เล่ม 1 ตอนที่ 5: สาวน้อยขอทาน
เล่ม 1 ตอนที่ 5: สาวน้อยขอทาน
มู่หรงเสี่ยวเทียนถอดหมวกโฮโลแกรมของเขาออกและมองไปรอบ ๆ ภายในห้อง ภาพในเกมมันช่างแตกต่างจากโลกที่เขาอยู่อย่างสิ้นเชิง ฉากและภาพต่าง ๆ ในเกมเดสตินี่มันเหมือนจริงมากจนน่าแปลกใจ “เดสตินี่คือชีวิตจริง ๆ ใช่รึไม่ ? หรือว่าชีวิตในนั้นเป็นเพียงแค่ภาพลวงตา ?” มู่หรงเสี่ยวเทียนถอนหายใจออกมาอย่างลับ ๆ
ผู้คนมากมายในห้องก็ถอดหมวกโฮโลแกรมของพวกเขาออก จากนั้นด้านหน้าของโต๊ะทำงานแต่ละแถวก็มีเจ้าหน้าที่ของกลุ่มหนานเทียนกำลังรวบรวมข้อมูลของผู้เล่นอย่างเป็นระเบียบ
“พี่ มันดูสมจริงมากเลย มันเหมือนกับเรากำลังเดินทางไปยังสถานที่อื่น ที่ไม่ใช่ที่นี่” เมื่อเห็นมู่หรงเสี่ยวเทียนถอดหมวกโฮโลแกรมของเขาออก หยางซ่งก็ตะโกนขึ้นมาเสียงดัง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
มู่หรงเสี่ยวเทียนพยักหน้าอย่างเงียบ ๆ ในขณะนี้อารมณ์ของเขาไม่ค่อยจะดีมากนัก
“9561”
“ฉันอยู่ที่หมู่บ้านโนวิซ 56”
“9562”
“เจียวหยาง พริ้วไหวดุจสายน้ำ อยู่ที่หมู่บ้านโนวิซ 217”
จากการรอรับการลงทะเบียนของพนักงาน เสียงบอกชื่อของผู้เล่นก็ไล่เข้ามาเรื่อย ๆ จนใกล้จะถึงตาของเขา หัวใจของมู่หรงเสี่ยวเทียนเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะขึ้นมาอีกครั้ง เขาแอบสาปแช่งอยู่ภายในใจ ชื่อเล่นบ้าบออะไร แล้วทำไมต้องไปเกิดอยู่ที่หมู่บ้านโนวิซ 110 ด้วย !!
“9566”
“ตำรวจของประชาชน หมู่บ้านโนวิซ 110” หยางซ่งยืนขึ้นและตอบออกไปเสียงดัง จากนั้นเขาก็มองไปรอบ ๆ อย่างภาคภูมิใจ
“ตูม !” มู่หรงเสี่ยวเทียนรู้สึกสงสัย จากนั้นคิ้วบนหน้าผากของเขาก็ชนกันอีกครั้ง ไอ้สารเลวหยางซ่ง ใครบอกให้มันตั้งชื่อนี้กัน แล้วทำไมมันถึงต้องมาเกิดในเมืองโนวิซ 110 เหมือนกับฉันด้วย นี้ยังมาเป็นตำรวจอีก ?
“9567”
“โจร หมู่บ้านโนวิซ 110” มู่หรงเสี่ยวเทียนตอบออกไปอย่างช่วยไม่ได้ด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล
“ฮ่าฮ่าฮ่า” มีเสียงหัวเราะมากมายดังออกมาจากภายในล็อบบี้ แม้แต่พนักงานเองก็อดที่จะหัวเราะไม่ได้
“พี่โจร มีหมู่บ้านอีกตั้งมากมาย ? ทำไมต้องไปเกิดในหมู่บ้านโนวิซ 110 ที่เดียวกับ ตำรวจของประชาชนอย่างผมด้วย ฮ่าฮ่าฮ่า” หยางซ่งหัวเราะกลิ้งไปมาบนโซฟาของเขา
“อย่ามาเรียกฉันว่าโจรนะเว้ย” มู่หรงตะโกนใส่หยางซ่ง “นายสามารถเรียกฉันว่า เทียนไซ เสี่ยวเทียน หรืออะไรก็ได้ แต่ถ้าเรียกฉันว่าโจรอีก ฉันจะกระทืบนายให้ร่วงลงไปกองกับพื้นตอนนี้เลย !”
