? ทำไมพี่ไม่รอพวกเรากลับมาแล้วค่อยไปด้วยกัน กว่าจะถึงตอนนั้นพี่ก็พักผ่อนรอเวลาไปก่อน”
หลายคนพยักหน้าเห็นด้วย
“ขอบคุณนะ แต่ว่าไม่เป็นไรหรอก แค่นี้ฉันสบายมาก” มู่หรงเสี่ยวเทียนเหลือบมองทั้งสองสามคนด้วยสายตาขอบคุณ “ทุกคนรีบไปพักผ่อนเถอะ วางใจฉันได้”
“สวรรค์คุ้มครอง โชคดีนะพี่เทียน”
“เจอกันพรุ่งนี้นะพี่เทียน สวรรค์คุ้มครอง”
…………………………………..
เมื่อเห็นว่าพวกเขาค่อย ๆ หายไปทีละคน มู่หรงเสี่ยวเทียนก็รีบวิ่งกลับไปยังเมืองโนวิซอีกครั้ง
“ลมเย็น ๆ เรามาเล่น...... ลมเบา ๆ เดี๋ยวว่าวก็ติดลมมม” เขาร้องเพลงอย่างสบายใจไปตลอดทางขณะที่กำลังวิ่งกลับเมือง จากนั้นมู่หรงเสี่ยวเทียนก็ตรงเข้าไปในร้านขายเหล็ก “นี่ลุง จอบขุดเหมืองราคาเท่าไหร่ ?”
เจ้าของร้านขายเหล็กวางค้อนที่อยู่ในมือลงและลุกขึ้นมา ใบหน้าที่ดำคล้ำจากการถูกเปลวเพลิงแผดเผานั้นเด่นชัดอย่างมาก ทำให้เห็นถึงความเหนื่อยล้าที่เขามีมาหลายสิบปี
เขาเอื้อมมือหนา ๆ ที่แข็งกระด้างออกมาปาดเหงื่อบนใบหน้าและพูดขึ้นว่า “พ่อหนุ่ม เจ้าจะไปขุดแร่ในเหมืองงั้นหรือ ? ถ้าหากว่าเจ้าต้องการแบบนั้น ลุงก็จะขายให้เจ้าในราคางาม”
“ใช่ลุง ช่วยขายมันให้ผมในราคาย่อมเยาจะได้ไหม” มู่หรงเสี่ยวเทียนหยักหน้าและเริ่มต่อรอง
“ได้สิ” เจ้าของร้านเหล็กหยิบจอบขุดแร่ออกมาจากนั้นก็ส่งมันไปยังมู่หรงเสี่ยวเทียน “ปกติลุงขายอยู่ที่ 20 เหรียญเงิน แต่วันนี้ลุงจะขายให้เจ้า 15 เหรียญเงินก็แล้วกัน”
“ลุงไม่ได้หลอกผมใช่มั้ย ?” มู่หรงเสี่ยวเทียนลังเลอยู่สักพัก จากนั้นก็เอื้อมมือเข้าไปในกระเป๋าของตัวเองพร้อมกับหยิบเหรียญเงินออกมา 15 เหรียญเงินและส่งให้กับเจ้าของร้านขายเหล็ก
“พ่อหนุ่ม ลุงก็ไม่ได้อยากที่จะลดราคาหรอกนะ ถ้าหากไม่ได้เป็นเพราะว่ามีคนเข้าไปขุดเหมืองแร่น้อยลง ลุงเองก็คงจะไม่ขายให้เจ้าถูก ๆ แบบนี้” เจ้าของร้านหยิบเงินไปด้วยท่าทางที่ไม่พอใจเท่าไหร่
“เอาเถอะน่าลุง อย่าโกรธผมเลย ผมไม่ได้ตั้งใจจะต่อราคาแบบนั้นหรอกนะ” มู่หรงเสี่ยวเทียนเกาหัวตัวเอง จากนั้นก็โบกมืออีกครั้ง “ผมจะไปที่เหมืองร้างแล้ว ขอให้ขายดี ๆ นะลุง” เขารีบออกไปจากร้านขายเหล็กทันที
เขารีบวิ่งออกจากเมืองไปในอีกทิศทางหนึ่งซึ่งจากที่นั่นก็เป็นระยะทางที่ไกลมาก ตอนนั้นเขากำลังพบกับกำแพงของเหมืองที่ตั้งตระหง่านราวกับว่าเป็นภูเขา ปากทางเข้ามันรกร้างและเต็มไปด้วยวัชพืชและหญ้ามากมายปกคลุมอยู่ มีรถเข็นเก่า ๆ ของเหมืองสองสามคันตั้งอยู่ตรงหน้าทางเข้ากระจัดกระจาย