มู่หรงเสี่ยวเทียนพูดออกไปโดยไม่สนใจสายตาที่แปลกประหลาดของคนในล็อบบี้ เขาดูอับอายและอยากจะมุดแผนดินหนีตอนนี้ให้รู้แล้วรู้รอดไป จากนั้นเขาก็คว้าหมวกโฮโลแกรมขึ้นมาอย่างหัวเสียพร้อมกับสวมมันลงไปอย่างรวดเร็ว “เฮ้อ รีบ ๆ เข้าเกมเร็ว ๆ ดีกว่า อยู่ด้านนอกไปก็อับอายเปล่า ๆ” มู่หรงเสี่ยวเทียนคิดอย่างหดหู่
แสงสีขาววับวาบผ่านสายตาของเขาครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็มาปรากฏที่หมู่บ้านโนวิซ 110 มีผู้คนมากมายยืนอยู่ที่นั่นทำให้หมู่บ้านนั้นดูคึกคักและมีชีวิตชีวาอย่างมาก มันดูแออัดไปเล็กน้อย ขณะที่ผู้เล่นก็ยังเดินออกมาจากจุดกำเนิดของพวกเขาเป็นจำนวนมาก
ผู้เล่นส่วนใหญ่สวมใส่เสื้อผ้าและอุปกรณ์ที่ไม่มีคุณสมบัติพิเศษใด ๆ เหมือนกันทั้งหมด พวกเขาดูกระตือรือร้น วุ่นวาย และวิ่งไปมาทุกหนทุกแห่งอย่างตื่นตา
“มารู้จักตัวเองก่อนดีกว่า” มู่หรงเสี่ยวเทียนพึมพำกับตัวเอง จากนั้นเขาก็เปิดสเตตัสขึ้นมาด้วยท่าทางเขินอาย แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังสงบได้ภายในเวลาไม่นานมากนัก
ชื่อ: โจร
เลเวล: 0
อาชีพ: นักรบ
ความแข็งแกร่ง : 5
ความว่องไว: 5
ความฉลาด : 5
ความแข็งแกร่งทางกายภาพ: 5
พลังโจมตี : 50
ค่าความเร็วในการโจมตี : 50
พลังโจมตีเวทย์ : 50
พลังชีวิต : 50
การรับรู้: 0
โชคลาภ: 0
เสน่ห์: 1
ชื่อเสียง: 0
ทักษะ: ไม่มี
จำนวนฮีโร่: 0
จำนวนฮีโร่ที่สามารถนำมาใช้งานได้: 1
ตำแหน่ง: ทหารชั้นต่ำ
“นี่ผู้พัฒนาระบบ ไม่ได้มีอะไรผิดพลาดใช่ไหม ? ทำไมไม่ให้สกิลอะไรมาเลย ค่าโชคลาภก็ไม่มีให้กันบ้าง ? ชื่อเสียงก็ไม่มี ที่สำคัญทักษะก็ไม่มีอีกต่างหาก” มู่หรงเสี่ยวเทียนส่ายหัวไปมาด้วยความหดหู่ เมื่อคิดไปคิดมากว่าจะไปถึงจุดสูงสุดได้ คงจะลำบากไม่น้อย จากนั้นเขาก็ได้เปิดกระเป๋ามิติออกมา ในนั้นมันมีที่ว่างอยู่ทั้งหมด 24 ช่อง มีเพียงดาบไม้เก่า ๆ เล่มหนึ่ง และนอกจากนั้นก็มีเหรียญทองอีก 1 เหรียญ
“ทำไมผู้พัฒนาเกมเดสตินี่ถึงขี้เหนียวขนาดนี้ ? ให้เงินติดตัวฉันมาแค่ 1 ดอลล่าห์แค่นี้หนะหรือ” มู่หรงเสี่ยวเทียนบ่นออกมาด้วยความไม่พอใจ
เหรียญทองในเดสตินี่สามารถแลกเปลี่ยนเป็นเงินหยวนจริง ๆ ได้
1 เหรียญม่วง = 100 เหรียญทอง
100 เหรียญทอง = 10,000 เหรียญเงิน
10,000 เหรียญเงิน = 1,000,000 เหรียญทองแดง
1,000,000 เหรียญทองแดง = 100 หยวน
และเพื่อให้แน่ใจว่ามันจะมีความสมดุลกัน ดังนั้นฟังก์ชั่นการแลกเปลี่ยนนี้จะสามารถเปิดใช้งานได้อีกสองเดือนให้หลัง นับจากวันที่พวกเขาเริ่มเล่นเกม
“จะไปไหนก่อนดีล่ะทีนี้ ? หรือว่า.. ตามพวกนั้นไปก่อนก็แล้วกัน !” มู่หรงเสี่ยวเทียนมองไปรอบ ๆ และเห็นว่าคนส่วนใหญ่กำลังวิ่งออกไปด้านนอกของหมู่บ้าน เขาจึงเดินตามไปโดยไม่คิดอะไรมาก
ตรงถนนทางเข้า เขาก็ได้พบกับยามรักษาความปลอดภัยของหมู่บ้าน เช่นเดียวกันกับฉากตรงหน้านั้นผู้เล่นมากมายที่อยู่ด้านนอกกำลังใช้ดาบกระหน่ำตีไปที่กระต่ายกันพัลวัน
เมื่อใดก็ตามที่มอนเตอร์กระต่ายปรากฏตัวขึ้น ดาบไม้อย่างน้อยเจ็ดหรือแปดอันจะต้องตกกระทบลงไปบนร่างกายของมันทันที “พระเจ้า ทำไมมันโหดร้ายแบบนี้ ฉันสงสารกระต่ายพวกนี้จริง ๆ” มู่หรงเสี่ยวเทียนส่ายหัวและยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้
“พี่ชาย ฉันหิวมากเลย ได้โปรดให้เงินฉันหน่อยได้มั้ย ฉันไม่ได้กินอะไรมาหลายวันแล้ว” ตรงมุมของตรอกนั้น มีเด็กหญิงตัวเล็กคนหนึ่งสวมเสื้อผ้าเก่า ๆ ขาดวิ่น ร่างกายของเธอผอมโซอย่างมากนั่งอยู่ตรงนั้น สายตาอ้อนวอนของเธอตรงเข้ามาในตาของมู่หรงเสี่ยวเทียน
มู่หรงเสี่ยวเทียนตัวสั่นเทาเมื่อได้ยินเสียงนั้น เขาหันหน้ากลับไปมอง แววตาอ้อนวอนของเธอทำให้ฝีเท้าของเขาต้องหยุดชะงักลงทันที
ทำไมความสงสาร เห็นอกเห็นใจในเกมถึงเหมือนกับโลกแห่งความเป็นจริงเลยล่ะ ? มันเป็นสิ่งที่ระบบในเดสตินี่กำหนดเอาไว้งั้นหรือ ? จากนั้นความรู้สึกของมู่หรงเสี่ยวเทียนที่เก็บงำเอาไว้มานานหลายปีก็ได้พรั่งพรูออกมาจากหัวใจของเขา ความเจ็บปวดและโศกเศร้าที่ซ่อนอยู่ในส่วนที่ลึกที่สุดของหัวใจ ทำให้ความรู้สึกของเขาอ่อนไหวขึ้นมา