มู่หรงเสี่ยวเทียนเดินเข้าไปข้างใน แสงไฟเป็นประกายริบหรี่มาก บนผนังของเหมืองร้างนั้นเต็มไปด้วยตะเกียงน้ำมันที่ส่องสว่างเป็นระยะ ๆ มันถูกแขวนเอาไว้ในทุก ๆ สองถึงสามเมตร เปลวไฟของมันที่ต้องกับลมทำให้อุโมงค์ของเหมือนมีรูปร่างคล้ายกับเงาดำขนาดใหญ่ ยิ่งเดินเข้าไปมากเท่าไหร่มันก็ยิ่งมืดลงไปมากขึ้นเท่านั้น
“ทำไมมันเหมือนนรกอย่างนี้ ?” มู่หรงเสี่ยวเทียนขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาเดินเข้าไปหารถเข็นสีเหลืองของเหมืองร้างที่จอดเอาไว้ หลังจากผ่านทางโค้งของเหมืองเข้าไป เหมืองร้างขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นมาตรงหน้าของเขา ตะเกียงน้ำมัน 8 อันที่แขวนอยู่ตามส่วนต่าง ๆ ส่องสว่างมองให้เห็นพื้นที่อันกว้างขวางของเหมืองแห่งนี้ มีชายชราคนหนึ่งกำลังขุดแร่อยู่ตรงนั้นอย่างเชื่องช้า เสียงกระทบกันระหว่างพลั่วกับกำแพงหินได้ยินชัดเจนมากเมื่ออยู่ในที่ที่เงียบสงัดเช่นนี้
“ลุง ลุงที่กำลังขุดอยู่ตรงนั้น ผมขอมาขุดที่นี่ด้วยจะได้ไหม ?” มู่หรงเสี่ยวเทียนพูดออกไปขณะที่เขาเดินเข้าไปใกล้ชายชรา จากนั้นเขาหยิบพลั่วออกมาและเริ่มขุดมันลงไป
“อันที่จริง มันมีความลับมากมายซ่อนอยู่ภายใต้เหมืองร้างแห่งนี้” ชายชราเปล่งเสียงออกมาราวกับว่าเป็นเครื่องจักร
“ความลับอะไร ลุง ?” มู่หรงเสี่ยวเทียนถามขณะเอียงศีรษะไปมาโดยมือนั้นก็กำลังขุดลงไปยังกำแพงหินของเหมือง
“อันที่จริง มันมีความลับมากมายซ่อนอยู่ภายใต้เหมืองร้างแห่งนี้” เสียงของชายชราเหมือนเครื่องจักรแทบจะไม่ผิดเพี้ยน
“โอ้ว ลุง ลุงเป็น NPC ที่มีลักษณะเหมือนกับมนุษย์ใช่มั้ยเนี่ย ? ลุงไม่สามารถพูดอะไรอย่างอื่นได้อีกแล้วหรือ ?” มู่หรงเสี่ยวเทียนรู้สึกหดหู่เล็กน้อยขณะที่เขาเปล่งเสียงออกมา
“อันที่จริง มันมีความลับมากมายซ่อนอยู่ภายใต้เหมืองร้างแห่งนี้”
....................
“พระเจ้า” มู่หรงเสี่ยวเทียนสบถออกมาด้วยความเบื่อหน่าย เขาโยนพลั่วขุดเหมืองทิ้งไปอย่างบ้าคลั่ง “พระเจ้าโว้ย ทนไม่ไหวแล้ว ! ทำไมพระเจ้าต้องส่งชายแก่น่าเบื่อคนนี้มาทรมานใจผมด้วย !” อย่างไรก็ตามมันไม่มีใครอยู่ทีนี่เลยสักคน ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องใหญ่ที่เขาบ่นออกมาอย่างไม่สนใจอะไรเช่นนี้
“คิกคิก” เสียงหัวเราะเบา ๆ ดังมาจากด้านหลังของเขา
To be continued…