ถนนสีเทาที่ว่างเปล่า มีเพียงมู่หรงเสี่ยวเทียนในวัย 13 ปี ที่กำลังเดินอยู่ ฝีเท้าอันหนักหน่วงกระทบลงไปบนพื้นถนน ใบหน้าของเด็กชายที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะกำลังเต็มไปด้วยความเศร้าโศก กับความไม่ยุติธรรมของโลกใบนี้
แม่ของเขาจากไปด้วยโรคมะเร็งเมื่อตอนที่น้องชายของเขา เสี่ยวเฟิงได้ถือกำเนิดมา พ่อของเขาทำงานหนักเพื่อที่จะเลี้ยงดูเด็กน้อยทั้งสามคน บ้านของเขาพังลงไปจากความเลวร้ายของพายุ ชีวิตของพวกเขาลำบากอย่างแสนสาหัสก่อนที่สามเดือนหลังจากนั้นพ่อของเขาก็เสียชีวิตตามไปอีกคน ในช่วงเวลาสามเดือนมันเป็นเวลาที่มู่หรงเสี่ยวเทียนได้ลิ้มรสกับความรู้สึกที่ขมขื่นที่สุดในยามที่เขากำลังอ่อนแอ
เมื่อนึกถึงชายอ้วนคนหนึ่งที่เคยเป็นนายจ้างของพ่อของเขาก่อนตาย มันก็ทำให้เขารู้สึก ราวกับมีมีดที่แหลมคมกรีดลงมาตรงกลางใจเขาอย่างช้าๆ
“ฉันทำธุรกิจ ไม่ได้ทำการกุศล ออกไป อย่ามาเกะกะที่นี่ !”
สายลมได้พัดเอาหยดน้ำตาจากหางตาของเขาออกไป มันจึงทำให้เขาพบกับท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวที่กำลังส่องประกายระยิบระยับในวันที่มืดมนและสิ้นหวัง
มู่หรงเสี่ยวเทียนก้าวเดินอย่างต่อเนื่อง และเปิดประตูบ้านลง...
“พี่ครับ ผมหิวข้าว” มู่หรงเสี่ยวเทียนวัย 9 ขวบกำลังจ้องมองไปยังมู่เสี่ยวเฟิงวัย 6 ขวบน้องชายที่น่าสงสารของตัวเองซึ่งกำลังร้องไห้งอแงอยู่บนพื้น เรื่องราวทั้งหมดนี้มันทำให้มู่หรงเสี่ยวเทียนนั้นเจ็บปวดลงไปในสุดขั้วหัวใจอย่างรุนแรง
เขายืนอยู่ตรงนั้น มองไปที่เฟิ่งเอ๋อน้องสุดท้องที่ร้องไห้อยู่ ด้วยสายตาที่เจ็บปวด “พระเจ้า ช่วยทำให้ฉันเปลี่ยนโชคชะตาของตัวเองจะได้ไหม ?”
มันเป็นเวลานานมาก กว่าที่มู่หรงเสี่ยวเทียนจะดึงสติของตัวเองกลับมาจากภาพทรงจำในอดีต สายตาของเขาแสดงให้เห็นเพียงความอ่อนโยน ราวกับแสงของจันทร์ เขารีบหยิบเหรียญทองนั้นและมอบมันให้กับเด็กหญิงตัวน้อยและพูดอย่างหนักแน่นว่า “เด็กน้อย รับเหรียญทองนี่ไปนะ ตั้งแต่วันนี้พี่ชายคนนี้จะให้เงินแก่เจ้า ได้ชื้ออาหารกินทุก ๆ วัน” มู่หรงเสี่ยวเทียนวางเหรียญทองลงไปในมือของเด็กหญิงคนนั้น เขาหันหันออกมาและเช็ดคราบน้ำตาที่อยู่บนหน้าเบา ๆ
To be continued…